แพ็คเกจ 4 วัน เดินทางไปถ้ำน้ำแข็ง | โจกุลซาลอน ดูแสงเหนือ และท่องเที่ยวบนชายฝั่งทางใต้

ในวันที่สองคุณจะเดินทางไปตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้ ระหว่างทางจะได้เห็นสถานที่และภูมิประเทศที่หลากหลาย และที่สำคัญคุณจะได้หยุดแวะเที่ยวหลายแห่งด้วย สำหรับจุดแรกคือน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีม่านน้ำไหลตกลงจากหน้าผาที่มีความสูงกว่า 60 เมตร ทิวทัศน์บริเวณน้ำตกนี้มีความพิเศษตรงที่หน้าผามีความโค้งเว้าโอบอุ้มตัวน้ำตกเอาไว้ทำให้มีลักษณะแปลกตาไม่เหมือนที่ใด

ถัดมาบนเส้นทางนี้คุณจะได้ไปที่น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) ระหว่างทางคุณจะผ่านภูเขาไฟชื่อดังกระฉ่อนอย่างภูเขาไฟเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) และธารน้ำแข็งด้วย ซึ่งไกด์จะคอยชี้ให้คุณดู น้ำตกสโกกาฟอสส์มีความสูงใกล้เคียงกับน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ แต่มีขนาดกว้างกว่ามากและมีพลังแรงกว่าหลายเท่า หากวันที่คุณไปบังเอิญมีแสงแดดคุณก็จะได้เห็นละอองน้ำปกคลุมรุ้งกินน้ำหลายตัวเลยทีเดียว

จุดหมายปลายทางต่อไปคือหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งเป็นหาดที่กินบริเวณยาวจนแทบไม่น่าเชื่อ หาดแห่งนี้มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจมาก และยังมีหินโค้งดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) ทอดตัวอยู่ในมหาสมุทรนอกชายฝั่งทำให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่น่าอัศจรรย์เมื่อมองออกไปในทะเลไกลโพ้น แต่อย่างไรก็ตามภูมิประเทศบนชายหาดก็ยังมีความน่าสนใจมากกว่าอยู่ดี เพราะบริเวณนี้มีเสาหินบะซอลต์รูปทรงหกเหลี่ยมเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ไฮไลต์ของจุดนี้ยังรวมถึงหินเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่ตั้งตระหง่านโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทะเลที่มีคลื่นลมรุนแรงด้วย

หลังจากแวะพักกันเล็กน้อยที่หมู่บ้านวิก (Vík) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน คุณจะเดินทางต่อไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) อันเป็นที่สุดแห่งความมหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ ซึ่งแตกตัวออกมาจากกลาเซียทังก์และค่อยๆ ลอยตัวมาตามกระแสน้ำในทะเลสาบเพื่อเดินทางออกสู่ทะเล การได้มาที่นี่ถือเป็นประสบการณ์ที่คุณจะประทับใจไม่รู้ลืม และในบริเวณทะเลสาบยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของแมวน้ำน่ารักๆ จำนวนมากด้วย

ก่อนกลับเข้าที่พัก คุณจะได้ไปที่หาดไดมอนด์บีชอีกหนึ่งแห่ง หาดนี้เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งที่ถูกน้ำพัดขึ้นมาเกยบนฝั่งเมื่อตอนที่ภูเขาน้ำแข็งจากทะเลสาบเดินทางออกสู่มหาสมุทรกว้างใหญ่ และยามที่พวกมันมาอยู่บนหาดทรายสีดำ ก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นจะสะท้อนกับแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ ทำให้ชายหาดแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าหาดไดมอนด์ หรือหาดเพชร

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนที่โรงแรมคันทรีในบริเวณใกล้ๆ กับหาด

วันที่สามคุณจะเดินทางไปยังสถานที่ไฮไลต์ของทริปนี้ ซึ่งก็คือถ้ำน้ำแข็งที่วัทนาโจกุล (Vatnajökull) ถ้ำเหล่านี้จะอยู่ที่บริเวณส่วนปลายสุดของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และคุณจะได้เข้าไปในถ้ำที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ถ้ำน้ำแข็งไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ และมีอยู่แค่เพียงไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้น และการที่ถ้ำน้ำแข็งจะเปิดให้เข้าชมได้นั้นต้องตรวจสอบแล้วว่าถ้ำมีสภาวะที่เหมาะสมจริงๆ ด้วย ดังนั้นโอกาสแบบนี้แทบจะเรียกว่ามีแค่หนเดียวในชีวิตเท่านั้น

เมื่อไปถึงธารน้ำแข็งคุณจะขึ้นรถซุปเปอร์จี๊ปซึ่งจะพาคุณไต่ธารน้ำแข็งขึ้นไปยังบริเวณที่ถ้ำซ่อนตัวอยู่ จากนั้นคุณจะแต่งกายด้วยการสวมใส่รองเท้าตะปูและหมวกกันน็อกเพื่อความปลอดภัยและฟังไกด์แนะนำถึงวิธีการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่ในถ้ำ เมื่อพร้อมแล้วจึงค่อยเดินทางเข้าไปสำรวจสถานที่เหนือจินตนาการที่เรียกว่าถ้ำน้ำแข็ง

ทั้งรูปทรงและสีสันอันสดใสของนำ้แข็งที่ก่อตัวขึ้นนั้นจะทำให้คุณตะลึงจนแทบจะลืมหายใจ และเมื่อคุณเดินไปตามโถงและทางเดินต่างๆ คุณจะเกิดความสงสัยว่าธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าไกด์ของคุณมีคำตอบในเรื่องเหล่านี้ คุณจะใช้เวลาอย่างน้อย 45 นาทีในถ้ำน้ำแข็งเพื่อดื่มด่ำกับความงดงามและถ่ายภาพบรรยากาศ

จากนั้นคุณจะกลับไปที่รถตู้และเริ่มออกเดินทางยาวๆ ไปบนเส้นทางอันสวยงามเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังเรคยาวิก คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในเมืองเรคยาวิก

วันที่สี่นี้เป็นวันที่คุณจะเดินทางออกจากไอซ์แลนด์ ดังนั้นคุณจะมีเวลาเหลือให้ทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกจนกว่าจะถึงเวลาที่คุณต้องเดินทางไปสนามบิน หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงกลางคืน คุณจะมีเวลาเหลือเฟือในการเที่ยวในเมืองหลวงแห่งนี้ ซึ่งก็มีสถานที่เที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ หรือไปชมวิวที่โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja) 

สำหรับการเดินทางไปสนามบินเคฟลาวิกนั้น คุณจะได้รับตั๋วรถบัสที่ทางทีมงานจัดเตรียมไว้ให้ล่วงหน้า  และระหว่างที่คุณเดินทางกลับบ้านนั้น เชื่อเถิดว่าคุณจะต้องรู้สึกปลื้มปลิ่มกับความสวยงามและความมหัศจรรย์ต่างๆ ของธรรมชาติที่ไอซ์แลนด์ที่คุณได้ไปเห็นมากับตาตัวเองอย่างแน่นอน