ขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อน 10 วัน เที่ยวบนถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์และชมน้ำตกแบบไม่รีบร้อน
Description
Summary
Description
Included
Destinations
Map
Attractions
Activities
Travel details
Car
Car
Small car
Medium car
Premium car
large car
SUV
Personalize your itinerary
Day 1 – เรคยาวิก
- เรคยาวิก - Arrival day
- More
การผจญภัยที่สนุกสนานของคุณรอบถนนวงแหวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเครื่องบินของคุณลงจอดที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิก หลังจากคุณผ่านด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว คุณจะไปรับรถเช่าที่จอดรออยู่ การเดินทางจากสนามบินไปยังเมืองเรคยาวิก คุณจะต้องขับรถผ่านภูมิประเทศที่อึมครึมเต็มไปด้วยลาวาของคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจดีขึ้นว่าธรรมชาติของไอซ์แลนด์เป็นอย่างไร หากคุณมาถึงไอซ์แลนด์ในเวลาที่พอเหมาะ คุณสามารถแวะเที่ยวแถบนี้ก่อนได้ ซึ่งสถานที่น่าสนใจมีทั้งบ่อน้ำพุร้อน ภูเขาไฟ และแนวชายฝั่งที่งดงาม
นอกจากการแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวบนคาบสมุทรแล้ว ในวันนี้คุณยังสามารถแวะที่บลูลากูนได้ด้วย ซึ่งสปาหรูหราแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรคของน้ำสีขุ่นราวกับน้ำนม อีกทั้งยังมีห้องอบไอน้ำและซาวน่าที่ได้ความร้อนมาจากพลังงานใต้พิภพด้วย นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจทรีตเมนต์สำหรับบำบัดฟื้นฟูให้เลือกมากมาย
ทั้งนี้ การเข้าบลูลากูนจำเป็นต้องจองล่วงหน้า ดังนั้น โปรดกดเลือกเพิ่มบัตรเข้าบลูลากูนเมื่อคุณทำการจองทริปด้วย ถ้าหากเวลาของเที่ยวบินของคุณไม่เหมาะสำหรับการไปเยือนบลูลากูนในวันแรกนี้ ตัวแทนท่องเที่ยวที่ดูแลทริปให้คุณจะจัดบลูลากูนเข้าไปในโปรแกรมวันอื่นให้แทน
นอกจากนี้ ในวันนี้คุณยังสามารถตรงเข้าไปในเมืองเรคยาวิกเพื่อพักผ่อนและเก็บแรงไว้ใช้เที่ยวชมธรรมชาติของไอซ์แลนด์ในอีกแปดวันที่เหลืออย่างเต็มที่ หรือไม่อย่างนั้นก่อนที่จะเข้าพักผ่อนในโรงแรมคุณก็ยังสามารถออกไปสัมผัสกับวัฒนธรรมในเมืองหลวงที่อยู่เหนือสุดของโลกได้
Accommodation on day 1
Experiences on day 1
Day 2 – สไนแฟลซเนส
- สไนแฟลซเนส
- More
- หาดอีทรี ทุงกา
- หมู่บ้านบูดิร์
- สไนล์เฟลล์โจกุลล์
- หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
- หาดกรวดดำที่ดยูปาลอนส์ซานดูร์
- ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
- More
ในวันที่สองของการเดินทางท่องเที่ยวรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อน คุณจะสำรวจทางตะวันตกของประเทศ
วันนี้ คุณจะเที่ยวชมคาบสมุทรสไนแฟลซเนส (Snaefellsnes) ภูมิภาคที่มีความหลากหลายและสวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น "ไอซ์แลนด์ย่อส่วน" ตลอดแนวชายฝั่งทั้งสองด้านมีสถานที่งดงามนับไม่ถ้วนและมีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน
ผู้ที่ชอบสัตว์จะได้เพลิดเพลินกับแมวน้ำที่อิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) และฝูงนกที่ป้อมปราการหินบะซอลต์โลนตรังการ์ (Londrangar) ในขณะที่ผู้ที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์สามารถไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้าง ชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขาน และแวะไปลองยกหินทดสอบพลังที่หาดดยูปาลอนสซานดูร์ (Djupalonssandur) ซึ่งเป็นประเพณีของชาวประมงท้องถิ่นที่สืบทอดมาหลายร้อยปี
หรือถ้าหากคุณสนใจในพลังอันน่าสะพรึงของภูเขาไฟที่หล่อหลอมธรรมชาติของไอซ์แลนด์ คุณจะพบว่าลาวาที่ก่อตัวขึ้นอย่างแปลกประหลาดเป็นเสาหกเหลี่ยมที่แกร์ดูเบิร์ก (Gerduberg) และปล่องภูเขาไฟเอลด์บอร์ก (Eldborg) ที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นมีความมหัศจรรย์มาก
หรือหากคุณเสพติดการดูซีรีส์ คุณน่าจะไม่อยากพลาดไปชมภูเขาคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) ที่ใช้เป็นฉากในเกมออฟโธรนส์ ภูเขานี้เป็นยอดเขาเดี่ยวๆ สูง 463 เมตร
ภูเขามีรูปทรงคล้ายปิรามิด โบสถ์ หรือหัวลูกศร ช่างภาพยังชอบถ่ายรูปภูเขาคิร์กจูเฟลล์เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและน่าทึ่ง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดบนคาบสมุทรแห่งนี้อยู่ที่ส่วนปลายสุดของคาบสมุทร สไนเฟลล์โจกุล (Snaefellsjokull) ซึ่งเป็นภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งที่มียอดแฝดนั้นตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจ โดยมีความสูง 1,446 เมตร และมองเห็นวิวเมืองเรคยาวิกอันงดงามจากอีกฟากของอ่าว
ภูเขานี้สวยงามมากและสร้างแรงบันดาลใจให้กับงานศิลปะและวรรณกรรมนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าธารน้ำแข็งสไนเฟลล์สโจกุลเป็นแหล่งพลังงานโบราณอีกด้วย ปัจจุบันได้รับการคุ้มครองอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติชื่อเดียวกัน
ใกล้ๆ กันกับธารน้ำแข็งก็มีถ้ำลาวาวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) ซ่อนตัวอยู่ ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจได้ และคุณสามารถจองทัวร์ได้ในขณะที่จองแพ็คเกจนี้ ทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งนอกจากจะทำให้คุณได้สัมผัสความตื่นเต้นแล้ว คุณยังจะได้ทำความรู้จักกับโลกใต้พิภพที่มีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาดอีกด้วย
แต่ถ้าคุณอยากอยู่เหนือพื้นดินมากกว่า คุณสามารถเลือกไปทัวร์กินซูชิแบบชาวไวกิ้งแทนได้ โดยทัวร์ล่องเรือนี้จะออกเดินทางจากหมู่บ้านสติกกิชโฮลมูร์ (Stykkisholmur) น่านน้ำทางเหนือของคาบสมุทรสไนแฟลซเนสนั้นมีเกาะแก่งนับไม่ถ้วน มีวิวภูเขาที่สวยงามของฟยอร์ดตะวันตก และมีสัตว์ให้ชมมากมาย
หลังจากที่ชมความมหัศจรรย์ของคาบสมุทรสไนแฟลซเนสมาทั้งวันแล้ว คืนนี้คุณจะเข้าพักในโรงแรมที่อยู่บนคาบสมุทร
Accommodation on day 2
Experiences on day 2
Day 3 – ไอซ์แลนด์เหนือ
- ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- คยาร์นาสโกกูร์
- More
ในวันที่สามของทริปขับรถเที่ยวบนถนนวงแหวนรอบไอซ์แลนด์ คุณจะเดินทางขึ้นไปทางเหนือของประเทศ หากคุณต้องการไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยไปหรือต้องการกลับไปซ้ำบางสถานที่บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสอีกครั้ง คุณยังพอมีเวลาในช่วงเช้า
ระหว่างที่เดินทางไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ ขอแนะนำให้ขับออกนอกเส้นทางสักเล็กน้อยเพื่อไปชมคาบสมุทรวาทน์เนส (Vatnsnes) บริเวณนี้มีสิ่งที่น่าสนใจสองอย่าง คือ แมวน้ำ และหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur)
ซึ่งแมวน้ำสามารถพบเห็นได้ตามชายฝั่งและคุณยังสามารถไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์แมวน้ำไอซ์แลนด์ (Icelandic Seal Centre) ที่หมู่บ้านฮวามสตางกี (Hvammstangi) ได้ด้วย ส่วนหินฮวิทแซร์กูร์นั้นเป็นหินรูปร่างแปลกประหลาดที่มองดูคล้ายช้างกำลังดื่มน้ำจากมหาสมุทร
ฮวิทแซร์กูร์ตั้งตระหง่านสูง 15 เมตร ยื่นออกมาจากอ่าวฮูนาโฟลอิ (Hunafloi) นิทานพื้นบ้านกล่าวว่ากองหินที่นี่เคยเป็นโทรลล์ที่ลงจากคาบสมุทร เพราะโกรธมากที่ไอซ์แลนด์เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์จนพยายามทำลายระฆังของคอนแวนต์
ในขณะที่ความโกรธเข้าครอบงำ โทรลล์ไม่ได้สังเกตเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น มันจึงกลายเป็นหินและกลายเป็น "โทรลล์แห่งไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงเหนือ"
สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประมงของไอซ์แลนด์ คุณสามารถแวะไปเที่ยวตามชุมชนต่างๆ บนคาบสมุทรทางตอนเหนือกันได้ เช่น สิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) โอลาฟสฟยอร์ดูร์ (Olafsfjordur) และดาลวิก (Dalvik)
นอกจากนี้ยังมีสปาเบียร์ ในกรณีที่คุณเลือกเพิ่มกิจกรรมนี้เอาไว้เมื่อทำการจองคุณก็จะได้เดินทางไปสปาเบียร์ที่ดาลวิกเพื่อแช่ตัวในเบียร์ที่เพิ่งหมักใหม่
เมืองอาคูเรย์ริเองก็มีสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย โดยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีร้านแฟชั่นไฮเอนด์ และร้านอาหาร ตลอดจนแกลเลอรี่และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ และสวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่เหนือสุดของโลกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิวมหาสมุทรและภูเขาล้อมรอบที่งดงามมาก
และจากเมืองนี้คุณสามารถไปร่วมกับทัวร์ที่พาออกเดินทางจากท่าเรือเพื่อไปดูวาฬยักษ์แสนอ่อนโยนกลางทะเลลึก
ทางเหนือของไอซ์แลนด์เป็นแหล่งดูวาฬที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วาฬหลังค่อมมักจะมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อน ส่วนสายพันธุ์หายากอื่นๆ อย่างวาฬสีน้ำเงินและวาฬฟินนั้นมีให้เห็นเป็นประจำ
หลังจากเที่ยวมาเยอะในวันนี้ คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในไอซ์แลนด์เหนือ
Accommodation on day 3
Experiences on day 3
Day 4 – Northeast Iceland
- Northeast Iceland
- More
- คยาร์นาสโกกูร์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- ช่องเขาเนามาสการ์ด
- ถ้ำกริโยทากยา
- การก่อตัวของลาวาที่ดิมมูบอร์กิ
- More
ในวันที่สี่ของทริปหน้าร้อนที่ไอซ์แลนด์ คุณจะมีอิสระในการเที่ยวชมภูมิประเทศที่ไม่น่าเชื่อของไอซ์แลนด์เหนือ ไม่ว่าคุณจะแสวงหาธรรมชาติที่สวยงาม อยากเห็นแหล่งพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ หรือต้องการส่องชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ ภูมิภาคนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณ
หนึ่งในไฮไลต์ของแถวนี้คือหมู่บ้านประมงฮูสาวิค (Husavik) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาคูเรย์ริ ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรปเนื่องจากมีวาฬชุมอย่างไม่น่าเชื่อ และคุณสามารถเพิ่มทัวร์ดูวาฬเข้าไปในทริปวันนี้ได้
ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการดูวาฬสามารถเลือกทัวร์ที่ใช้เรือแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าไปดูวาฬในระยะใกล้ให้เลือกจองทัวร์ที่ใช้เรือยางทองแบน (RIB) แทน
หรือหากคุณอยากใช้เวลาพักผ่อนสบายๆ ในเมืองฮูสาวิก คุณสามารถเลือกจองกิจกรรมแช่น้ำร้อนที่อ่างจีโอซี สระน้ำที่นี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเพราะเป็นน้ำทะเลร้อนที่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาและเพิ่มความสดชื่นคืนความกระปรี้กระเปร่าให้กับคุณด้วย
แม้ว่าเมืองฮูสาวิคจะน่าสนใจมากขนาดไหน คุณก็ต้องแบ่งเวลาส่วนใหญ่ของการเที่ยวไอซ์แลนด์เหนือนี้เพื่อไปแถบทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) กันด้วย
มิวาทน์มีผืนน้ำกว้างใหญ่และสงบเงียบ เต็มไปด้วยนกนานาพันธุ์และพืชพรรณที่สวยงาม เช่นเดียวกับที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาให้ดูมากมาย รวมถึงปล่องภูเขาไฟเทียมหน้าตาแปลกประหลาดที่เรียงรายอยู่ทั่วบริเวณและป้อมปราการลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir)
ดิมมูร์บอร์กิร์ แปลว่า "ป้อมปราการแห่งความมืด" และเป็นทุ่งลาวาที่ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 2,300 ปีก่อนหลังการปะทุ ที่นี่คุณสามารถสำรวจถ้ำ และชมกองหินขนาดใหญ่
บริเวณรอบทะเลสาบมิวาทน์นั้นเป็นพื้นที่ที่มีความแตกต่างอย่างน่าสนใจระหว่างพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพกับผืนน้ำในทะเลสาบอันสงบนิ่งไม่ไหวติง เนามาส์การ์ด (Namaskard) มีความโดดเด่นมากที่สุดด้วยความที่มีช่องไอน้ำส่งเสียงฟู่ๆ กระจายอยู่เป็นจำนวนมากและพ่นเอาไอก๊าซพิษออกมาปกคุลมทั่วทั้งหุบเขาอันแห้งแล้ง
หากคุณต้องการไปดูพลังความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ทางเหนือของไอซ์แลนด์ในแบบที่สงบ คุณสามารถเลือกจองบัตรเข้าอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์พร้อมกับที่จองทริปขับรถแพ็คเกจนี้ได้ สปาแบบดั้งเดิมของไอซ์แลนด์แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการมากมายและมีภูมิทัศน์โดยรอบที่งดงาม
หลังจากเที่ยวจนเหนื่อย คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในแถบทะเลสาบมิวาทน์
Accommodation on day 4
Experiences on day 4
Day 5 – ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- หุบเขาอาสบิร์กิ
- More
ในวันที่ห้าของทริปหน้าร้อนที่ไอซ์แลนด์ คุณจะเดินทางออกจากทางเหนือมุ่งหน้าสู่เอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir) เมืองหลวงของทางตะวันออก เส้นทางนี้ทอดยาวไปทางเหนือของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ซึ่งมีภูมิประเทศและลักษณะที่แปลกตามากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
หนึ่งในนั้นที่โดดเด่นที่สุดคือน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) น้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดในยุโรป ซึ่งวัดได้กว้าง 328 ฟุต (100 เมตร) และสูง 141 ฟุต (43 เมตร) นอกจากนี้ยังมีอัตราการไหลเฉลี่ย 50,985 แกลลอน (193 ลูกบาศก์เมตร) ต่อวินาที
น้ำตกส่งเสียงคำรามกึกก้องอย่างไม่น่าเชื่อด้วยแรงน้ำมหาศาลที่ไหลลงในหุบเขาหินลาวาสีดำอันว่างเปล่า ทำให้บริเวณนั้นมีบรรยากาศที่ดูลึกลับน่าประทับใจ ผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์ได้เลือกมาถ่ายทำฉากเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่อง "Prometheus" ที่น้ำเดตติฟอสส์ในปี 2012
ในขณะเดียวกัน ห่างจากน้ำตกเดตติฟอสส์ไปตามแม่น้ำก็มีน้ำตกที่น่าอัศจรรย์พอๆ กันอีกสองแห่ง คือน้ำตกเซลฟอสส์ (Selfoss) และน้ำตกฮาฟรากิลสฟอสส์ (Hafragilsfoss) แม้ว่าเซลฟอสส์จะสูงเพียง 11 เมตร แต่ก็มีความกว้างที่น่าประทับใจถึง 100 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นน้ำตกยังมีต้นน้ำมาจากแม่น้ำธารน้ำแข็งโจกุลซาฟโยลลุม (Jokulsa a Fjollum) ที่เชื่อมต่อกับธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล
ใกล้กันเป็นหุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) สิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างทางตะวันออกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ ที่นี่มีรูปร่างคล้ายกับเกือกม้าขนาดยักษ์ ซึ่งชาวไอซ์แลนด์สมัยก่อนเชื่อว่าสิ่งที่สวยงามขนาดนี้ต้องถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของเทพเจ้าเท่านั้น
พวกเขากล่าวว่าหุบเขานี้เกิดจากรอยกีบเท้าของม้าของเทพโอดินที่กระทืบลงบนโลก และด้วยความที่มีหน้าผาสูงชันและมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์มากคุณอาจจะต้องใช้เวลาในการเดินป่าชมรอบบริเวณนานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
เมื่อเดินทางไปถึงเอกิลสตาดีร์คุณจะขึ้นไปอยู่บนยอดของฟยอร์ดทางตะวันออก คุณสามารถขับอ้อมไปตามแนวชายฝั่งเพื่อชมวิวภูเขาและทะเลได้ ขอแนะนำให้ไปที่บอร์กาฟยอร์ดูร์ เอสทรี (Borgarfjordur Eystri) ซึ่งสวยงามที่สุด
แน่นอนว่าคุณจะเลือกไปเที่ยวในตัวเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคนี้ หรือจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวรอบเมืองก็ได้ เช่นที่ทะเลสาบลาการ์ฟโยลท์ (Lagarfljot) ที่ลึกลับและป่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormstadasskogar)
ลาการ์ฟโยลท์ขึ้นชื่อเรื่องการตกปลา ความงามทางธรรมชาติ และนิทานพื้นบ้าน ชาวไอซ์แลนด์หลายคนเชื่อว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของสัตว์ประหลาดลาการ์ฟโยลท์หน้าตาคล้ายหนอน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสัตว์ประหลาดล็อคเนส
สำหรับผู้ที่ต้องการไปแช่น้ำพุร้อนก็มีตัวเลือกที่หรูหราอยู่แห่งหนึ่งใกล้กับเมืองเอกิลสตาดีร์ นั่นก็คืออ่างน้ำเวิก (Vok) สระน้ำสงบเงียบแห่งนี้ตั้งอยู่ในระนาบเดียวกับทะเลสาบอันงดงามและมีทั้งห้องซาวน่าและร้านอาหารให้บริการ
หรือถ้าคุณต้องการไปเที่ยวพื้นที่ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ในวันนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ถ้าเลือกไปที่นี่แล้วคุณจะต้องยกเลิกสถานที่อื่นๆ ที่เหลือของวันนี้ไปทั้งหมด
และแทนที่จะขับรถออกจากมิวาทน์เป็นอย่างแรกในตอนเช้า คุณจะโดยสารรถซูเปอร์จี๊ปที่พาคุณเที่ยวลึกเข้าไปที่ด้านในของแผ่นดินที่มีภูมิประเทศที่เหมือนกับดาวดวงอื่นมากกว่า และคุณจะได้เดินป่าสำรวจธรรมชาติอย่างเต็มที่
ไฮไลต์ของทัวร์นี้แน่นอนว่าต้องเป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่กว้างใหญ่ไพศาลที่อาสยา (Askja) และวิติ (Viti) และสิ่งที่น่าสนใจคือคุณสามารถลงไปว่ายน้ำในทะเลสาบที่วิติได้ด้วย น้ำในนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส
หลังจากผจญภัยเหนื่อยทั้งวัน คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในไอซ์แลนด์ตะวันออก
Accommodation on day 5
Experiences on day 5
Day 6 – ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- More
- ทะเลสาบลาการ์ฟโยท
- ป่าฮาลลอร์มสตาดาสโกกูร์
- เวสตราฮอร์น
- More
นอกจากพื้นที่ไฮแลนด์และฟยอร์ดทางตะวันตกแล้ว ฟยอร์ดทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ก็นับว่าเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีใครแตะต้อง ในวันที่หกของทริปฤดูร้อนนี้คุณจะได้ไปสำรวจพื้นที่เหล่านี้
สถานที่ทุกแห่งที่คุณจะไปเที่ยวในวันนี้เป็นที่เที่ยวลับๆ ที่นักท่องเที่ยวน้อยคนที่มาไอซ์แลนด์จะมีโอกาสได้เห็น ฟยอร์ดที่กว้างใหญ่ ภูเขาสูงตระหง่าน หมู่บ้านที่ห่างไกล เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชพรรณบานสะพรั่ง และสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องปรัมปราล้วนรอให้คุณเข้าไปสัมผัส
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฟยอร์ดทางตะวันออกคือสัตว์นานาชนิด แมวน้ำที่แหวกว่ายในน้ำและเกลือกกลิ้งตามชายฝั่ง นกพัฟฟินและนกทะเลหลากสายพันธุ์นับพันๆ ตัวที่มาทำรังอยู่บนหน้าผา และฝูงกวางเรนเดียร์ที่เดินเร่ออกหากินไปทั่วบริเวณ
หากคุณต้องการดูวัฒนธรรม ชุมชนเก่าแก่อายุหลายศตวรรษมีความน่าสนใจไม่น้อย อย่างที่เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) และที่เบรดดาลสวิก (Breiddalsvik) นั้นได้ชื่อว่ามีเสน่ห์และมีสภาพแวดล้อมที่โดดเด่น ส่วนที่จูปิโวกูร์ (Djupivogur) ก็มีงานศิลปะสาธารณะ และมีวิถีชีวิตแบบสโลว์ทาวน์ หรือ 'Cittaslow' ให้ชม
เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ตั้งอยู่ที่ฐานของฟยอร์ดที่สวยงามซึ่งมีภูเขาและน้ำตกล้อมรอบ ในขณะที่คุณสำรวจเมือง คุณจะเห็นบ้านสีสันสดใสและโบสถ์สีฟ้าสวยงามท่ามกลางบรรยากาศที่น่ารัก และได้ถ่ายภาพมากมายเมื่อเยี่ยมชมโบสถ์ โดยเฉพาะตามทางเดินสายรุ้ง
ในขณะเดียวกัน เบรดาลสวิกที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 109 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 140 คนเท่านั้น พื้นที่นี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบหากคุณต้องการชมกวางเรนเดียร์ป่า
ก่อนปิดท้ายการเดินทางในวันนี้ ขอแนะนำให้คุณมองหาภูเขาที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมในการถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์สองลูก ได้แก่ ภูเขาเอสตราฮอร์น (Eystrahorn) และภูเขาเวสตราฮอร์ฯ (Vestrahorn) ลูกแรกนั้นอยู่ทางฝั่งใต้สุดของฟยอร์ดตะวันออก ส่วนลูกหลังนั้นอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกจากเมืองเฮิฟน์ (Hofn)
ภูเขาทั้งสองเป็นหินแกบโบร ซึ่งเป็นหินลาวาสีดำขรุขระที่อุดมด้วยธาตุเหล็กและแมกนีเซียม อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีขนาดแตกต่างกัน เอสตราฮอร์นมีความสูง 2,480 ฟุต (756 เมตร) และมีทางลาดกรวดสูงชัน ทำให้การปีนเขาเป็นเรื่องยาก
ส่วนเวสตราฮอร์นมีความสูง 1,490 ฟุต (454 เมตร) และตั้งตระหง่านแยกจากภูเขาอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลที่อยู่ใกล้เคียง
หลังจากเที่ยวชมสถานที่สวยๆ มาทั้งวันแล้ว คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์
Accommodation on day 6
Experiences on day 6
Day 7 – ชายฝั่งทางใต้
- ชายฝั่งทางใต้
- More
- ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
- ไดมอนด์ บีช
- เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
- สวาร์ติฟอสส์
- More
ในวันที่เจ็ดของทริป 10 วันที่ไอซ์แลนด์ คุณจะได้ไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่น่าเชื่อในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ทางใต้ของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล วันนี้คุณจะใช้เวลาบนถนนน้อยกว่าวันอื่นๆ ที่ผ่านมาและจะต้องรู้สึกขอบคุณที่เวลาเที่ยวมากขึ้น
สถานที่แรกคือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ทะเลสาบขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ระหว่างผืนน้ำแข็งและมหาสมุทร ทะเลสาบแห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งตลอดทั้งปี และบางลูกมีขนาดใหญ่กว่าอาคารสูงหลายชั้นเสียอีก
การมองดูพวกมันค่อยๆ ลอยเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ในทะเลสาบเป็นประสบการณ์ที่ยากที่จะลืมเลือน นอกจากนี้คุณยังอาจจะเพิ่มกิจกรรมล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งแบบใกล้ชิดเข้าไปในทริปวันนี้ได้ด้วย โดยมีให้เลือกทั้งทัวร์ล่องเรือสะเทินน้ำสะเทินบกและเรือยางท้องแบน (RIB)
เมื่อภูเขาน้ำแข็งในทะเลสาบโจกุลซาร์ลอนลอยออกไปสู่มหาสมุทร พวกมันจะถูกพัดขึ้นฝั่งบนหาดทรายดำที่อยู่ติดกันกับทะเลสาบ หาดนี้มีชื่อว่าหาดไดมอนด์เนื่องจากภูเขาน้ำแข็งเมื่อละลายจะส่องประกายระยิบระยับ ดังนั้นคุณห้ามพลาดไปที่นี่เป็นอันขาดหากต้องการได้เห็นความสวยงามในความแตกต่างของไอซ์แลนด์
แม้ว่าสถานที่ทั้งสองแห่งนี้จะมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แต่เจ้าแมวน้ำนับร้อยๆ ตัวที่แหวกว่ายวนเวียนอยู่ทั่วบริเวณจะยิ่งทำให้คุณประทับใจมากยิ่งขึ้น และหลังจากเที่ยวจนพอใจแล้ว คุณจะมุ่งหน้าเพื่อไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) กันต่อ ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับคนชอบเดินป่าและถ่ายรูปเพราะมีทางเดินป่าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกหลายเส้นทางและหลายระดับความยาก
เส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเส้นทางไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ซึ่งมีน้ำไหลตกจากหน้าผาเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยม ส่วนเส้นทางอื่นๆ จะเป็นทางไปชมภูมิประเทศงดงามที่เต็มไปด้วยลาวา แม่น้ำที่เชี่ยวกราก ผืนน้ำแข็งที่ยื่นออกมาจากธารน้ำแข็ง และทะเลสาบธารน้ำแข็งอีกหลายแห่ง
หนึ่งในผืนน้ำแข็งเหล่านี้คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ปีนธารน้ำแข็งได้ โดยคุณต้องเพิ่มทัวร์ปีนธารน้ำแข็งที่สวีนาเฟลล์โจกุลเข้าไปในทริปวันนี้ แล้วคุณจะได้ไปดูการก่อตัวที่น่าประทับใจของน้ำแข็ง รวมถึงรอยแยก กำแพงน้ำแข็ง และถ้ำน้ำแข็ง และทัศนียภาพที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์
และวันนี้ต่างจากวันอื่นๆ ตรงที่คุณสามารถจองกิจกรรมเสริมได้มากกว่าหนึ่งกิจกรรม เนื่องจากทัวร์ล่องเรือจะอยู่ในช่วงเช้าส่วนทัวร์ปีนธารน้ำแข็งจะเป็นช่วงบ่าย
หลังจากที่เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์เสร็จแล้ว คุณจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านวิก (Vik) เพื่อพักผ่อน ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับการออกเดินทางเที่ยวชายฝั่งทางใต้ต่อในวันพรุ่งนี้
Accommodation on day 7
Experiences on day 7
Day 8 – ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- More
- หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
- โขดทะเลเรนิสดรังการ์
- ดิร์โฮลาเอย์
- ธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล
- น้ำตกสโกกาฟอสส์
- น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
- More
ในวันที่แปดของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงหน้าร้อนนี้ คุณจะมุ่งหน้าไปบนชายฝั่งทางใต้อันงดงาม
ที่วิกคุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่งประกอบไปด้วยธารน้ำแข็ง ทะเลทรายที่เต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟ ทุ่งลาวา และวิวของมหาสมุทรกว้างใหญ่
ในวันนี้คุณสามาถเลือกเพิ่มทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่จะพาคุณขึ้นไปบนธารน้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาไฟคัทลาอยู่ การเที่ยวถ้ำน้ำแข็งเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เพียงไม่กี่แห่งทั่วโลกเท่านั้น ทำให้ทัวร์นี้เป็นโอกาสที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากจะเป็นชุมชนที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และเป็นศูนย์กลางสำหรับทัวร์ต่างๆ แล้ว วิกยังโด่งดังเรื่องหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่งดงามมาก ด้วยมีลักษณะทางธรณีวิทยาชายฝั่งที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ และมีโขดทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นโทรลล์ที่กลายเป็นหินเพราะโดนแสงแดด
ใกล้กับเรย์นิสฟยารามีสถานที่ท่องเที่ยวริมชายฝั่งที่น่าสนใจอีกแห่ง หินโค้งดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) มีขนาดใหญ่มากจนเรือสามารถแล่นผ่านซุ้มหินนี้ได้อย่างสบายและมีนักบินใจกล้าบางคนขับเครื่องบินเล็กลอดซุ้มนี้มาแล้วด้วย
ในหน้าร้อนดิร์โฮลาเอย์นี้เป็นตำแหน่งที่เหมาะเจาะมากที่สุดสำหรับเข้าไปดูนกพัฟฟินนับพันที่มาทำรังแบบใกล้ชิด
เดินทางต่อไปอีกเล็กน้อยตามชายฝั่งทางใต้ คุณจะเริ่มมองเห็นธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลล์ (Myrdalsjokull) หากคุณต้องการปีนผืนน้ำแข็งเพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามวิบวับของที่นี่ คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์ที่จะพาคุณไต่ขึ้นไปบนโซลเฮมาโจกุล (Solheimajokull) เข้าไปในทริปวันนี้ได้ ผืนน้ำแข็งนี้ยาว 8 กิโลเมตร และกว้างกว่า 2 กิโลเมตร และมีทิวทัศน์อันน่าทึ่ง
แต่ถ้าคุณเคยปีนธารน้ำแข็งมาแล้ว หรือไม่ชอบกิจกรรมนี้ ให้คุณไปเที่ยวที่ทะเลทรายภูเขาไฟโซลเฮมาซานดูร์ (Solheimasandur) แทน โดยคุณจะได้ไปชมซากเครื่องบินดีซี-3 ที่ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวบนทะเลทรายสีดำอันเวิ้งว้าง
แต่คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีไปเพราะว่าในอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย
ต่อไปจะสถานที่ท่องเที่ยวสามแห่งสุดท้ายบนชายฝั่งทางใต้ ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้กัน ที่แรกคือน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดและมีตำนานเล่าขานว่ามีสมบัติของยักษ์ถูกฝังไว้ที่นี่ด้วย
แห่งที่สองคือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งเป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวที่สามารถเดิมชมได้รอบน้ำตก เนื่องจากสามารถเข้าไปในถ้ำอยู่ที่ด้านหลังน้ำตกได้ ส่วนแห่งสุดท้ายคือน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljufrabui) ซึ่งเป็นน้ำตกลับที่ถูกบดบังจนเกือบมองไม่เห็น แต่เมื่อเข้าไปใกล้จะพบว่ามีสายน้ำไหลลอดถ้ำสวยงามราวฉากในเทพนิยาย
หลังจากเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจบนชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์จนพอแล้ว คุณจะพักที่หมู่บ้านชนบทที่ชื่อเซลฟอสส์ (Selfoss)
Accommodation on day 8
Experiences on day 8
Day 9 – เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- More
ก่อนวันสุดท้ายของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อนนี้ คุณจะเดินทางออกจากถนนวงแหวนเพื่อไปเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของวงกลมทองคำ สถานที่เที่ยวทั้งสามแห่งนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอซ์แลนด์และถือว่าเป็นการทิ้งทายบอกลาธรรมชาติของไอซ์แลนด์ได้อย่างดี
ที่แรกคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่มีต้นน้ำมาจากแม่น้ำธารน้ำแข็งสีขาวเหมือนน้ำนมไหลผ่านผืนน้ำแข็งลางโจกุล (สามารถมองเห็นได้) น้ำตกแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงพละกำลังที่น่าเกรงขามและความสวยงามสงบเงียบไปพร้อมกัน ในหน้าร้อนจะมีทางเดินให้คุณเข้าไปใกล้กับน้ำตกเพื่อสัมผัสละอองสดชื่น
กุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตก 2 ชั้น ชั้นแรกที่เตี้ยกว่าสูง 36 ฟุต (11 เมตร) ในขณะที่ชั้นที่สองสูงประมาณ 69 ฟุต (21 เมตร)
จากบริเวณลานจอดรถของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ คุณสามารถเลือกทำกิจกรรมขี่สโนว์โมบิลไปตามเนินชันของธารน้ำแข็งลางโจกุล กิจกรรมแอดเวนเจอร์นี้จะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ของพื้นที่ไฮแลนด์ในขณะที่กำลังโลดแล่นอยู่บนหิมะด้วย ซึ่งมีความงดงามอย่างยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบ
สถานที่ไฮไลต์แห่งที่สองของวงกลมทองคำคือทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir) ซึ่งมีน้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) ปะทุพ่นน้ำร้อนขึ้นฟ้าอวดพละกำลังให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมอยู่ทุกห้าถึงสิบนาที รอบๆ สโทรคูร์ยังมีน้ำพุร้อนอื่นให้ชมอีกมากมาย เช่น น้ำพุร้อนไกเซอร์ที่ทุกวันนี้สงบนิ่งไม่ไหวติงแล้ว
สถานที่แห่งสุดท้ายที่คุณจะได้ชมในวันนี้คืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ล้อมรอบด้วยขอบหน้าผาที่เป็นรอยแยกแผ่นเปลือกโลกของสองทวีป อุทยานฯ ที่น่าทึ่งนี้ประกอบไปด้วยผืนป่า สายน้ำ ทุ่งลาวา วิวทะเลสาบ และภูเขาไฟมากมายที่อยู่รายรอบ และยังมีบทบาทสำคัญในโลกประชาธิปไตยสมัยใหม่ด้วยซึ่งคุณสามารถไปเรียนรู้ได้จากที่นั่นเมื่อไปถึง
ในอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ คุณสามารถใส่สน็อกเกิลและชุดดรายสูทแล้วลงไปดำน้ำที่ซิลฟราซึ่งเป็นหุบเหวน้ำพุธรรมชาติได้ ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องรู้สึกสบายตัวในน้ำและต้องว่ายน้ำได้ น้ำที่นี่สะอาดมากจนสามารถดื่มได้และใสแจ๋วจนมองเห็นได้ไกลถึง 100 เมตร
หลังจากชมสถานที่ต่างๆ บนวงกลมทองคำเสร็จแล้ว คุณจะมุ่งหน้าตรงเข้าเรคยาวิกและใช้เวลาในเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้กันก่อนที่จะเข้านอนในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ยังมีวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวมักมองข้าม ซึ่งคุณสามารถขับออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ยาก
Accommodation on day 9
Experiences on day 9
Day 10 – เรคยาวิก
- เรคยาวิก - Departure day
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
ในวันที่ 10 ที่ไอซ์แลนด์ คุณจะขับรถไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกพร้อมด้วยความประทับใจของทริปหน้าร้อนครั้งนี้ คุณจะนำรถไปส่งคืนในเวลาที่เหมาะสมกับเที่ยวบินของคุณ แต่สำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายหน่อย คุณยังสามารถใช้เวลาเที่ยวได้อีก
ตัวอย่างเช่น จากสนามบินภายในประเทศในเมืองเรคยาวิก คุณสามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมแลนด์มาร์คของเมืองและบ้านเรือนที่มีหลังคาสีสันสดใส หรือจะให้เฮลิคอปเตอร์พาไปทุ่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่รอบเมือง หรือพาไปลงจอดบนยอดเขาที่ห่างไกลก็ยังได้
หรือคุณสามารถจองทริปท่องเที่ยวที่ทำได้เฉพาะที่ไอซ์แลนด์และที่ภูเขาไฟลูกนี้ลูกเดียวเท่านั้น นั่นคือการลงไปชมโถงแมกมา หลังจากที่เดินป่าระยะสั้นๆ คุณจะลงลิฟต์ในเหมืองเพื่อไปยังถ้ำใต้ดินที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสีสันอย่างไม่น่าเชื่อ คุณจะได้สำรวจและตื่นตาตื่นใจไปกับพลังของภูเขาไฟ
หากทัวร์เหล่านี้ยังไม่น่าสนใจ คุณสามารถใช้เวลาในวันนี้ชื่นชมศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมอยู่ภายในเมืองหลวงแทนก็ได้ หรือคุณอาจจะใช้เวลาที่เหลือด้วยการขับรถชมธรรมชาติรอบๆ เมืองก็ได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีเวลาไปเที่ยวที่บลูลากูนในวันแรกที่มาถึง คุณก็สามารถไปแช่น้ำอุ่นบำบัดความอ่อนล้าก่อนเดินทางออกจากไอซ์แลนด์ได้ เราหวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับเวลา 10 วันในไอซ์แลนด์ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ แล้วกลับมาเที่ยวไอซ์แลนด์อีกในเร็ววัน!
Experiences on day 10
What to bring
Good to know
ทริปขับรถเที่ยวครั้งนี้สามารถเริ่มต้นออกเดินทางได้จากทั้งในเมืองเรคยาวิก หรือสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุและมีประสบการณ์ในการขับรถบนท้องถนนอย่างน้อยหนึ่งปี ทั้งนี้แผนการท่องเที่ยวที่จัดไว้อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับวันเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ด้วย และอาหารเช้านั้นอาจไม่รวมอยู่ในโฮสเทลและเกสต์เฮาส์บางแห่งที่เลือก โปรดทราบว่าสำหรับกิจกรรมบางอย่างที่คุณเลือก คุณอาจจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุ หรือคุณอาจจะต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนการเดินทางของคุณ และคุณอาจจะต้องแสดงเอกสารรับรองทางการแพทย์ในการดำน้ำตื้น ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องไม่กลัวการลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้ และถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น โปรดเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาด้วย แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน
Video
Verified reviews
Similar travel packages
Download Iceland’s biggest travel marketplace to your phone to manage your entire trip in one place
Scan this QR code with your phone camera and press the link that appears to add Iceland’s biggest travel marketplace into your pocket. Enter your phone number or email address to receive an SMS or email with the download link.