ขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อน 10 วัน เที่ยวบนถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์และชมน้ำตกแบบไม่รีบร้อน
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
ทริปขับรถเที่ยวเองหน้าร้อนแพ็คเกจนี้ให้คุณสัมผัสความสนุกสนานตื่นเต้นรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์เต็มอิ่มในระยะเวลา 10 วัน หากคุณต้องการเดินทางไปชมภูมิประเทศที่มหัศจรรย์มากที่สุดของโลกในแบบไม่ต้องรีบเร่งในสไตล์ของตัวเอง โดยไม่ต้องมานั่งกังวลถึงความยุ่งยากในการจัดทริป ตัวเลือกนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ทัวร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์อย่างคุ้มค่ามากที่สุดในช่วงที่พระอาทิตย์เที่ยงคืนของไอซ์แลนด์มอบชั่วโมงที่มีแสงสว่างให้แบบยาวนาน
ทริปนี้คุณจะได้ไปเยือนภูมิภาคต่างๆ รวมถึงคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพทางตอนเหนือ และฟยอร์ดทางตะวันตกที่บริสุทธิ์ไร้การแตะต้อง ภายในสิบวันนี้คุณจะมีเวลาอย่างเหลือเฟือในการชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่ง และด้วยรายละเอียดการเดินทางที่ได้รับนี้ คุณยังจะมีโอกาสได้ไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวลับๆ ในพื้นที่ห่างไกลด้วย
ทุกคืนคุณจะเข้าพักในโรงแรมในชนบทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่น่ามหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ ยกเว้นแค่วันที่คุณเพิ่งเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์และวันก่อนกลับ และระหว่างที่คุณขับรถเพื่อเดินทางไปยังที่ต่างๆ คุณยังจะมีโอกาสได้สัมผัสมุมมองใหม่เกี่ยวกับความหลากหลายทางธรรมชาติของไอซ์แลนด์ได้มากขึ้นอีกหากคุณจองทัวร์และกิจกรรมเสริมที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ
ตัวอย่างกิจกรรมพื้นฐานที่น่าสนใจ ได้แก่ การขี่ม้า ปีนธารน้ำแข็ง และขี่สโนว์โมบิล ในขณะที่การแช่สปาเบียร์ที่ดาลวิก (Dalvik) และการนั่งเฮลิคอปเตอร์ในเรคยาวิก (Reykjavik) เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ สำหรับทริปขับรถเที่ยวเอง คุณสามารถใช้เวลาเที่ยวได้อย่างที่คุณต้องการ โดยเฉพาะทริปที่ไม่รีบร้อนเช่นแพ็คเกจนี้ แต่ละวันคุณไม่จำเป็นต้องรีบเดินหรือทางรีบดูโน่นดูนี่เลย
ดังนั้น คุณจึงสามารถปรับเปลี่ยนแผนให้สอดคล้องกับความต้องการของคนในกลุ่มได้ ผู้ที่ชอบสัตว์อาจจะเลือกใช้เวลาไปกับการดูนกพัฟฟิน กวางเรนเดียร์ แมวน้ำ และวาฬ ผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรมสามารถเดินทางไปชมหมู่บ้านและสิ่งปลูกสร้างที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ผู้ที่ต้องการผ่อนคลายสามารถเดินทางไปแช่ตัวในสระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพได้จำนวนหลายแห่ง
เนื่องจากทริปขับรถเที่ยวเองแพ็คเกจนี้จะพาคุณเดินทางในทิศทางตามเข็มนาฬิกา คุณจึงเดินทางย้อนศรกับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่และมีโอกาสสัมผัสสถานที่ท่องเที่ยวได้ตามเวลาที่คุณสะดวก
ข้อดีอีกอย่างคือแพ็คเกจนี้ออกแบบมาสำหรับช่วงซัมเมอร์ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนสิงหาคม ท้องฟ้าที่ไอซ์แลนด์จะไม่มืดเลยเนื่องจากเป็นช่วงที่มีปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้คุณสามารถเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้ยาวนานไปถึงเวลากลางคืนและยังเริ่มออกเดินทางได้ตั้งแต่เวลาเช้ามากๆ ด้วย
เพื่อสัมผัสประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไอซ์แลนด์ คุณไม่ควรพลาดทริปท่องเที่ยวรอบถนนวงแหวนแบบเดินทางตามเข็มนาฬิกาแพ็คเกจนี้เป็นอันขาด คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยระบุวันที่ที่ต้องการเดินทาง
รวมในแพ็คเกจ
จุดหมายปลายทาง
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
รถขนาดเล็ก
รถขนาดกลาง
รถพรีเมี่ยม
large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
- More
การผจญภัยที่สนุกสนานของคุณรอบถนนวงแหวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเครื่องบินของคุณลงจอดที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิก หลังจากคุณผ่านด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว คุณจะไปรับรถเช่าที่จอดรออยู่ การเดินทางจากสนามบินไปยังเมืองเรคยาวิก คุณจะต้องขับรถผ่านภูมิประเทศที่อึมครึมเต็มไปด้วยลาวาของคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจดีขึ้นว่าธรรมชาติของไอซ์แลนด์เป็นอย่างไร หากคุณมาถึงไอซ์แลนด์ในเวลาที่พอเหมาะ คุณสามารถแวะเที่ยวแถบนี้ก่อนได้ ซึ่งสถานที่น่าสนใจมีทั้งบ่อน้ำพุร้อน ภูเขาไฟ และแนวชายฝั่งที่งดงาม
นอกจากการแวะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวบนคาบสมุทรแล้ว ในวันนี้คุณยังสามารถแวะที่บลูลากูนได้ด้วย ซึ่งสปาหรูหราแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องคุณสมบัติในการบำบัดรักษาโรคของน้ำสีขุ่นราวกับน้ำนม อีกทั้งยังมีห้องอบไอน้ำและซาวน่าที่ได้ความร้อนมาจากพลังงานใต้พิภพด้วย นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจทรีตเมนต์สำหรับบำบัดฟื้นฟูให้เลือกมากมาย
ทั้งนี้ การเข้าบลูลากูนจำเป็นต้องจองล่วงหน้า ดังนั้น โปรดกดเลือกเพิ่มบัตรเข้าบลูลากูนเมื่อคุณทำการจองทริปด้วย ถ้าหากเวลาของเที่ยวบินของคุณไม่เหมาะสำหรับการไปเยือนบลูลากูนในวันแรกนี้ ตัวแทนท่องเที่ยวที่ดูแลทริปให้คุณจะจัดบลูลากูนเข้าไปในโปรแกรมวันอื่นให้แทน
นอกจากนี้ ในวันนี้คุณยังสามารถตรงเข้าไปในเมืองเรคยาวิกเพื่อพักผ่อนและเก็บแรงไว้ใช้เที่ยวชมธรรมชาติของไอซ์แลนด์ในอีกแปดวันที่เหลืออย่างเต็มที่ หรือไม่อย่างนั้นก่อนที่จะเข้าพักผ่อนในโรงแรมคุณก็ยังสามารถออกไปสัมผัสกับวัฒนธรรมในเมืองหลวงที่อยู่เหนือสุดของโลกได้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 2 - สไนแฟลซเนส
- สไนแฟลซเนส
- More
- หาดอีทรี ทุงกา
- หมู่บ้านบูดิร์
- สไนล์เฟลล์โจกุลล์
- หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
- หาดกรวดดำที่ดยูปาลอนส์ซานดูร์
- ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
- More
ในวันที่สองของการเดินทางท่องเที่ยวรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อน คุณจะเริ่มต้นจากการสำรวจทางตะวันตกของประเทศ โดยจะเริ่มจากคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ภูมิภาคที่มีความหลากหลายและสวยงามจนได้ฉายาว่าเป็น "ไอซ์แลนด์ย่อส่วน" ตลอดแนวชายฝั่งทั้งสองด้านมีสถานที่งดงามนับไม่ถ้วนและมีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน
ผู้ที่ชอบสัตว์จะได้เพลิดเพลินกับแมวน้ำที่อิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) และฝูงนกที่ป้อมปราการหินบะซอลต์โลนตรังการ์ (Londrangar) ในขณะที่ผู้ที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์สามารถไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้าง ชุมชนที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขาน และแวะไปลองยกหินทดสอบพลังที่หาดตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) ซึ่งเป็นประเพณีของชาวประมงท้องถิ่นที่สืบทอดมาหลายร้อยปี หรือถ้าหากคุณสนใจในพลังอันน่าสะพรึงของภูเขาไฟที่หล่อหลอมธรรมชาติของไอซ์แลนด์ คุณจะพบว่าลาวาที่ก่อตัวขึ้นอย่างแปลกประหลาดเป็นเสาหกเหลี่ยมที่แกร์ดูเบิร์ก (Gerduberg) และปล่องภูเขาไฟเอลด์บอร์ก (Eldborg) ที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นมีความมหัศจรรย์มาก หรือหากคุณเสพติดการดูซีรีส์ คุณน่าจะไม่อยากพลาดไปชมภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) ที่ใช้เป็นฉากในเกมออฟโธรนส์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดบนคาบสมุทรแห่งนี้อยู่ที่ส่วนปลายสุดของคาบสมุทร สไนเฟลล์โจกุล (Snaefellsjokull) ซึ่งเป็นภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งที่มียอดแฝดนั้นตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจ ภูเขานี้มีความงดงามมากและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะและวรรณกรรมของไอซ์แลนด์มานับไม่ถ้วน ปัจจุบันสไนเฟลล์โจกุลได้รับความคุ้มครองและถูกจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในชื่อเดียวกัน
ใกล้ๆ กันกับธารน้ำแข็งก็มีถ้ำลาวาวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) ซ่อนตัวอยู่ ที่นี่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจได้ และคุณสามารถจองทัวร์ได้ในขณะที่จองแพ็คเกจนี้ ทัวร์เที่ยวถ้ำนี้นอกจากจะทำให้คุณได้สัมผัสความตื่นเต้นแล้ว คุณยังจะได้ทำความรู้จักกับโลกใต้พิภพที่มีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาดอีกด้วย แต่ถ้าคุณอยากอยู่เหนือพื้นดินมากกว่า คุณสามารถเลือกไปทัวร์กินซูชิแบบชาวไวกิ้งแทนได้ โดยทัวร์ล่องเรือนี้จะออกเดินทางจากหมู่บ้านสติกกิโฮลมูร์ (Stykkisholmur) น่านน้ำทางเหนือของคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสนั้นมีเกาะแก่งนับไม่ถ้วน มีวิวภูเขาที่สวยงามของฟยอร์ดตะวันตก และมีสัตว์ให้ชมมากมาย
หลังจากที่ชมความมหัศจรรย์ของคาบสมุทรแห่งนี้มาทั้งวันแล้ว คืนนี้คุณจะเข้าพักในโรงแรมที่อยู่บนสมุทร
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 3 - ไอซ์แลนด์เหนือ
- ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- คยาร์นาสโกกูร์
- More
ในวันที่สามของทริปขับรถเที่ยวบนถนนวงแหวนรอบไอซ์แลนด์ คุณจะเดินทางขึ้นไปทางเหนือของประเทศ หากคุณต้องการไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยไปหรือต้องการกลับไปซ้ำบางสถานที่บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสอีกครั้ง คุณยังพอมีเวลาในช่วงเช้า
ระหว่างที่เดินทางไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของภาคเหนือ ขอแนะนำให้ขับออกนอกเส้นทางสักเล็กน้อยเพื่อไปชมคาบสมุทรวาทน์เนส (Vatnsnes) บริเวณนี้มีสิ่งที่น่าสนใจสองอย่าง คือ แมวน้ำ และหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur)
ซึ่งแมวน้ำสามารถพบเห็นได้ตามชายฝั่งและคุณยังสามารถไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์แมวน้ำไอซ์แลนด์ (Icelandic Seal Centre) ที่หมู่บ้านฮวามสตางกี (Hvammstangi) ได้ด้วย ส่วนหินฮวิทแซร์กูร์นั้นเป็นหินรูปร่างแปลกประหลาดที่มองดูคล้ายช้างกำลังดื่มน้ำจากมหาสมุทร
ฮวิทแซร์กูร์ตั้งตระหง่านสูง 15 เมตร ยื่นออกมาจากอ่าวฮูนาโฟลอิ (Hunafloi) นิทานพื้นบ้านกล่าวว่ากองหินที่นี่เคยเป็นโทรลล์ที่ลงจากคาบสมุทร เพราะโกรธมากที่ไอซ์แลนด์เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์จนพยายามทำลายระฆังของคอนแวนต์
ในขณะที่ความโกรธเข้าครอบงำ โทรลล์ไม่ได้สังเกตเห็นดวงอาทิตย์ขึ้น มันจึงกลายเป็นหินและกลายเป็น "โทรลล์แห่งไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงเหนือ"
สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประมงของไอซ์แลนด์ คุณสามารถแวะไปเที่ยวตามชุมชนต่างๆ บนคาบสมุทรทางตอนเหนือกันได้ เช่น สิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) โอลาฟสฟยอร์ดูร์ (Olafsfjordur) และดาลวิก (Dalvik)
นอกจากนี้ยังมีสปาเบียร์ ในกรณีที่คุณเลือกเพิ่มกิจกรรมนี้เอาไว้เมื่อทำการจองคุณก็จะได้เดินทางไปสปาเบียร์ที่ดาลวิกเพื่อแช่ตัวในเบียร์ที่เพิ่งหมักใหม่
เมืองอาคูเรย์ริเองก็มีสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย โดยมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีร้านแฟชั่นไฮเอนด์ และร้านอาหาร ตลอดจนแกลเลอรี่และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ และสวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่เหนือสุดของโลกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิวมหาสมุทรและภูเขาล้อมรอบที่งดงามมาก
และจากเมืองนี้คุณสามารถไปร่วมกับทัวร์ที่พาออกเดินทางจากท่าเรือเพื่อไปดูวาฬยักษ์แสนอ่อนโยนกลางทะเลลึก
ทางเหนือของไอซ์แลนด์เป็นแหล่งดูวาฬที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก วาฬหลังค่อมมักจะมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อน ส่วนสายพันธุ์หายากอื่นๆ อย่างวาฬสีน้ำเงินและวาฬฟินนั้นมีให้เห็นเป็นประจำ
หลังจากเที่ยวมาเยอะในวันนี้ คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในเมืองอาคูเรย์ริ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 4 - Northeast Iceland
- Northeast Iceland
- More
- คยาร์นาสโกกูร์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- ช่องเขาเนามาสการ์ด
- ถ้ำกริโยทากยา
- การก่อตัวของลาวาที่ดิมมูบอร์กิ
- More
ในวันที่สี่ของทริปหน้าร้อนที่ไอซ์แลนด์ คุณจะมีอิสระในการเที่ยวชมภูมิประเทศที่ไม่น่าเชื่อของไอซ์แลนด์เหนือ ไม่ว่าคุณจะแสวงหาธรรมชาติที่สวยงาม อยากเห็นแหล่งพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ หรือต้องการส่องชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ ภูมิภาคนี้ก็มีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคุณ
หนึ่งในไฮไลต์ของแถวนี้คือหมู่บ้านประมงฮูสาวิค (Husavik) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาคูเรย์ริ ที่นี่เป็นชุมชนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรปเนื่องจากมีวาฬชุมอย่างไม่น่าเชื่อ และคุณสามารถเพิ่มทัวร์ดูวาฬเข้าไปในทริปวันนี้ได้
ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการดูวาฬสามารถเลือกทัวร์ที่ใช้เรือแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าไปดูวาฬในระยะใกล้ให้เลือกจองทัวร์ที่ใช้เรือยางทองแบน (RIB) แทน
หรือหากคุณอยากใช้เวลาพักผ่อนสบายๆ ในเมืองฮูสาวิก คุณสามารถเลือกจองกิจกรรมแช่น้ำร้อนที่อ่างจีโอซี สระน้ำที่นี่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเพราะเป็นน้ำทะเลร้อนที่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาและเพิ่มความสดชื่นคืนความกระปรี้กระเปร่าให้กับคุณด้วย
แม้ว่าเมืองฮูสาวิคจะน่าสนใจมากขนาดไหน คุณก็ต้องแบ่งเวลาส่วนใหญ่ของการเที่ยวไอซ์แลนด์เหนือนี้เพื่อไปแถบทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) กันด้วย
มิวาทน์มีผืนน้ำกว้างใหญ่และสงบเงียบ เต็มไปด้วยนกนานาพันธุ์และพืชพรรณที่สวยงาม เช่นเดียวกับที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาให้ดูมากมาย รวมถึงปล่องภูเขาไฟเทียมหน้าตาแปลกประหลาดที่เรียงรายอยู่ทั่วบริเวณและป้อมปราการลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir)
ดิมมูร์บอร์กิร์ แปลว่า "ป้อมปราการแห่งความมืด" และเป็นทุ่งลาวาที่ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 2,300 ปีก่อนหลังการปะทุ ที่นี่คุณสามารถสำรวจถ้ำ และชมกองหินขนาดใหญ่
บริเวณรอบทะเลสาบมิวาทน์นั้นเป็นพื้นที่ที่มีความแตกต่างอย่างน่าสนใจระหว่างพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพกับผืนน้ำในทะเลสาบอันสงบนิ่งไม่ไหวติง เนามาส์การ์ด (Namaskard) มีความโดดเด่นมากที่สุดด้วยความที่มีช่องไอน้ำส่งเสียงฟู่ๆ กระจายอยู่เป็นจำนวนมากและพ่นเอาไอก๊าซพิษออกมาปกคุลมทั่วทั้งหุบเขาอันแห้งแล้ง
หากคุณต้องการไปดูพลังความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ทางเหนือของไอซ์แลนด์ในแบบที่สงบ คุณสามารถเลือกจองบัตรเข้าอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์พร้อมกับที่จองทริปขับรถแพ็คเกจนี้ได้ สปาแบบดั้งเดิมของไอซ์แลนด์แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้บริการมากมายและมีภูมิทัศน์โดยรอบที่งดงาม
หลังจากเที่ยวจนเหนื่อย คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในแถบทะเลสาบมิวาทน์
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 5 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- หุบเขาอาสบิร์กิ
- More
ในวันที่ห้าของทริปหน้าร้อนที่ไอซ์แลนด์ คุณจะเดินทางออกจากทางเหนือมุ่งหน้าสู่เอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir) เมืองหลวงของทางตะวันออก เส้นทางนี้ทอดยาวไปทางเหนือของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ซึ่งมีภูมิประเทศและลักษณะที่แปลกตามากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
หนึ่งในนั้นที่โดดเด่นที่สุดคือน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) น้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดในยุโรป ซึ่งวัดได้กว้าง 328 ฟุต (100 เมตร) และสูง 141 ฟุต (43 เมตร) นอกจากนี้ยังมีอัตราการไหลเฉลี่ย 50,985 แกลลอน (193 ลูกบาศก์เมตร) ต่อวินาที
น้ำตกส่งเสียงคำรามกึกก้องด้วยแรงน้ำมหาศาลที่ไหลลงในหุบเขาหินลาวาสีดำอันว่างเปล่า ทำให้บริเวณนั้นมีบรรยากาศที่ดูลึกลับน่าประทับใจ ผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์ได้เลือกมาถ่ายทำฉากเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่อง "Prometheus" ที่น้ำเดตติฟอสส์ในปี 2012
ในขณะเดียวกัน ห่างจากน้ำตกเดตติฟอสส์ไปตามแม่น้ำก็มีน้ำตกที่น่าอัศจรรย์พอๆ กันอีกสองแห่ง คือน้ำตกเซลฟอสส์ (Selfoss) และน้ำตกฮาฟรากิลสฟอสส์ (Hafragilsfoss) แม้ว่าเซลฟอสส์จะสูงเพียง 11 เมตร แต่ก็มีความกว้างที่น่าประทับใจถึง 100 เมตร ยิ่งไปกว่านั้นน้ำตกยังมีต้นน้ำมาจากแม่น้ำธารน้ำแข็งโจกุลซาฟโยลลุม (Jokulsa a Fjollum) ที่เชื่อมต่อกับธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล
ส่วนน้ำตกฮาฟรากิลสฟอสส์นั้นไหลตกลงสู่หุบเขาโจกุลซาร์กยูฟูร์ (Jokulsargljufur) ที่สูง 27 เมตร และเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำธารน้ำแข็งโจกุลซาฟโยลลุมเช่นกัน
ใกล้กันเป็นหุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) สิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างทางตะวันออกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ ที่นี่มีรูปร่างคล้ายกับเกือกม้าขนาดยักษ์ ซึ่งชาวไอซ์แลนด์สมัยก่อนเชื่อว่าสิ่งที่สวยงามขนาดนี้ต้องถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของเทพเจ้าเท่านั้น
พวกเขากล่าวว่าหุบเขานี้เกิดจากรอยกีบเท้าของม้าของเทพโอดินที่กระทืบลงบนโลก และด้วยความที่มีหน้าผาสูงชันและมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์มากคุณอาจจะต้องใช้เวลาในการเดินป่าชมรอบบริเวณนานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
เมื่อเดินทางไปถึงเอกิลสตาดีร์คุณจะขึ้นไปอยู่บนยอดของฟยอร์ดทางตะวันออก คุณสามารถขับอ้อมไปตามแนวชายฝั่งเพื่อชมวิวภูเขาและทะเลได้ ขอแนะนำให้ไปที่บอร์กาฟยอร์ดูร์ เอสทรี (Borgarfjordur Eystri) ซึ่งสวยงามที่สุด
แน่นอนว่าคุณจะเลือกไปเที่ยวในตัวเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคนี้ หรือจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวรอบเมืองก็ได้ เช่นที่ทะเลสาบลาการ์ฟโยลท์ (Lagarfljot) ที่ลึกลับและป่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormstadasskogar)
ลาการ์ฟโยลท์ขึ้นชื่อเรื่องการตกปลา ความงามทางธรรมชาติ และนิทานพื้นบ้าน ชาวไอซ์แลนด์หลายคนเชื่อว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของสัตว์ประหลาดลาการ์ฟโยลท์หน้าตาคล้ายหนอน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสัตว์ประหลาดล็อคเนส
สำหรับผู้ที่ต้องการไปแช่น้ำพุร้อนก็มีตัวเลือกที่หรูหราอยู่แห่งหนึ่งใกล้กับเมืองเอกิลสตาดีร์ นั่นก็คืออ่างน้ำเวิก (Vok) สระน้ำสงบเงียบแห่งนี้ตั้งอยู่ในระนาบเดียวกับทะเลสาบอันงดงามและมีทั้งห้องซาวน่าและร้านอาหารให้บริการ
หรือถ้าคุณต้องการไปเที่ยวพื้นที่ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ในวันนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ถ้าเลือกไปที่นี่แล้วคุณจะต้องยกเลิกสถานที่อื่นๆ ที่เหลือของวันนี้ไปทั้งหมด
และแทนที่จะขับรถออกจากมิวาทน์เป็นอย่างแรกในตอนเช้า คุณจะโดยสารรถซูเปอร์จี๊ปที่พาคุณเที่ยวลึกเข้าไปที่ด้านในของแผ่นดินที่มีภูมิประเทศที่เหมือนกับดาวดวงอื่นมากกว่า และคุณจะได้เดินป่าสำรวจธรรมชาติอย่างเต็มที่
ไฮไลต์ของทัวร์นี้แน่นอนว่าต้องเป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่กว้างใหญ่ไพศาลที่อาสยา (Askja) และวิติ (Viti) และสิ่งที่น่าสนใจคือคุณสามารถลงไปว่ายน้ำในทะเลสาบที่วิติได้ด้วย น้ำในนั้นมีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส
หลังจากผจญภัยเหนื่อยทั้งวัน คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในเอกิลสตาดีร์
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 6 - ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- More
- ทะเลสาบลาการ์ฟโยท
- ป่าฮาลลอร์มสตาดาสโกกูร์
- เวสตราฮอร์น
- More
นอกจากพื้นที่ไฮแลนด์และฟยอร์ดทางตะวันตกแล้ว ฟยอร์ดทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ก็นับว่าเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีใครแตะต้อง ในวันที่หกของทริปฤดูร้อนนี้คุณจะได้ไปสำรวจพื้นที่เหล่านี้ สถานที่ทุกแห่งที่คุณจะไปเที่ยวในวันนี้เป็นที่เที่ยวลับๆ ที่นักท่องเที่ยวน้อยคนที่มาไอซ์แลนด์จะมีโอกาสได้เห็น ฟยอร์ดที่กว้างใหญ่ ภูเขาสูงตระหง่าน หมู่บ้านที่ห่างไกล เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่เต็มไปด้วยพืชพรรณบานสะพรั่ง และสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องปรัมปราล้วนรอให้คุณเข้าไปสัมผัส
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของฟยอร์ดทางตะวันออกคือสัตว์นานาชนิด แมวน้ำที่แหวกว่ายในน้ำและเกลือกกลิ้งตามชายฝั่ง นกพัฟฟินและนกทะเลหลากสายพันธุ์นับพันๆ ตัวที่มาทำรังอยู่บนหน้าผา และฝูงกวางเรนเดียร์ที่เดินเร่ออกหากินไปทั่วบริเวณ
หากคุณต้องการดูวัฒนธรรม ชุมชนเก่าแก่อายุหลายศตวรรษมีความน่าสนใจไม่น้อย อย่างที่เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) และที่เบรดดาลสวิก (Breiddalsvik) นั้นได้ชื่อว่ามีเสน่ห์และมีสภาพแวดล้อมที่โดดเด่น ส่วนที่จูปิโวกูร์ (Djupivogur) ก็มีงานศิลปะสาธารณะ และมีวิถีชีวิตแบบสโลว์ทาวน์ หรือ 'Cittaslow' ให้ชม
เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ตั้งอยู่ที่ฐานของฟยอร์ดที่สวยงามซึ่งมีภูเขาและน้ำตกล้อมรอบ ในขณะที่คุณสำรวจเมือง คุณจะเห็นบ้านสีสันสดใสและโบสถ์สีฟ้าสวยงามท่ามกลางบรรยากาศที่น่ารัก และได้ถ่ายภาพมากมายเมื่อเยี่ยมชมโบสถ์ โดยเฉพาะตามทางเดินสายรุ้ง
ในขณะเดียวกัน เบรดาลสวิกที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 109 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 140 คนเท่านั้น พื้นที่นี้ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบหากคุณต้องการชมกวางเรนเดียร์ป่า
ก่อนปิดท้ายการเดินทางในวันนี้ ขอแนะนำให้คุณมองหาภูเขาที่มีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมในการถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์สองลูก ได้แก่ ภูเขาเอสตราฮอร์น (Eystrahorn) และภูเขาเวสตราฮอร์ฯ (Vestrahorn) ลูกแรกนั้นอยู่ทางฝั่งใต้สุดของฟยอร์ดตะวันออก ส่วนลูกหลังนั้นอยู่บนคาบสมุทรที่ยื่นออกจากเมืองเฮิฟน์ (Hofn)
ภูเขาทั้งสองเป็นหินแกบโบร ซึ่งเป็นหินลาวาสีดำขรุขระที่อุดมด้วยธาตุเหล็กและแมกนีเซียม อย่างไรก็ตาม ทั้งสองมีขนาดแตกต่างกัน เอสตราฮอร์นมีความสูง 2,480 ฟุต (756 เมตร) และมีทางลาดกรวดสูงชัน ทำให้การปีนเขาเป็นเรื่องยาก
ส่วนเวสตราฮอร์นมีความสูง 1,490 ฟุต (454 เมตร) และตั้งตระหง่านแยกจากภูเขาอื่นๆ ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลที่อยู่ใกล้เคียง
หลังจากเที่ยวชมสถานที่สวยๆ มาทั้งวันแล้ว คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 7 - ชายฝั่งทางใต้
- ชายฝั่งทางใต้
- More
- ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
- ไดมอนด์ บีช
- เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
- สวาร์ติฟอสส์
- More
ในวันที่เจ็ดของทริป 10 วันที่ไอซ์แลนด์ คุณจะได้ไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่น่าเชื่อในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ทางใต้ของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล วันนี้คุณจะใช้เวลาบนถนนน้อยกว่าวันอื่นๆ ที่ผ่านมาและจะต้องรู้สึกขอบคุณที่เวลาเที่ยวมากขึ้น
สถานที่แรกคือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ทะเลสาบขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ระหว่างผืนน้ำแข็งและมหาสมุทร ทะเลสาบแห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งตลอดทั้งปี และบางลูกมีขนาดใหญ่กว่าอาคารสูงหลายชั้นเสียอีก
การมองดูพวกมันค่อยๆ ลอยเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ในทะเลสาบเป็นประสบการณ์ที่ยากที่จะลืมเลือน นอกจากนี้คุณยังอาจจะเพิ่มกิจกรรมล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งแบบใกล้ชิดเข้าไปในทริปวันนี้ได้ด้วย โดยมีให้เลือกทั้งทัวร์ล่องเรือสะเทินน้ำสะเทินบกและเรือยางท้องแบน (RIB)
เมื่อภูเขาน้ำแข็งในทะเลสาบโจกุลซาร์ลอนลอยออกไปสู่มหาสมุทร พวกมันจะถูกพัดขึ้นฝั่งบนหาดทรายดำที่อยู่ติดกันกับทะเลสาบ หาดนี้มีชื่อว่าหาดไดมอนด์เนื่องจากภูเขาน้ำแข็งเมื่อละลายจะส่องประกายระยิบระยับ ดังนั้นคุณห้ามพลาดไปที่นี่เป็นอันขาดหากต้องการได้เห็นความสวยงามในความแตกต่างของไอซ์แลนด์
แม้ว่าสถานที่ทั้งสองแห่งนี้จะมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง แต่เจ้าแมวน้ำนับร้อยๆ ตัวที่แหวกว่ายวนเวียนอยู่ทั่วบริเวณจะยิ่งทำให้คุณประทับใจมากยิ่งขึ้น และหลังจากเที่ยวจนพอใจแล้ว คุณจะมุ่งหน้าเพื่อไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) กันต่อ ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับคนชอบเดินป่าและถ่ายรูปเพราะมีทางเดินป่าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวให้เลือกหลายเส้นทางและหลายระดับความยาก
เส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเส้นทางไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ซึ่งมีน้ำไหลตกจากหน้าผาเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยม ส่วนเส้นทางอื่นๆ จะเป็นทางไปชมภูมิประเทศงดงามที่เต็มไปด้วยลาวา แม่น้ำที่เชี่ยวกราก ผืนน้ำแข็งที่ยื่นออกมาจากธารน้ำแข็ง และทะเลสาบธารน้ำแข็งอีกหลายแห่ง
หนึ่งในผืนน้ำแข็งเหล่านี้คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ปีนธารน้ำแข็งได้ โดยคุณต้องเพิ่มทัวร์ปีนธารน้ำแข็งที่สวีนาเฟลล์โจกุลเข้าไปในทริปวันนี้ แล้วคุณจะได้ไปดูการก่อตัวที่น่าประทับใจของน้ำแข็ง รวมถึงรอยแยก กำแพงน้ำแข็ง และถ้ำน้ำแข็ง และทัศนียภาพที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์
และวันนี้ต่างจากวันอื่นๆ ตรงที่คุณสามารถจองกิจกรรมเสริมได้มากกว่าหนึ่งกิจกรรม เนื่องจากทัวร์ล่องเรือจะอยู่ในช่วงเช้าส่วนทัวร์ปีนธารน้ำแข็งจะเป็นช่วงบ่าย
หลังจากที่เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์เสร็จแล้ว คุณจะมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านวิก (Vik) เพื่อพักผ่อน ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สมบูรณ์แบบสำหรับการออกเดินทางเที่ยวชายฝั่งทางใต้ต่อในวันพรุ่งนี้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 8 - ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- More
- หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
- โขดทะเลเรนิสดรังการ์
- ดิร์โฮลาเอย์
- ธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล
- น้ำตกสโกกาฟอสส์
- น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
- More
ในวันที่แปดของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงหน้าร้อนนี้ คุณจะมุ่งหน้าไปบนชายฝั่งทางใต้อันงดงาม
ที่วิกคุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงาม ซึ่งประกอบไปด้วยธารน้ำแข็ง ทะเลทรายที่เต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟ ทุ่งลาวา และวิวของมหาสมุทรกว้างใหญ่
ในวันนี้คุณสามาถเลือกเพิ่มทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่จะพาคุณขึ้นไปบนธารน้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาไฟคัทลาอยู่ การเที่ยวถ้ำน้ำแข็งเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้เพียงไม่กี่แห่งทั่วโลกเท่านั้น ทำให้ทัวร์นี้เป็นโอกาสที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากจะเป็นชุมชนที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และเป็นศูนย์กลางสำหรับทัวร์ต่างๆ แล้ว วิกยังโด่งดังเรื่องหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่งดงามมาก ด้วยมีลักษณะทางธรณีวิทยาชายฝั่งที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์ และมีโขดทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าเป็นโทรลล์ที่กลายเป็นหินเพราะโดนแสงแดด
ใกล้กับเรย์นิสฟยารามีสถานที่ท่องเที่ยวริมชายฝั่งที่น่าสนใจอีกแห่ง หินโค้งดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) มีขนาดใหญ่มากจนเรือสามารถแล่นผ่านซุ้มหินนี้ได้อย่างสบายและมีนักบินใจกล้าบางคนขับเครื่องบินเล็กลอดซุ้มนี้มาแล้วด้วย
ในหน้าร้อนดิร์โฮลาเอย์นี้เป็นตำแหน่งที่เหมาะเจาะมากที่สุดสำหรับเข้าไปดูนกพัฟฟินนับพันที่มาทำรังแบบใกล้ชิด
เดินทางต่อไปอีกเล็กน้อยตามชายฝั่งทางใต้ คุณจะเริ่มมองเห็นธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลล์ (Myrdalsjokull) หากคุณต้องการปีนผืนน้ำแข็งเพื่อขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามวิบวับของที่นี่ คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์ที่จะพาคุณไต่ขึ้นไปบนโซลเฮมาโจกุล (Solheimajokull) เข้าไปในทริปวันนี้ได้ ผืนน้ำแข็งนี้ยาว 8 กิโลเมตร และกว้างกว่า 2 กิโลเมตร และมีทิวทัศน์อันน่าทึ่ง
แต่ถ้าคุณเคยปีนธารน้ำแข็งมาแล้ว หรือไม่ชอบกิจกรรมนี้ ให้คุณไปเที่ยวที่ทะเลทรายภูเขาไฟโซลเฮมาซานดูร์ (Solheimasandur) แทน โดยคุณจะได้ไปชมซากเครื่องบินดีซี-3 ที่ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวบนทะเลทรายสีดำอันเวิ้งว้าง
แต่คุณไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีไปเพราะว่าในอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย
ต่อไปจะสถานที่ท่องเที่ยวสามแห่งสุดท้ายบนชายฝั่งทางใต้ ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามไม่แพ้กัน ที่แรกคือน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดและมีตำนานเล่าขานว่ามีสมบัติของยักษ์ถูกฝังไว้ที่นี่ด้วย
แห่งที่สองคือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งเป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวที่สามารถเดิมชมได้รอบน้ำตก เนื่องจากสามารถเข้าไปในถ้ำอยู่ที่ด้านหลังน้ำตกได้ ส่วนแห่งสุดท้ายคือน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljufrabui) ซึ่งเป็นน้ำตกลับที่ถูกบดบังจนเกือบมองไม่เห็น แต่เมื่อเข้าไปใกล้จะพบว่ามีสายน้ำไหลลอดถ้ำสวยงามราวฉากในเทพนิยาย
หลังจากเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจบนชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์จนพอแล้ว คุณจะพักที่หมู่บ้านชนบทที่ชื่อเซลฟอสส์ (Selfoss)
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 9 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- More
ก่อนวันสุดท้ายของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์หน้าร้อนนี้ คุณจะเดินทางออกจากถนนวงแหวนเพื่อไปเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของวงกลมทองคำ สถานที่เที่ยวทั้งสามแห่งนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอซ์แลนด์และถือว่าเป็นการทิ้งทายบอกลาธรรมชาติของไอซ์แลนด์ได้อย่างดี
ที่แรกคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่มีต้นน้ำมาจากแม่น้ำธารน้ำแข็งสีขาวเหมือนน้ำนมไหลผ่านผืนน้ำแข็งลางโจกุล (สามารถมองเห็นได้) น้ำตกแห่งนี้แสดงให้เห็นถึงพละกำลังที่น่าเกรงขามและความสวยงามสงบเงียบไปพร้อมกัน ในหน้าร้อนจะมีทางเดินให้คุณเข้าไปใกล้กับน้ำตกเพื่อสัมผัสละอองสดชื่น
กุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตก 2 ชั้น ชั้นแรกที่เตี้ยกว่าสูง 36 ฟุต (11 เมตร) ในขณะที่ชั้นที่สองสูงประมาณ 69 ฟุต (21 เมตร) นอกจากนี้ยังมีพลังมหาศาลตามธรรมชาติโดยมีปริมาณน้ำที่ตกลงมาประมาณ 459 ลูกบาศก์ฟุต (140 ลูกบาศก์เมตร) ต่อวินาที
จากบริเวณลานจอดรถของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ คุณสามารถเลือกทำกิจกรรมขี่สโนว์โมบิลไปตามเนินชันของธารน้ำแข็งลางโจกุล กิจกรรมแอดเวนเจอร์นี้จะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ของพื้นที่ไฮแลนด์ในขณะที่กำลังโลดแล่นอยู่บนหิมะด้วย ซึ่งมีความงดงามอย่างยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบ
สถานที่ไฮไลต์แห่งที่สองของวงกลมทองคำคือทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir) ซึ่งมีน้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) ปะทุพ่นน้ำร้อนขึ้นฟ้าอวดพละกำลังให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมอยู่ทุกห้าถึงสิบนาที รอบๆ สโทรคูร์ยังมีน้ำพุร้อนอื่นให้ชมอีกมากมาย เช่น น้ำพุร้อนไกเซอร์ที่ทุกวันนี้สงบนิ่งไม่ไหวติงแล้ว
สถานที่แห่งสุดท้ายที่คุณจะได้ชมในวันนี้คืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ล้อมรอบด้วยขอบหน้าผาที่เป็นรอยแยกแผ่นเปลือกโลกของสองทวีป อุทยานฯ ที่น่าทึ่งนี้ประกอบไปด้วยผืนป่า สายน้ำ ทุ่งลาวา วิวทะเลสาบ และภูเขาไฟมากมายที่อยู่รายรอบ และยังมีบทบาทสำคัญในโลกประชาธิปไตยสมัยใหม่ด้วยซึ่งคุณสามารถไปเรียนรู้ได้จากที่นั่นเมื่อไปถึง
ในอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ คุณสามารถใส่สน็อกเกิลและชุดดรายสูทแล้วลงไปดำน้ำที่ซิลฟราซึ่งเป็นหุบเหวน้ำพุธรรมชาติได้ น้ำที่นี่สะอาดมากจนสามารถดื่มได้และใสแจ๋วจนมองเห็นได้ไกลถึง 328 ฟุต (100 ม.)
หลังจากชมสถานที่ต่างๆ บนวงกลมทองคำเสร็จแล้ว คุณจะมุ่งหน้าตรงเข้าเรคยาวิกและใช้เวลาในเมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้กันก่อนที่จะเข้านอนในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ยังมีวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามอีกมากมายที่นักท่องเที่ยวมักมองข้าม ซึ่งคุณสามารถขับออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ยาก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 10 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
ในวันที่ 10 ที่ไอซ์แลนด์ คุณจะขับรถไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกพร้อมด้วยความประทับใจของทริปหน้าร้อนครั้งนี้ คุณจะนำรถไปส่งคืนในเวลาที่เหมาะสมกับเที่ยวบินของคุณ แต่สำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายหน่อย คุณยังสามารถใช้เวลาเที่ยวได้อีก
ตัวอย่างเช่น จากสนามบินภายในประเทศในเมืองเรคยาวิก คุณสามารถนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมแลนด์มาร์คของเมืองและบ้านเรือนที่มีหลังคาสีสันสดใส หรือจะให้เฮลิคอปเตอร์พาไปทุ่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่รอบเมือง หรือพาไปลงจอดบนยอดเขาที่ห่างไกลก็ยังได้
หรือคุณสามารถจองทริปท่องเที่ยวที่ทำได้เฉพาะที่ไอซ์แลนด์และที่ภูเขาไฟลูกนี้ลูกเดียวเท่านั้น นั่นคือการลงไปชมโถงแมกมา หลังจากที่เดินป่าระยะสั้นๆ คุณจะลงลิฟต์ในเหมืองเพื่อไปยังถ้ำใต้ดินที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสีสันอย่างไม่น่าเชื่อ คุณจะได้สำรวจและตื่นตาตื่นใจไปกับพลังของภูเขาไฟ
หากทัวร์เหล่านี้ยังไม่น่าสนใจ คุณสามารถใช้เวลาในวันนี้ชื่นชมศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมอยู่ภายในเมืองหลวงแทนก็ได้ หรือคุณอาจจะใช้เวลาที่เหลือด้วยการขับรถชมธรรมชาติรอบๆ เมืองก็ได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีเวลาไปเที่ยวที่บลูลากูนในวันแรกที่มาถึง คุณก็สามารถไปแช่น้ำอุ่นบำบัดความอ่อนล้าก่อนเดินทางออกจากไอซ์แลนด์ได้ เราหวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับเวลา 10 วันในไอซ์แลนด์ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ แล้วกลับมาเที่ยวไอซ์แลนด์อีกในเร็ววัน!
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
ทริปขับรถเที่ยวครั้งนี้สามารถเริ่มต้นออกเดินทางได้จากทั้งในเมืองเรคยาวิก หรือสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุและมีประสบการณ์ในการขับรถบนท้องถนนอย่างน้อยหนึ่งปี ทั้งนี้แผนการท่องเที่ยวที่จัดไว้อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับวันเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ด้วย และอาหารเช้านั้นอาจไม่รวมอยู่ในโฮสเทลและเกสต์เฮาส์บางแห่งที่เลือก โปรดทราบว่าสำหรับกิจกรรมบางอย่างที่คุณเลือก คุณอาจจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุ หรือคุณอาจจะต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนการเดินทางของคุณ และคุณอาจจะต้องแสดงเอกสารรับรองทางการแพทย์ในการดำน้ำตื้น ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องไม่กลัวการลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้ และถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น โปรดเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาด้วย แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน
วิดีโอ
รีวิวที่ตรวจสอบแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด