แพ็คเกจขับรถเที่ยวเองหน้าร้อน 1 สัปดาห์ที่ดีที่สุด เส้นทางถนนวงแหวน & วงกลมทองคำ
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
จองทริป 8 วันในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟของคุณตอนนี้เลย แพ็กเกจนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกท่องเที่ยวอย่างอิสระด้วยตนเองแบบไม่ต้องมีไกด์มาคอยจัดการรอบถนนวงแหวน
การเดินทางบนเส้นทางวงแหวนทองคำนี้คุณจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของไอซ์แลนด์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระยะเวลา 8 วัน ซึ่งรวมทั้งเมืองหลวงอย่างเรคยาวิก (Reykjavík) สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงบนเส้นทางวงกลมทองคำ และอาคูเรยรี่ (Akureyri) ที่ได้รับฉายาว่าเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ตอนเหนือ คุณยังจะได้ไปที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ทะเลสาบมิวาทน์ (Mývatn) ได้เที่ยวน้ำตก ภูเขาไฟ เมืองในชนบท และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกจำนวนนับไม่ถ้วน
ในตอนที่คุณทำการจองแพ็กเกจนี้ คุณยังสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมสนุกตื่นเต้นเข้าไปในทริปของคุณได้ด้วยและคุณจะได้รับส่วนลดสำหรับกิจกรรมต่างๆ อีก สำหรับคนที่ชอบความท้าทายสามารถเพิ่มกิจกรรมการขี่สโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) ปีนธารน้ำแข็ง หรือเลือกไปดำน้ำตื้นระหว่างสองทวีปที่อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ (Þingvellir National Park) ด้วยก็ได้
ส่วนคนที่ชอบแนวธรรมชาติสามารถเพิ่มทัวร์นั่งเรือชมทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ทัวร์ดูวาฬที่เมืองฮูสาวิค (Húsavík) ทัวร์ขี่ม้าไอซ์แลนดิกเที่ยวชมชนบท ทัวร์สำรวจถ้ำ หรือทัวร์พาเข้าไปชมโถงน้ำแข็งที่ส่องประกายวับวาวอยู่ภายในกลาเซียร์ก็ได้
นอกจากนี้คุณยังมีโอกาสได้ลงไปชมโถงแมกมาสีสันสดใสที่อยู่ภายในภูเขาไฟที่กำลังหลับใหลด้วย และหากคุณอยากผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำอุ่นสีฟ้าให้สบายกายสบายใจ คุณก็สามารถจองเข้าใช้บริการบลูลากูนซึ่งโด่งดังในระดับโลกได้ในระหว่างที่คุณเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้
และเพื่อให้คุณไม่ต้องคอยกังวลเรื่องทริป คุณจะได้รับรายละเอียดของโปรแกรมการเดินทางเมื่อคุณทำการจอง คุณจะได้รับรายการสถานที่ต่างๆ ที่คุณสามารถเดินทางไปสัมผัสได้ด้วยตนเอง บางแห่งนั้นอาจจะไม่คุ้นหูนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ และในรายละเอียดการเดินทางที่ได้จะรวมข้อมูลสำหรับที่พักแบบฟูลคอมฟอร์ตซึ่งมีห้องน้ำส่วนตัว และรวมบริการอาหารเช้าให้เสร็จสรรพ
ดังนั้นคุณไม่ต้องลังเลอีกต่อไปแล้ว รีบคว้าโอกาสนี้ไว้แล้วเตรียมตัวไปขับรถเที่ยวชมสถานที่เที่ยวยอดนิยมบนเส้นทางวงแหวนทองคำและออกสำรวจสถานที่เที่ยวลับๆ ที่นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยรู้จักในวันหยุดพักผ่อนในไอซ์แลนด์ครั้งนี้กันดีกว่า คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยระบุวันที่ที่ต้องการเดินทาง
ร่วมด้วย
จุดหมายปลายทางใน
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
Small car
Medium car
Premium car
Large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - Arrival Day
- More
รับรถจากสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกและเดินทางเข้าสู่ที่พักในตัวเมืองเรคยาวิก คุณจะได้ขับไปบนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes Peninsula) ซึ่งมีทิวทัศน์แปลกตาราวกับอยู่บนผิวดวงจันทร์ ระหว่างทางคุณสามารถเลือกแวะที่บลูลากูนก่อนเข้าเมืองก็ได้ เนื่องจากบลูลากูนนั้นตั้งอยู่บนเส้นทางระหว่างสนามบินและเรคยาวิกอยู่แล้ว
ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของไอซ์แลนด์คุณสามารถเลือกแวะที่ Blue Lagoon สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการบำบัดน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา มันตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสทำให้มันมีบรรยากาศโลกอื่น หากคุณเพิ่ม Blue Lagoon มันจะถูกจัดเรียงตามเที่ยวบินของคุณ หากไม่มีเวลาไปเที่ยวทะเลสาบวันนี้สามารถเพิ่มไปอีกวันที่โดยปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะสามารถจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ ยังมีอีกหลายสิ่งให้ดูและทำในเรคยาวิกหากคุณมีเวลาว่างเพิ่มเติม เมื่อคุณเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณและเพิ่มความสดชื่นที่โรงแรมในใจกลางเมืองแล้ว คุณจะสามารถใช้เวลาที่เหลือในตอนเย็นเพลิดเพลินกับเมืองนี้ หากคุณต้องการคุณสามารถกระโดดขึ้นทัวร์ชมแสงเหนือในคืนที่คุณมาถึง.
