ทริปมหากาพย์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อนด้วยตัวเอง 3 สัปดาห์
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
สำรวจทุกซอกทุกมุมของไอซ์แลนด์อย่างละเอียดกับทริปการเดินทางท่องเที่ยวครั้งหนึ่งในชีวิตกับโร้ดทริปขับรถเที่ยวเองระยะเวลา 3 สัปดาห์ ทริปนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีทริปเดินทางท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่งดงามและสัมผัสกิจกรรมผจญภัยที่สนุกตื่นเต้นเร้าใจในแบบที่คุณจะไม่มีวันลืมเลือนและไม่ต้องลงมือเตรียมตัวจัดทริปเองด้วย เพียงเดินทางมาพร้อมกับความพลังในการเที่ยวก็พร้อมลุยได้เลย
นักท่องเที่ยวส่วนมากที่มาไอซ์แลนด์ต้องเที่ยวอย่างเร่งรีบเนื่องจากมีพื้นที่ให้เดินทางไปชมมากมายแต่เวลามีจำกัด ดังนั้นในหนึ่งวันพวกเขาต้องทำเวลาเพื่อไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด ทำให้ได้เห็นแต่ละแห่งเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่คุณจะไม่มีปัญหานี้ถ้าหากคุณจองทัวร์ขับรถเที่ยวเองแพ็คเกจนี้
คุณสามารถดื่มด่ำกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมายบนถนนวงแหวน ชื่นชมกับบรรยากาศภายในพื้นที่ไฮแลนด์อันงดงาม สัมผัสดินแดนฟยอร์ดทางตะวันตกอันเก่าแก่ และท่องเที่ยวไปบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสอันน่ามหัศจรรย์ได้อย่างที่ใจต้องการ โดยที่ยังมีเวลาเหลืออีกมากสำหรับการเที่ยวในเมืองเรคยาวิกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแปลกตาและยังเปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์
แต่ถ้าคุณต้องการใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทินก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะคุณสามารถปรับแต่งทัวร์ขับรถเที่ยวเองแพ็คเกจนี้ให้สอดคล้องกับความต้องการของคุณได้อย่างเต็มที่ โดยคุณจะได้รายละเอียดแผนการเดินทางหลังจากที่คุณทำการจองทัวร์นี้ และเมื่อคุณสตาร์ทรถออกเดินทางคุณจะสามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจะไปเยือนได้ตามใจไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหรือที่เที่ยวลับที่มีอยู่มากมาย
หากคุณเป็นคนรักสัตว์ คุณอาจจะใช้เวลาในทริปนี้ไปกับการออกสำรวจชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ในไอซ์แลนด์อย่างเช่นนกพัฟฟินและปลาวาฬก็ได้เช่นกัน หรือถ้าคุณอินกับประวัติศาสตร์และตำนานพื้นบ้าน คุณจะต้องประทับใจกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานแต่โบร่ำโบราณ แต่ถ้าคุณอยากมาไอซ์แลนด์เพื่ออาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนที่ได้จากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ ที่นี่ก็มีทั้งสระน้ำ น้ำพุร้อน และสปาอยู่ทั่วประเทศ
สิ่งที่คุณต้องปฏิบัติตามในขณะเดินทางมีเพียงอย่างเดียวคือคุณต้องไปเช็คอินที่โรงแรมของคุณในทุกๆ เย็น และไปพบกับไกด์นำเที่ยวให้ตรงเวลาสำหรับกิจกรรมเสริมที่คุณเลือกเพิ่มเข้าไปในทริปเมื่อทำการจองทัวร์ขับรถ
กิจกรรมผจญภัยที่สนุกสนานตื่นเต้นในทริปนี้มีให้คุณเลือกมากมายและหลากหลาย ผู้ที่ใจกล้าบ้าพลังไม่กลัวเหน็ดเหนื่อยสามารถสนุกกับกิจกรรม อาทิ พายคายัก ดำน้ำด้วยสน็อกเกิล ปีนธารน้ำแข็ง และขี่สโนว์โมบิล ในขณะที่ทัวร์ง่ายๆ อย่างเช่น ทัวร์ชมสถานที่ ทัวร์ดูวาฬ และทัวร์ขี่ม้านั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากสนุกแต่ไม่อยากเหนื่อยมากนัก
ทัวร์เหล่านี้จะมีการจัดเตรียมให้คุณล่วงหน้าก่อนที่คุณจะเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ เช่นเดียวกับรถเช่าและโรงแรมทั้งหมดในทริปของคุณ ดังนั้น การที่คุณจองทัวร์ขับรถนี้ คุณจะไม่ต้องมานั่งวุ่นวายและปวดหัวกับปัญหาในจัดเตรียมสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยตัวเองเลย แถมคุณยังจะได้แผนเที่ยววันหยุดที่สมบูรณ์แบบด้วย
ข้อดีอีกอย่างของการจองทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อนด้วยตัวเองแพ็คเกจนี้คือคุณจะได้เดินทางภายใต้แสงสว่างของพระอาทิตย์เที่ยงคืน เพราะว่าตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ในบริเวณขั้วโลกของไอซ์แลนด์จะทำให้ท้องฟ้าของไอซ์แลนด์ไม่เคยมืดสนิทในช่วงตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งคุณจะได้ประโยชน์เพราะสามารถออกเดินทางได้เช้าขึ้นและเที่ยวได้จนดึกดื่นแค่ไหนก็ได้
อย่าพลาดโร้ดทริป 3 สัปดาห์แพ็คเกจนี้ที่จะพาคุณไปสำรวจทุกซอกทุกมุมของดินแดนมหัศจรรย์แห่งน้ำแข็งและไฟ คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยระบุวันที่ที่ต้องการเดินทาง
รวมอยู่ด้วย
จุดหมายปลายทาง
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
Small car
Medium car
Premium car
Large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
- More
ยินดีต้อนรับสู่ไอซ์แลนด์! โร้ดทริป 3 สัปดาห์รอบเกาะของคุณจะเริ่มขึ้นเกือบจะทันทีที่ล้อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ของสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก หลังจากคุณลงเครื่องและผ่านด่านศุลกากรในสนามบินแล้ว คุณจะพบว่ารถเช่าของคุณ พร้อมด้วยสิ่งมหัศจรรย์มากมายกำลังรอคุณอยู่
ระหว่างทางไปยังเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ คุณสามารถเลือกแวะที่บลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่
เมืองหลวงของไอซ์แลนด์มีทุกอย่างพร้อมต้อนรับทุกคน ทั้งแกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ ร้านอาหาร บาร์ และการแสดงดนตรี ส่วนเรคยาเนสจะต้อนรับคุณด้วยธรรมชาติสวยๆ ของไอซ์แลนด์ ภูเขาไฟ ทะเลสาบ พื้นที่น้ำพุร้อน และทุ่งลาวาที่เหมือนกับอยู่บนโลกพระจันทร์
คืนแรกนี้คุณจะพักที่โรงแรมในเมืองหลวง
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 2 - เรคยาวิก
วันที่ 2 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
วันที่สองของทริปซัมเมอร์มหากาพย์สามสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ คุณจะเที่ยวอยู่ในเรคยาวิกกันก่อน เพื่อให้คุณได้มีเวลาพักผ่อนและเตรียมความพร้อมสำหรับโร้ดทริประยะยาว อย่างไรก็ตาม ทริปนี้เป็นการขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง ดังนั้นหากคุณอยากไปสัมผัสกับธรรมชาติในวันนี้เลย คุณก็สามารถทำได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ มากมายที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่มาก เพียงขับรถไม่ถึงชั่วโมงคุณก็จะได้เห็นแล้ว
สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับน้ำพุร้อนของไอซ์แลนด์ คุณสามารถเดินทางไปที่หุบเขาเรคยาดาลูร์ (Reykjadalur) ที่นั่นมีแม่น้ำที่ได้รับความร้อนจากพลังงานธรรมชาติให้คุณได้ลงไปแช่ตัวเพื่อผ่อนคลาย ผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าก็สามารถไปเทรกกิ้งขึ้นเขาเอสยัน (Esjan) ซึ่งเป็นภูเขายอดราบได้ จากบนนั้นคุณสามารถมองเห็นวิวของเมืองหลวงได้อย่างชัดเจน หรือคุณจะไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ บนคาบสมุทรเรคยาเนสในวันนี้ก็ได้ หากเมื่อวานคุณยังไม่มีโอกาสได้เห็น
หากคุณเลือกที่จะเที่ยวอยู่ในเมืองหลวงก็มีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย แค่ออกไปเดินเล่นตามถนนคุณก็จะได้เห็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม สตรีทอาร์ตที่สะดุดตา รวมถึงวิวธรรมชาติ และเกือบจะทุกมุมเมืองมีพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ที่จัดแสดงผลงานของศิลปินมากความสามารถ ตลอดจนมีสระว่ายน้ำให้คุณได้ไปผ่อนคลายและพบปะกับชาวไอซ์แลนด์ด้วย
สำหรับผู้ที่อยากทำกิจกรรมที่ตื่นเต้นหน่อย ในวันนี้ก็มีทัวร์เฮลิคอปเตอร์ที่พาคุณบินชมเมืองเรคยาวิกและบริเวณโดยรอบ ทริปที่น่าตื่นเต้นนี้รวมการพาไปลงจอดบนภูเขาที่มีวิวสวยๆ นอกเมืองด้วย และการนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมเมืองจะทำให้คุณได้เห็นว่าหลังคาบ้านเรือนของชาวไอซ์แลนด์นั้นเต็มไปด้วยสีสันที่สดใสและยังจะได้ชมแลนด์มาร์คจากมุมสูงด้วย ซึ่งมีทั้งความแตกต่างหลากหลาย และบางแห่งก็เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่เวิ้งว้างว่างเปล่า
ในวันนี้คุณยังสามารถแวะไปชิมอาหารในร้านอาหารชื่อดังของเมือง แล้วไปแฮงค์เอาท์กันต่อตามบาร์ต่างๆ เพื่อฟังดนตรีเล่นสดก่อนจะกลับเข้าที่พักด้วยก็ได้ แต่อย่าจัดเต็มเกินไปนักเพราะทริปเดินทางเที่ยวไอซ์แลนด์ของจริงกำลังจะเริ่มในวันพรุ่งนี้แล้ว
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 3 - สไนล์แฟลซเนส
วันที่ 3 - สไนล์แฟลซเนส
- สไนล์แฟลซเนส
- More
- โบสถ์และฟาร์มที่บอร์กา มิรุม
- น้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์และน้ำตกบาร์นาฟอสส์
- แหล่งประวัติศาสตร์เรคโฮลท์
- น้ำพุร้อนเดลตาร์ตุงกูแวร์
- More
วันนี้คุณจะเดินทางออกจากเรคยาวิกเพื่อเริ่มต้นการสำรวจทุกซอกทุกมุมของประเทศไอซ์แลนด์ โดยเริ่มจากการไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในทางตะวันตกก่อน ภูมิภาคนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ท้าทาย
จากเรคยาวิก คุณจะขับรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านภูมิประเทศตามเขตชนบทก่อนที่จะไปถึงฟยอร์ดควาลฟยอร์ดูร์ (Hvalfjordur) ที่นี่จะมีอุโมงค์ลอดใต้น้ำ คุณสามารถใช้เส้นทางนี้ได้เพื่อย่นระยะทางในการเดินทางแทนการใช้ถนนปกติที่จะพาวนอ้อมหน่อย แต่หากคุณเลือกวิ่งบนถนนคุณก็จะได้เห็นวิวสวยๆ และอาจจะไปแวะจอดรถเพื่อลงไปเดินป่าที่น้ำตกกลีมูร์ (Glymur) น้ำตกที่สูงเป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ด้วยก็ได้
ไม่ว่าคุณจะเลือกเดินทางข้ามฟยอร์ดด้วยวิธีไหน สุดท้ายคุณก็จะไปถึงบอร์การ์เนส (Borgarnes) เมืองชายฝั่งที่สวยงามเหมือนๆ กัน เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์ (The Settlement Centre) ให้ชมด้วย คุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่มของไอซ์แลนด์ตั้งแต่ที่เริ่มค้นพบดินแดนไปจนถึงการก่อตั้งสภาแห่งแรก รวมถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานซากาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศ
ถัดมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของวันนี้ น้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) ซึ่งมีความงามแตกต่างกันไป น้ำตกเฮินฟอซซาร์นั้นมีน้ำไหลระรวยรินผ่านลาวาราบเรียบและล้อมรอบด้วยต้นเบิร์ช ในขณะที่สายน้ำเชี่ยวเกรี้ยวกราดของน้ำตกบาร์นาฟอสส์ไหลผ่านหุบเขาแคบแห้งแล้ง ถึงจะต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่น้ำตกสองแห่งนี้อยู่ใกล้กันมาก
หมู่บ้านเรค์คอร์ค (Reykholt) ที่อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกสองแห่งนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เพราะเคยเป็นบ้านของสนอร์รี สตูร์ลูซัน (Snorri Sturluson) นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคกลางเจ้าของตำรานอร์สโบราณเอ็ดดา (Edda) และยังเป็นผู้มีบทบาทน่าทึ่งในสงครามกลางเมืองของไอซ์แลนด์ด้วย
สถานที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของทางตะวันตกคือเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) น้ำพุร้อนที่มีอัตราการไหลของน้ำสูงที่สุดในยุโรป ซึ่งนอกจากจะแสดงถึงพลังของภูเขาไฟของไอซ์แลนด์แล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งที่มาของน้ำร้อนที่สปาเครยมา สปาพลังงานความร้อนใต้พิภพที่หรูหรามากที่สุดอีกหนึ่งแห่งของไอซ์แลนด์ด้วย หากคุณต้องการไปผ่อนคลายแช่น้ำร้อนที่นี่ คุณสามารถเลือกเพิ่มบัตรเข้าสปาเครยมาได้ในขณะที่คุณทำการจองทัวร์ขับรถ
ในวันนี้คุณมีตัวเลือกทัวร์เสริมอยู่ 2 โปรแกรม อันแรกเป็นทัวร์เที่ยวถ้ำวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) อุโมงค์คดเคี้ยวสวยงามใต้ทุ่งลาวา ภายในโลกใต้ดินที่นี่ คุณจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่ามหัศจรรย์ซึ่งเป็นผลจากการปะทุของภูเขาไฟและสีสันบนหินที่สดใสอย่างไม่น่าเชื่อ
อันที่สองเป็นทัวร์เที่ยวอุโมงค์น้ำแข็งในธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) ที่โด่งดังไปทั่วโลก เนื่องจากเป็นอุโมง์ในธารน้ำแข็งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพียงแห่งเดียวในโลก คุณจะนั่งซูเปอร์จี๊ปไต่ทางลาดชันที่เป็นประกายระยิบระยับเพื่อขึ้นไปที่ด้านบนของของผืนน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ ซึ่งวิวที่ได้เห็นนั้นงดงามตระการตามาก จากนั้นเมื่อขึ้นไปถึง คุณจะได้รับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่จำเป็นทั้งหมดในการปีนธารน้ำแข็งมาสวมใส่และออกสำรวจไปตามทางเดินและโพรงบนผืนน้ำแข็ง
เมื่อสิ้นสุดวันคุณจะมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) โดยคุณจะพักค้างคืนที่นี่ก่อนแล้วค่อยออกไปสำรวจคาบสมุทรแห่งนี้ในวันรุ่งขึ้น
ที่พัก
วันที่ 4 - สไนล์แฟลซเนส
วันที่ 4 - สไนล์แฟลซเนส
- สไนล์แฟลซเนส
- More
- หาดอีทรี ทุงกา
- หมู่บ้านบูดิร์
- หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
- สไนล์เฟลล์โจกุลล์
- ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
- More
ในวันที่สี่ของทริปหน้าร้อน 3 สัปดาห์ที่ไอซ์แลนด์ คุณจะไปสำรวจดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไอซ์แลนด์ย่อส่วน" คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสมีความยาว 56 ไมล์ (90 กม.) และมีสิ่งที่น่าสนใจตลอดแนวชายฝั่งทั้งสองด้าน คุณอาจจะอยากตื่นและออกเที่ยวแต่เช้าเพื่อให้สามารถเที่ยวได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
เมื่อเดินทางไปตามชายฝั่งทางทิศใต้ คุณจะพบกับความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาและจะได้พบเจอกับสัตว์ป่าแทบจะในทันที เสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่มีขนาดสมมาตรเรียงตัวกันอย่างสวยงามที่หน้าผาแกร์ดูเบิร์ก (Gerduberg) แมวน้ำที่ออกมาเกลือกกลิ้งบริเวณชายหาดอิทรี ทุงกา (Ytri Tunga) และโบสถ์ในหมู่บ้านร้างปูดิร์ (Budir) ที่ยังคงยืนหยัดสง่างามท่ามกลางลมพัดแรง
เมื่อถึงคราวที่ธรรมชาติขอเรียกร้องสิทธิ์เอาบ้าง บ้านเมืองหลายแห่งจึงต้องถูกทิ้งร้าง เหมือนที่คุณจะได้เห็นที่หมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) ซึ่งเป็นหมู่บ้านทำประมงที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนในยุคอุตสาหกรรมของไอซ์แลนด์ แต่หมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) ที่อยู่ข้างๆ นั้นยังเป็นชุมชนที่รุ่งเรือง และเหมาะสำหรับไปเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น
ทั้งหมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิและเฮลล์นาร์ตั้งอยู่ก่อนถึงปลายคาบสมุทร ซึ่งถูกจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติสไนล์แฟลซโจกุล อุทยานฯ นี้ถูกเรียกชื่อตามธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์สโจกุล (Snaefellsjokull) และภูเขาไฟที่มีชื่อเดียวกัน ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามจนยากที่จะเชื่อสายตา คุณจะไม่สงสัยอีกต่อไปเลยว่าทำไมคนโบราณจึงเชื่อว่าบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางของพลังงานแห่งหนึ่งของโลกใบนี้
ถ้าคุณอยากไปดูแลนด์มาร์คที่สร้างแรงบันดาลใจนี้ให้เห็นกับตา คุณสามารถเข้าร่วมกับทัวร์ปีนธารน้ำแข็งที่จะพาขึ้นไปสำรวจบนผืนน้ำแข็งที่นี่ โดยคุณจะได้เห็นวิวคาบสมุทร ฟยอร์ดทางตะวันตก และเมืองเรคยาวิกที่อยู่ห่างไกลได้จากบนยอดเขาในวันที่อากาศแจ่มใส
สไนล์เฟลล์สโจกุลนั้นน่าประทับใจมากแต่ก็ยังไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวเพียงแห่งเดียวที่อยู่ในอุทยานแห่งนี้ คุณยังสามารถไปดูโลนตรังการ์ (Londrangar) ผาหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีนกทะเลหลายหมื่นตัวมาทำรัง และใกล้ๆ กันก็มีหาดทรายดำตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) ที่นอกจากสวยแล้วยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วย ที่นี่คุณสามารถไปลองยกหินทดสอบพลัง ซึ่งคนเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยใช้ในการทดสอบความแข็งแกร่งและความเหมาะสมของผู้ที่จะมาเป็นกะลาสีเรือ
เมื่อออกจากอุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลล์สโจกุลและเดินทางต่อไปทางตะวันออกเลียบแนวชายฝั่งทางทิศเหนือ คุณจะมองเห็นวิวของฟยอร์ดตะวันตกที่อยู่อีกฝั่งของอ่าวเบรดาฟยอร์ดูร์ (Breidafjordur) ซึ่งเต็มไปด้วยเกาะใหญ่น้อยนับไม่ถ้วน คุณอาจจะแวะชมวิวทะเลที่หมู่บ้านบยาร์นาร์เฮิฟน์ (Bjarnarhofn) เพื่อชมพิพิธภัณฑ์ปลาฉลามของไอซ์แลนด์ด้วยก็ได้
แต่สถานที่เที่ยวที่โดดเด่นมากที่สุดบนคาบสมุทรนี้เห็นจะต้องยกให้ภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) ภูเขาที่ตั้งอยู่โดดๆ ลูกนี้มียอดแหลมคล้ายปิรามิด โบสถ์ หรือหัวลูกศร และเป็นสถานที่โปรดปรานของเหล่าช่างภาพ เนื่องจากมีลักษณะที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ทำให้ถ่ายรูปออกมาสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีน้ำตกเคิร์คจูเฟลล์สฟอสส์ (Kirkjufellsfoss) ที่อยู่ข้างเคียงร่วมเฟรมด้วย
หากคุณชอบพายคายักมากกว่าปีนธารน้ำแข็ง คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมพายคายักที่ใต้ภูเขาเคิร์คจูแฟสเข้าไปในทริปวันนี้ได้ อ่าวเบรดาฟยอร์ดูร์นั้นมีที่กำบังเหมาะเจาะ น้ำในอ่าวจึงสงบนิ่งไม่ไหวติงและสวยงามมาก และเป็นจุดที่มองเห็นวิวภูเขาเคิร์คจูแฟสได้สวยที่สุด ถ้าคุณโชคดี ขณะที่พายเรือคุณจะได้เห็นสัตว์เจ้าถิ่น เช่น นกอินทรีหางขาว และแมวน้ำด้วย
หลังจากเที่ยวและทำกิจกรรมมาทั้งวันแล้ว คืนนี้คุณจะพักค้างคืนบนคาบสมุทรแห่งนี้
ที่พัก
วันที่ 5 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
วันที่ 5 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
- ฟยอร์ดทางตะวันตก
- More
ในวันที่ห้าของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์สามสัปดาห์นี้ คุณจะมุ่งหน้าไปยังภูมิภาคที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ นั่นก็คือฟยอร์ดทางตะวันตก และการเดินทางมาจากสไนล์แฟลซเนสนั้นง่ายมากๆ คุณเพียงขับรถไปยังสติกกิโฮลมูร์ (Stykkisholmur) เมืองที่ใหญ่ที่สุดของคาบสมุทร แล้วขึ้นเรือเฟอร์รี่บัลเดอร์ (Buldur) มาพร้อมกับนำรถของคุณโหลดเข้าไปใต้ท้องเรือเลย
หากคุณต้องการแวะเที่ยวที่เกาะแฟลทเทย์ (Flatey) ด้วย ให้คุณขึ้นเรือเฟอร์รี่รอบเช้าหน่อย ทั้งนี้ เกาะนี้ไม่อนุญาตให้คุณนำรถขึ้นไปขับ ดังนั้น พนักงานจะนำรถของคุณไปจอดรอที่ท่าเรือในฟยอร์ดทางตะวันตก เกาะแฟลทเทย์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวลับที่น้อยคนจะรู้จัก คุณสามารถเดินเล่นรอบเกาะได้ ซึ่งมีประชากรนกให้ชมเยอะมาก และมีคนอยู่อาศัยเพียงน้อยนิดเท่านั้น บนเกาะมีสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ให้ดูหลายแห่ง
เมื่อไปถึงฟยอร์ดทางตะวันตก คุณจะเดินทางไปที่หมู่บ้านพาเทรคสฟยอร์ดูร์ (Patreksfjordur) ที่สวยแปลกตา โดยโรงแรมที่คุณจะพักคืนนี้อยู่ที่นี่ และรับรองว่าระหว่างเดินทางคุณจะได้เห็นสิ่งสวยงามมากมาย ฟยอร์ดที่เว้าลึกเข้าไประหว่างหน้าผาตระหง่านนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดูแมวน้ำและวาฬ อีกทั้งยังมีภูเขาเก่าแก่ที่สูงชัน น้ำตกจำนวนมากเกินกว่าจะนับไหว และหมู่บ้านเล็กๆ ที่สวยงามและเต็มไปด้วยเรื่องราว
เมื่อคุณดูจากแผนการเดินทางที่ได้รับจะเห็นว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวลับๆ ที่อยู่นอกเส้นทางหลายแห่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก แต่คุณสามารถไปเที่ยวได้หากต้องการ และเนื่องจากฟยอร์ดทางตะวันตกนี้อยู่ห่างจากเรคยาวิกและไม่ได้อยู่บนนวงแหวน สถานที่ต่างๆ ที่คุณไปจึงมีนักท่องเที่ยวไม่มาก เพราะนักท่องเที่ยวที่มาในฤดูร้อนส่วนใหญ่มักจะไปรวมตัวอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้น คุณจึงมีโอกาสเที่ยวอย่างสงบและเข้าถึงภูมิประเทศที่ไร้การแตะต้องและห่างไกลจากความวุ่นวายของเมืองอย่างที่ผู้ที่มาเยือนไอซ์แลนด์มักจะโหยหา
วันนี้หลังจากเที่ยวชมบรรยากาศจนเต็มอิ่มแล้ว คุณจะเข้าที่พักซึ่งอยู่ในพาเทรคสฟยอร์ดูร์
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 6 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
วันที่ 6 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
- ฟยอร์ดทางตะวันตก
- More
- หาดทรายแดงเรยดิซานดูร์
- More
ในวันที่หกคุณจะได้เห็นสองสิ่งที่สวยงามที่สุดของฟยอร์ดทางตะวันตก หน้าผาลาทราบียอร์ก (Latrabjarg) และหาดเรยดาซานดูร์ (Raudasandur)
ลาทราบียอร์กมีเสน่ห์ด้วยเหตุผลสองประการ หนึ่งคือเป็นหน้าผาดูนกที่ยาวที่สุดในโลกและมีนกหลายแสนคู่มาทำรังตลอดหน้าร้อน ซึ่งพบได้หลายสายพันธุ์แต่ที่มีมากที่สุดคือนกพัฟฟินแอตแลนติก พวกมันอยู่ในโพรงตามซอกหินและยอมให้คนเข้าไปดูใกล้ๆ ได้โดยไม่กลัว
เหตุผลที่สองที่ทำให้ลาทราบียอร์กโด่งดังก็คือเรื่องการให้ความช่วยเหลืออย่างกล้าหาญของชาวบ้านแถวนี้เมื่อครั้งที่เรือลากอวนของอังกฤษพลิกคว่ำที่บริเวณใต้หน้าผาในค่ำคืนหนึ่ง ลูกเรือทั้งหมดอาจจะต้องประสบเคราะห์กรรมเลวร้ายหากไม่ได้ชาวบ้านแถวนั้นช่วยไว้ โดยชาวบ้านที่มีทักษะในการปีนผาเก็บไข่นกมาอย่างเชี่ยวชาญได้ไต่ลงไปที่เรือและช่วยชีวิตลูกเรือไว้ได้อย่างปลอดภัยทุกคน
ส่วนหาดเรยดาซานดูร์นั้นเป็นชายฝั่งที่สวยงามมากและต่างไปจากชายหาดภูเขาไฟที่มีอยู่ทั่วประเทศไอซ์แลนด์ เพราะทรายของที่นี่มีเฉดสีทอง ชมพู และส้ม แทนที่จะเป็นหาดทรายดำเหมือนกับที่อื่นๆ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากอายุของฟยอร์ดทางตะวันตกที่มีความเก่าแก่ที่สุดบนแผ่นดินไอซ์แลนด์ โดยบริเวณนี้ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 16 ล้านปีก่อน และเป็นพื้นที่ที่มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่น้อยที่สุดในประเทศ
หาดเรยดาซานดูร์เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบดูสัตว์และชื่นชอบเรื่องราวในอดีต ที่นี่เป็นจุดหนึ่งที่มีแมวน้ำเยอะมาก พวกมันมักออกมาโต้คลื่นให้เห็นเป็นฝูง และยังเป็นจุดเกิดเหตุฆาตกรรมที่โด่งดังที่สุดของไอซ์แลนด์ด้วยเมื่อคู่รักคู่หนึ่งถูกกล่าวหาว่าฆ่าคู่สมรสของตนเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงข้างต้น พาเทรคสฟยอร์ดูร์ยังเป็นศูนย์รวมที่เที่ยวลับๆ ของฟยอร์ดทางตะวันตกด้วย คุณสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแผนการเดินทางที่ได้รับ คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในบริเวณนี้เป็นคืนที่สอง
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 7 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
วันที่ 7 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
- ฟยอร์ดทางตะวันตก
- More
- ดินยานดิ
- More
เพื่อให้วันสุดท้ายของสัปดาห์แรกในไอซ์แลนด์ของคุณน่าจดจำ คุณจะไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวสุดพิเศษของฟยอร์ดทางตะวันตกกันในขณะที่คุณเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองอีสาฟยอร์ดูร์ (Isafjordur) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด เส้นทางนี้มีความงดงามมากที่สุดเส้นทางหนึ่งในไอซ์แลนด์ ด้วยถนนมีความคดเคี้ยวเลี้ยวลดลัดเลาะเข้าออกไปตามความโค้งเว้าของฟยอร์ดที่งดงามใต้เงาของภูเขามหึมา
ระหว่างที่เดินทาง เราแนะนำให้คุณขับออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมน้ำตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ น้ำตกดินยานดิ (Dynjandi) สูงประมาณ 328 ฟุต (100 ม.) และมีน้ำไหลลดหลั่นเป็นขั้นบันไดดูสวยงามและเมื่อยิ่งไหลลงต่ำยิ่งมีความกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นธรรมชาติที่งดงามแบบดิบๆ ปราศจากการเสริมแต่งและให้ความรู้สึกราวกับเป็นน้ำตกในฉากที่บรรยายอยู่ในนวนิยายแฟนตาซีเลยทีเดียว
ทางเดินขึ้นไปที่ด้านบนของน้ำตกดินยานดิก็สวยงามเช่นกัน และมีน้ำตกเล็กๆ ให้ชื่นชมระหว่างทางด้วย แต่ละแห่งมีชื่อเป็นของตนเองและมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังมีความเขียวชอุ่มไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ส่วนใหญ่ในไอซ์แลนด์ที่มักจะมีแต่ความว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา
ชุมชนแฟลทเทย์ริ (Flateyri) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าแวะชม เพราะล้อมรอบด้วยฟยอร์ดที่สวยงามและมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ หมู่บ้านแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์แปลกๆ อยู่หลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตานานาชาติ และพิพิธภัณฑ์ของจิปาถะไร้สาระ (Nonsense Museum) ที่รวบรวมของประหลาดมาให้ชม นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของแฟลทเทย์ริที่ภายในมีร้านขายหนังสือเก่าด้วย
เมื่อคุณไปถึงอีสาฟยอร์ดูร์ คุณจะต้องหลงเสน่ห์เมืองอันห่างไกลและสภาพแวดล้อมโดยรอบของที่นี่ ซึ่งมีเส้นทางเดินป่าคดเคี้ยวพาขึ้นไปยังจุดชมวิวบนภูเขาในบริเวณใกล้เคียง และจากบนนั้นคุณจะมองเห็นฟยอร์ดที่เป็นประกายระยิบระยับงามจับใจ
คืนนี้คุณจะเข้าพักที่โรงแรมในเมือง
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 8 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
วันที่ 8 - ฟยอร์ดทางตะวันตก
- ฟยอร์ดทางตะวันตก
- More
วันหยุดฤดูร้อนสามสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ของคุณยังคงดำเนินต่อไปและคุณจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในฟยอร์ดทางตะวันตกเป็นการทิ้งทวนก่อนที่จะเดินทางออกจากพื้นที่นี้ การเดินทางในวันนี้สวยงามมากตลอดทั้งเส้นทางและตามแผนการเดินทางคุณจะได้ไปเห็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายหลายแห่ง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่คุณไม่ควรพลาดด้วย
ที่แรกคือโบลุงการ์วิก (Bolungarvik) ซึ่งเป็นเมืองท่าประมงที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เมืองนี้มีทัศนียภาพที่งดงามและเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภายยนตร์ของไอซ์แลนด์มาแล้วสองเรื่อง (Sparrows and Noi Ambinoi) และยังมีตำนานพื้นบ้านที่น่าสนใจเกี่ยวกับพี่น้องชายหญิงที่สาปแช่งกันเองด้วย พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติของที่นี่ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับหมีขั้วโลก ที่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในฟยอร์ดตะวันตกแต่มาปรากฏกายให้เห็นอยู่หลายครั้ง
นอกจากนี้ โบลุงการ์วิกยังเป็นจุดดูนกที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ตั้งของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติฮอร์นสตรานดิร์ (Hornstrandir) พื้นที่ที่อยู่ห่างไกลที่สุดของไอซ์แลนด์ซึ่งมีวิวสวยงาม ส่วนที่เมืองซูดาวิก (Sudavik) คุณสามารถเข้าถึงทั้งธรรมชาติของสัตว์พร้อมกับสัมผัสวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์ได้เมื่อไปเที่ยวที่อาร์กติกฟอกซ์เซ็นเตอร์ (Arctic Fox Center) ซึ่งเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและให้ความรู้เกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกอาร์กติก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนบกเพียงชนิดเดียวที่มีถิ่นกำเนิดในไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวสามารถมาดูจิ้งจอกอาร์กติกได้ที่นี่ และยังมีจิ้งจอกอาร์กติกจำนวนมากที่อาศัยอยู่ตามป่าในฟยอร์ดทางตะวันตกด้วย ดังนั้น ถ้าตั้งใจสังเกตให้ดีคุณอาจจะได้เห็นพวกมันระหว่างที่คุณเดินทางท่องเที่ยว
สถานที่น่าสนใจอีกแห่งคือพิพิธภัณฑ์คาถาและเวทย์มนตร์ (Museum of Witchcraft and Sorcery) ที่โฮลมาวีค (Holmavik) คุณจะได้เห็นวัตถุสายมูมากมายจากยุคกลางของไอซ์แลนด์ ซึ่งบางชิ้นนั้นดูแล้วอาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย และคุณจะได้เรียนรู้ด้วยว่าชาวไอซ์แลนด์ในยุคแรกใช้ไม้และคาถาเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและความอับโชคออกจากตัว รวมถึงสาปแช่งศัตรูกันอย่างไร
ห่างออกไปประมาณ 12 ไมล์ (20 กม.) เป็นที่ตั้งของกระท่อมเวทย์มนตร์ ซึ่งเป็นอาคารสไตล์เทิร์ฟแบบดั้งเดิมที่คนสมัยก่อนเคยใช้เป็นที่อยู่อาศัย และข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ในนั้นมีทั้งทำด้วยโลหะและไม้ คุณจะได้เห็นสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ชาวไอซ์แลนด์เคยใช้ในการทำเสน่ห์หรือเล่นของ
หลังจากเพลิดเพลินกับธรรมชาติและวัฒนธรรมจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว คืนนี้คุณจะพักในเมืองโฮลมาววีค ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการเดินทางออกจากฟยอร์ดทางตะวันตกเพื่อมุ่งหน้าไปสู่สถานที่ตื่นเต้นในวันพรุ่งนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 9 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์เหนือ
วันที่ 9 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์เหนือ
- คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
- ฮอลา รี ฮยาลตาดาล
- คาบสมุทรโทรลล์
- More
ในวันที่เก้าคุณจะเดินทางออกจากฟยอร์ดทางตะวันตก และกลับเข้าสู่ถนนวงแหวนที่วิ่งวนรอบไอซ์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง โดยคุณจะขับรถไปสำรวจพื้นที่ทางตอนเหนืออันสวยงามของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีลักษณะของธรณีวิทยาชายฝั่งที่น่ามหัศจรรย์ มีสัตว์นานาชนิด มีภูมิประเทศที่เหมือนดวงจันทร์ และเต็มไปด้วยกิจกรรมความร้อนใต้พิภพ
บริเวณแรกที่คุณน่าจะอยากไปชมคือคาบสมุทรฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) ซึ่งเป็นจุดชมแมวน้ำที่ดีที่สุดในประเทศ ที่นี่มีฝูงแมวน้ำมากมายมาโชว์ตัวตามแนวชายฝั่ง ในฮวามสตางกี (Hvammstangi) เมืองใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรแห่งนี้มีศูนย์แมวน้ำ (Icelandic Seal Center) เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับชีววิทยาและการอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตที่งดงามชนิดนี้ด้วยเนื่องจากพวกมันมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์และตำนานพื้นบ้านของชาวไอซ์แลนด์
คาบสมุทรแห่งนี้ยังมีหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) ที่มีขนาดใหญ่มาก รวมถึงป้อมปราการหินบะซอลต์แห่งบอร์การ์วิกีร์ (Borgarvirki) ด้วย ฮวิทแซร์กูร์แช่อยู่ในน้ำตื้นนอกชายฝั่ง มองดูเหมือนเป็นช้างตัวเบิ้มกำลังก้มดื่มน้ำ ส่วนป้อมปราการบอร์การ์วิกีร์เป็นแลนด์มาร์คที่ในยุคแรกๆ เคยใช้เป็นป้อมป้องกันการรุกราน
ไกลออกไปตามถนนที่ทอดยาวไปทางเหนือของไอซ์แลนด์จะมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีธรรมชาติสวยงามและมีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมีเรื่องเล่าลึกลับด้วย เช่น ที่โฮฟซอส (Hofsos) เป็นเมืองขนาดย่อมที่มีสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้พูล ที่มองไปเห็นฟยอร์ดสวยงามมาก และคุณอาจจะไปดูเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่ตามหน้าผาในเมืองนี้ด้วยก็ได้ ส่วนสิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) เป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และตั้งอยู่ในฟยอร์ดที่งดงามมีภูเขาขนาบทั้งสองข้าง นอกจากทิวทัศน์แถวท่าเรือที่สวยงามมาก เมืองนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era Museum) ที่ได้รับรางวัลด้วย โดยคุณจะได้รู้ว่าการประมงสำคัญต่อการเอาตัวรอดของชาวไอซ์แลนด์ตั้งแต่อดีตถึงยุคปัจจุบันอย่างไร และพวกเขาทำประมงอย่างไรท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกรากของไอซ์แลนด์
จุดหมายปลายทางหลักของคุณในวันนี้คืออาคูเรย์ริ (Akureyri) เมืองหลวงของทางเหนือของประเทศไอซ์แลนด์และเมืองที่ใหญ่ที่สุดรองจากเรคยาวิก เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีทิวทัศน์ธรรมชาติ มีแกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ร้านอาหาร และบาร์ และยังมีสวนพฤกษศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในทางเหนือสุดของโลกด้วย คุณสามาถไปชมพันธุ์ไม้อาร์กติกได้ที่นี่
แม้ว่าคุณจะพักค้างคืนอยู่ในอาคูเรย์ริ คุณก็สามารถเดินทางไปแช่สปาเบียร์ในวันนี้ได้ ซึ่งการไปสปาเบียร์คุณต้องเดินทางขึ้นเหนือไปอีกจนถึงฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ (Eyjafjordur) โดยนักท่องเที่ยวที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปจะสามารถลงไปแช่ตัวในอ่างที่มีเบียร์หมักใหม่ พร้อมกับจิบเบียร์ที่อยู่ในมือไปด้วย แล้วคุณจะพบว่ามันช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนสบายและผ่อนคลายจริงๆ
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 10 - Northeast Iceland
วันที่ 10 - Northeast Iceland
- Northeast Iceland
- More
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- หุบเขาอาสบิร์กิ
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- More
ในวันที่สิบของโร้ดทริปสามสัปดาห์รอบไอซ์แลนด์ คุณจะไปที่ฮูสาวิค (Husavik) เมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป ซึ่งในท้องทะเลบริเวณใกล้กับอ่าวสเกาล์ฟานติ (Skjalfandi) นี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจ
หากคุณเพิ่มทัวร์ล่องเรือเอาไว้เมื่อทำการจองทัวร์ขับรถนี้ คุณจะออกเดินทางจากท่าเรือที่ล้อมรอบไปด้วยภูมิประเทศสวยงามและผืนน้ำที่เป็นประกายระยิบระยับ โดยมีไกด์คอยให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่คุณจะได้พบเห็น วาฬหลังค่อมเป็นวาฬที่มีอยู่มากที่สุด พวกมันมีขนาดตัวที่ยาวเกือบ 50 ฟุต (15 ม.) และขึ้นชื่อว่าชอบกระโจนขึ้นมาเหนือผิวน้ำและมักจะทิ้งตัวกระแทกให้น้ำแตกกระจายเป็นภาพที่น่าดูชม
โลมาปากขาวเป็นอีกสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อย พวกมันมักจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่และสนุกสนานกับการเล่นโต้คลื่นหน้าเรือของนักท่องเที่ยว บางครั้งวาฬใหญ่สายพันธุ์อื่นอย่างวาฬสีน้ำเงินและวาฬฟินก็ปรากฏตัวให้เห็นด้วย วาฬเพชฌฆาตก็สามารถพบเห็นได้ปีละหลายครั้ง หรือแม้แต่วาฬเบลูก้าที่หายากก็ยังมีให้เห็นบ้างเป็นครั้งคราว
อ่าวสเกาล์ฟานติไม่ได้มีดีแค่ปลาวาฬอย่างเดียว เพราะที่นี่มีนกทะเลจำนวนมากมาอาศัยอยู่ตามเกาะแก่งและหน้าผารอบอ่าว ซึ่งรวมถึงนกพัฟฟินแอตแลนติกนับพันๆ ตัวด้วย
หากการนั่งเรือระยะเวลาหลายชั่วโมงไม่ใช่กิจกรรมที่คุณชื่นชอบ (มีแจกยาแก้เมาเรือให้) คุณก็อาจจะเลือกไปที่อ่างน้ำจีโอซี (GeoSea Baths) ซึ่งอยู่ในฮูสาวิคแทนได้ อ่างน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีเฉพาะที่ไอซ์แลนด์เท่านั้นเพราะน้ำที่นี่เป็นน้ำทะเล ซึ่งให้ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปและมีความสดชื่นมากๆ
สำหรับผู้ที่เลือกไม่ถูกว่าจะไปอันไหนดีระหว่างทริปดูวาฬหรือแช่น้ำร้อน คุณไม่ต้องกังวลเลยเพราะคุณสามารถไปทั้งสองแห่งในวันนี้ได้ อย่างไรก็ตามการทำทั้งสองกิจกรรมนี้อาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ซึ่งหมายความว่าคุณจะไปเที่ยวที่อื่นได้จำกัด แต่คุณก็ยังมีวันพรุ่งนี้และเช้าวันถัดไปให้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในทางเหนือได้อีก
แต่ถ้าคุณเลือกทัวร์ข้างต้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเลือกไม่ไปทั้งสองแห่ง คุณก็จะมีเวลาเหลือในวันนี้ ซึ่งเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำให้คุณไปดู นั่นก็คือน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) และเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) ซึ่งสวยงามมากแม้ว่าจะต้องขับรถจากอาคูเรย์ริและฮูสาวิคไประยะทางพอสมควร
น้ำตกเดตติฟอสส์เป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดในยุโรป สายน้ำที่นี่ส่งเสียงกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาที่เต็มไปด้วยหินสีเทาไร้ชีวิต ทำให้มีบรรยากาศอึมครึมอย่างประหลาด เห็นแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมฮอลลีวูดจึงให้ความสนใจน้ำตกแห่งนี้และเลือกใช้เป็นฉากเปิดตัวภาพยนตร์โพรมีธีอุส
ส่วนเอาส์บิร์กิเป็นหุบเขารูปเกือกม้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยป่าเบิร์ชและมี "เกาะ" หินที่สวยงามอยู่ตรงกลาง ตำนานของชาวนอร์สโบราณเชื่อว่าหุบเขานี้เกิดจากการที่ม้าแปดขาของเทพโอดินกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงบนดิน ผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่าไม่ควรพลาดการเดินชมธรรมชาติที่สวยงามของสถานที่แห่งนี้
เมื่อถึงเวลากลับที่พักคุณจะเดินทางไปยังโรงแรมที่อยู่แถวทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) พื้นที่ยอดนิยมในทางเหนือของไอซ์แลนด์ซึ่งคุณจะได้สำรวจในวันพรุ่งนี้ และระหว่างทางอย่าลืมแวะชมน้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงด้วย ซึ่งน้ำตกนี้มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมาก
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 11 - Northeast Iceland
วันที่ 11 - Northeast Iceland
- Northeast Iceland
- More
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- More
ในวันที่สิบเอ็ด คุณมีตัวเลือกสองอย่าง อย่างแรกคือเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ รอบทะเลสาบมิวาทน์ ซึ่งในบริเวณนี้มีทะเลสาบมากมายหลายแห่ง มีนกหลากหลายสายพันธุ์จำนวนนับพันๆ ตัวมาอาศัยเป็นบ้าน พืชพรรณในแถบนี้ก็สวยงามและหาดูที่อื่นได้ยากด้วย เช่น มอสส์บอลล์ที่อยู่ใต้น้ำ นอกจากนี้ลักษณะทางธรณีวิทยาในแถบมิวาทน์ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เช่น ปากปล่องภูเขาไฟเทียมที่เรียงรายเป็นแถวตามแนวชายฝั่งหลายแห่ง เสาหินบะซอลต์สูงโด่เด่ที่โผล่พ้นเหนือผิวน้ำ และใกล้กันยังมีป้อมปราการลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) ความมหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างที่มีตำนานบอกว่าเป็นบ้านของโทรลล์คริสต์มาสของไอซ์แลนด์
แม้ว่ามิวาทน์จะเป็นพื้นที่แห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและผืนน้ำที่อุดมสมบูรณ์ แต่เนามาส์การ์ด (Namaskard) พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพที่อยู่ใกล้กันนั้นมีความแตกต่างอย่างสุดขั้ว ทั้งหุบเขามีแต่ความแห้งแล้ง และมีไอร้อนพวยพุ่งเดือดดาลออกจากหลุมที่มีอยู่มากมายทั่วบริเวณ อากาศแถวนี้จึงมีกลิ่นฉุนของกำมะถันคละคลุ้งไปทั่ว และพื้นดินก็กลายเป็นสีแปลกตา
หากคุณต้องการจัดสรรแบ่งเวลาในการเที่ยวในเขตมิวาทน์เพื่อไปใช้บริการสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วย คุณสามารถเลือกเพิ่มบัตรเข้าอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) เข้าไปเมื่อคุณทำการจองทัวร์ขับรถแพ็คเกจนี้ ซึ่งการได้ไปใช้บริการห้องอบไอน้ำ แช่น้ำอุ่น และชมบรรยากาศแวดล้อมที่สวยงามของอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์จะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างหนึ่ง และน้ำในอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ก็มีคุณสมบัติในการบำบัดเช่นเดียวกับที่สปาแห่งอื่นๆ ในไอซ์แลนด์
แม้ว่าสถานที่ต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะทำให้วันของคุณมีความพิเศษมากมาย แต่ผู้ที่สนใจอยากไปสัมผัสพื้นที่ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ให้ดียิ่งขึ้นก็ยังมีกิจกรรมทางเลือกที่แหวกแนวออกไปอีกด้วยการไปร่วมกับทัวร์ซูเปอร์จี๊ปที่จะพาเข้าไปชมภูเขาไฟอาสยา (Askja) ซึ่งผู้ที่เลือกทัวร์นี้จะต้องเลื่อนการเที่ยวชมมิวาทน์ออกไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน โดยจะมีเวลาให้เที่ยวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังทางตะวันออกซึ่งจะต้องใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้น 12 ชั่วโมง
การผจญภัยในดินแดนไฮแลนด์จะทำให้คุณได้เห็นภูมิประเทศที่มองดูเหมือนกับว่าคุณกำลังยืนอยู่บนดาวอังคารมากกว่าอยู่บนโลก ทั้งภูเขา ทุ่งลาวา และโอเอซิสที่คุณจะขับรถและเดินป่าผ่านนั้นก็เป็นฉากที่เหมือนอยู่บนดาวอื่นเช่นกัน ซึ่งการเดินทางไปยังแอ่งภูเขาอาสยาจะทำให้คุณประทับใจจนบรรยายไม่ถูก เพราะว่าภูมิประเทศแถวนี้เกิดขึ้นจากพลังของน้ำแข็งและไฟที่ค่อยๆ ที่สะสมมานับพันปี และในบริเวณนี้ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย
จุดหมายปลายทางหลักของคุณในวันนี้คือทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟวิติ (Viti crater) ในอาสยา ซึ่งมีน้ำอุณหภูมิอุ่นสบายที่ได้รับความร้อนมาจากพลังงานใต้พิภพ น้ำที่นี่เต็มไปด้วยแร่ธาตุจึงมีสีฟ้าสดใสเหมาะกับการลงไปแช่ตัว ซึ่งการได้แช่น้ำอุ่นๆ ตามลำพังในพื้นที่ห่างไกลท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกผจญภัยแบบไหนในวันนี้ คุณก็จะต้องเดินทางกลับไปพักค้างคืนในเขตมิวาทน์
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 12 - ฟยอร์ดตะวันออก
วันที่ 12 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- ป่าฮาลลอร์มสตาดาสโกกูร์
- ทะเลสาบลาการ์ฟโยลท์
- More
ในวันที่สิบสองของทริปขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ฤดูร้อนสามสัปดาห์ของคุณ คุณจะได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของการเที่ยวทางเหนือให้คุ้มค่าที่สุด
หากสองวันที่ผ่านมาของคุณอัดแน่นไปด้วยกิจกรรม คุณน่าจะดีใจที่วันนี้ได้มีโอกาสเที่ยวชมสถานที่ที่คุณยังไม่ได้ไป เช่น น้ำตกเดตติฟอสส์ เอาส์บิร์กิ และอีกหลายแห่งในแถบมิวาทน์ และถึงแม้ว่าคุณไปสถานที่เหล่านี้มาแล้ว คุณก็ยังสามารถเลือกไปดูที่เที่ยวลับๆ ที่มีอยู่แผนการเดินทางที่คุณได้รับได้อีกหลายแห่ง เช่น ไปดูสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่อยู่รอบน้ำตกอาลเดยาร์ฟอสส์ (Aldeyjarfoss)
หลังจากที่ชื่นชมสถานที่ที่คุณอยากไปในทางเหนือเสร็จแล้ว คุณจะเริ่มเดินทางไปยังทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ ซึ่งถนนวงแหวนนี้จะทอดยาวไปทางฝั่งเหนือของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ซึ่งเป็นสถานที่สวยงามใต้เงาของธารน้ำแข็งชื่อเดียวกับอุทยานฯ ที่ได้ชื่อว่าเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย การขับรถออกนอกเส้นทางในบริเวณนี้จะทำให้คุณได้เห็นพื้นที่ไฮแลนด์อันเปล่าเปลี่ยวเวิ้งว้าง หรือไม่ก็หมู่บ้านประมงแบบดั้งเดิมในฟยอร์ดอันห่างไกลที่อยู่นอกเส้นทางท่องเที่ยว
คุณจะพักค้างคืนในเมืองเอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir) เมืองที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตะวันออกและเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับใช้เป็นฐานสำหรับการเที่ยวฟยอร์ดทางตะวันออกอันงดงามด้วย หากคุณเดินทางมาถึงในเวลาที่พอเหมาะ คุณจะพบว่ากิจกรรมที่น่าสนใจให้ทำมากมายทั้งในและรอบๆ เมือง ตั้งอยู่ข้างกับฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormstadasskogar) ป่าที่ขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับนักดูนกและนักเดินป่าเลยก็ว่าได้ เพราะมีเส้นทางเดินผ่านป่าที่นำไปสู่จุดชมวิวสวยๆ หลายแห่ง เอกิลสตาดิร์ยังตั้งอยู่ริมทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljot) ซึ่งนอกจากบรรยากาศที่เงียบสงบแล้ว ทะเลสาบแห่งนี้มีตำนานพื้นบ้านที่เล่าว่ามีสัตว์ประหลาดคล้ายหนอนยักษ์อาศัยอยู่ในน้ำ
ทางเหนือของเอกิลสตาดีร์ยังมีทะเลสาบอีกแห่งหนึ่งที่สวยงามเหมือนกัน และที่นั่นยังมีอ่างน้ำเวิก (Vok) ที่เป็นสระน้ำร้อนจากพลังงานใต้พิภพและสปาเพียงแห่งเดียวในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ด้วย นับว่าเป็นการดีที่จะได้แช่น้ำผ่อนคลายหลังจากขับรถเหนื่อยมาทั้งวัน หากคุณต้องการไปแช่น้ำและดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ที่เวิก คุณสามารถเลือกเพิ่มบัตรเข้าใช้บริการอ่างน้ำแห่งนี้ได้ในระหว่างที่จองแพ็คเกจขับรถนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 13 - ฟยอร์ดตะวันออก
วันที่ 13 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- วอปนาฟยอร์ดูร์
- ฟยอร์ดและหุบเขาบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสทรี วัลลีย์
- More
วันที่สิบสามของทริปซัมเมอร์สามสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ไม่มีอาถรรพ์ และคุณจะเริ่มออกสำรวจฟยอร์ดทางตะวันออกอันสวยงาม เช่นเดียวกับฟยอร์ดในทางตะวันตก ฟยอร์ดทางตะวันออกก็เป็นดินแดนไกลปืนเที่ยงที่คุณจะได้ชื่นชมสถานที่ต่างๆ และภูมิประเทศที่น่าประทับใจโดยไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นมาทำให้เสียบรรยากาศ
คุณจะพักค้างคืนในเอกิลสตาดีร์อีกหนึ่งคืนเพื่อให้สามารถชื่นชมธรรมชาติในแถบนี้ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งคุณสามารถไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่งที่อยู่ห่างไกลและอยู่นอกเส้นทางท่องเที่ยว ได้แก่ บอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสทรี (Borgarjordur Eystri) และเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur)
บอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสทรี เป็นหมู่บ้านที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ที่นี่มีประชากรเพียง 100 คน แวดล้อมไปด้วยฟยอร์ดจำนวนมาก และมีเส้นทางเดินป่าไปยังสถานที่งดงามหลายแห่งในระยะทางรวม 106 ไมล์ (170 กม.) ไม่ว่าร่างกายของคุณจะมีความพร้อมในระดับใด หรือคุณตั้งใจมาที่ไอซ์แลนด์เพื่ออะไร อย่างน้อยเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งเหล่านี้จะดึงดูดคุณได้แน่นอน
ผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามอาจจะเลือกเส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังอ่าวลอดมุนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Lodmundarfjordur) ที่ร้างผู้คนมาเป็นเวลานานและอ่าววิกูร์ (Vikur) ที่ไม่มีใครไปแตะต้อง ส่วนผู้ที่ชอบฟังเรื่องเล่าพื้นบ้านของไอซ์แลนด์ควรเลือกทางที่จะไปยังอัลฟาบอร์ก (Alfaborg) หินเอลฟ์ที่ว่ากันว่าเดิมเป็นตำหนักของราชินีแห่งเอลฟ์ คนที่ชอบการดูนกและสัตว์อาจจะอยากใช้เส้นทางที่พาไปยังฮาฟนาร์โฮล์มี (Hafnarholmi) ที่ตั้งอยู่ติดกับท่าเรือเพื่อดูนกพัฟฟินใกล้ๆ ซึ่งน่านน้ำในบริเวณหมู่บ้านแห่งนี้มักจะมีทั้งแมวน้ำ โลมา หรือแม้แต่วาฬมาเยือนบ่อยๆ
สำหรับเซย์ดิสฟยอร์ดูร์เป็นเมืองที่สวยงามตั้งอยู่ในฟยอร์ดชื่อเดียวกัน เมื่อขับรถจากเอกิลสตาดีร์ไปที่เมืองนี้ แนะนำให้ขับออกนอกเส้นทางเพื่อไปยังน้ำตกกูฟูฟอสส์ (Gufufoss) ที่สวยงามซึ่งอยู่ระหว่างทางด้วย ในเมืองเซย์ดิสฟยอร์ดูร์มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น โบสถ์สีน้ำเงิน ศูนย์ศิลปะ พิพิธภัณฑ์ช่างเทคนิค สระว่ายน้ำ และโรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกต่างหาก โดยไฮไลต์เป็นซากปรักหักพังของโบสถ์ไม้เท้า (Stave church) เก่าแก่ที่นับย้อนไปได้ราวศตวรรษที่ 10 และหลุมฝังศพที่มีอายุมากกว่าโบสถ์เสียอีก และที่นี่ยังมีสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปกป้องไอซ์แลนด์ของทหารฝ่ายพันธมิตรเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองหลงเหลือให้เห็นรอบบริเวณฟยอร์ดด้วย
แต่ทั้งนี้สถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเซย์ดิสฟยอร์ดูร์นั้นคือธรรมชาติที่อยู่ใกล้เคียง เพราะที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกาลาเนส (Skalanes) ที่เป็นศูนย์รวมสัตว์ต่างๆ ทั้งนกเกือบ 50 ชนิด สุนัขจิ้งจอกอาร์กติก และแม้แต่กวางเรนเดียร์ป่าที่พบได้เฉพาะในฝั่งตะวันออกเท่านั้น
ถึงแม้ว่าการเที่ยวบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสทรี และเซดิสฟยอร์ดูร์ภายในหนึ่งวันนั้นจะสามารถเป็นไปได้ แต่ก็แนะนำให้เลือกไปเพียงที่เดียวเท่านั้นเพื่อให้ได้สัมผัสสถานที่แต่ละแห่งอย่างลึกซึ้ง และหลังจากเที่ยวฟยอร์ดทางตะวันออกของไอซ์แลนด์มาหนึ่งวัน คืนนี้คุณจะยังพักที่เมืองหลวงของแถบนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 14 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
วันที่ 14 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- More
- เวสตราฮอร์น
- More
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดสัปดาห์ที่สองในไอซ์แลนด์ของคุณ คุณจะได้ดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ของฟยอร์ดทางตะวันออกอย่างเต็มที่
การเดินทางบนถนนวงแหวนในช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่สวยงามมากที่สุดแล้ว เพราะเส้นทางที่คดเคี้ยวจะพาคุณขึ้นและลงไปตามฟยอร์ดและข้ามผ่านช่องเขา ทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ของผืนแผ่นดินและท้องทะเลที่สวยงามที่สุดของไอซ์แลนด์
นอกจากนี้ยังมีวิวสวยของดินแดนที่อยู่ลึกเข้าไปด้านในที่คุณจะได้เห็นเมื่อเดินทางเลียบธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull glacier) รวมถึงสถานที่อื่นๆ เช่น ภูเขาสไนล์แฟลล์ (Mount Snaefell) ซึ่งมีความสูงมากที่สุดในไอซ์แลนด์และตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง
ดินแดนแถบนี้ไม่ค่อยมีมนุษย์อาศัยอยู่จึงยังมีสัตว์ป่ามากมาย เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ วันนี้คุณก็จะได้เห็นนกพัฟฟินและนกทะเลสายพันธุ์ต่างๆ ตลอดจนแมวน้ำ วาฬ โลมา และเรนเดียร์ด้วยถ้าคุณโชคดีและตาไว
แม้ว่าจะมีคนอาศัยอยู่น้อยมาก แต่ในบริเวณนี้ก็ยังมีหมู่บ้านตั้งอยู่ตามซอกมุมต่างๆ ของฟยอร์ดให้คุณพอได้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านแต่ละแห่งนั้นใช้ชีวิตตามวิถีแบบดั้งเดิม และยังรักษาขนบธรรมเนียมในการทำประมงแบบเก่าๆ ของชาวไอซ์แลนด์เอาไว้ ทุกหมู่บ้านมีเสน่ห์เฉพาะตัวและดึงดูดนักท่องเที่ยวหลากหลายประเภท
สต็อดวาร์ฟยอร์ดูร์ (Stodvarfjordur) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีความสวยงาม และคุณสามารถเดินป่าไปชมน้ำตกซึ่งมีอยู่หลายแห่ง ในหมู่บ้านมีโบราณสถานเป็นบ้านลองเฮ้าส์เก่าแก่ของชาวไวกิ้งจำนวนสองหลังที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณค.ศ. 800 หรือประมาณ 30 ปีก่อนหน้าที่ไอซ์แลนด์จะมีคนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ โดยตัวบ้านจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยาวมากๆ
ส่วนมยอฟยอร์ดูร์ (Mjoifjordur) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีขนาดเล็กที่สุดของไอซ์แลนด์ นอกจากธรรมชาติที่รายล้อมรอบหมู่บ้านแล้ว สิ่งที่น่าสนใจในหมู่บ้านนี้คือตำนานพื้นบ้าน ประภาคาร คุกร้าง และสถานีล่าวาฬที่ไม่ได้ใช้งานมานาน
จูปิโวกูร์ (Djupivogur) เป็นหนึ่งในชุมชนแห่งสุดท้ายที่อยู่ไกลที่สุดของทริปนี้ ผู้คนเมืองนี้ใช้ชีวิตแบบสบาย ในเมืองมีสระน้ำร้อนริมทะเล และมีผลงานศิลปะสาธารณะที่โด่งดังอย่าง Eggs of Merry Bay ที่ศิลปินนำไข่นกมาจัดแสดงให้ชม
ระหว่างที่คุณเดินทาง คุณอาจจะแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติแบบลับๆ ที่ระบุเอาไว้ในแผนการเดินทางที่คุณได้รับด้วยก็ได้ เช่น เอสตราฮอร์น (Eystrahorn) "เขาแหลม" บรรยากาศอึมครึมที่เกิดจากหินแกบโบร และเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) ที่หนาตาคล้ายกันมากแต่อยู่ในเมืองเฮิฟน์ (Hofn)
เฮิฟน์เป็นเมืองที่สวยงามและเป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางขนาบด้วยฟยอร์ดทางตะวันออกและอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull National Park) จึงมีบรรยากาศดีเหมาะสำหรับใช้เป็นที่พักในคืนนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 15 - คาบสมุทรทางใต้
วันที่ 15 - คาบสมุทรทางใต้
- คาบสมุทรทางใต้
- More
- ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
- ไดมอนด์ บีช
- เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
- สวาร์ติฟอสส์
- More
ในวันที่สิบห้าของทริปวันหยุดนี้ คุณจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดและมีความหลากหลายที่สุดของไอซ์แลนด์
อันดับแรกคือโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) ทะเลสาบธารน้ำแข็งที่กว้างขวางและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ระหว่างผืนน้ำแข็งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลและมหาสมุทร ทะเลสาบอันกว้างใหญ่แห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แตกตัวออกมาจากธารน้ำแข็ง บางลูกนั้นมีขนาดใหญ่มากจนแมวน้ำทั้งฝูงขึ้นไปอาศัยอยู่ได้แบบสบายๆ
คุณสามารถเดินชมความสวยงามน่าอัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้ได้จากทั้งสองฝั่ง และผู้ที่ต้องการสัมผัสกับภูเขาน้ำแข็งแบบใกล้ชิดมากขึ้น สามารถเลือกใช้บริการทัวร์ล่องเรือแบบใดแบบหนึ่งจากสองตัวเลือก
อันแรกเป็นทัวร์เรือสะเทินน้ำสะเทินบกที่คุณจะได้นั่งจากบนบกลงไปในน้ำ ส่วนตัวเลือกที่สองเป็นทัวร์เรือท้องแบนโซดิแอก ซึ่งสามารถพาคุณเข้าใกล้น้ำแข็งได้มากกว่าแต่ก็มีราคาแพงกว่าเช่นกัน แต่ทั้งสองโปรแกรมก็จะพาคุณเข้าใกล้ภูเขาน้ำแข็งมากจนคุณสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสหรือแกะเอาเศษน้ำแข็งมาชิมดูได้
เมื่อภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้แตกตัวออกเป็นขนาดที่เล็กพอจะลอดผ่านช่องแคบที่เชื่อมทะเลสาบกับมหาสมุทรได้ พวกมันก็จะเคลื่อนตัวเดินทางออกสู่ภายนอกทะเลสาบและบางส่วนจะถูกซัดขึ้นไปบนหาดทรายสีดำ และก้อนน้ำแข็งเหล่านี้จะส่องประกายระยิบระยับในขณะที่ค่อยๆ ละลายมองดูคล้ายกับเป็นอัญมณี และเนื่องจากภาพของน้ำแข็งและทรายสีดำมีความคอนทราสตัดกันอย่างงดงาม หาดทรายแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าหาดเพชร หรือไดมอนด์บีช
ในแผนการเดินทางที่คุณได้รับยังมีสถานที่อีกหนึ่งแห่งที่นักท่องเที่ยวและกรุ๊ปทัวร์ส่วนใหญ่มักจะมองข้าม นั่นก็คือทะเลสาบธารน้ำแข็งฟยาลซาร์ลอน (Fjallsarlon) แม้ว่าทะเลสาบแห่งนี้จะมีขนาดเล็กกว่าโจกุลซาลอนนิดหน่อย แต่ข้อดีก็คือคุณสามารถชื่นชมความงามและถ่ายภาพประติมากรรมน้ำแข็งได้โดยไม่ต้องแก่งแย่งกับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
สถานที่ท่องเที่ยวหลักแห่งสุดท้ายของวันนี้คือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ซึ่งเมื่อก่อนสกัฟตาเฟลล์เคยเป็นอุทยานแห่งชาติแยกต่างหากก่อนที่จะไปรวมกับอุทยานฯ วัทนาโจกุล พื้นที่นี้มีธรรมชาติที่สวยงามและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งธารน้ำแข็ง ทะเลสาบธารน้ำแข็งแห่งอื่นๆ ภูมิประเทศแบบภูเขาไฟ ทุ่งลาวา และกระทั่งผืนป่า
เส้นทางเดินป่ายอดนิยมในแถบนี้เป็นเส้นทางไปน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับสถาปัตยกรรมมากมายในไอซ์แลนด์ เช่น โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja) และฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์ (Harpa Concert Hall)
อีกเส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางไปสวีนาเฟลล์สโจกุล (Svinafellsjokull) ธารน้ำแข็งอีกแห่งที่คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์เสริมเข้าไปในทริปวันนี้ได้เมื่อคุณทำการจองแพ็คเกจขับรถ สวีนาเฟลล์สโจกุลเป็นหนึ่งในแผ่นน้ำแข็งที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดในประเทศ ที่นี่มีลักษณะคล้ายกับสันเขา มีเหวลึก และการก่อตัวของน้ำแข็งที่ไม่ธรรมดา ซึ่งมักจะมีถ้ำน้ำแข็งและปรากฏการณ์อื่นๆ เกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทิวทัศน์เมื่อมองลงมาจากมุมสูงนั้นสวยงามมาก และการเดินทางขึ้นไปที่ด้านบนจะมอบประสบการณ์ในการเที่ยวธารน้ำแข็งที่น่าประทับใจให้กับคุณ
ทั้งนี้ ในวันนี้จะต่างจากวันอื่นๆ ในทริปตรงที่คุณไม่ต้องเลือกว่าจะทำกิจกรรมไหนดีระหว่างทัวร์ล่องเรือกับทัวร์ปีนธารน้ำแข็ง เพราะคุณสามารถทำทั้งสองอย่างได้ในวันนี้และเราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาด หลังจากเพลินเพลินกับสถานที่และประสบการณ์แอดเวนเจอร์ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลจนเหนื่อยแล้ว คุณจะเดินทางไปตามชายฝั่งทางใต้อีกเล็กน้อยเพื่อไปยังหมู่บ้านวิก (Vik) ที่คุณจะพักค้างคืนในคืนนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 16 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
วันที่ 16 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- More
- หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
- โขดทะเลเรนิสดรังการ์
- ดิร์โฮลาเอย์
- น้ำตกสโกกาฟอสส์
- น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
- More
ในวันที่สิบหกของโร้ดทริปสามสัปดาห์รอบไอซ์แลนด์ในฤดูร้อน คุณจะเดินทางบนเส้นทางที่สวยงามบนชายฝั่งทางใต้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะใช้เส้นทางนี้โดยขับรถมาจากเรคยาวิก แต่คุณจะเดินทางย้อนศรกับคนส่วนใหญ่ ทำให้คุณได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แบบไม่วุ่นวายมากนักเนื่องจากเป็นคนละช่วงเวลากับที่คนส่วนใหญ่เข้าชม
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งแรกที่แนะนำให้คุณเดินทางไปคือฟยาดราวกยูเฟอร์ (Fjadrargljufur) หุบเขาลึกแห่งยุคน้ำแข็ง กำแพงธรรมชาติที่มีความสูง 330 ฟุต (100 ม.) บวกกับเส้นทางที่คดเคี้ยวระยะทาง 1.2 ไมล์ (2 กม.) ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่น่าเดินมากไม่ว่าจะเดินชมจากด้านบนหรือเดินเข้าไปด้านใน ทั้งนี้ หากคุณเลือกที่จะเข้าไปสำรวจหุบเขานี้ด้วยการเดินป่าเข้าไปด้านใน คุณอาจจะต้องเดินลุยน้ำไปตามแม่น้ำฟยาดรา (Fjadra) ด้วย ซึ่งแม้จะลำบากหน่อยแต่ก็น่าจะสนุกสนานไม่น้อย
เมื่อเดินทางต่อไปตามถนนหมายเลข 1 ภูมิประเทศที่คุณเห็นจะเปลี่ยนจากภูเขาและผืนน้ำแข็งไปเป็นทุ่งลาวาที่สวยงาม หากคุณอยากลงไปเดินสำรวจภูมิประเทศที่แห้งแล้งและแปลกประหลาดแถวนี้ คุณก็สามารถจอดรถที่บริเวณลานจอดรถริมถนนและลงไปเดินตามเทรลได้
ขับไปอีกหน่อยตามถนนวงแหวน คุณจะไปถึงหมู่บ้านวิก ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่สวยแปลกตา หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ข้างหาดเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่งดงาม ชายฝั่งทะเลแถวนี้ทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา เคียงคู่กับผืนทรายภูเขาไฟที่เป็นสีดำ และเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติกที่ม้วนตัวกระแทกกระทบกับผืนทรายอยู่ทุกวี่วัน นอกจากนี้ บริเวณหาดแห่งนี้ยังมีโขดทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่เป็นหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ให้ชมด้วย ซึ่งเรนิสแดรงเกอร์นี้มีตำนานที่น่าสนใจมาก
ก่อนจะเดินทางออกจากพื้นที่นี้ คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ที่สนุกตื่นเต้นไม่เหมือนใครได้ ทัวร์นี้ออกเดินทางจากวิกและจะพาคุณไปสำรวจถ้ำน้ำแข็งที่มิร์ดาร์ลสโจกุลล์ (Myrdalsjokull) ธารน้ำแข็งชื่อดังที่ครอบอยู่บนภูเขาไฟคัทลา (Katla) ทัวร์ถ้ำน้ำแข็งเป็นกิจกรรมที่น่าทึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ และเปิดให้เข้าไปชมได้เฉพาะในช่วงกลางฤดูหนาวเท่านั้น ทำให้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
ไม่ว่าคุณจะเลือกเข้าไปชมโลกที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำแข็งหรือไม่ก็ตาม จุดหมายปลายทางต่อไปของคุณคือหินโค้งดิร์โอลาเอย์ (Dyrholaey) ซึ่งเป็นซุ้มที่เกิดจากการก่อตัวของหินและมีขนาดใหญ่มากจนเรือสามารถแล่นผ่านและเครื่องบินเล็กสามารถบินลอดได้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ดูนกพัฟฟินริมหาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งด้วย โดยมีนกพัฟฟินมาทำรังหลายพันคู่และคุณสามารถเดินเข้าไปดูพวกมันในระยะไม่กี่ฟุตได้
จุดหมายปลายทางสามแห่งสุดท้ายของวันนี้เป็นน้ำตกที่สวยกินกันไม่ลง ที่แรกเป็นน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ที่ทรงพลังมากที่สุด และส่งเสียงกึกก้องกังวานเมื่อมวลน้ำไหลดิ่งจากหน้าผาสูง 197 ฟุต (60 ม.) ด้วยพละกำลังมหาศาล ลงมากระแทกกับโขดหินเบื้องล่างจนเกิดเป็นละอองฝอยฟุ้งกระจายปกคลุมไปทั่วบริเวณ
แห่งที่สองคือน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ที่สูงพอๆ กับน้ำตกสโกกาฟอสส์ แต่มีพลังน้อยกว่ามากและสงบเงียบมากกว่า โดยมีน้ำไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ และมีความพิเศษตรงที่มีถ้ำขนาดใหญ่ที่ปากถ้ำเปิดปากกว้างอยู่ที่ด้านหลังน้ำตก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินอ้อมรอบสายน้ำที่ตกลงมาเพื่อถ่ายรูปจากมุมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนน้ำตกที่อื่น
น้ำตกแห่งที่สามนั้นตั้งอยู่ข้างๆ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ แต่อาศัยรอยแยกริมหน้าผาเป็นที่กำบังหลบซ่อนตัวจากนักท่องเที่ยวได้อย่างมิดชิด น้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljufrabui) มีขนาดเล็กกว่าสองแห่งก่อนหน้า แต่ก็น่าสนใจและงดงามตรงที่มีสายน้ำไหลผ่านหินและถ้ำที่ปกคลุมด้วยมอสส์
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในโรงแรมแถวเซลฟอสส์ หรือหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียง
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 17 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
วันที่ 17 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- More
ในวันที่สิบเจ็ดของทริปขับรถเที่ยวรอบไอซ์แลนด์สามสัปดาห์ในหน้าร้อน คุณและเพื่อนร่วมทริปสามารถเลือกใช้เวลากับสิ่งที่คุณสนใจในวันนี้ได้หลายแบบด้วยกัน คุณจะไปเที่ยวเขตอนุรักษ์ลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar) ในเขตไฮแลนด์ ซึ่งเป็นผืนป่าโอเอซิสท่ามกลางหุบเขาธอร์สมอร์ค (Thorsmork) หรือจะเลือกนั่งเรือเฟอร์รี่ไปชมสถานที่น่าสนใจบนหมู่เกาะเวสต์แมน (Westman) ที่มีทั้งภูเขาไฟ ประวัติศาสตร์ และสัตว์ให้คุณชมก็ได้
ลานมันนาเลยการ์เป็นดินแดนที่งดงามอยู่ลึกเข้าไปที่ด้านในแผ่นดิน ที่นี่มีภูเขาหินไรโอไลต์หลากสีสันที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมของภูเขาไฟ ทั้งสีเขียว ชมพู และเหลือง และยังมีน้ำพุร้อนธรรมชาติที่งดงามให้คุณลงไปแช่ตัวด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เขตอนุรักษ์แห่งนี้ยังมีเส้นทางเดินป่ามากมายหลายเส้นทางที่จะพาคุณไปยังปากปล่องภูเขาไฟ ทะเลสาบ และจุดชมวิวที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับภูมิทัศน์ของไฮแลนด์แบบเต็มๆ
คุณสามารถเดินทางไปด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าหากคุณอยากมีไกด์คอยนำทาง แนะนำให้ไปกับทัวร์ซูเปอร์จี๊ปซึ่งจะสนุกสนานมากกว่าไปเอง ทัวร์ไปลานมันนาเลยการ์นี้จะออกเดินทางจากหมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน
เลยกาแวกูร์ (Laugavegur) มีไฮกิ้งเทรลระยะเวลาหลายวันที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศ
และแม้ว่าเส้นทางเดินป่าที่นี่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ลานมันนาเลยการ์และหุบเขาธอร์สมอร์ค แต่พื้นที่ทั้งสองแห่งก็มีความแตกต่างกันมาก ลานมันนาเลยการ์นั้นแทบไร้สิ่งมีชีวิตและมีภูมิประเทศแบบไฮแลนด์ ส่วนธอร์สมอร์คเป็นหุบเขาร่มรื่น และเพราะล้อมรอบด้วยผืนน้ำแข็งสวยๆ 3 แห่ง หุบเขานี้จึงมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าที่จะพาคุณไปยังสถานที่สุดพิเศษมากมาย
คุณสามารถสำรวจธอร์สมอร์คได้ด้วยตัวเองหรือจะไปกับไกด์ทัวร์ก็ได้เช่นกัน (โปรแกรมนี้จะออกเดินทางจากควอลส์เวิลลูร์) คุณจะสามารถไปชมสถานที่ทั้งสองแห่งบนเส้นทางเดินป่าเลยกาแวกูร์นี้ได้ภายในวันเดียว แต่ถ้าทำแบบนั้นคุณก็จะต้องออกเดินทางแต่เช้าตรู่และกลับดึกมากด้วย
อีกตัวเลือกหนึ่งคือการไปเที่ยวหมู่เกาะเวสต์แมน หลังจากขับรถไปที่ท่าเรือบนชายฝั่งทางใต้ คุณจะได้เดินทางไปยังหมู่เกาะภูเขาไฟที่มีโลกที่น่าอัศจรรย์รอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์จะประทับใจกับเรื่องราวการบุกโจมตีของโจรสลัดที่หมู่เกาะแห่งนี้เมื่อศตวรรษที่ 17 คุณสามารถติดตามเรื่องราวเหล่านี้ได้ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่ซานไฮมาร์ (Sagnheimar Folk Museum) ผู้ที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมของภูเขาไฟ สามารถไปเที่ยวที่ภูเขาไฟเอลด์บอร์ก (Eldborg) เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดกลางเมืองเมื่อปี 1973 ซึ่งเกือบจะทำลายทุกชีวิตบนเกาะนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์เอลด์เฮมาร์ (Eldheimar Museum)
แต่ถ้าคุณสนใจธรรมชาติและสัตว์ของประเทศไอซ์แลนด์ หมู่เกาะเวสต์แมนก็จะน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะที่นี่เป็นสถานที่ทำรังของนกพัฟฟินแอตแลนติก มีนกนับล้านๆ ตัวมาทำรัง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ คุณสามารถเดินป่ารอบๆ เกาะเฮไมย์ (Heimaey) ซึ่งเป็นเกาะหลัก เพื่อชมสัตว์โลกที่แสนน่ารักนี้ได้บนสถานที่ต่างๆ บนเกาะ
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจใช้เวลาในวันที่สิบเจ็ดนี้อย่างไร คืนนี้คุณก็จะกลับไปพักที่โรงแรมเดิมที่เดียวกับคืนก่อน
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 18 - เรคยาวิก
วันที่ 18 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- More
วันที่สิบแปดของวันหยุดสามสัปดาห์หน้าร้อนที่ไอซ์แลนด์จะเป็นวันสุดท้ายที่คุณจะใช้เวลาบนท้องถนน และเป็นวันที่คุณจะเดินทางบนเส้นทางวงกลมทองคำ เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ
เมื่อไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไมเส้นทางนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) เป็นน้ำตกที่มีความพิเศษ มีสายน้ำไหลลดหลั่นสองชั้นถาโถมลงหุบเขาลึกที่ดำรงอยู่มาแต่ยุคน้ำแข็ง น้ำตกกุลล์ฟอสส์มีความสูงถึง 105 ฟุต (32 ม.) และเสน่ห์ของน้ำตกแห่งนี้อยู่ที่พละกำลังของน้ำ สภาพแวดล้อมที่สงบเงียบโดยรอบ และสายรุ้งที่พาดผ่านท่ามกลางละอองน้ำในวันที่แดดจัด
ผู้ที่ชอบทำกิจกรรมตื่นเต้นสามารถเพิ่มทัวร์ขี่สโนว์โมบิลเข้าไปในทริปวันนี้ได้ ซึ่งทัวร์นี้ออกเดินทางจากลานจอดรถของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ และคุณจะได้นั่งรถซูเปอร์จี๊ปที่พาขึ้นไปตามทางลาดชันของธารน้ำแข็งลางโจกุลต้นน้ำของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ และเมื่อเสร็จกิจกรรมก็จะพาคุณกลับมาส่งที่เดิม ทริปนี้คุณจะได้ทำอะไรสนุกๆ และยังจะได้เพลิดเพลินกับวิวที่งดงามของไฮแลนด์ด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวบนวงกลมทองคำแห่งที่สองคือน้ำพุร้อนในทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ น้ำพุร้อนที่ขยันพ่นน้ำที่สุดในปัจจุบันคือน้ำพุร้อนสโทรคูร์ ที่พ่นน้ำทุกห้าถึงสิบนาที และบางครั้งพ่นน้ำได้สูงกว่า 66 ฟุต (20 ม.) เลยทีเดียว การมาดูน้ำพุร้อนพ่นน้ำขึ้นฟ้าในช่วงหน้าร้อนถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่น้อย และพื้นที่แถบนี้ยังเต็มไปด้วยบ่อน้ำร้อน ช่องไอน้ำ และบ่อโคลนด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวหลักแห่งที่สามและแห่งสุดท้ายบนเส้นทางนี้คือธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกเพียงแห่งเดียวบนแผ่นดินของไอซ์แลนด์ และจะเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่สามและแห่งสุดท้ายที่คุณจะได้ไปเยือนในประเทศนี้ อีกทั้งยังมีความพิเศษแบบไม่มีที่ไหนเทียบได้ ด้วยเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งลาวา ผืนป่า และประวัติศาสตร์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเชียน
เนื่องจากธิงเวลลีร์ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสองทวีป ทำให้บริเวณนี้เต็มไปด้วยหุบเหวที่เกิดขึ้นเมื่อเปลือกโลกแยกตัวออกจากกัน และมีน้ำใต้ดินที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุลเข้ามาเติมเต็ม ซึ่งระหว่างเดินทางน้ำเหล่านี้ไหลซึมผ่านหินบะซอลต์ที่มีรูพรุนมาเป็นเวลาหลายปี จึงถูกกรองจนมีความใสประดุจแก้วคริสตัล กลายเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาดใส ดึงดูดให้คนมาดำน้ำมากมาย ทั้งดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลและดำน้ำลึก
หากคุณไม่ได้เลือกไปกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิล คุณสามารถเลือกไปกับทัวร์ดำน้ำสน็อกเกิลที่ในรอยแยกซิลฟราก็ได้ โดยคุณจะสวมใส่ชุดดรายสูทที่สามารถปกป้องร่างกายจากความเย็นของน้ำได้เป็นอย่างดี และลงไปชื่นชมทัศนียภาพใต้น้ำที่สวยงามที่สุดในโลก และเมื่อลงไปคุณจะพบว่าทัศนวิสัยใต้น้ำที่สามารถมองเห็นได้ไกลกว่า 328 ฟุต (100 ม.) และมีเฉดสีฟ้าที่สวยงามกว่าที่คุณคาดคิด
แม้ว่าน้ำตกกุลฟอสส์ น้ำพุสโทรคูร์ และอุทยานฯ ธิงเวลลีร์จะเป็นสถานที่เที่ยวหลักสามแห่งบนเส้นทางวงกลมทองคำ แต่ก็ยังมีสถานที่ลับล้ำค่าน่าเที่ยวซ่อนอยู่มากมายนอกเส้นทางหลัก ซึ่งคุณสามารรถเดินทางไปชมได้ก่อนที่จะกลับเข้าเรคยาวิก ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid) นั้นมีเสน่ห์น่าสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากสามารถเดินป่าขึ้นไปชมได้ง่าย และหินที่มีสีแดงกับน้ำที่มีสีฟ้าสดนั้นตัดกันอย่างสุดขั้ว แต่ทว่าสวยงามมาก
หลังจากท่องเที่ยวบนถนนเป็นวันสุดท้ายแล้ว คุณจะเดินทางกลับเข้าไปในเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ในคืนนี้ โดยที่หัวใจพองโตอิ่มเอมไปด้วยความสุขและความสนุกสนานจากกิจกรรมผจญภัยในวันที่ผ่านๆ มา
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 19 - เรคยาวิก
วันที่ 19 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
ในวันที่สิบเก้าที่ไอซ์แลนด์ คุณอาจจะอยากพักผ่อนอยู่ในเมืองหลวงบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการได้เดินเล่นไปตามท้องถนนที่มีเสน่ห์น่าสนใจ ผ่อนคลายอยู่ในสระว่ายน้ำ หรือใช้เวลายามบ่ายไปกับการแฮงก์เอาท์ในบาร์ที่มีสไตล์ไม่เหมือนที่ไหน เป็นวิธีรีแล็กซ์ที่ดีที่สุดแล้วหลังจากที่เดินทางบนท้องถนนมาสิบหกวัน
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการผจญภัยเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์การเที่ยวไอซ์แลนด์แบบคลาสสิกกันต่อ ในวันนี้ก็มีกิจกรรมที่น่าสนใจอยู่สองแบบด้วยกัน อย่างแรกคือทัวร์ขี่ม้าระยะเวลา 2 ชั่วโมงในหุบเขามอสเฟลส์ดาลูร์ (Mosfellsdalur) ในเขตชานเมืองของเรคยาวิก ที่แม้ว่าจะอยู่ใกล้กับเมืองหลวง แต่ก็มีกลิ่นอายความเป็นชนบท ซึ่งมีเส้นทางขึ้นเขาลงเขา มีโบสถ์ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า และพื้นที่ฟาร์มเกษตรกรรม การขี่ม้าไอซ์แลนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความมีเสน่ห์เพื่อชมความงามของทิวทัศน์เหล่านี้จึงเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ทัวร์นี้ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนเข้าร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่ชำนาญการขี่ม้าอยู่แล้ว
ส่วนตัวเลือกกิจกรรมอย่างที่สองอาจจะมีราคาแพงกว่า แต่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไม่สามารถหาได้ที่ไหนอีกบนโลกใบนี้ นั่นก็คือทัวร์เข้าไปชมที่ด้านในภูเขาไฟ หลังจากที่ไปเจอกับไกด์นำทางแล้ว คุณจะต้องเดินเท้าข้ามที่ราบที่เต็มไปด้วยลาวาที่เย็นแล้วเพื่อไปลงลิฟต์แบบที่ใช้หย่อนตัวลงไปในเหมือง โดยคุณจะได้รับอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยมาสวมใส่ รวมถึงอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ ก่อนที่จะลงไปสำรวจโถงแมกมาใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีสีสันสดใส
โดยปกติเมื่อภูเขาไฟสงบลงแล้ว ของเหลวที่ร้อนระอุจะถูกระบายออกจากโถงแมกมาเหล่านี้ไปจนหมดสิ้น จึงเหลือแต่ความว่างเปล่า และมักจะยุบตัวลงไปเอง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นที่ทรีฮนูคาร์กีกูร์ (Thrihnukagigur) ในทางตรงกันข้าม ที่นี่กลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่มาก ซึ่งใหญ่เสียจนสามารถนำสิ่งปลูกสร้างอย่างโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja) หรือเทพีเสรีภาพมาใส่เข้าไปได้ และบนผนังยังคงมีรอยเปื้อนของลาวาให้เห็น ทิ้งเศษซากของแร่ธาตุต่างๆ เอาไว้ให้เห็นเป็นสีสันที่หลากหลายทั้งสีแดง เหลือง และเขียว ทำให้มองดูสวยงามยิ่งนัก
เมื่อลงลิฟต์ไปถึงด้านล่าง คุณจะได้ไปเดินสำรวจโถงแมกมาที่ว่างเปล่าเหล่านั้น รับรองว่าคุณจะต้องตะลึงพรึงเพริดไปกับความงดงามของโลกใต้พิภพที่นี่อย่างแน่นอน และเมื่อกลับไปถึงในเมืองเรคยาวิก คุณยังสามารถไปแวะร้านอาหาร บาร์ หรือเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองใต้ความสว่างไสวของพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อีก ก่อนจะกลับเข้าที่พักในคืนนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 20 - เรคยาวิก
วันที่ 20 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
ในวันก่อนวันสุดท้ายของทริปสามสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ คุณก็จะยังคงเที่ยวอยู่ในเรคยาวิก และเนื่องจากคุณได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติมาอย่างมากมายแล้ว ตอนนี้จึงเป็นเวลาสำหรับการเสพวัฒนธรรมของประเทศไอซ์แลนด์กันบ้าง เมืองหลวงของประเทศนี้มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าคุณจะสนใจในดนตรี นิทานพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์ หรือธรรมชาติ และก็ยังมีแกลเลอรี่ให้เข้าชมมากมายเช่นกัน ซึ่งจัดแสดงผลงานของประติมากรและจิตรกรชาวไอซ์แลนด์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
สระว่ายน้ำ เช่นที่เลยการ์ดาลสเลยก์ (Laugardalslaug) ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการไปพบปะพูดคุยกับคนในท้องถิ่นและเพื่อนนักเดินทาง ส่วนสวนสาธารณะและสถานที่ธรรมชาติ เช่น ที่เซลท์ยาร์นาร์เนส (Seltjarnarnes) และเกาะวิเดย์ (Videy) นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหาความสุขท่ามกลางความสันโดษ หรือหากคุณต้องการเลือกซื้อของฝากก็สามารถไปที่ถนนเลยกาแวร์กูร์ (Laugavegur) ที่เป็นถนนช็อปปิ้งสายหลัก ตลาดนัดฟลีมาร์เก็ตที่โคลาพอร์ทิด (Kolaportid) หรือไปที่ย่านแกรนดิ (Grandi) แหล่งรวมความฮิปแห่งใหม่ของเมืองก็ได้
ส่วนสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดชมในเมืองหลวง ได้แก่ โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja) ฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์ (Harpa Concert Hall) ศูนย์จัดนิทรรศกาลพาร์ลาน (Perlan) และประติมากรรมซันโวยาจเจอร์ (Sun Voyager)
หากคุณอยากเพิ่มกิจกรรมพิเศษเข้าไปในทริปวันนี้ แนะนำให้จองบัตรผ่านเข้าเดอะฟลายโอเวอร์ (FlyOver) แล้วคุณจะได้ไปเห็นวิวของไอซ์แลนด์เมื่อมองจากมุมสูงในแบบที่ไม่ต้องเดินทางออกจากเมืองเลย ซึ่งสำหรับกิจกรรมแบบอินเทอร์แอกทีฟนี้ คุณจะขึ้นไปบนเครื่องเล่นที่เหมือนกับร่มร่อนพาราไกลด์ดิ้งและห้อยต่องแต่งอยู่เหนือจอขนาดยักษ์ที่เผยให้เห็นธรรมชาติอันน่าทึ่ง พร้อมกับเอฟเฟกต์พิเศษสมจริงที่มีทั้งลม หมอก และกลิ่น
อย่างไรก็ตาม ทริปขับรถเที่ยวด้วยตัวเองนี้คุณมีอิสรภาพอย่างเต็มที่ หากคุณไม่ชอบบรรยากาศของการเที่ยวอยู่ในป่าคอนกรีต คุณก็ยังมีรถให้ขับไปเที่ยวที่อื่นได้ อย่างเช่น ทางตอนใต้ และทางตะวันตกของประเทศ คุณอาจจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณยังไม่ได้ไปเห็น หรือคุณจะกลับไปซ้ำในที่ที่คุณโปรดปรานก็ยังได้ คืนสุดท้ายนี้คุณจะพักค้างคืนในเมืองเรคยาวิก
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 21 - เรคยาวิก
วันที่ 21 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
น่าเศร้าที่วันที่ 21 นี้เป็นวันสุดท้ายของทริปวันหยุดหน้าร้อนสามสัปดาห์ของคุณที่ไอซ์แลนด์แล้ว แต่คุณก็ได้เที่ยวภูมิภาคต่างๆ ไปเยอะพอสมควรแล้ว และโร้ดทริปครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
วันนี้คุณต้องนำรถเช่าไปคืนที่สนามบินก่อนที่คุณจะขึ้นเครื่องบิน สำหรับผู้ที่เที่ยวบินอยู่ในช่วงสายหน่อยและเลือกที่จะไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ คุณจะได้ผ่อนคลายร่างกายก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก แต่ถ้าหากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข เราหวังว่าจะคุณจะกลับมาเที่ยวไอซ์แลนด์อีกครั้งในเร็ววัน เพื่อไปชมสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ เพื่อสำรวจสีสันในช่วงฤดูหนาว หรือท่องเที่ยวลึกเข้าไปในพื้นที่ไฮแลนด์ ขอบคุณที่มาท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์!
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
แพ็คเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเริ่มต้นออกเดินทางได้ทั้งจากตัวเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) และสนามบินเคฟลาวิก ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่และมีประสบการณ์ในการขับรถอย่างน้อย 1 ปี และรายละเอียดโปรแกรมท่องเที่ยวอาจมีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับวันและเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์
สำหรับกิจกรรมเสริมบางอย่างนั้นคุณอาจจำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่หรืออาจต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนโปรแกรมของคุณ นอกจากนี้คุณอาจต้องใช้เอกสารทางการแพทย์ด้วยในกรณีที่คุณเลือกทำกิจกรรมอย่างการดำน้ำหรือการดำน้ำตื้น
ทั้งนี้ ในพื้นที่ฟยอร์ดทางตะวันตกนั้นไม่มีที่พักระดับควอลิตี้ ลูกค้าที่ไปเยือนฟยอร์ดทางตะวันตกจะได้เข้าพักในที่พักระดับที่มีความสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่จะหาได้
รีวิวที่รับรองแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด