ทัวร์ชมแสงเหนือไอซ์แลนด์ 5 วันแบบมีไกด์พร้อมวงกลมทองคำ ชายฝั่งทางใต้ และสไนล์แฟลซเนส

ทัวร์ชมแสงเหนือไอซ์แลนด์ 5 วันแบบมีไกด์พร้อมเที่ยววงกลมทองคำ ชายฝั่งทางใต้ และสไนล์แฟลซเนส
มีแนวโน้มที่จะขายออกเร็ว ๆ นี้
ไม่คิดค่ายกเลิก
บริการ 24 ชั่วโมง
การันตีราคาที่ดีที่สุด

คำอธิบาย

สรุป

ทัวร์เริ่มจาก
เรคยาวิก ไอซ์แลนด์
เวลาออกเดินทาง
เวลา 08:00
ระยะเวลา
5 วัน
สถานที่สิ้นสุด
เรคยาวิก ไอซ์แลนด์
ภาษา
อังกฤษ
ความยากลำบาก
ง่าย
มีบริการ
ก.ย. - มี.ค.
อายุต่ำสุด
อายุ 8

คำอธิบาย

ท่องเที่ยวกันแบบพิเศษ 5 วันในอุทยานแห่งชาติ รวมถึงทัวร์วงกลมทองคำ (Golden Circle) ชายฝั่งทางใต้ (South Coast) & สไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes) ที่ครอบคลุมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่สำคัญรอบๆ บริเวณทุกแห่ง และกิจกรรมที่น่าประทับใจ ร่วมตรวจสอบการเดินทางทั้ง 5 วันในการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ทางธรรมชาติแห่งไฟและน้ำแข็ง เหมาะสำหรับผู้ที่มาท่านเดียวหรือมาเป็นหมู่คณะ

การเดินทางในวันแรกจะเริ่มจากเมืองเรคยาวิก (Reykjavik)  คุณจะมุ่งหน้าไปยังน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) และน้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) จากนั้นคุณจะได้เดินทางตรงไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส เพื่อชมทางเข้าไปยังในกลางของโลกที่สไนล์เฟลส์โจกุล ภูเขาคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) ที่มีชื่อเสียง ซึ่งแฟนภาพยนต์เรื่องมหาศึกชิงบัลลังฆ์ (Game of Thrones) จะต้องตื่นเต้นกับการได้เห็นทุ่งลาวาและชายหาดสีดำที่น่าตื่นตา คุณจะได้มีโอกาสในการชมแสงเหนือหากคุณโชคดี และสภาพอากาศเอื้ออำนวย

เดินทางไปกับการเดินทางอันแสนพิเศษ ที่คุณจะได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ เช่น น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) บริเวณทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir) อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir)  และปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid) เส้นทางวงกลมทองคำ (Golden circle) เป็นเส้นทางที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งสถานที่ต่างๆ บนเส้นทางนี้มีความหลากหลายและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง เพื่อทำให้การเดินทางพิเศษขึ้นไปอีก เราจะหยุดแวะที่ฟาร์มท้องถิ่นเพื่อชิมไอศกรีมโฮมเมดกันด้วย

เป็นที่รู้กันว่าประเทศไอซ์แลนด์มีน้ำตกจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่รอบๆ ประเทศ คุณจะได้มีโอกาสได้ไปชมน้ำตกหลายแห่งในทัวร์นี้ ทั้งน้ำตกสโคกาฟอสส์ (Skógafoss) และน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ที่คุณจะได้ไปเยี่ยมเยือนระหว่างการเดินทางไปยังชายฝั่งทางใต้ การปีนธารน้ำแข็งสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull) ไปพร้อมกับคำแนะนำจากไกด์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของเรา หรือไกลออกไปทางตะวันออกคุณจะได้หยุดแวะที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jökulsárlón) และไดมอนด์บีช (Diamond beach) อันงดงามที่อยู่ถัดออกไป พร้อมทั้งทิวทัศน์ของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือถ้ำน้ำแข็งสีฟ้า ไกด์ที่มากประสบการณ์ของเราจะนำคุณไปสำรวจถ้ำน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ภายในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้เห็น นั่นทำให้การได้มีโอกาสชมถ้ำน้ำแข็ง นับว่าเป็นประสบการณ์อันแสนพิเศษ เราขอแนะนำให้คุณเปิดปฏิทิน และตรวจสอบวันว่างของคุณตอนนี้ เพื่อเข้าร่วมในการออกเดินทางสำรวจทั้งทางใต้และตะวันตกของประเทศไอซ์แลนด์ไปกับเรา

อ่านเพิ่ม

ร่วมด้วย

ไกด์ภาษาอังกฤษที่เชี่ยวชาญในการปีนธารน้ำแข็งและได้การรับรอง
รถมินิบัสพร้อม Wi-Fi บนรถที่เปิดเพลงของประเทศไอซ์แลนด์ระหว่างการเดินทางด้วย
ที่พัก 4 คืนในโรงแรมระดับ 3 ดาวพร้อมอาหารเช้าและห้องน้ำส่วนตัว
พื้นที่เก็บสัมภาระหนึ่งชิ้น ขนาดไม่เกิน 24 นิ้ว (61 เซนติเมตร)

แผนที่

สถานที่ท่องเที่ยว

กิจกรรม

ปีนธารน้ำแข็ง
เที่ยวถ้ำ
ไฮกิ้ง (เดินป่า)
นั่งซูเปอร์จี๊ป
เที่ยวชมสถานที่
ล่าแสงเหนือ
เที่ยวถ้ำ

แผนการเดินทางรายวัน

วัน 1
ภาพน้ำตกไหลลงไปยังแม่น้ำที่งดงามในทางตะวันตกของประเทศไอซ์แลนด์

วัน 1 - เดินทางไปยังฝั่งตะวันตก

เราจะเริ่มต้นการเดินทางด้วยการมุ่งหน้าไปยังไอซ์แลนด์ตะวันตก บอร์การ์ฟอย์ดูร์ (Borgarfjörður) มีทั้งน้ำตก ทุ่งลาวาสีดำและถ้ำ ชายหาดทรายดำและธารน้ำแข็งสไนล์เฟลส์โจกุล (Snæfellsjökull) ที่อยู่ไม่ไกลกัน

ทริปนี้ออกเดินทางจากเมืองเรคยาวิก โดยไกด์จะไปรับคุณและพาคุณมุ่งหน้าผ่านไปยังภูเขาเอสยา (Esja) ที่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองเรคยาวิก หลังจากนั้นคุณจะได้เดินทางไปยังอุโมงค์ที่จะนำคุณไปยังด้านล่างของฮวาลฟยอร์ดูร์ (Hvalfjörður) ที่มีความหมายว่า "ฟยอร์ดวาฬ" ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของฐานทัพเรือที่รกร้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่นี่เคยถูกครอบครองโดยประเทศอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

จากนั้นคุณจะได้เดินทางไปถึงบอร์การ์ฟอย์ดูร์ที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือไวกิ้งและมรดกทางประวัติศาสตร์

น้ำพุร้อนเดลตาร์ทุงกุฮแวร์ (Deildartunguhver) ที่มีอัตราการไหลมากที่สุดในยุโรปรอคอยคุณอยู่ที่บริเวณใกล้กับบริเวณหุบเขาเรค์คอร์คดาลูร์ (Reykholtsdalur) และหมู่บ้านเรค์คอร์ค (Reykholt) ซึ่งเป็นบ้านของ สนอร์รี สเทอร์ลิวซัน (Snorri Sturluson) ที่เป็นทั้งนักกวี นักประวัติศาสตร์และนักกฎหมาย ซึ่งเขาได้อาศัยอยู่ที่นั่นในช่วงยุคกลาง และได้ใช้ที่นี่เป็นสถานที่เขียนบันทึกล้ำค่าเกี่ยวกับตำนานและภาษานอร์สโบราณ

จากนั้นคุณจะนั่งรถผ่านทุ่งลาวาสีดำ และคุณจะได้หยุดแวะที่น้ำตกเฮินฟอซซาร์ และบาร์นาฟอสส์ ที่มีน้ำสีฟ้าตระการตาตกลงมาในหุบเขาแคบๆ

คืนนี้คุณจะพักในบริเวณนี้ และหากท้องฟ้าโปร่งพอ คุณอาจมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือที่ออกมาปรากฏตัว

อ่านเพิ่ม
วัน 2
ภูเขาคิร์กจูเฟลล์เป็นสถานที่แวะพักยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

วัน 2 - คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสและสัมผัสกับซีรีส์มหาศึกชิงบัลลังฆ์

สไนล์เฟลส์โจกุลเป็นธารน้ำแข็งสูงตระหง่านทางทิศตะวันตกที่คุณจะวนเวียนในวันนี้ โดยมุ่งหน้าไปรอบๆ คาบสมุทรและไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เช่น หน้าผาแกร์ดูเบิร์ก ซึ่งเป็นกำแพงหินบะซอลต์ขนาดใหญ่ หนึ่งในหาดทรายสีขาวไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์รอคุณอยู่ที่อิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) ชายหาดส่วนใหญ่ในไอซ์แลนด์จะเป็นสีดำ ดังนั้นที่นี่จึงมีความพิเศษเล็กน้อย

คุณจะได้เดินทางไปชมหมู่บ้านเล็กๆ อย่างอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) ที่ล้อมรอบไปด้วยเสาหินลาวาและหุบเหวหินบะซอลต์ตามแนวชายฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ที่มีคลื่นอันทรงพลังปะทะกับซุ้มหินกาทแคลทตุร์ (Gatklettur) คุณจะได้เห็นหาดก้อนกรวดสีดำชื่อว่าดยูปาโลนส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) และหลังจากที่คุณได้เดินป่าผ่านทุ่งเสาหินและหินลาวาเพื่อไปถึงยังชายหาด ที่นั่นคุณจะได้มีโอกาสชมความหลากหลายที่ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นสถานที่พิเศษ

จากเรื่องราวการผจญภัยของศาสตราจารย์ออตโต ลิเดนบล๊อก (Otto Lidenbrok) และแอ็กเซิล (Axel) ที่เป็นลุงของเขา คุณจะได้เดินทางไปในท่อภูเขาไฟ ที่ราวกับว่าคุณกำลังมุ่งหน้าสู่ใจกลางของโลกตามนวนิยายเรื่องนี้ที่เขียนโดยจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) และการได้เข้าชมถ้ำลาวาวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่เมื่อ 8,000 ปีก่อนแห่งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

หลังจากนั้นภูเขาคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) ที่ถือว่าเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงก็กำลังรอคอยแฟนซีรีย์เรื่องมหาศึกชิงบัลลังฆ์ (Game of Thrones) เพราะที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีย์ยอดฮิตเรื่องนี้ อีกทั้งภูเขาแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามและเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดในการท่องเที่ยวรอบคาบสมุทรนี้ด้วย

ก่อนที่จะเดินทางตรงไปยังเมืองหลวง คุณจะได้เดินทางผ่านเฮรินส์ฟยอดูร์ (Hraunsfjörður) และทุ่งลาวาสีดำที่ชื่อว่าแบเซอค์จาเฮริน (Berserkjahraun) และหากท้องฟ้ามืดเพียงพอ คุณจะต้องไม่ลืมที่จะเฝ้ามองขึ้นไปเพื่อโอกาสที่จะได้ชมแสงเหนือระหว่างเดินทางกลับ

อ่านเพิ่ม
วัน 3
ไกเซอร์อันงดงามที่มีการปะทุขึ้นไปในอากาศสูงถึง 20 เมตรในทุกๆ 5 นาที