หลังจากเข้าที่พักในเมืองเรคยาวิกเรียบร้อยแล้วคุณสามารถออกมาเที่ยวในใจกลางเมืองและเพลิดเพลินกับสีสันของเรคยาวิกให้เต็มที่ โดยที่เรคยาวิกมีทั้งพิพิธภัณฑ์ อาร์ตแกลเลอรี่ ร้านอาหาร และบาร์มากมาย คืนแรกคุณจะพักค้างคืนอยู่ในตัวเมืองที่ทั้งสวยและแปลกแห่งนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 2 - คาบสมุทรทางใต้
วันที่ 2 - คาบสมุทรทางใต้
- คาบสมุทรทางใต้
- More
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- Seljalandsfoss Waterfall
- Skogafoss waterfall
- Reynisfjara black sand beach
- Vik Village
- More
วันที่สองคุณจะได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของไอซ์แลนด์ผ่านทางสถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำอันโด่งดัง
จุดแรกที่คุณจะแวะคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ (Þingvellir National Park) ที่นี่คุณสามารถเดินไปตามหุบเขารอยเลื่อนของเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติกและเที่ยวชมในบริเวณที่เคยมีการสร้างสภาขึ้นในปี 930 ซึ่งนับว่าเป็นมรดกที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของไอซ์แลนด์ นอกจากนี้พื้นที่แถวนี้ยังมีความสำคัญเพราะเคยเป็นสถานที่ที่มีบทบาทในช่วงที่ไอซ์แลนด์เปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนาและประกาศเอกราชจากเดนมาร์ก
ในอุทยานฯ อันสวยงามแห่งนี้คุณสามารถเลือกซื้อทัวร์ดำน้ำตื้นเพื่อชมรอยแยกซิลฟราซึ่งเป็นหุบเขาลึกที่อยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ โดยน้ำที่นี่มีความใสมากๆ
จุดหมายปลายทางต่อไปคือทุ่งน้ำพุร้อนเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur) ที่นี่นอกจากน้ำพุร้อนเดือดปุดๆ ที่มีอยู่มากมายทั่วบริเวณแล้ว คุณยังจะได้เห็นไกเซอร์สโทรคูร์ (Strokkur) และไกเซอร์ที่มีชื่อว่าไกเซอร์ (Geysir) โดยสโทรคูร์จะพ่นน้ำสูงขึ้นไปมากกว่า 20 เมตร (66 ฟุต) ในทุกๆ 10 นาทีโดยประมาณ ห่างออกไปอีกไม่กี่กิโลเมตรก็จะเป็นน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) อันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์ คุณสามารถเห็นน้ำตกได้อย่างใกล้ชิดและสัมผัสได้ถึงพลังความแรงของสายน้ำจากบนเส้นทางเดินชมน้ำตกแห่งนี้ จากบริเวณน้ำตกกุลล์ฟอสส์นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรมตื่นเต้นสามารถเลือกซื้อทัวร์ขี่สโนว์โมบิลที่ธารน้ำแข็งลางโจกุลล์ (Langjökull) เพิ่มเติมได้
ถ้าหากทั้งดำน้ำตื้นสน็อกเกิ้ลและขี่สโนว์โมบิลยังไม่ใช่กิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับคุณ คุณอาจจะอยากเลือกไปขี่ม้าชมธรรมชาติสวยๆ ของไอซ์แลนด์ทางตอนใต้แทนก็เป็นได้
สถานที่ยอดนิยมของบริเวณนี้คือปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerið) ซึ่งสวยงามคุ้มค่าแก่การแวะเข้าไปชมก่อนที่จะเดินทางต่อไปทางใต้ หินปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้จะมีสีแดงสนิมและสีส้มสดราวกับเปลวเพลิงส่วนน้ำที่ขังอยู่อย่างถาวรในแอ่งนั้นมีสีฟ้าเข้มงดงามมาก และสีสันจะยิ่งตัดกันสวยงามน่าค้นหามากขึ้นไปอีกเมื่อมีหญ้ามอสสีเขียวเติบโตงอกงามอยู่แถวนั้น
เมื่อคุณเดินทางไปตามถนนวงแหวนในทางทิศใต้ คุณจะได้เห็นน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งคุณสามารถเดินถ่ายภาพรอบม่านน้ำตกได้ เมื่อไปต่อบนถนนอีกหน่อยก็จะเป็นน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) ที่มีความยิ่งใหญ่งดงามตระการตาเป็นอย่างมาก โดยน้ำตกที่ส่งเสียงดังกึกก้องกัมปนาทแห่งนี้มีน้ำที่ตกลงมาจากความสูง 60 เมตร (197 ฟุต) และตัวน้ำตกมีความกว้างเกือบครึ่งหนึ่งของความสูงเลยทีเดียว
บนชายฝั่งใกล้กับหมู่บ้านวิก (Vík) หากออกนอกเส้นทางไปเล็กน้อยก็จะเจอกับหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่เกิดจากหินภูเขาไฟ คุณจะได้เห็นหินโค้งดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) และแท่งหินรูปทรงประหลาดลึกลับเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่อยู่ในทะเล แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าชายฝั่งบริเวณนี้มักจะมีคลื่นที่รุนแรงและมีความอันตรายมากและไม่สามารถคาดเดาได้ด้วย ซึ่งก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเที่ยวไอซ์แลนด์ ดังนั้นขอให้ทุกท่านโปรดเที่ยวอย่างระมัดระวังด้วย
เมื่อเที่ยวจนหมดวันแล้วคุณจะเข้าพักที่ในหมู่บ้านวิก (Vík)
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 3 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
วันที่ 3 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- More
- Jokulsarlon Glacier Lagoon
- Skaftafell Nature Reserve
- สวาร์ติฟอสส์
- ไดมอนด์ บีช
- More
วันที่สามคุณจะเดินทางไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกาฟตาเฟล (Skaftafell Nature Reserve) อันสวยงามที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull) คุณสามารถเลือกเริ่มต้นวันด้วยการไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่อยู่ในธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Mýrdalsjökull) ซึ่งเป็นถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติเพียงแห่งเดียวที่สามารถเข้าไปชมได้เมื่อไม่ใช่ฤดูหนาว ดังนั้นห้ามพลาดเป็นอันขาด
ที่สกาฟตาเฟลคุณสามารถใช้เวลาชื่นชมกับความงดงามของสถานที่และเพลิดเพลินกับกิจกรรมสนุกตื่นเต้น หากคุณชอบการเดินขึ้นเขา คุณจะเจอเส้นทางเดินขึ้นเขาสวยๆ มากมายนับไม่ถ้วนที่เหมาะสำหรับนักเดินเขาทุกระดับทั้งผู้ที่มีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์ รวมถึงทางขึ้นไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) นอกจากนี้คุณยังสามารถสวมรองเท้าตะปูแล้วไปปีนธารน้ำแข็งแถวนี้ได้ด้วย
เมื่อขับรถต่อไปบนถนนคุณจะได้เจอกับหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ นั่นก็คือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ที่นี่คุณสามารถเลือกซื้อทัวร์ล่องเรือในทะเลสาบเพื่อชมความงามของภูเขาน้ำแข็งหลากหลายรูปร่างและขนาดที่ลอยอยู่ในนั้นแบบใกล้ชิดมากๆ โดยมีให้เลือกทั้งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกและเรือท้องแบนโซดิแอก
แม้จะชมจากบนชายฝั่งทะเลสาบแห่งนี้ก็งดงามไร้ที่ติ และไม่แน่คุณอาจโชคดีได้เห็นแมวน้ำน่ารักๆ ออกมาเล่นบนน้ำแข็งก็ได้ หลังจากเพลิดเพลินกับทะเลสาบจนพอใจแล้ว ให้เดินต่อไปอีกหน่อยเพื่อไปยังหาดไดมอนด์บีชที่อยู่ใกล้ๆ กัน ที่บนหาดนี้มีก้อนน้ำแข็งถูกพัดมาเกยตื้นมากมายและเมื่อมีแสงแดดส่องมากระทบพวกมันก็จะสะท้อนแสงเป็นประกายวิบวับราวกับเป็นจิวเวลรี่ล้ำค่า
จากนั้นคุณจะขับรถต่อไปเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปพักในเมืองน่ารักๆ ที่ชื่อว่าเฮิฟน์ (Höfn)
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 4 - ฟยอร์ดตะวันออก
วันที่ 4 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- Vestrahorn
- เฮงกิฟอสส์
- Hallormsstadaskogur Forest
- วอปนาฟยอร์ดูร์
- More
ในวันที่สี่นี้คุณจะต้องขับรถไปบนเส้นทางขึ้นลงเขาและจะผ่านฟยอร์ดจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนชายฝั่งทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ ฟยอร์ดแต่ละแห่งดูเหมือนว่าจะมีจิตวิญญาณของตัวเองและมีความงดงามที่แทบจะทำให้คุณลืมหายใจกันเลยทีเดียว
ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull) อันยิ่งใหญ่นั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกโดยสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อคุณข้ามเทือกเขาสูงในตอนที่มุ่งหน้าไปทางเหนือ ระหว่างทางจะมีหมู่บ้านชาวประมงอันเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ตามแบบชนบทอยู่มากมายหลายแห่ง ซึ่งเหมาะสำหรับแวะพักระยะสั้นๆ เพื่อทักทายทำความรู้จักคุ้นเคยกับชาวบ้านในท้องถิ่นและเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวไอซ์แลนด์เพิ่มเติม
เมื่อมาถึงฟยอร์ดทางตะวันออก คุณจะเห็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความงามตามธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งที่มักถูกมองข้ามโดยผู้มาเยือน ที่นี่เป็นแนวชายฝั่งทอดยาว 75 ไมล์ (120 กิโลเมตร) จากเบรูฟยอร์ดูร์ (Berufjordur) ทางตอนใต้ยาวไปถึงหมู่บ้านชาวประมงบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสตรี (Borgarfjordur Eystri) ทางตอนเหนือ
ขณะที่คุณเที่ยวชมฟยอร์ดตะวันออก คุณจะได้เห็นป่าทึบ ทะเลสาบระยิบระยับ ฟาร์มแบบดั้งเดิม หมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ห่างไกล และทิวทัศน์ที่สวยงาม
จุดแวะพักที่สำคัญแห่งหนึ่งในพื้นที่นี้คือเมืองเอกิลสตาดิร์ (Egilsstadir) ซึ่งถือเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ตะวันออก เป็นหนึ่งในสถานที่ไม่กี่แห่งในภูมิภาคที่คุณจะได้พบกับบริการต่างๆ
คุณจะพบพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ร้านอาหาร และปั๊มน้ำมันได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีสนามบิน ซึ่งการนั่งเครื่องจะทำให้ผู้ที่ไม่มีใบขับขี่ก็สามารถไปสำรวจฟยอร์ดทางตะวันออกได้
เมืองนี้มีกิจกรรมมากมาย เช่น การเดินป่าและเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม หลังจากเดินป่า แนะนำให้ไปแวะ Vok baths สปาความร้อนใต้พิภพที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ตะวันออก ที่นี่มีสระว่ายน้ำ 2 สระที่มองเห็นวิวสระน้ำร้อน และห้องซาวน่า
ต่อไป คุณจะขับรถไปที่ฮาลลอร์มสตาดาร์สโกกูร์ (Hallormstadarskogur) ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่นี่คุณจะพบกับสัตว์ป่า เส้นทางเดินป่า และพันธุ์ไม้นานาชนิด ต้นไม้เหล่านี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 286 ตารางไมล์ (740 ตารางกิโลเมตร)
หากคุณจะเดินทางไปในเดือนมิถุนายน แนะนำให้ไปงาน “วันป่าไม้” (Forest Day) ซึ่งมีการเฉลิมฉลองและกิจกรรมต่างๆ ดนตรีหีบเพลง และการประกวดต้นเบิร์ช
ฟยอร์ดทางตะวันออกนั้นเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ เป็นสถานที่ดูนกที่มีนกหลากหลายสายพันธุ์ให้เห็นและยังมีอาณาจักรแมวน้ำด้วย และคุณสามารถไปดูนกพัฟฟินในบริเวณท่าจอดเรือของบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสทรี ซึ่งเป็นสวรรค์สำหรับนกพัฟฟิน
ยิ่งไปกว่านั้น ทางตะวันออกยังเป็นที่เดียวในประเทศที่คุณสามารถพบเจอกับฝูงกวางเรนเดียร์ป่าได้ คุณสามารถไปเที่ยวเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) ซึ่งเป็นเมืองที่ดีที่สุดในการชมกวางเรนเดียร์ป่า แต่โปรดทราบว่าสัตว์เหล่านี้มักจะเดินทางเป็นฝูงและตื่นตระหนกได้ง่าย
หลังจากขับรถจนเหนื่อย คืนนี้คุณจะพักค้างคืนที่เอกิลสตาดิร์หรือหมู่บ้านใกล้เคียง
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 5 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์เหนือ
วันที่ 5 - คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์เหนือ
- คู่มือท่องเที่ยว ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- Lake Myvatn Area
- Borgarfjordur eystri fjord and valley
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- More
ในวันที่ห้าคุณจะมุ่งหน้าขึ้นเหนือเพื่อไปยังทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) อันโด่งดัง ซึ่งขอแนะนำว่าให้คุณขับรถผ่านเข้าไปในโจกุลซาร์กลูฟูร์ (Jokulsargljufur) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลและระหว่างทางให้แวะชมน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในทวีปยุโรปด้วย
ทะเลสาบมิวาทน์มีความสวยงามมาก โดยเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งพลังงานใต้พิภพอยู่ รวมถึงมีช่องเขาเนามัสการ์ด (Namaskard) ปล่องภูเขาไฟเทียมสกูตูสตาดากีการ์ (Skutustadagigar) แท่งลาวาดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) และภูเขาไฟคราฟลา (Krafla) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์
ช่องเขาเนามัสการ์ดเป็นพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพที่อยู่ห่างจากทะเลสาบมิวาทน์ประมาณ 14 กิโลเมตร ที่นี่มีเนินที่ไม่มีพืชพรรณขึ้นเลยเนื่องจากความร้อนและความเป็นกรดของดิน แต่บนผืนดินและรอบๆ น้ำพุร้อนจะมีแถบริ้วหลากสีสันสวยงามให้ชม
สีสันที่สดใส เช่น เหลือง เขียว แดง และส้ม ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีชีวิตชีวาและมีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ คุณยังจะได้กลิ่นกำมะถันอบอวลคลุ้งในอากาศด้วย ซึ่งไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพใดๆ เนื่องจากคุณจะอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนสกูตูสตาดากีการ์เป็นปล่องภูเขาไฟเทียมที่อยู่ห่างจากทะเลสาบมิวาทน์ประมาณ 17 กิโลเมตร ซึ่งธรรมชาติของเขตภูเขาไฟและการเกิดทะเลสาบขึ้นในบริเวณนี้ได้ส่งผลให้เกิดเป็นปล่องภูเขาไฟเทียมเหล่านี้ขึ้น
เมื่อภูเขาไฟลูเดนตาบอร์กิร์ (Ludentaborgir) และเธรงสลาบอร์กิร์ (Threngslaborgir) ปะทุขึ้นเมื่อประมาณ 2,300 ปีที่แล้ว ลาวาได้ไหลผ่านสกูตูสตาดากีการ์และเนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ความร้อนของลาวาทำให้เกิดการปะทุของไอน้ำซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของหลุมปากปล่องเทียม
สิ่งที่น่าชมที่สุดในบริเวณนี้ก็คือภูเขาคราฟลา (Mount Krafla) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่โดดเด่นที่สุดของประเทศ ที่นี่เป็นแอ่งภูเขาไฟที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูเขาไฟคราฟลา และตั้งอยู่ห่างจากทะเลสาบมิวาทน์ประมาณ 24 กิโลเมตร
แอ่งภูเขาไฟมีขนาดกว้างประมาณ 10 กิโลเมตร ในขณะที่บริเวณรอยแยกขยายออกไปประมาณ 56 ไมล์ (90 กิโลเมตร) ที่น่าสนใจคือบริเวณรอยแยกเป็นที่ที่คุณจะได้พบกับปล่องภูเขาไฟวิติ (Viti) และทะเลสาบสีเขียวอันเลื่องชื่อ
สำหรับกิจกรรมอื่นๆ ที่ควรไปทำ อาทิ เข้าร่วมทัวร์ชมวาฬที่ฮูสาวิก (Husavik) ที่อยู่ใกล้เคียง พื้นที่นี้ถือเป็นเมืองหลวงแห่งการชมวาฬของยุโรป โดยส่วนใหญ่จะมีอัตราการพบเห็นวาฬ 100% ตลอดช่วงฤดูร้อน
ฮูสาวิกมีอ่าวสกาลฟานดิ (Skjalfandi) ซึ่งในบริเวณที่น้ำตื้นนั้นเป็นสถานที่หากินของวาฬหลังค่อม และคุณยังสามารถเลือกอัปเกรดความสนุกได้ด้วยการเลือกไปกับทัวร์ล่องเรือยางท้องแบนเพื่อให้เหมาะกับการดูนกพัฟฟินด้วย
จากนั้นคุณค่อยไปแช่ตัวในน้ำร้อนที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) ซึ่งเป็นวิธีการผ่อนคลายแสนวิเศษหลังจากที่เที่ยวกันมาทั้งวัน อ่างน้ำร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่รอบๆ ทะเลสาบลากูนขนาดใหญ่ และมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันตั้งแต่ 36° to 40° องศาเซลเซียส
ต่อจากนั้นคุณจะเดินทางไปยังอาคูเรย์ริ (Akureyri) เมืองหลวงอันทรงเสน่ห์ของทางเหนือ และคุณจะพักค้างคืนที่เมืองนี้
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 6 - Northwest Iceland
วันที่ 6 - Northwest Iceland
- Northwest Iceland
- More
- คาบสมุทรโทรลล์
- ฮอลา รี ฮยาลตาดาล
- More
วันที่หกคุณจะใช้เวลาช่วงเช้าที่ในอาคูเรย์ริ (Akureyri) เมืองทรงเสน่ห์ที่มีร้านค้าเก๋ๆ และพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์ให้เที่ยวชมหลายแห่ง นอกจากนี้ในอาคูเรยยี่ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ที่น่าไปเดินเที่ยวมากๆ เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของโลก
อาคูเรย์ริถือเป็น "เมืองหลวงของภาคเหนือ" มีประชากรมากเป็นอันดับสองในไอซ์แลนด์ เมืองนี้อยู่ห่างจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลประมาณ 62 ไมล์ (100 กิโลเมตร) และเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและมีการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่เหนือสุดของโลกด้วย ซึ่งคุ้มค่าแก่การเดินชม สวนพฤกษศาสตร์อาคูเรย์ริครอบคลุมพื้นที่ 3,000 เฮกตาร์และมีพืชกว่า 7,000 สายพันธุ์ ตั้งแต่สวนเปิดในปี 1957 สวนแห่งนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองอาคูเรย์ริในช่วงฤดูร้อน
เช่นเดียวกับเมืองฮูสาวิก (Husavik) เมืองอาคูเรย์ริก็เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการชมวาฬ คุณอาจเข้าร่วมทัวร์ชมวาฬในใจกลางเมืองอาคูเรย์ริและออกไปดูวาฬหลังค่อมแหวกว่ายในทะเล ให้อาหารและดูพวกมันกระโดดและแพนหางโชว์อย่างร่าเริง
หรือคุณอาจจะขับรถไปสปาเบียร์ที่บียอร์บอดิน (Bjorbodin Beer Spa) ในอาร์สโกซานดูร์ (Arskogssandur) ซึ่งอยู่ห่างจากอาคูเรย์ริออกไปประมาณ 35 กิโลเมตร เพราะแทนที่จะแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนแบบดั้งเดิม ที่นี่คุณจะได้แช่เบียร์อุ่นๆ (Young beer) ที่ประกอบไปด้วยยีสต์ที่ยังมีชีวิตที่ในขณะที่เพลิดเพลินกับการจิบเบียร์ไปพลางๆ ระหว่างแช่น้ำด้วย
เมื่อคุณท่องเที่ยวในเมืองอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว ให้คุณออกไปสำรวจคาบสมุทรโทรลลาสกากิ (Trollaskagi) ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์นอกพื้นที่ไฮแลนด์ในตอนกลางของประเทศ ท่ามกลางภูเขามากมายบนคาบสมุทรโทรลลาสกากิ ภูเขาเคอร์ลิง (Mount Kerling) เป็นภูเขาที่สูงที่สุด
เขาลูกนี้มีความสูง 5,064 ฟุต (1,538 เมตร) และเป็นเขาหินบะซอลต์ อย่างไรก็ตาม ส่วนบนสุดของภูเขาเคอร์ลิงประกอบด้วยแร่ไรโอไลต์ ซึ่งแผ่ขยายไปถึงภูเขาซูลูร์ (Mount Sulur) และภูเขาวินด์เฮมาโจกุลล์ (Vindheimajokull) ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย
นอกจากภูมิประเทศอันงดงามแล้ว คาบสมุทรโทรลลาสกากิยังมีชื่อเสียงเรื่องม้าไอซ์แลนด์อีกด้วย แถบนี้เป็นที่ตั้งของฟาร์มม้าหลายแห่งซึ่งให้บริการทริปขี่ม้าแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งม้าไอซ์แลนด์นั้นจะแตกต่างจากม้าทั่วไปเล็กน้อย
โดยม้าไอซ์แลนด์จะมีขนาดเล็กกว่าม้าทั่วไป และมีท่าเดินและท่ายืนที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ยังกล่าวกันว่าพวกมันมีความแข็งแกร่ง อยากรู้อยากเห็น และฉลาดแสนรู้มากกว่า จนทำให้ผู้ที่ได้ขี่ม้าเหล่านี้ตกหลุมรักพวกมันได้ไม่ยาก
จากนั้นเดินทางกันต่อเพื่อไปยังสกากาฟยอร์ดูร์ (Skagafjordur) หุบเขาที่ได้ชื่อว่ามีม้าไอซ์แลนด์มากมาย (ซึ่งคุณสามารถขี่ม้าได้อีก) คุณจะผ่านพื้นที่ภูเขาที่สวยงามของโทรลลาสกากิ ผ่านหมู่บ้านซิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) ซึ่งเป็นหมู่บ้านประมงปลาแฮร์ริ่งเก่าแก่ และผ่านฮอฟซอส (Hofsos) ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามขณะผ่อนคลายในสระน้ำร้อนแบบอินฟินิตี้พูล ซึ่งใช้ประโยชน์จากพลังงานความร้อนใต้พิภพ
ซิกลูฟยอร์ดูร์เป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือสุดบนแผ่นดินใหญ่ของไอซ์แลนด์และเคยเป็นศูนย์กลางการตกปลาแฮร์ริ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ส่วนฮอฟซอสนั้นเป็นแหล่งค้าขายเก่าแก่ที่มีอายุย้อนไปถึงช่วงปี 1500 และปัจจุบันมีสระว่ายน้ำที่สร้างชื่อเสียงกับเมือง
เมื่อสิ้นสุดวันที่แสนเหน็ดเหนื่อยแต่น่าตื่นเต้น คุณจะไปพักค้างคืนในบริเวณใกล้ๆ กับเซยดาร์โกรกูร์ (Saudarkrokur)
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 7 - เรคยาวิก
วันที่ 7 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- น้ำพุร้อนเดลตาร์ตุงกูแวร์
- น้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์และน้ำตกบาร์นาฟอสส์
- แหล่งประวัติศาสตร์เรคโฮลท์
- ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- Borg a Myrum church and farm
- More
ในวันที่เจ็ดคุณจะสำรวจทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายมาก รวมถึงไอซ์แลนดิกเซตเทิลเมนต์เซ็นเตอร์ในบอร์การ์เนส (Borgarnes) ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์ และเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) น้ำพุร้อนซึ่งมีปริมาณน้ำไหลมากที่สุดในยุโรป และคุณห้ามพลาดไปที่น้ำตกเฮินฟอซซ่าและน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Hraunfossar & Barnafoss) ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกหน่อยด้วย
Icelandic Settlement Center ที่อยู่ในบอร์การ์เนสเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการสำคัญ 2 งาน ได้แก่ Age of Settlement และ Egil Skallagrímsson กวีไวกิ้งซึ่งเป็นตัวเอกในซากาของไอซ์แลนด์เรื่อง Egil
นอกจากนี้ อย่าลืมแวะชมน้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) อันสวยงามด้วย น้ำตกเฮินฟอซซาร์เป็นน้ำตกหลายๆ อันที่ไหลมาจากทุ่งลาวาฮัลล์มุนดาร์เฮิร์น (Hallmundarhraun) และโขดหินในลาวาก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำฮวิทา (Hvita)
หลังจากตรวจสอบเฮินฟอสซาร์แล้ว ให้เดินไปที่น้ำตกบาร์นาฟอสส์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร บาร์นาฟอสส์เป็นน้ำตกที่ไหลเชี่ยวและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน รวมถึงเรื่องเล่าพื้นบ้านที่น่าสนใจ
ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์อาจจะออกนอกเส้นทางไปเล็กน้อยเพื่อไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สนอร์ราสโทฟา (Snorrastofa Museum) ซึ่งเป็นสถาบันค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับยุคกลางที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเรย์คอลท์ (Reykholt) เดิมเคยเป็นที่อยู่ของสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน (Snorri Sturluson) ชาวไวกิงผู้เป็นทั้งกวี นักการเมือง และนักประวัติศาสตร์ เขาเป็นผู้ที่แต่งนิยายซากาเรื่องฮีมสกรินก์กา (Heimskringla) ขึ้นในศตวรรษที่ 13 และยังเป็นผู้ประพันธ์บทร้อยแก้วเอดดา (Edda) ที่เปรียบเสมือนไบเบิลแห่งเทพปกรณัมนอร์สโบราณด้วย
ถ้าหากคุณมีเวลาเหลือคุณสามารถเลือกไปผจญภัยในถ้ำที่อุโมงค์ลาวาวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) หรือไปผจญภัยในอุโมงค์น้ำแข็งที่ลางโจกุล (Langjokull) ซึ่งเป็นอุโมงค์น้ำแข็งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยก็ได้ อุโมงค์เหล่านี้ตั้งอยู่ในส่วนที่มั่นคงที่สุดของลางโจกุล ธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์
การเข้าไปในอุโมงค์นั้นเหมือนกับการเข้าไปในสถานที่ที่มีมนต์ขลัง พื้นผิวที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดของธารน้ำแข็งจะทำให้คุณต้องตกตะลึง เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนสุดของพื้นที่แล้ว คุณจะได้เห็นภูเขาสูงตระหง่านตระการตา
คุณยังสามารถเพิ่มกิจกรรม “อินทูเดอะโวลเคโน” เข้าไปในวันนี้ได้เหมือนกันซึ่งทัวร์นี้จะพาคุณลงไปดูโถงลาวาสีสวยที่ทรีฮนูคาร์กีกูร์ (Thrihnukagigur) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วและภายในมีโถงแมกม่าขนาดใหญ่ที่มีความลึก 699 ฟุต (213 เมตร) ที่น่าสนใจคือมันเป็นโถงแมกม่าแห่งเดียวในโลกที่คนสามารถเข้าไปได้
ระหว่างทางกลับเรคยาวิก แวะพักสั้นๆ ที่ฟอสซาตุน (Fossatun) ก่อนที่จะพักผ่อนเป็นคืนสุดท้ายในเมืองหลวง ฟอสซาตุนเป็นน้ำตกที่ว่ากันว่ามีโทรลล์หญิงชื่อดรีฟา (Drifa) ปกปักรักษาอยู่
ประสบการณ์
ที่พัก
วันที่ 8 - เรคยาวิก
วันที่ 8 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - Departure Day
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
วันสุดท้ายของคุณในไอซ์แลนด์ คุณจะนำรถไปส่งคืนที่สนามบินเคฟลาวิกให้ทันเวลาออกเดินทาง
หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงท้ายๆ วันและคุณเลือกที่จะไปบลูลากูนในวันนี้ คุณจะได้ผ่อนคลายร่างกายให้สบายก่อนที่จะไปสนามบิน บลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำอุ่นที่อุดมด้วยแร่ธาตุ และนึกย้อนกลับไปถึงการผจญภัยอันเหลือเชื่อที่คุณเพิ่งไปพบมาในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง
นอกจากนี้ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้ในเรคยาวิก
คุณสามารถไปช้อปปิ้งในนาทีสุดท้าย หรือไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม เช่น ฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮออล์ (Harpa Concert Hall and Conference Center) พิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวที่เพอร์ลาน (Perlan) และโบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja)
หากเที่ยวบินของคุณออกเดินทางแต่เช้า เราหวังว่าคุณจะสนุกกับทริปไอซ์แลนด์และขอให้คุณมีความสุขในการเดินทาง
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
ทัวร์ขับรถเที่ยวด้วยตัวเองสามารถเริ่มออกเดินทางได้ทั้งจากในตัวเมืองเรคยาวิกและจากสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ทั้งนี้คนขับจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุและมีประสบการณ์ในการขับรถบนถนนอย่างน้อย 1 ปี อย่างไรก็ตามรายละเอียดการเดินทางที่คุณได้รับอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับวันเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ด้วย
แม้ว่าคุณจะมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน แต่อากาศในไอซ์แลนด์นั้นก็ยากที่จะคาดเดาได้ถูก ดังนั้นกรุณาเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมติดตัวมาเผื่อด้วย
กิจกรรมเสริมต่างๆ จะไม่ได้รวมอยู่ในราคาเออร์ลีเบิร์ด แต่คุณก็จะได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับกิจกรรมเสริมที่คุณเลือกเพิ่มเข้าไปในทริปเมื่อคุณจองแพ็กเกจขับรถกับเรา ดังนั้นคุณไม่ควรพลาดที่จะเพิ่มกิจกรรมสนุกๆ ในราคาพิเศษเข้าไปในทริปครั้งนี้ด้วย.
วิดีโอ
รีวิวที่รับรองแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด