แพ็คเกจเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อน 6 วัน ตามรอยสถานที่ถ่ายทำเกมออฟโธรนส์ & ปีนธารน้ำแข็ง

วันที่สองนี้คุณจะได้เข้าสู่โลกแฟนตาซีกันแล้ว โดยจะเริ่มต้นที่การไปเยี่ยมชมวงกลมทองคำ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของประเทศไอซ์แลนด์กันเป็นแห่งแรก และเพื่อให้เพิ่มความน่าตื่นเต้น เอาเป็นว่าคุณจะได้ไปชมเอียรีกันในวันนี้ ซึ่งก็ไม่ต้องรอนานเพราะเอียรีนั้นอยู่ในอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ สถานที่แห่งแรกที่คุณจะแวะในวันนี้ และที่นี่เคยถูกใช้เป็นอัลธิงกิ หรือสถานที่จัดประชุมสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วย 

หลายท่านอาจรู้สึกคุ้นเคย เพราะฉากบลัดดี้เกทในเอียรีนั้นมาถ่ายทำกันที่หุบเขาอัลมานนาจยา ซึ่งคุณจะได้ลงไปเดินเล่นด้วย แต่หวังว่าจะเป็นการเดินที่เหนื่อยน้อยกว่าเมื่อตอนที่เดอะฮาวด์และอาร์ยามาถึงบลัดดี้เกท

ที่ธิงเวลลีร์คุณสามารถเพิ่มกิจกรรมเสริมเข้าไปได้ โดยเป็นการลงเล่นน้ำในรอยแยกซิลฟรา และว่ายไปมาระหว่างแผ่นเปลือกโลกของสองทวีป เพราะจุดนี้เป็นบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเชียและแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือมาบรรจบกัน

ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมดำน้ำตื้นต้องไม่กลัวที่จะลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้

ถัดมาคุณจะไปเที่ยวที่พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพเฮยคาดาลูร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนไกเซอร์ต้นตำรับ ซึ่งคำว่า "ไกเซอร์" (Geyser) ในภาษาอังกฤษก็มีที่มาจากน้ำพุร้อนทรงพลังที่นี่นั่นเอง ไกเซอร์ต้นตำรับนี้ในปัจจุบันจะสงบนิ่งไปแล้ว แต่ที่นี่ก็ยังมีน้ำพุร้อนสโทรคูร์ที่ยังเปี่ยมไปด้วยพลังขึ้นมาแทนที่ โดยสโทรคูร์จะฉีดพ่นน้ำขึ้นฟ้าสูง 15-20 เมตรในทุกๆ 5-10 นาที

สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณจะแวะเป็นแห่งที่สามของวันนี้คือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดมหึมาที่โดดเด่นและเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ และเป็นสถานที่ที่ทีมงานเกมออฟโธรนส์ได้บันทึกภาพฟุตเทจเก็บเอาไว้ใช้ในวันข้างหน้าด้วย ที่นี่คุณจะได้เห็นถึงพลังของธรรมชาติที่สร้างให้น้ำตกแห่งนี้ทิ้งตัวลงด้วยพละกำลังมหาศาลสู่แอ่งน้ำที่มีละอองปกคลุมไปทั่ว โดยกำแพงทั้งสองด้านของน้ำตกซึ่งเป็นหุบเขานั้นมีความสูงถึง 70 เมตรและเหวด้านล่างที่น้ำไหลลงไปคือเหวกุลล์ฟอสส์กยูฟูร์ 

หากคุณต้องการทำให้ทริปวันนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น ที่น้ำตกกุลล์ฟอสส์ คุณยังสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมขี่สโนว์โมบิลที่สนุกตื่นเต้นบนธารน้ำแข็งลางโจกุลที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเข้าไปได้ด้วย

คุณยังสามารถใช้เวลาในช่วงเย็นไปชมภูเขาไฟฟากราดาลสฟาลล์ที่งดงามบนคาบสมุทรเรคยาเนส ซึ่งเพิ่งมีการปะทุไปไม่นานมานี้ กิจกรรมเดินป่า 5 ชั่วโมงนี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่มีมาตั้งแต่โลกยุคดึกดำบรรพ์ และจะมอบประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ยากจะลืมเลือนให้กับคุณ

ในตอนท้ายวันคุณจะเดินทางกลับเข้าที่พักในเรคยาวิกเพื่อพักผ่อนในยามค่ำคืน

ในวันที่สาม คุณจะแพ็คกระเป๋าเพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้เป็นเวลา 2 วัน หรือจะพูดอีกอย่างคือคุณจะได้ออกไปเที่ยวที่พื้นที่นอกกำแพง สถานที่แห่งแรกที่คุณจะแวะชมในวันนี้คือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ในทางใต้ที่มีความสูง 60 เมตร และคุณสามารถเดินเข้าไปชมหลังม่านน้ำตกได้

จากนั้นคุณจะเดินทางต่อเพื่อไปยังน้ำตกสโคกาฟอสส์ที่งดงาม ซึ่งม่านน้ำตกแห่งนี้มีความกว้างมากและไหลลงกระทบกับโขดหินด้านล่างส่งเสียงดังกึกก้องกังวานไปทั่ว และพละกำลังอันมหาศาลทำให้เกิดละอองน้ำปกคลุมโดยรอบ ซึ่งมักจะมีรุ้งกินน้ำออกมาปรากฏให้เห็นท่ามกลางวันในฤดูร้อนที่มีแสงแดด

ต่อมาคุณจะเดินทางไปยังโซลเฮมาโจกุล ผืนธารน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากกำปั้นปฐมบุรุษ และคุณจะได้ปีนธารน้ำแข็ง ซึ่งน่าจะให้ความรู้สึกคล้ายกับคุณได้ไปผจญภัยในทางเหนือของกำแพงด้วยตัวเองเลย และไกด์จะจัดหาสายรัดเพื่อความปลอดภัย รองเท้าตะปู ขวานน้ำแข็ง และหมวกนิรภัยให้กับคุณ เพื่อให้คุณมีการปกป้องที่เหมาะสมกว่าเมื่อตอนที่พวกคนเถื่อนพยายามไต่กำแพงในช่วงสงคราม

เสร็จแล้วคุณจะเดินทางต่อไปยังอีสต์วอต์ชบายเดอะซีบนหาดทรายดำเรย์นิสฟยาราใกล้กับหมู่บ้านวิก อี มิร์ดาล ซึ่งคุณจะรู้สึกราวกับว่าได้ไปอยู่ขอบกำแพงและคอยส่องดูโขดทะเลเรย์นิสแดรงการ์ที่โผล่อยู่กลางทะเลใต้เงาของภูเขาเรย์นิสฟยาลล์ด้วยตัวเองเลยทีเดียว

หาดเรย์นิสฟยาราไม่ได้มีดีแค่เป็นฉากอีสต์วอต์ชบายเดอะซี ที่นี่คุณอาจจะได้เข้าร่วมกับจอน สโนว์และอัศวินหัวหอมเพื่อไปพบกับทอร์มุนด์และกลุ่มพี่น้องไร้ธง หรือได้เห็นวิเซอเรียนทำลายกำแพง และคุณจะมีเวลาสำหรับถ่ายภาพกลุ่มหินสีดำทะมึนแถวนี้อย่างเหลือเฟือ แต่อย่าลืมว่าหาดนี้เป็นหาดที่อันตราย เพราะมักจะมีคลื่นยักษ์ซัดเข้าฝั่งแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวและพัดเอาคนลอยออกไปในทะเลได้ และคุณก็ไม่ใช่ชาวเหล็กไหลไอรอนบอร์นเสียด้วย

จากนั้นถึงเวลาที่จะข้ามเขตกำแพงและเดินทางต่อไปตามแนวชายฝั่งทางใต้ เพื่อไปยังที่พักของคุณที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน เพื่อพักผ่อนในคืนนี้ก่อนที่จะออกลุยกันต่อไปในวันรุ่งขึ้น

ในวันที่สี่ของทริปนี้ คุณจะใช้เวลาอยู่ทางเหนือของกำแพง เริ่มต้นจากที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ลักษณะทางธรรมชาติอันน่าทึ่งนี้มักถูกเรียกว่า "อัญมณียอดมงกุฎแห่งไอซ์แลนด์" และคุณจะเข้าใจว่าทำไมเมื่อคุณได้ไปที่นั่นแล้ว

ทะเลสาบแห่งนี้มีความลึกสูงสุด 248 เมตร ทำให้เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ 11.2 ตารางไมล์ (18 ตารางกิโลเมตร) ในส่วนของภูเขาน้ำแข็งนั้น บางส่วนมีอายุมากกว่า 1,000 ปี

ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่รู้จักจากการที่มีภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แตกออกมาจากผืนน้ำแข็งของธารน้ำแข็งเบรดาแมร์คุร์โจกุลและไหลลงสู่ผืนน้ำลึกในทะเลสาบ ภูเขาน้ำแข็งก้อนยักษ์ใสปิ๊งราวคริสตัลเหล่านี้ลอยตัวอยู่ในทะเลสาบสีฟ้า ซึ่งบางก้อนนั้นอาจจะมีสีฟ้าแซมด้วยเนื่องจากมีออกซิเจนเข้าไปอยู่ในน้ำแข็งที่มีอายุเก่าแก่นานนับพันๆ ปี

เมื่อคุณอยู่ในบริเวณทะเลสาบ อย่าลืมมองหาแมวน้ำด้วย พวกมันมักจะอาศัยอยู่ในทะเลสาบและออกมานอนเล่นอาบแดดอยู่ตามก้อนภูเขาน้ำแข็ง

หากคุณเดินทางมาเที่ยวในช่วงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมล่องเรือในทะเลสาบเข้าไปในทริปนี้ได้ ทัวร์ล่องเรือในทะเลสาบธารน้ำแข็งที่สวยงามนี้จะพาคุณล่องผ่านภูเขาน้ำแข็งสีขาวและสีฟ้าและไกด์จะเล่าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ของแถวนี้ให้คุณฟังด้วย

คุณยังสามารถไปชมหาดไดมอนด์ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ด้วย หาดแห่งนี้มีก้อนน้ำแข็งที่แตกตัวออกมาจากภูเขาน้ำแข็งกระจายเกลื่อนกลาดอยู่บนผืนทรายสีดำ มองดูงดงามเหมือนเป็นอัญมณีล้ำค่า

หาดไดมอนด์หรือที่รู้จักกันในชื่อเบรดาแมร์คุร์ซานดูร์อยู่ห่างจากทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนเกือบ 900 เมตร มีภูเขาน้ำแข็งที่เกยตื้นบนทรายสีดำ ทำให้เกิดประกายแวววาวคล้ายเพชรที่ส่องแสง

จากนั้นก็ได้เวลากลับเข้าเมืองแล้วหลังจากการเดินทางไปกลับกำแพงอันยาวนาน เย็นนี้คุณจะใช้เวลาอยู่ในเมืองเรคยาวิกในที่พักที่แสนสะดวกสบาย

วันนี้คุณจะเดินทางไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ คาบสมุทรแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาจากธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์สโจกุล ซึ่งมีตำนานและเรื่องเล่ามากมาย นอกจากนี้คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสยังมีบทบาทในเรื่องราวของอาณาจักรเวสเทอรอสด้วย โดยเป็นสถานที่ที่ไวท์วอล์กเกอร์ถือกำเนิดขึ้น

สไนล์เฟลล์สโจกุลเป็นธารน้ำแข็งกรวยภูเขาไฟสลับชั้น (Stratovolcano) ที่เกาะอยู่ที่ปลายคาบสมุทร มีความสูง 1,446 เมตร โดยมียอดธารน้ำแข็งสองยอดปกคลุมอยู่

ใครที่เป็นนักอ่านน่าจะจดจำธารน้ำแข็งแห่งนี้ได้ว่าเคยถูกใช้เป็นทางเข้าสู่โลกใต้ดินในนวนิยายของ Jules Verne เรื่อง "Journey To The Center of The Earth"

นอกจากนี้ธารน้ำแข็งยังมีนิทานพื้นบ้านที่น่าสนใจ โดยเชื่อกันว่าเป็นแหล่งพลังงานโบราณ และชาวไอซ์แลนด์บางคนบอกว่าแนวหินรอบๆ สไนล์เฟลล์สโจกุลเป็นบ้านของฮิดเด้นพีเพิล

หนึ่งในสถานที่แรกๆ ที่จะได้ไปชมในวันนี้คือดยูปาโลนส์ซานดูร์ ซึ่งเป็นหาดกรวดสีดำที่มีหินโบราณสี่ก้อนเอาไว้ให้ชายหนุ่มชาวไอซ์แลนด์สมัยก่อนใช้ยกเพื่อทดสอบพละกำลังว่าพวกเขาแข็งแรงพอที่จะเป็นชาวประมงได้แล้วหรือยัง บางทีคุณอาจจะไปลองยกก็ได้ หินพวกนี้มีน้ำหนักตั้งแต่ 23-154 กิโลกรัม

คุณยังจะได้แวะชมผาหินบะซอลต์โลนแดรงการ์อันสวยงามก่อนที่จะไปถึงตีนธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์ส์โจกุลที่อยู่ปลายสุดทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรด้วย ธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ และบางคนเชื่อว่าที่นี่เป็นประตูสู่นรก

สถานที่แห่งต่อไปปรากฏอยู่ในหลายๆ ฉากของเกมออฟโธรนส์ ภูเขาคิร์กจูเฟลล์นั้นคือ "ภูเขาที่เหมือนหัวลูกศร" และเป็นสถานที่ที่เด็กแห่งพงไพรสร้างไวท์วอล์กเกอร์ตนแรกขึ้นมา ธรณีสัณฐานอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ถูกฉายให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในซีรีส์ ทั้งในโลกแห่งความจริงและในความฝัน

คิร์กจูเฟลล์มีความสูง 463 เมตร และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในพื้นที่ สิ่งที่น่าสนใจคือที่เชิงเขามีทะเลสาบที่มีภาพของคิร์กจูเฟลล์สะท้อนบนผิวน้ำในวันที่อากาศแจ่มใส

โดยเมื่อคุณไปอยู่ในบริเวณภูเขา คุณยังจะได้เห็นน้ำตกคิร์กจูเฟลล์ฟอสส์อันงดงาม ซึ่งอยู่เคียงคู่กับเขาสูงชันเป็นโลเคชั่นที่สวยสมบูรณ์แบบสำหรับการถ่ายภาพ

ในตอนท้ายของวันคุณจะกลับเข้าเมืองไปพักผ่อนอย่างปลอดภัยโดยที่ไม่มีไวท์วอล์กเกอร์ตนไหนสามารถเล็ดลอดกำแพงหินเข้ามาถึงตัวคุณได้

วันนี้คุณจะบอกลาดินแดนแห่งแฟนตาซีและกลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงด้วยการตื่นแต่เช้าอย่างสดใสและรับประทานมื้อเช้า ซึ่งอาจจะเป็นขนมปังและ "ปลาเล็กๆ นั่นสักสองตัว" หรืออาจจะ "ดื่มเบียร์ดำดีๆ สักเหยือกเพื่อล้างคอ" และก็อย่าลืม "เบคอนย่างเกรียมๆ" ด้วย

ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ

หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข

รถรับส่งจะไปรับคุณและพาคุณไปส่งยังสนามบินให้ทันกับเวลาเที่ยวบินของคุณ หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงบ่าย คุณสามารถไปแวะที่บลูลากูนเพื่อผ่อนคลายก่อนขึ้นเครื่องบินได้

จากนั้นก็ถึงเวลาเดินทางออกจากอาณาจักรเวสเทอรอสและไอซ์แลนด์แล้ว และเราจะพบกันใหม่อย่างแน่นอน