ทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ฤดูร้อน 8 วัน เที่ยวฟยอร์ดทางตะวันตก & คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

รถของคุณจอดรอคุณอยู่ที่สนามบินในเคฟลาวิก ดังนั้นคุณจึงสามารถเริ่มต้นการเดินทางบนท้องถนนได้ทันที คุณอาจต้องการเริ่มต้นทริปด้วยการไปเยือนพื้นที่ที่สวยงามบางส่วนของคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) เป็นอย่างแรก ที่นั่นมีหมู่บ้านชาวประมงที่สวยงาม มีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพมากมาย และแนวชายฝั่งที่ขรุขระอย่างไม่น่าเชื่อ คุณยังสามารถไปบลูลากูนในวันแรกนี้ได้ด้วยถ้าคุณมีเวลา ซึ่งบลูลากูนอยู่ระหว่างทางที่จะไปเรคยาวิกอยู่แล้ว และใช้เวลาขับรถไม่นานจากสนามบิน การได้แช่น้ำที่นี่จะช่วยให้คุณสดชื่นมากหลังจากที่นั่งเครื่องบินมานาน

หลังจากเช็คอินที่โรงแรมของคุณในเมืองเรคยาวิกแล้ว คุณควรใช้ประโยชน์จากการพักในทำเลใจกลางเมืองของเมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปให้คุ้มค่าด้วยการออกไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ ถนนช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ หรือคุณจะเข้าร่วมกิจกรรม เช่น ขี่ม้า และดูปลาวาฬจากในเมืองหลวงก็สามารถทำได้

ในวันที่สอง คุณจะเดินทางไปยังฟยอร์ดทางตะวันตก แต่ระหว่างทางยังมีอะไรให้ดูอีกมาก ไอซ์แลนด์ตะวันตกมีชื่อเสียงในด้านสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมทั้งนิทรรศการเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของไอซ์แลนด์ (Settlement Exhibition) ในบอร์การ์เนส (Borgarnes) และน้ำพุร้อนเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และอย่าพลาดชมน้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) ที่มีเสน่ห์ด้วย โดยน้ำตกที่สวยงามสองแห่งนี้อยู่ติดกัน

ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์อาจจะอยากไปที่สนอร์ราสโทฟา (Snorrastofa) ซึ่งเป็นสถาบันเกี่ยวกับยุคกลางในเรค์คอร์ค (Reykholt) ซึ่งบุคคลในประวัติศาสตร์ยุคแรกๆ สนอร์รี สตูร์ลูซัน (Snorri Sturluson) ใช้เป็นสถานที่เขียนนิยายซากาเรื่องเฮมสกริงลา (Heimskringla) ในศตวรรษที่ 13 ระหว่างทางจากเมืองหลวง คุณยังสามารถแวะเที่ยวที่น้ำตกฟอสซาตุน (Fossatún) ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีนางยักษ์โทรลชื่อดรีฟาคอยคุ้มกันอยู่ได้ด้วย

วันนี้คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมเสริมเพื่อเข้าไปเที่ยวในอุโมงค์ลาวาที่วิดเกลมิร์ (Viðgelmir) หรือจะเลือกเข้าไปชมอุโมงค์น้ำแข็งที่มนุษย์สร้างขึ้นในธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) ก็ได้

เมื่อคุณเดินทางเข้าไปในภูมิประเทศที่เก่าแก่และเต็มไปด้วยความเร้นลับของฟยอร์ดทางตะวันตกแล้ว คุณจะได้ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านโฮลมาวิค (Holmavik) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์คาถาและเวทมนตร์อันน่าทึ่งด้วย คุณจะได้เห็นและได้รู้ว่าความเชื่อในเรื่องเวทมนตร์คาถาของชาวไอซ์แลนด์ในยุคแรกนั้นสำคัญต่อชีวิตของคนในยุคนั้นอย่างไร ซึ่งมีทั้งการใช้มนตร์เพื่อสร้างโชคลาภให้กับตัวเองและใช้เพื่อทำลายอริศัตรู

คืนนี้พักค้างคืนในโฮลมาวิค

ในวันที่ 3 คุณจะผ่านฟยอร์ดที่สวยงามระหว่างที่เดินทางไปยังเมืองอีสาฟยอร์ดูร์ (Ísafjörður) บริเวณนั้นมีบ้านที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในไอซ์แลนด์ ซึ่งมีอายุย้อนไปถึงกลางศตวรรษที่ 18 และร้านอาหารที่ชื่อ Tjöruhúsið ที่อยู่ในพื้นที่ก็คุ้มค่ากับการแวะชิมด้วย เพราะว่ากันว่าขายอาหารทะเลที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์

อีกทางเลือกหนึ่ง คุณสามารถมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านจูปาวิค (Djúpavik) หมู่บ้านเล็กๆ ในภูเขาที่สมัยก่อนมีโรงงานทำปลาแฮริ่งซึ่งถูกทิ้งร้างหลายครั้งหลายครา แต่ปัจจุบันคุณจะพบว่าที่นี่มีบ้านเรือนของประชาชนอยู่แปดหลัง มีโรงแรม และสนามบินอยู่ที่นั่นด้วย และเมื่อคุณขับต่อไปอีก 45 นาที หรือจนสุดถนน คุณก็จะเจอสระน้ำร้อนริมทะเลชื่อครอสเนสเลยก์ (Krossneslaug) ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนอย่างเงียบๆ

คืนนี้พักค้างคืนในบริเวณอีซาฟยาร์ดาร์จูป (Ísafjarðardjúp)

ในวันที่สี่ คุณยังอยู่ในเมืองอีสาฟยอร์ดูร์ต่อ จากที่นี่ คุณสามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายแห่งของชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งเต็มไปด้วยนิทานพื้นบ้าน และแวดรอบไปด้วยธรรมชาติที่งดงามจับใจ

ขอแนะนำให้ไปที่โบลุงการ์วิค (Bolungarvík) ซูดีเรย์ริ (Suðureyri) และแฟลทเทย์ริ (Flateyri) โบลุงการ์วิคเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ทางทะเล (Ósvör Maritime Museum) เพื่อดูว่าชีวิตของชาวประมงยุคก่อนในไอซ์แลนด์เป็นอย่างไร ส่วนซูดีเรย์รินั้นเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่และโบสถ์เก่าแก่ ในขณะที่แฟลทเทย์ริมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการล่าวาฬและเป็นบริเวณที่มีหิมะถล่มมาแล้วหลายครั้ง

ผู้ที่แสวงหาการผจญภัยในวันนี้จะไม่พบทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่าทัวร์พายเรือคายัคท่ามกลางทัศนียภาพที่ไม่มีใครเทียบของฟยอร์ดอันงดงามในภูมิภาคนี้ และต้องบอกว่าผู้ที่ชื่นชอบการดูนกทะเล หรือแม้กระทั่งแมวน้ำ วาฬ และโลมาก็ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้

แต่หากคุณต้องการบรรยากาศที่แปลกใหม่ คุณก็สามารถจัดทริปสำหรับเดินทางไปยังฮอร์นสตรานดิร์ (Hornstrandir) ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติอีกหนึ่งแห่งที่มีความน่าสนใจและสามารถเข้าถึงได้จากอีสาฟยอร์ดูร์เท่านั้น

คืนนี้พักในอีซาฟยาร์ดาร์จูปอีกหนึ่งคืน

หลังจากรับประทานอาหารเช้ามื้อใหญ่ในเช้าวันที่ 5 แล้ว ก็ถึงเวลามุ่งหน้าไปทางใต้ของฟยอร์ดทางตะวันตก ให้คุณใช้ถนนที่จะไปยังดิราฟยอร์ดูร์ (Dýrafjörður) ซึ่งคุณจะได้ตามรอยกิสลี ซูร์สซอน (Gisli Súrsson) วีรบุรุษในซากาของชาวไวกิ้ง และได้ไปชมสวนพฤกษศาสตร์สครูดูร์ (Skrúður) ที่สวยงาม

จากนั้นเดินทางต่อไปที่ฮราฟน์เซย์รี (Hrafnseyri) เพื่อชมพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับฮีโร่อีกท่านหนึ่ง ซึ่งก็คือจอน ซิกูร์สสัน (Jón Sigurðsson) ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากเดนมาร์กของไอซ์แลนด์ในช่วงทศวรรษที่ 1940

จากนั้นไปต่อที่น้ำตกดินยานดิ (Dynjandi) ที่สงเสียงก้องไปทั่วบริเวณเพราะน้ำตกที่มีความสูงกว่า 328 ฟุต (100 ม.) หลังจากชื่นชมความงามและความอันยิ่งใหญ่ของน้ำตกนี้แล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังหน้าผาลาทราบียอร์ก (Látrabjarg) ซึ่งสูงตระหง่านถึง 1,456 ฟุต (444 ม.) บริเวณนี้เป็นจุดที่อยู่ทางตะวันตกสุดของยุโรป และคุณสามารถชมนกทะเลที่มาทำรังในไอซ์แลนด์ได้อย่างใกล้ชิด ทั้งนกพัฟฟินและนกเรเซอร์บิล

คืนนี้พักค้างคืนแถวเวสเทอร์บีกด์ (Vesturbyggð)

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการไปเยือนหาดทรายสีแดงทองที่เรยดีซานดูร์ (Rauðisandur) หรือแช่น้ำในสระน้ำร้อนตามธรรมชาติในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติวาทน์สฟยอร์ดูร์ (Vatnsfjörður) จากนั้นคุณจะขึ้นเรือเฟอร์รี่บัลเดอร์ (Baldur) จากปรอย์นสไลคูร์ (Brjánslækur) ในฟยอร์ดทางตะวันตกข้ามอ่าวเบรียดาฟยอดูร์ (Breiðafjörður) ไปเรื่อยๆ จนถึงหมู่บ้านสติกกิโฮลมูร์ (Stykkishólmur) บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes) ราคาเรือเฟอร์รี่นี้รวมอยู่ในทัวร์ที่คุณจองแล้ว!

จากที่นั่น คุณจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของบริเวณนี้ รวมทั้งธารน้ำแข็งสไนล์แฟลซโจกุลในอุทยานแห่งชาติสไนล์แฟลซโจกุล (Snæfellsjökull), หาดทรายดำตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) อ่าวดริทวิค (Dritvík) และหมู่บ้านเล็กๆ ที่เปี่ยมเสน่ห์อย่างอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) เฮลล์นาร์ (Hellnar) และบูดิร์ (Búðir)

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกนั่งสโนว์แคทขึ้นไปบนยอดสไนล์แฟลสโจกุลได้อีกด้วย กิจกรรมเพิ่มเติมนี้เริ่มต้นออกเดินทางที่เมืองกรุนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjörður) ซึ่งไกด์จะพาคุณไปที่เชิงเขาด้วยพาหนะที่ออกแบบมาเป็นพิเศษนี้สามารถวิ่งบนภูมิประเทศที่เป็นน้ำแข็งที่ขรุขระของประเทศไอซ์แลนด์ได้สบายๆ เมื่อคุณไปถึงที่นั่นแล้ว คุณจะเปลี่ยนไปขึ้นสโนว์แคทเพื่อเดินทางขึ้นไปบนธารน้ำแข็ง ผืนน้ำแข็งอันงดงามนี้ตั้งอยู่บนยอดของภูเขาไฟที่มีอายุ 7,000 ปี ซึ่งเป็นฉากสำคัญในนวนิยายเรื่อง "Journey to the center of the Earth" ของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne)

คืนนี้พักค้างคืนแถวสไนล์แฟลซเนส

วันนี้ คุณจะมีเวลาเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวของคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเพิ่มเติม คุณอาจจะไปล่องเรือกินซูชิแบบชาวไวกิ้ง ซึ่งคุณจะได้ลองชิมอาหารทะเลที่จับขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของคุณ หรือคุณอาจจะไปสำรวจถ้ำอุโมงค์ลาวาที่วาท์ทเฮลลิร์ (Vatnshellir) ไปเดินป่าเส้นทางระหว่างหมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) และหมู่บ้านชาวประมงอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) หรือคุณอาจจะใช้เวลาอย่างมีความสุขไปกับการถ่ายภาพตามหน้าผาก็ได้

หน้าผามาลาริฟ (Malarrif) เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟสไนล์แฟลสโจกุลที่มีชื่อเสียง และที่นั่นมีโขดทะเลลอนดรังการ์ (Lóndrangar) ที่สวยงามน่าประทับใจให้ชม เมื่อคุณเพลิดเพลินกับคาบสมุทรอย่างเต็มที่แล้ว ให้มุ่งหน้ากลับไปทางใต้เพื่อเดินทางสู่เรคยาวิก และใช้เวลาสำรวจเมืองหลวงของไอซ์แลนด์กันอีกเล็กน้อย

คืนนี้พักค้างคืนในเรคยาวิกหรือบนคาบสมุทรเรคยาเนส

หลังจากที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์อย่างเต็มอิ่ม ในวันสุดท้ายคุณจะเดินทางกลับบ้านโดยใช้สนามบินเคฟลาวิก หากในวันนี้คุณยังมีเวลาเหลือก่อนที่จะไปขึ้นเครื่องบิน คุณสามารถไปแช่น้ำที่สปาบลูลากูนกัน หรือถ้าคุณไปมาแล้ว คุณก็อาจจะเที่ยวอยู่ในเมืองเรคยาวิกและช้อปปิ้งก่อนกลับกันเล็กน้อยๆ หรือคุณอาจจะไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ บนคาบสมุทรเรคยาเนสก็ได้

เราหวังว่าคุณจะสนุกกับการเที่ยวไอซ์แลนด์ในครั้งนี้และจะกลับมาพบกันอีกครั้งในเร็ววัน!