ทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์แบบประหยัด 3 วัน ชมน้ำพุร้อน & เที่ยววงกลมทองคำ

เมื่อคุณเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกแล้ว คุณสามารถออกเดินทางเที่ยวไอซ์แลนด์ได้ทันที หลังจากที่ไปรับรถของคุณเรียบร้อยแล้วก็เหยียบคันเร่งออกไปสำรวจภูมิประเทศแปลกประหลาดของแถบนี้กันได้เลย เพราะสนามบินนั้นตั้งอยู่บนคาบสมุทรเรคยาเนส  (Reykjanes Peninsula) ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นทุ่งลาวาและดินแดนแห่งกิจกรรมความร้อนใต้พิภพ

คาบสมุทรแห่งนี้ทอดตัวอยู่บนเขตพื้นที่ของแผ่นเปลือกโลกของทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ และเมื่อแผ่นเปลือกทวีปทั้งสองแยกตัวออกจากกันจึงทำให้เกิดเป็นรอยแยกต่างๆ ในบริเวณนี้ เดินทางไปตามชายฝั่งตะวันตกของเรคยาเนสเพื่อไปที่สะพานระหว่างสองทวีป ซึ่งเป็นสะพานลอยเล็กๆ ข้ามรอยแยกขนาดใหญ่ของแผ่นเปลือกโลก รับรองว่าวิวที่คุณจะได้เห็นนั้นคุ้มค่าและจะทำให้คุณเห็นภาพของการแยกตัวของแผ่นเปลือกโลกได้อย่างชัดเจนมากขึ้นด้วย

จากบริเวณนั้น คุณสามารถเดินทางไปทุ่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่กุนนูแควร์ (Gunnuhver) ซึ่งมีบ่อโคลนเดือดและพุแก๊สที่มีไอน้ำออกมาให้เห็นมากมาย เสียงน้ำที่เดือดปุดๆ และไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากใต้ผืนดินในบริเวณนั้นจะทำให้คุณอดรู้สึกหวั่นเกรงในพลังอันมหาศาลที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้แผ่นเปลือกโลกไม่ได้

ก่อนที่จะเดินทางเข้าที่พักของคุณในเมืองเรคยาวิก คุณสามารถแวะไปสปาที่บลูลากูนเพื่อไปแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพกันก่อนได้ สปาแห่งนี้ห้อมล้อมด้วยทุ่งลาวาสีดำของคาบสมุทรเรคยาเนส และน้ำร้อนๆ จะทำให้คุณได้ผ่อนคลายหลังจากที่เดินทางและเที่ยวจนเหนื่อยกันมาตลอดทั้งวัน แต่ถ้าจะไปต้องอย่าลืมจองบัตรผ่านเข้าบลูลากูนเอาไว้ล่องหน้าก่อนด้วย

วันที่สองในไอซ์แลนด์นั้น คุณจะไปสำรวจเส้นทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวกัน “วงกลมทองคำ” จะทำให้คุณเข้าใจภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยพลังงานของไอซ์แลนด์ได้ดียิ่งขึ้น

จุดแรกที่คุณจะไปแวะคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir) อันเป็นสถานที่ตั้งเก่าแก่ของรัฐสภาของไอซ์แลนด์ หรืออัลธิงกิ (Alþingi) ซึ่งถูกสร้างขึ้นที่บริเวณนี้เมื่อกว่าหนึ่งพันปีก่อนหน้านี้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวไวกิงยุคแรกเริ่มใช้เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและออกกฎหมายของดินแดนแห่งนี้ด้วย 

เช่นเดียวกับคาบสมุทรเรคยาเสน ธิงเวลลีร์นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ของแผ่นเปลือกโลกของสองทวีป ทำให้ทั่วทั้งอุทยานฯ มีรอยแยกรอยแตกให้เห็นอยู่เต็มไปหมด ซึ่งร่องรอยพวกนี้เป็นผลจากการเกิดแผ่นดินไหวที่มีสาเหตุมาจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกนั่นเอง

จากธิงเวลลีร์คุณจะเดินทางไปต่อกันที่ทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir Geothermal Fields) ซึ่งก็คล้ายกับที่กุนนูแควร์อยู่เหมือนกันเพราะทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ก็เต็มไปด้วยบ่อโคลนเดือด น้ำพุร้อน และพุแก๊ส แต่ต่างกันตรงที่ทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์นั้นมีไกเซอร์พ่นน้ำอยู่ อันที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งที่สุดนั้นมีชื่อว่าสโทรคูร์ (Strokkur) ที่พ่นน้ำขึ้นฟ้าสูงถึง 20 เมตร และสโทรคูร์ยังเหมาะกับการถ่ายเซลฟี่มากด้วย เนื่องจากมันพ่นน้ำถี่มากเฉลี่ยคือทุก 5-10 นาที รับรองว่าคุณมีโอกาสได้รูปสวยๆ อย่างแน่นอน

จากไกเซอร์พ่นน้ำคุณจะเดินทางต่อไปยังน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หนึ่งในน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดของประเทศ น้ำตกแห่งนี้ได้รับน้ำมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) กลาเซียร์ขนาดใหญ่อันดับที่สองของไอซ์แลนด์ และมวลน้ำไหลลดหลั่นเป็นสองชั้นก่อนตกลงจากความสูง 32 เมตรลงไปยังหุบเหวโบราณที่ด้านล่าง จากจุดชมวิว 2 แห่ง คุณสามารถมองเห็นมวลน้ำที่เย็นยะเยือกจากกลาเซียร์พุ่งทะยานตกลงสู่เหว ซึ่งถือว่าเป็นอีกจุดที่ดีมากสำหรับผู้ที่ชอบการถ่ายรูป

ก่อนจะกลับเข้าที่พักในเรคยาวิกในวันนี้ คุณยังสามารถขับอ้อมออกไปเที่ยวที่เมืองฟลูดิร์ (Flúðir) ได้อีก ที่นั่นมีซีเครตลากูน ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่เก่าแก่ที่สุดของไอซ์แลนด์ และคุณก็จะได้แช่น้ำคลายความเมื่อยล้าท่ามกลางวิวสวยๆ ให้เพลิดเพลินใจ ทิวทัศน์รอบสระนั้นเป็นทุ่งลาวาที่มีมอสปกคลุม มีน้ำพุร้อน พุแก๊ส และมีไกเซอร์พ่นน้ำขนาดย่อมๆ หนึ่งอัน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ถือมีบรรยากาศเร้นลับแปลกตาไปอีกแบบ

วันนี้คุณต้องเลือกว่าจะไปขับรถไปทางชายฝั่งทางตอนใต้เพื่อไปชมน้ำตกอันยิ่งใหญ่ หรือไปไฮกิ้งในหุบเขาพลังงานความร้อนใต้พิภพเรคยาดาลูร์ (Reykjadalur) เพื่อไปแช่น้ำในแม่น้ำที่มีน้ำเป็นน้ำอุ่น และคุณต้องเผื่อเวลาให้เดินทางกลับไปยังสนามบินเคฟลาวิกให้ทันกับเวลาเที่ยวบินของคุณด้วย เพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในทริปนี้แล้ว

เริ่มต้นวันด้วยการเดินทางออกจากเรคยาวิกและขับรถมุ่งหน้าไปทางเมืองแคว์ราแกดิร์ (Hveragerði) เมืองนี้อยู่ในเขตพลังงานความร้อนใต้พิภพ ดังนั้นเมื่อไปถึงคุณจะได้เห็นไอน้ำพวยพุ่งเป็นสายออกมามากมายเหมือนกับพวกมันก็อยากทักทายนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ถ้าคุณเลือกที่จะใช้เวลาวันนี้กับการไฮกิ้ง ที่นี่จะเป็นจุดที่คุณต้องจอดรถทิ้งไว้และเปลี่ยนมาสวมรองเท้าบู๊ทสำหรับเดินขึ้นเขากันเลย

คุณจะเดินลัดเลาะไปตามพื้นที่ที่มีพลังงานความร้อนอยู่ใต้ดิน สิ่งแวดล้อมในบริเวณนี้มีสีสันสดใสสวยงามและคุณจะเดินผ่านบ่อโคลนเดือดและน้ำพุร้อนที่มีไอน้ำคุกรุ่น อ้อ! คุณอย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย เพราะว่าพอเดินผ่านหุบเขาอันงดงามไปหน่อยคุณก็จะต้องข้ามแม่น้ำที่มีน้ำไหลริน แม่น้ำแห่งนี้มีน้ำแร่ธรรมชาติสะอาดเย็นสดชื่นไหลมาบรรจบกับลำธารที่เป็นน้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทำให้น้ำในแม่น้ำมีอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการลงไปอาบและแช่ให้สบายตัว

แต่ถ้าหากคุณตัดสินใจที่จะใช้เวลาในวันนี้ตามล่าหาน้ำตก คุณจะเดินทางผ่านเมืองแคว์ราแกดิร์ไปอีก เพื่อไปยังน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแรกของวันนี้

น้ำตกที่โดดเด่นแห่งนี้มีน้ำที่ไหลออกมาจากหน้าผาที่มีรูปทรงโค้งเว้าสวยงาม ทำให้สามารถเดินเข้าไปที่ด้านหลังม่านน้ำตกเพื่อไปชมความงามของบริเวณโดยรอบได้ เดินจากน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ไปอีกหน่อยก็จะมีน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljúfrabúi) อีกหนึ่งแห่ง กลูยฟราบูอิเป็นน้ำตกขนาดเล็กขี้อายที่ไปแอบซ่อนตัวมิดชิดอยู่หลังหินขนาดใหญ่จนน้อยคนนักที่จะรู้จัก

จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปยังน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) น้ำตกขนาดใหญ่ตระการตาและสวยงามที่มีน้ำไหลตกลงจากหน้าผาขนาดความสูงถึง 60 เมตร และความกว้าง 25 เมตร ดินที่ด้านล่างของน้ำตกสโกกาฟอสส์นั้นเรียบมาก ทำให้สามารถเดินเข้าไปที่ตัวน้ำตกแบบใกล้ชิดจนละอองน้ำกระเซ็นใส่ใบหน้าได้เลย

หากคุณยังมีเวลาเหลือก่อนที่เครื่องจะออก คุณสามารถไปที่สระว่ายน้ำเซลลาย์วัลลาเลยก์ (Seljavallalaug) ได้อีกหนึ่งแห่ง สระนี้อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกสโกกาฟอสส์ แค่ขับรถแป๊บเดียวก็ได้ไปแช่น้ำร้อนธรรมชาติจากพลังงานความร้อนใต้พิภพของไอซ์แลนด์อีกครั้งก่อนที่คุณจะเดินทางกลับบ้านแล้ว