วัน 3 - วงกลมทองคำอันน่ามหัศจรรย์

ในวันที่สามคุณจะได้มุ่งหน้าไปยังวงกลมทองคำ ซึ่งที่นั่นคุณจะได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงทุ่งน้ำพุร้อน น้ำตกและสถานที่ยอดฮิตของคนในท้องถิ่น

อุทยานแห่งชาติธิงเลลีร์ (Þingvellir) มีปลาและนกหลากหลายชนิดอาศัยอยู่รอบทะเลสาบน้ำจืดธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่แผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น ทั้งยุโรปและอเมริกาเหนือได้เคลื่อนตัวออกจากกันอย่างช้าๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามที่เกิดจากกิจกรรมทางภูมิศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้

นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เพราะอุทยานฯ แห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งชาวไอซ์แลนด์ได้ทำการก่อตั้งรัฐสภาครั้งแรกขึ้นในปี 930 และเป็นสถานที่ซึ่งผู้นำมาประชุมกันในทุกๆ ฤดูร้อน ทำให้ที่มาของชื่ออุทยานฯ ที่ถูกเรียกว่า "ธิงเวลลีร์" ที่แปลได้ว่า "ดินแดนรัฐสภา"

ต่อไปคุณจะได้เห็นสภาพทางภูมิศาสตร์และธรณีวิทยาที่น่าทึ่ง คุณจะได้มุ่งหน้าไปยังพื้นที่น้ำพุร้อนไกเซอร์ซึ่งมีน้ำพุร้อนหลากสีสันหลายร้อยแห่งพร้อมกับไกเซอร์ 2 ไกเซอร์ที่ปะทุขึ้นฟ้า ไกเซอร์ที่ใหญ่กว่านั้นเรียกว่า "ไกเซอร์" และไม่ค่อยปะทุอีกต่อไป แต่อีกอันเรียกว่า "สโทรคูร์" จะปะทุทุกๆ 5 นาที โดยพ่นน้ำสูงถึง 40 เมตรในอากาศ ทำให้เป็นภาพที่น่าตื่นตามาก

จุดแวะต่อไปคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่ตกลงไปในหุบเขาลึกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ และในวันที่อากาศแจ่มใสคุณจะสามารถมองเห็นแม่น้ำที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตก ซึ่งเกิดจากน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) และได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ "น้ำตกทองคำ" แห่งนี้ คุณจะมีโอกาสได้เห็นรุ้งกินน้ำท่ามกลางละอองน้ำของน้ำตกในวันที่มีแสงแดด

เราจะหยุดแวะที่ฟาร์มซึ่งดำเนินกิจการโดยครอบครัว ที่นั่นพวกเขาเลี้ยงสัตว์และผลิตนมสดแสนอร่อย คุณจะได้มีโอกาสชมสัตว์ที่แสนรู้ และลิ้มรสไอศกรีมของพวกเขา กิจกรรมนี้ถูกจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางในครั้งนี้ เพื่อให้คุณได้รับประะสบการณ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

อีกจุดแวะพักเล็กๆ อีกแห่งระหว่างทางได้แก่ ภูเขาไฟเคริด (Kerid) ซึ่งก่อตัวขึ้นจากการระเบิดเมื่อ 3,000 ปีก่อน ที่นี่เป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมอีกแห่งหนึ่ง ที่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาของประเทศไอซ์แลนด์ รวมถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติของที่นี่

ในตอนท้ายของวันคุณจะได้มุ่งหน้าไปยังโรงแรมใกล้กับฮวอลส์เวิลลูร์ (Hvolsvöllur) และไม่มีใครสามรถคาดเดาได้ เพราะบางทีแสงเหนืออาจปรากฎขึ้นอย่างงดงามในคืนนี้ก็ได้

อ่านเพิ่ม
วัน 4
นักปีนเขาที่ปีนขึ้นไปบนยอดธารน้ำแข็งในชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์

วัน 4 - ชมน้ำตกในชายฝั่งทางใต้และปีนธารน้ำแข็ง

ในบริเวณชายฝั่งทางใต้มีน้ำตกที่สวยงามจำนวนมาก และเราจะเริ่มต้นการเดินทางวันนี้ด้วยการมุ่งหน้าไปยังน้ำตกหนึ่งในนั้นที่ชื่อว่าน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งที่นั่นคุณสามารถเดินไปด้านหลังได้ คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้นำเสื้อกันฝนติดมาด้วย เพราะการเดินป่าระยะสั้นเพื่อไปยังด้านหลังน้ำตกอาจจะทำให้คุณเปียก แต่มั่นใจได้เลยว่าวิวที่คุณจะได้เห็นที่นั่นจะคุ้มค่า อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดที่เหมาะมากสำหรับการถ่ายภาพเพื่อโพสต์ลงในอินสตราแกรม

จุดแวะถัดไปได้แก่น้ำตกสโคกาฟอสส์ (Skógafoss) อันทรงพลัง ที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง 60 เมตร ลงในช่องแคบเล็กๆ ที่ดูน่าทึ่ง ทางเดินแบบขั้นบันไดข้างๆ น้ำตกจะเป็นเล้นทางที่จะนำคุณขึ้นไปยังยอดของน้ำตก ที่ด้านบนคุณจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลและทิวเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ท้องฟ้าสดใส ดังนั้นการปีนขึ้นไปบนยอดของน้ำตกนับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับความพยายามในการขึ้นไปชมวิวอันน่ามหัศจรรย์

แต่คุณจะต้องเก็บแรงไว้สำหรับจุดแวะถัดไปด้วย ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และคุณจะได้ปีนขึ้นไปบนธารน้ำแข็งพร้อมกับไกด์ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี เพื่อขึ้นไปบนธารน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล โดยคุณจะได้สวมใส่อุปกรณ์เพื่อป้องกันความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการปีนเขา หมวกนิรภัย สายรัด และอุปกรณ์กันลื่นรองเท้า รวมถึงขวานน้ำแข็ง ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นนักผจญภัยที่พร้อมจะออกเดินทางไปปีนธารน้ำแข็ง การปีนธารน้ำแข็งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งบนธารน้ำแข็ง

บริเวณนี้มีชื่อว่าสกัฟตาเฟลล์ และเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพยนต์ฮอลลีวู๊ด และรายการทีวีหลายเรื่อง ตัวอย่างเช่นภาพยนต์เรื่องทะยานดาวกู้โลก (Interstellar) เจมส์ บอนด์ (James Bond) และแน่นอนเรื่องมหาศึกชิงบัลลังฆ์ (Game of Thrones)

โรงแรมที่พักสำหรับคืนนี้จะตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ที่คุณจะมีโอกาสได้ชมแสงออโรร่า หากสภาพอากาศเป็นใจ

อ่านเพิ่ม
วัน 5
ภาพจากด้านในของถ้ำน้ำแข็งในชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์

วัน 5 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนและถ้ำน้ำแข็ง

ทะเสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนที่น่าตื่นตานี้กำลังรอคอยคุณอยู่ ซึ่งทะเลสาบธารน้ำแข็งแห่งนี้มีความลึกถึง 200 เมตร และมีภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แตกออกมาจากเปรียดาร์แมร์คูร์โจกุล (Breiðamerkurjökull) ที่เป็นอีกส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

ภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้ลอยอยู่ในทะเลสาบ เพื่อเดินทางต่อไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก และระหว่างนั้นก้อนน้ำแข็งบางส่วนจะถูกซัดขึ้นไปบนชายหาด ซึ่งก้อนน้ำแข็งเหล่านี้มองดูราวกับเป็นอัญมณีเมื่ออยู่บนชายหาดสีดำและต้องแสงแดดเป็นประกาย ภูเขาน้ำแข็งหลากหลายรูปทรงและขนาดกระจัดกระจายอยู่รอบหาด จนกระทั่งพวกมันแตกตัวและไหลออกสู่ทะเล

การผสมผสานของสีสันและรูปร่างของก้อนน้ำแข็งทำให้บริเวณนี้กลายเป็นอีกสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดการถ่ายรูปเพื่ออวดเพื่อนๆ ของคุณในอินสตราแกรม

เมื่อเข้าใกล้เปรียดาร์แมร์คูร์โจกุลมากขึ้นไปอีก คุณจะได้เปลี่ยนไปขึ้นรถซูเปอร์จี๊ป แล้วตรงไปยังธารน้ำแข็งเพื่อทำการสำรวจถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าใส ที่ก่อตัวขึ้นที่ริมของธารน้ำแข็ง การเข้าชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปกับไกด์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมสวมใส่อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่เราได้จัดไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน ไกด์ผู้ชำนาญการในเรื่องของธารน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งของเราจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่นี้

ระหว่างเดินทางกลับไปยังตัวเมือง เราจะหยุดแวะที่ชายหาดสีดำที่ชื่อว่าเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) คุณจะได้ชมพลังอันมหาศาลของมหสมุทรแอตแลนติก ในขณะที่คลื่นซัดกระทบฝั่ง แต่ต้องไม่ลืมที่จะระวังตัวตามคำแนะนำของไกด์ และจะต้องไม่เข้าใกล้น้ำทะเลมากเกินไป แนวหินบะซอลล์แปลกตาที่อยู่ตรงหน้าผาด้านบน ถือเป็นภาพที่งดงามอย่างน่ามหัศจรรย์แม้จะไม่เรียบ ไม่ไกลจากที่นั่นคุณจะได้เห็นชั้นหินดิร์โฮลาเอย์ (Dyrhólaey) ที่ตั้งตระหง่านอยู่นอกชายฝั่งทะเล และเป็นพื้นที่ทำรังของบรรดานกพัฟฟิน รวมนกสายพันธุ์อื่นๆ ที่พากันมาออกไข่ที่นี่ในช่วงฤดูร้อน

การผจญภัยได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ไกด์จะส่งคุณในตัวเมืองเรคยาวิกหลังจากการผจญภัยอันน่าประทับใจทั้งวันบนเส้นทางชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์

อ่านเพิ่ม

สิ่งที่ควรนำไป

เสื้อผ้าเอาท์ดอร์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ
รองเท้าเดินป่า (มีให้เช่า)

สิ่งที่ควรรู้

ลำดับของการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพถนน และสภาพภูมิอากาศ

แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่สามารถการันตีได้ แต่โรงแรมที่พักอยู่บนทำเลที่เหมาะสมเพื่อให้คุณมีโอกาสในการมองเห็นมากที่สุด

จำกัดขนาดกระเป๋าที่นำไปด้วยคือไม่เกิน 24 นิ้วต่อท่าน และไม่สามารถนำกระเป๋าไปมากกว่าหนึ่งใบได้ คุณสามารถฝากกระเป๋าไว้ในเรคยาวิกได้โดยมีค่าบริการเล็กน้อย

เราจะพยายามจัดตารางการเดินทางให้อยู่ในชั่วโมงที่มีแสงสว่างซึ่งมีไม่มากนักและจะพยายามหลีกเลี่ยงผู้คนหนาแน่น

คุณสามารถนำอาหารว่างและเครื่องดื่มที่คุณชอบติดตัวไปด้วยได้ และหากคุณต้องการมาท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูหนาว เราขอแนะนำให้คุณนำรองเท้าบูทสำหรับเดินป่าที่มีส้นรองเท้ากันลื่นติดตัวมาด้วย มีบริการให้เช่ารองเท้าบูทเดินป่าให้เลือกในระหว่างที่คุณทำการจอง

อ่านเพิ่ม

รีวิวที่รับรองแล้ว

ทัวร์ที่คล้ายกัน

Link to appstore phone
ติดตั้งแอปท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์

ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว

สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด