ทัวร์ขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อน 10 วันแบบช้าๆ บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส วงกลมทองคำ และชายฝั่งทางใต้

ในวันแรกของการขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง คุณจะมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกและรับรถเช่าของคุณซึ่งคุณจะใช้ในสิบวันถัดไป

จากสนามบิน คุณจะขับรถไปตามคาบสมุทรเรคยาเนสที่สวยงามเพื่อไปยังเมืองเรคยาวิก

การขับรถไปตามคาบสมุทรเรคยาเนสเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและจะทำให้คุณดื่มด่ำกับความงามอันขรุขระของประเทศไอซ์แลนด์ เมื่อคุณเริ่มต้นการเดินทางนี้ คุณจะได้รับการต้อนรับด้วยทิวทัศน์ชายฝั่งที่กว้างไกล หน้าผาขรุขระ และทุ่งลาวาที่กว้างใหญ่

ถนนสายนี้ทอดยาวผ่านภูมิประเทศที่ขัดแย้งกัน ซึ่งคุณสามารถมองเห็นกิจกรรมความร้อนใต้พิภพของประเทศไอซ์แลนด์ ภูมิประเทศอันน่าทึ่งของคาบสมุทรได้รับการเสริมด้วยหมู่บ้านชาวประมงที่มีเสน่ห์และบ้านเรือนสไตล์ไอซ์แลนด์ที่สวยแปลกตา ซึ่งทำให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตในท้องถิ่น

ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของไอซ์แลนด์คุณสามารถเลือกแวะที่บลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา

สปาแห่งนี้อยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มสปาความร้อนใต้พิภพบลูลากูนเข้าไปในแพ็คเกจ กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ

หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ และถ้าคุณมีเวลาเหลืออยู่ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่

ถ้าคุณไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปในเมืองหลวง คุณอาจจะใช้เวลาที่เหลือเที่ยวชมภูมิประเทศบนคาบสมุทรเรคยาเนสกันก่อนก็ได้ ซึ่งที่นี่มีลักษณะภูมิประเทศเหมือนกับบนดวงจันทร์ และทางทิศใต้ของสนามบินมีพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพกุนนูฮแวร์ให้ชม ซึ่งคุณจะได้เห็นบ่อโคลนเดือดปุดและน้ำพุร้อนหลากสีสัน

เมื่อคุณเดินทางไปถึงโรงแรมที่พักแล้ว คุณจะเลือกพักผ่อนนอนหลับให้หายเหนื่อยจากการเดินทางไกลและเตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ หรือจะออกไปสำรวจความมหัศจรรย์ของสถานที่ต่างๆ ในเมืองเรคยาวิกกันเลยก็ได้

ในวันที่สองของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองแพ็คเกจนี้ คุณจะมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) แผ่นดินที่ทอดตัวยาว 90 กิโลเมตรแห่งนี้มีสถานที่มหัศจรรย์ให้ชมมากมาย และเส้นทางขับรถของคุณก็เต็มไปด้วยความงดงามผ่านเขาสูงตระหง่าน ฟยอร์ดที่ยาวเหยียด และเนินเขาเตี้ยๆ เป็นลูกคลื่นมากมาย

เมื่อคุณเข้าสู่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส คุณจะได้เห็นโครงสร้างทางธรณีวิทยาหลากหลายรูปแบบ เช่นที่ปากปล่องภูเขาไฟเอลบอร์ก (Eldborg) และหน้าผาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่แกร์ดูเบิร์ก (Gerduberg) รวมถึงได้เห็นชีวิตในธรรมชาติของสัตว์นานาชนิดด้วย

คาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกทะเลจำนวนมาก และที่หาดอิทรี ทุงกา (Ytri Tunga) คุณอาจจะได้เห็นฝูงแมวน้ำ

จากนั้นคุณจะไปแวะที่หมู่บ้านชาวประมงอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) และเฮลล์นาร์ (Hellnar) ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งคุณสามารถแวะดื่มกาแฟ กินไอศกรีม หรือแพนเค้กสไตล์ไอซ์แลนด์ได้ตามร้านกาแฟในท้องถิ่น และเมื่อคุณเดินทางไปตามแนวชายฝั่งทะเลคุณก็จะได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนไปสิ้นสุดที่โลนตรังการ์ (Londrangar) ซึ่งเป็นหินบะซอลต์จากลาวาที่แข็งตัว และแม้ว่าที่นี่จะงดงามแต่ก็ยังไม่สะดุดตามากเท่ากับสไนล์เฟลล์โจกุล (Snaefellsjokull) ที่มีธารน้ำแข็งและภูเขาไฟปกคลุมที่บริเวณปลายคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

ธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์โจกุลตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเหมือนกัน ที่นี่โด่งดังมาจากการที่ถูกเลือกใช้เป็นฉากในนิยายของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) เรื่อง 'A Journey to the Centre of the Earth' 

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถเที่ยวตามรอยนักผจญภัยในนิยายเรื่องนี้ได้ แต่ในวันนี้คุณก็มีตัวเลือกเป็นทัวร์เที่ยวถ้ำอยู่เหมือนกัน ซึ่งจะพาคุณลงไปดูความแปลกประหลาดภายในอุโมงค์ลาวาใต้ดิน

แต่ถ้าคุณต้องการอยู่บนดินมากกว่า คุณก็สามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ดูวาฬจากโอลาปสวิค (Olafsvik) แทนได้ แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าที่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสจะมีวาฬออร์กา วาฬนำร่อง และวาฬสเปิร์มมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไอซ์แลนด์หรือเปล่า

หลังจากหมดเวลาของการผจญภัยในวันนี้แล้ว ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ายาวนานถึงดึกดื่นเนื่องจากเป็นช่วงที่มีพระอาทิตย์เที่ยงคืน คุณจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อพักผ่อนอย่างสบาย

ในวันที่สามของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองในฤดูร้อน คุณจะมีเวลาอีกวันในการสำรวจคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสที่แสนมหัศจรรย์ คุณจะขับรถผ่านชายฝั่งทางเหนือที่สวยงามของคาบสมุทรเพื่อสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในครั้งนี้

เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเป็นจำนวนมาก คุณจะได้ใช้เวลาผจญภัยที่นี่อีกหนึ่งวัน

คุณสามารถเริ่มต้นวันนี้ด้วยการมุ่งหน้าไปที่ฟาร์มบยาร์นาร์เฮิฟ์น (Bjarnarhofn) ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์ฉลามให้ชม

เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ชาวไอซ์แลนด์ชื่นชอบเมนูปลาฉลามกรีนแลนด์หมักเป็นอย่างมาก และที่นี่คุณจะได้เห็นวิธีการทำและได้ชิมรสด้วย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าเมนูนี้กลิ่นจะค่อนข้างแรง

นอกจากนี้คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ธรรมชาติมากมาย เช่น ช่องเขาเรยด์เฟลด์เจีย (Raudfeldsgja) ช่องเขาบนหน้าผาขนาดใหญ่ที่คุณสามารถปีนขึ้นไปจนถึงน้ำตกได้

อย่าลืมนำเสื้อผ้าและรองเท้ากันน้ำออกมาสวมใส่กันเปียกด้วย

นอกจากนี้คุณยังสามารถมองเห็นภูเขาคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) และน้ำตกคิร์กจูเฟลล์ฟอสส์ (Kirkjufellsfoss) คิร์กจูแฟลล์คือหนึ่งในภูเขาที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกับยอดแหลมของโบสถ์

สำหรับสถานที่ที่ผสมผสานทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างลงตัวคือหาดดยูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) ที่นี่คุณจะได้เห็นซากเศษโลหะขึ้นสนิมของเรืออับปางอยู่บนหาดที่เต็มไปด้วยกรวดสีดำสนิท และบนหาดยังมี "หินทดสอบพลัง" จำนวน 4 ก้อนที่ชาวประมงในสมัยโบราณเคยใช้วัดความแข็งแกร่งของพวกเขา

เมืองที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรแห่งนี้ชื่อว่าสติกกิชโฮลมูร์ (Stykkisholmur) ซึ่งเต็มไปด้วยตำนานพื้นบ้านและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ

จากบริเวณนี้คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ล่องเรือที่จะพาคุณไปยังฟยอร์ดเบรดาฟยอร์ดูร์ (Breidafjordur) ซึ่งไกด์จะจับหอยมาปรุงให้คุณรับประทานสดๆ ในรูปแบบของซูชิ และยังจะมีโอกาสได้เห็นวาฬ แมวน้ำ และนกทะเล รวมถึงนกพัฟฟินอีกด้วย

หลังจากดื่มด่ำกับสถานที่ต่างๆ บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสจนพอใจแล้ว คุณจะกลับไปที่โรงแรมเดิมอีกหนึ่งคืน

ในวันที่สี่ คุณจะได้สำรวจสถานที่ทางธรรมชาติบางแห่งของไอซ์แลนด์ตะวันตก รวมถึงน้ำตก น้ำพุร้อน และธารน้ำแข็ง

คุณจะได้มุ่งหน้าไปยังเส้นทางวงกลมทองคำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของไอซ์แลนด์ ทัวร์นี้เน้นไปอย่างช้าๆ ดังนั้นคุณจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดระหว่างทางได้

ไอซ์แลนด์ตะวันตกมีสถานที่สำคัญทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง โดยเป็นที่ตั้งของเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) น้ำพุร้อนที่มีอัตราการไหลสูงที่สุดในยุโรป และน้ำตกที่มีชื่อเสียง 2 แห่ง ได้แก่ น้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss)

เดลดาร์ทุงกุฮแวร์คือหนึ่งในบ่อน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และน้ำพุร้อนจากใต้พิภพก็ให้ความร้อนแก่เมืองใกล้เคียง

คุณสามารถเที่ยวชมฟยอร์ดฮวาลฟยอร์ดูร์ (Hvalfjordur) หรือจะไปเดินป่าเพื่อไปชมน้ำตกกลีมูร์ (Glymur) ที่สูงเป็นอันดับสองของประเทศก็ยังได้ น้ำตกกลีมูร์ไหลลงมาตามหุบเขาแคบๆ จากความสูงประมาณ 198 เมตร (650 ฟุต)

คุณสามารถเข้าถึงน้ำตกได้ด้วยเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม และมีบรรยากาศธรรมชาติอันเงียบสงบพร้อมทิวทัศน์อันตระการตา

ไอซ์แลนด์ตะวันตกยังมีสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจมากมาย เมืองบอร์การ์เนส (Borgarnes) ตั้งอยู่บนพื้นที่ริมฝั่งทะเลที่งดงามและมีพิพิธภัณฑ์เดอะเซ็ทเทิลเมนต์ (Settlement Center Museum) ให้เข้าชม

ในขณะที่เรย์คโฮลท์ (Reykholt) มีศูนย์วิจัยสนอร์ราสโทฟา (Snorrastofa Research Center) ซึ่งจัดแสดงเกี่ยวกับชีวประวัติและผลงานของสนอร์ริ สตูร์ลูซัน (Snorri Sturluson) คนในหมู่บ้านที่กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังจากผลงานการประพันธ์วรรณกรรมร้อยแก้วเอ็ดดา (Edda) ซึ่งเป็นตำราเกี่ยวกับเทพเจ้านอร์สโบราณ

เมื่อคุณจองแพ็คเกจขับรถเที่ยว คุณจะเห็นว่ามีทัวร์เสริมให้คุณเลือกไปเข้าร่วมในวันนี้ได้ 3 โปรแกรมด้วยกัน คุณสามารถเลือกมุ่งหน้าไปยังธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) อันยิ่งใหญ่แล้วนั่งรถมอนสเตอร์ทรัคขึ้นไปที่ด้านบนสุด เพื่อลงไปสำรวจอุโมงน้ำแข็งเทียมที่สร้างเอาไว้ให้สามารถลงไปชมด้านในของธารน้ำแข็ง

หากคุณยังไม่ได้ไปเที่ยวถ้ำที่สไนล์แฟลซเนส คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์เที่ยวถ้ำลาวาวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) ซึ่งเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์เข้าไปในทริปวันนี้ได้

แต่ถ้าคุณอยากผ่อนคลายความเมื่อยล้า ให้คุณเลือกเพิ่มบัตรเข้าใช้บริการสปาเครยมา (Krauma) ในวันนี้แทน ซึ่งน้ำที่นี่เป็นน้ำร้อนที่มาจากเดลตาร์ทุงกุแควร์ผสมกับน้ำเย็นที่มาจากธารน้ำแข็งที่เล็กที่สุดของไอซ์แลนด์จึงมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกำลังสบาย

ในช่วงท้ายวันคุณจะเดินทางไปยังโรงแรมที่พักที่อยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสบายสำหรับการออกเที่ยววงกลมทองคำที่อยู่ใกล้ๆ กันในวันพรุ่งนี้

ในวันที่ห้าของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง คุณจะได้เริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางวงกลมทองคำที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบที่สุดของประเทศ เส้นทางประกอบด้วย 3 จุด สวยงามไม่แพ้กัน

น้ำตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หรือที่แปลได้ว่า "น้ำตกทองคำ" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเส้นทาง "วงกลมทองคำ" ด้วย

น้ำตกนี้มีสองชั้นไหลทะลักลงสู่หุบเขาลึกที่ตัดผ่านวิวชนบท คุณสามารถชมน้ำตกและถ่ายรูปได้จากจุดชมวิวที่มีหลายแห่งรอบน้ำตก

เพียง 10 นาทีจากน้ำตกกุลล์ฟอสส์ คุณจะพบกับหุบเขาเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ (Geysir Geothermal Area) ที่ถูกตั้งชื่อตามน้ำพุร้อนไกเซอร์ต้นแบบของน้ำพุร้อนที่ปัจจุบันดับสนิทไม่พ่นน้ำให้เห็นอีกแล้ว

แต่จะได้เห็นน้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) แทน ซึ่งจะพ่นน้ำเดือดสูงขึ้นฟ้าถึง 20 เมตรในทุกๆ 5-10 นาที และในรอบบริเวณพื้นที่เฮยคาดาลูร์ยังมีน้ำพุร้อน ฟูมาโรล และช่องระบายไอน้ำร้อนกระจัดกระจายให้ชมอยู่มากมาย

ต่อมาคุณจะเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเชียน ซึ่งเมื่อแผ่นเปลือกโลกแยกตัวออกจากกัน ภูมิทัศน์ในบริเวณนี้ก็ถูกแบ่งแยกด้วย ทำให้เกิดเป็นหุบเหวที่สวยงามและน่ามหัศจรรย์

อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ยังเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกเพียงแห่งเดียวบนแผ่นดินใหญ่ของไอซ์แลนด์ด้วย โดยเมื่อราวปีค.ศ. 930 ชาวไอซ์แลนด์ได้มีการสร้างสภาขึ้นที่นี่ ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นสภาที่มีการดำเนินการมายาวนานที่สุดในโลกด้วย

หลังจากเพลิดเพลินกับสถานที่เหล่านี้แล้ว ก็ยังมีสถานที่อื่นอีกมากมายรอให้คุณไปเยี่ยมชม เช่น ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid) ที่มีความสวยงามจากสีที่ตัดกันระหว่างสีแดงเข้มของหินและสีฟ้าสดใสของน้ำ คุณสามารถไปเที่ยวโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพได้ด้วย และในบริเวณยังมีน้ำตกอีกหลายแห่งด้วย 

ในวันนี้คุณยังสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ที่อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ได้ด้วย ที่นั่นมีหุบเหวที่ชื่อซิลฟรา (Silfra) ซึ่งมีน้ำจากธารน้ำแข็งไหลเข้าไปเติมจนเต็ม และคุณสามารถลงไปดำน้ำตื้นเพื่อชมวิวที่น่าอัศจรรย์ระหว่างสองทวีปนี้ได้โดยใช้สน็อกเกิล ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมดำน้ำตื้นจะต้องไม่กลัวที่จะลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้

หรือคุณจะเลือกกลับไปที่ธารน้ำแข็งลางโจกุลเพื่อขี่สโนว์โมบิลอย่างสนุกสนานที่ด้านบนของธารน้ำแข็งก็ได้

หลังจากใช้เวลาเพลิดเพลินกับเส้นทางท่องเที่ยววงกลมทองคำอย่างเต็มที่แล้ว คุณจะกลับไปที่โรงแรมเดิมซึ่งอยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้

วันที่หกของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตนเองแพ็คเกจนี้ คุณจะเริ่มต้นการเดินทางสำรวจชายฝั่งทางใต้อันมหัศจรรย์เป็นเวลา 3 วัน

เมื่อคุณออกจากเส้นทางท่องเที่ยววงกลมทองคำ คุณจะพบว่าเส้นทางที่คุณกำลังขับรถนั้นเป็นเส้นทางเรียบมหาสมุทร และในวันที่อากาศปลอดโปร่งเมื่อมองออกไปด้านขวามือของคุณจะเห็นหมู่เกาะเวสต์แมน (Westman) ส่วนทางซ้ายจะเป็นภูเขาเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajokull) และธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Myrdalsjokull) ที่ค่อยๆ ปรากฏตัวให้เห็น

สถานที่แห่งแรกที่คุณจะแวะคือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) น้ำตกที่สวยงามแห่งนี้ไหลลงมาจากความสูง 60 เมตร และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่คุณสามารถเดินชมได้รอบตัวน้ำตก ทำให้มองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของชายฝั่งทางใต้และเหมาะกับการถ่ายภาพมาก

และในเมื่อคุณมีเวลาให้เพลิดเพลินกับสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ คุณอาจจะอยากเดินเท้าเข้าไปชมน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljufrabui) ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามแต่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาในบริเวณใกล้กันด้วย

ถัดมาคุณจะเห็นน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) น้ำตกนี้มีรูปร่างคลาสสิกมากกว่าสองแห่งแรก และสูงกว่า 60 เมตร แถมยังทรงพลังมากกว่าด้วย และจากการที่น้ำตกไหลลงมากระทบกับพื้นดินทำให้แถวนี้มีละอองน้ำปกคลุมไปทั่วและมักจะเกิดรุ้งกินน้ำเมื่อมีแสงแดดส่องด้วย

ต่อไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจริมชายฝั่งรอบๆ หมู่บ้านวิก (Vik) ที่นี่มีหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) หาดที่ทอดตัวยาวและเต็มไปด้วยความสวยงามแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี 

และมีโขดทะเลเรนิสแดรงการ์ (Reynisdrangar) ที่โผล่ขึ้นมาในทะเลใกล้ๆ กับชายฝั่งตรงบริเวณหน้าผาริมเขาเรย์นิสฟยาลล์ (Reynisfjall) ซึ่งตำนานพื้นบ้านโบราณบอกว่าเป็นโทรลล์สองตัวที่ตัวแข็งกลายเป็นหิน

ใกล้ๆ กันแถวริมฝั่งยังมีหินดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) ซึ่งมีชื่อเสียงเหมือนกัน หินนี้ยื่นออกจากหน้าผาและมีรูปทรงโค้งลงไปในมหาสมุทร ทำให้มีบรรยากาศงดงามและยังเหมาะสำหรับการดูนกด้วย

หน้าผาดิร์โฮลาเอย์เป็นหนนึ่งในสถานที่ที่คุณสามารถเข้าไปดูนกพัฟฟินบนบกได้ใกล้ๆ และยังอยู่ใกล้กับเมืองเรคยาวิกมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย

ในวันนี้คุณมีทัวร์เสริมให้เลือกได้หนึ่งถึงสองรายการ คุณสามารถไปเที่ยวชมผืนน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล (Solheimajokull) ที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Myrdalsjokull) และเพลิดเพลินกับกิจกรรมปีนธารน้ำแข็งที่ทั้งสนุกและตื่นเต้น

หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเลือกไปร่วมกับทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่อยู่สูงขึ้นไปอีกบนผืนน้ำแข็ง โดยทัวร์นี้จะพาคุณลงไปชมสถานที่รูปทรงสวยงามซึ่งตั้งอยู่บนตำแหน่งเหนือภูเขาไฟคัทลาพอดิบพอดี

ในช่วงท้ายของวันคุณจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พักของคุณในคืนนี้ ซึ่งอยู่บนชายฝั่งทางใต้

วันที่เจ็ดนี้ของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองแพ็คเกจนี้ คุณจะได้ไปเยือนสถานที่ยิ่งใหญ่สองแห่งในทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหลายๆ คนบอกว่าเป็นสถานที่ที่งดงามมากที่สุดในประเทศ โดยทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล​ (Vatnajokull)

ที่แรกคือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) เขตอนุรักษ์ที่สวยงามแปลกตาไปจากที่อื่นจนเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในบริเวณนี้ และที่นี่ยังเป็นสวรรค์สำหรับนักเดินป่าด้วยเพราะว่ามีเส้นทางเดินป่ามากมายซึ่งมีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันไปและพาคุณไปยังสถานที่ต่างๆ มากมาย

ภายในเขตอนุรักษ์ฯ มีทั้งทุ่งลาวา แม่น้ำ ป่าไม้ และผืนน้ำแข็งทางออกของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และมีน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ซึ่งล้อมรอบด้วยเสาหินบะซอลต์สีดำเป็นอีกหนึ่งจุดที่โด่งดังมากที่สุด

หากคุณต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางขุนเขา ให้คุณเลือกเพิ่มทัวร์ปีนกลาเซียร์ที่เขตอนุรักษ์สกัฟตาเฟลล์เข้าไปในทริปวันนี้ สำหรับทัวร์นี้ไกด์ที่มีใบอนุญาตจะพาคุณขึ้นไปบนผืนน้ำแข็ง ผ่านรอยแยกหุบเหวน้ำแข็งที่ลึก และคุณจะได้เห็นการก่อตัวของน้ำแข็งในรูปแบบที่น่าอัศจรรย์มากมาย และทิวทัศน์ที่น่าประทับใจของภูมิประเทศโดยรอบ

สถานที่แห่งถัดมาคือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ที่มีภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาแตกตัวออกมาจากธารน้ำแข็งและลอยเท้งเต้งอยู่ในทะเลสาบกว้างใหญ่ ทำให้เกิดเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งอาร์กติกที่งดงามเกินกว่าจะคาดคิด

และนอกจากความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังเป็นบ้านของแมวน้ำจำนวนมากและมีนกทะเลมากมายมาทำรังอยู่รอบทะเลสาบด้วย ถ้าคุณต้องการสัมผัสกับประสบการณ์เต็มอิ่มอย่างแท้จริงในการเที่ยวทะเลสาบโจกุลซาร์ลอน คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์ล่องเรือเข้าไปในทริปวันนี้ด้วย โดยมีให้เลือกทั้งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกที่พาคุณชื่นชมความงามของทะเลสาบอย่างช้าๆ และเรือยางสปีดโบ๊ท RIB

ติดกับทะเลสาบโจกุลซาร์ลอนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่ง นั่นก็คือหาดไดมอนด์ (Diamond Beach) หาดทรายสีดำที่ทอดตัวยาวตามแนวชายฝั่งแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายในการเดินทางของภูเขาน้ำแข็งจำนวนมากหลังจากที่พวกมันได้ออกสู่มหาสมุทร โดยก้อนน้ำแข็งเหล่านี้จะถูกพัดขึ้นไปกระจัดกระจายอยู่บนหาดและสะท้อนแสงเหมือนเพชรที่วาววับ

แม้ว่าคุณจะสามารถใช้เวลาในสถานที่เหล่านี้ได้ทั้งวันโดยมิรู้เบื่อ แต่คุณก็ยังสามารถไปทางตะวันออกได้อีกเพื่อไปยังภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn)

เวสตราฮอร์นมีความสวยงามสมบูรณ์แบบมากจนทำให้ช่างภาพมากมายต่างเดินทางมาโดยมีเป้าเหมายให้ได้ภาพของภูเขากับเงาที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำติดไม้ติดมือกลับไป

เมื่อคุณสำรวจวันนี้เสร็จแล้ว คุณจะได้เช็คอินเข้าที่พักของคุณในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้

วันที่แปดของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง 10 วันนี้ คุณจะขับรถจากคลอสตูร์กลับไปยังเรคยาวิก

วันนี้คุณจะมีเวลาเหลือเฟือในการแวะเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่คุณพลาดไปในวันก่อนหน้านี้ หรือกลับไปซ้ำในสถานที่ที่คุณโปรดปราน แต่ถ้าคุณจะรีบเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อไปเที่ยวในเมืองแทนก็ได้เช่นกัน

มีทัวร์เสริมที่คุณสามารถเพิ่มเข้าไปในทริปวันนี้ได้หนึ่งโปรแกรม ไอซ์แลนด์เป็นที่เดียวที่มีโถงแมกมาน้ำแข็งใต้ภูเขาไฟที่สงบนิ่งที่คุณสามารถลงไปชมได้ ซึ่งคุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ชมด้านในภูเขาไฟที่ธรีฮนูคาร์กีกูร์ (Thrihnukagigur) ในวันนี้ได้

เมื่อลิฟต์แบบเปิดพาดิ่งลงไปลึกประมาณ 120 เมตรเพื่อลงไปในถ้ำขนาดมหึมาที่บริเวณก้นภูเขาไฟในถ้ำขนาดมหึมา ผู้มาเยือนจะได้รับประสบการณ์ที่เหมือนอยู่นอกโลก พื้นที่ในถ้ำนั้นกว้างใหญ่ขนาดที่ใส่เทพีเสรีภาพได้สบายๆ

การเดินทางลงมาในถ้ำนี้ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต คุณจะได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันเงียบสงบ โดยมีหยดน้ำมาขัดจังหวะเป็นครั้งคราว

ที่ด้านล่าง คุณจะได้เห็นโถงภูเขาไฟซึ่งมีขนาดเท่าสนามฟุตบอล ห้องโถงนี้เผยให้เห็นแนวหินหลากสีที่มีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นหลักฐานของการปะทุของภูเขาไฟในอดีต

ภูเขาไฟธรีฮนูคาร์กีกูร์เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาของไอซ์แลนด์และการเดินทางสำรวจใจกลางโลกอันน่าจดจำ

หลังจากการผจญภัยมาทั้งวัน คุณจะมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองเรคยาวิก คุณอาจมีเวลาเพิ่มเติมในการสำรวจเมือง ขึ้นอยู่กับเวลาที่มาถึงของคุณ

เรคยาวิกเสนอประสบการณ์อันน่าหลงใหลมากมายให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลิน เริ่มต้นการสำรวจของคุณด้วยการเยี่ยมชมโบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยาอันโด่งดัง ซึ่งคุณสามารถขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมทิวทัศน์เมืองแบบพาโนรามา

ค้นพบประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานของไอซ์แลนด์ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ หรือดื่มด่ำไปกับงานศิลปะร่วมสมัยที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเรคยาวิก ดื่มด่ำกับอาหารท้องถิ่นที่ท่าเรือเรคยาวิกอันมีชีวิตชีวา ซึ่งคุณสามารถลิ้มรสอาหารทะเลที่จับมาสดๆ

นอกจากนี้ยังสามารถไปเดินเล่นที่ถนนเลยกาแวกูร์ (Laugavegur) ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งหลักในประเทศไอซ์แลนด์ที่เรียงรายไปด้วยร้านบูติก ร้านกาแฟ และสตรีทอาร์ต เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน สัมผัสประสบการณ์ชีวิตยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาของเรคยาวิก พร้อมด้วยบาร์ที่คึกคักและดนตรีสด

เมื่อคุณพร้อมที่จะพักผ่อนแล้ว คุณจะไปเช็คอินเข้าโรงแรมในใจกลางเมืองเพื่อนอนหลับสบายตลอดคืน

วันที่เก้าของทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองแพ็คเกจนี้ คุณสามารถเที่ยวได้อย่างอิสระในเรคยาวิก ซึ่งคุณมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากมายสำหรับวันนี้

คุณสามารถใช้มันเพื่อสำรวจเมืองได้ เรคยาวิกเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์และเป็นเมืองหลวง มีประชากรประมาณ 360,000 คน และเป็นเมืองหลวงที่อยู่เหนือสุดของโลก แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่ากับเมืองหลวงบางแห่ง แต่ก็มีความเป็นสากลมาก พร้อมด้วยฉากทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรือง

ถนนช้อปปิ้งสายหลักเลยกาแวกูร์มีร้านบูติก บาร์ และร้านอาหารมากมาย และมีสถานที่ทางสถาปัตยกรรมมากมาย เช่น โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์กยา (Hallgrimskirkja) และฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์ (Harpa Concert Hall) ให้สำรวจ

ที่โบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยา คุณสามารถตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งและขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของเมือง คุณสามารถสำรวจการตกแต่งภายในอันเงียบสงบ ชมคอนเสิร์ต หรือชื่นชมไปป์ออร์แกนอันน่าประทับใจได้

ที่ฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย เพลิดเพลินกับคอนเสิร์ตระดับโลก ตั้งแต่ดนตรีคลาสสิกไปจนถึงดนตรีร่วมสมัยในห้องโถงหลักอันงดงาม

สำรวจนิทรรศการศิลปะที่จัดแสดงความคิดสร้างสรรค์ของชาวไอซ์แลนด์ รับประทานอาหารที่ร้านอาหารมีสไตล์ หรือดื่มด่ำกับความงามทางสถาปัตยกรรมของสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีหอศิลป์ให้ค้นพบหรือไปแช่ตัวในสระว่ายน้ำท้องถิ่นแห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้

หากคุณต้องการผจญภัยกลางแจ้งต่อ คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ชมวาฬจากท่าเรือเก่าของเมืองได้

การเดินทางสามชั่วโมงนี้จะทำให้คุณมีโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการชมวาฬหลังค่อม วาฬมิงค์ โลมาปากขาว โลมาท่าเรือ นกพัฟฟิน และนกทะเลอื่นๆ

ตัวเลือกสุดท้ายเป็นทัวร์เฮลิคอปเตอร์ชมเมืองและธรรมชาติรอบๆ เมืองหลวง ซึ่งทัวร์นี้จะทำให้คุณได้เห็นวิวที่ยอดเยี่ยมจากด้านบนเมื่อคุณมองลงมายังแลนด์มาร์คของเรคยาวิก และคุณยังจะได้สัมผัสความตื่นเต้นเร้าใจของการบินโฉบไปมาบนท้องฟ้าด้วย

ในคืนสุดท้ายที่ไอซ์แลนด์นี้คุณจะพักอยู่ในเมืองเรคยาวิก

วันที่สิบของการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์โดยขับรถเที่ยวเองคือวันสุดท้ายของคุณในประเทศนี้ หวังว่าคุณจะมีความสุขกับการเดินทางและได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์ที่คุณจะจดจำตลอดไป

สำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงท้ายวันและเลือกไปสปาความร้อนใต้พิภพบลูลากูนในวันนี้ คุณจะได้พักผ่อนอย่างผ่อนคลายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบิน

สปาความร้อนใต้พิภพบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในขณะที่คุณอาบน้ำในน้ำอุ่นที่อุดมด้วยแร่ธาตุ และไตร่ตรองถึงการผจญภัยอันเหลือเชื่อที่คุณเพิ่งเกิดขึ้นในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง สปาความร้อนใต้พิภพแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศภูเขาไฟในประเทศไอซ์แลนด์ ถือเป็นสวรรค์แห่งความสงบและการฟื้นฟู

เมื่อคุณก้าวลงไปในน้ำสีฟ้าขุ่น ความเงียบสงบจะปกคลุมคุณ และน้ำอุ่นที่อุดมด้วยแร่ธาตุจะผ่อนคลายร่างกายและจิตวิญญาณของคุณ กล่าวกันว่าน้ำที่อุดมด้วยซิลิกามีคุณสมบัติในการบำบัดรักษา ไอน้ำที่ลอยขึ้นมาจากทะเลสาบสร้างบรรยากาศที่ลึกลับและเพิ่มเสน่ห์ให้กับสถานที่นี้

หากคุณมีเวลาว่างวันนี้ มีกิจกรรมให้ทำมากมายในเมืองเรคยาวิก

เริ่มต้นการสำรวจของคุณด้วยการเดินเล่นไปตามถนนที่มีเสน่ห์ของใจกลางเมือง ชื่นชมบ้านสีสันสดใสและร้านค้าที่มีเสน่ห์แปลกตา ค้นพบความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของโบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยา ซึ่งเป็นโบสถ์สูงตระหง่านที่มองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามา

ดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมไอซ์แลนด์ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติซึ่งจัดแสดงประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศ เยี่ยมชมฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์อันโดดเด่นเพื่อชมส่วนหน้าอาคารกระจกอันน่าทึ่งและการแสดงระดับโลก

ดื่มด่ำไปกับอาหารที่ร้านอาหารท้องถิ่น ลิ้มลองอาหารไอซ์แลนด์แบบดั้งเดิม เช่น ปลา เนื้อแกะ และปลาฉลามหมัก สำหรับผู้รักธรรมชาติ เริ่มต้นการผจญภัยชมปลาวาฬอันน่าตื่นเต้น

หากคุณมีเที่ยวบินกลับบ้านแต่เช้า ให้ตรงไปที่สนามบินเพื่อคืนรถเช่าของคุณ และเผื่อเวลาไว้สำหรับการเช็คอินและโหลดกระเป๋าด้วย