ทัวร์ขับรถเที่ยวเอง 8 วันบนถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ พร้อมสำรวจชายฝั่งทางใต้แบบเจาะลึก
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
รวมในแพ็คเกจ
จุดหมายปลายทาง
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
รถขนาดเล็ก
รถขนาดกลาง
รถพรีเมี่ยม
large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
- More
ทริปเที่ยวครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณลงเครื่องบินที่ไอซ์แลนด์ ผ่านด่านศุลกากรเข้ามาแล้ว และเดินผ่านประตูอัตโนมัติที่เป็นทางออกของโถงผู้โดยสารขาเข้า
คุณจะไปรับรถที่สนามบินและเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังใจกลางเรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์
ระหว่างทางไปเมืองหลวงคุณสามารถเลือกแวะเที่ยวที่บลูลากูนก่อนได้
สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ
หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้
ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่
เรคยาวิกมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายนับไม่ถ้วน เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ วัฒนธรรมศิลปะที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนร้านอาหาร บาร์ และร้านค้ามากมาย คุณสามารถเดินไปรอบๆ ได้ง่าย หรือจะใช้รถเช่าเพื่อขับรถไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ห่างไกลออกไปก็ได้
หากคุณสนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์ คุณจะพบกับพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจและหอศิลป์ที่ตระการตา ในขณะเดียวกันผู้ที่รักกิจกรรมกลางแจ้งสามารถเดินเล่นสบายๆ ตามแนวชายฝั่งและชื่นชมทิวทัศน์ หรือขับรถไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติในบริเวณใกล้เคียง
ส่วนคาบสมุทรเรคยาเนสนั้น มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติให้ชมมากยิ่งขึ้น เช่น น้ำพุร้อน ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น และลักษณะทางธรณีวิทยา ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยลาวาของที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของประเทศไอซ์แลนด์
เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะได้เข้าพักในโรงแรมที่สะดวกสบายในเมืองเรคยาวิก เพื่อนอนหลับพักผ่อนเอาแรง เพราะในอีก 7 วันข้างหน้าจะเต็มไปด้วยการผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจและภูมิประเทศที่น่าทึ่ง
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 2 - ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- More
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
- More
วันนี้คุณจะได้รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในไอซ์แลนด์ วงกลมทองคำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ซึ่งรวมถึงอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) และพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ (Geysir)
คุณจะเริ่มต้นวันด้วยการขับรถออกจากที่พัก โดยมีเป้าหมายคือสถานที่ทั้งสามแห่งนี้
อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก พื้นที่ในบริเวณนี้มีความงดงามและมีความสำคัญสำหรับชาวไอซ์แลนด์ด้วย เพราะเป็นสถานที่ตั้งของสภาแห่งแรกที่ผู้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในยุคแรกได้สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ. 930
ธิงเวลลีร์เต็มไปด้วยหน้าผาและหินลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์ไอซ์แลนด์ หากมองไกลออกไปจะเห็นว่ามีทิวเขาล้อมรอบบริเวณ พื้นที่แห่งนี้จึงเหมาะสำหรับการไปชมวิวและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาวไอซ์แลนด์
ในขณะที่คุณอยู่ที่ธิงเวลลีร์ คุณสามารถเลือกลงไปดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลในรอยแยกซิลฟรา (Silfra)
ผืนน้ำที่นี่ตั้งอยู่ตรงกลางจุดที่เป็นรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียนและอเมริกาเหนือ และน้ำที่ซิลฟรานั้นถูกกรองผ่านหินลาวามานานนับร้อยๆ ปี จึงมีความใสราวกระจก ซึ่งการไปร่วมดำน้ำกับทัวร์สน็อกเกิลในรอยแยกนี้ คุณจะได้เห็นหุบเขาใต้น้ำที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 328 ฟุต (100 ม.) ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมดำน้ำต้องไม่กลัวที่จะลงไปในน้ำและต้องว่ายน้ำได้
สถานที่สำคัญที่ต้องแวะอีกแห่งคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกที่โดดเด่นที่สุดในไอซ์แลนด์ ชื่อของมันมีความหมายว่า "น้ำตกทอง" และน้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ใต้หุบเขาแม่น้ำฮวิทเอา น้ำตกกุลล์ฟอสส์สูง 105 ฟุต (32 ม.) และมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไหลลดหลั่นลงมาสองชั้น ทำให้เกิดละอองน้ำหนาทึบปกคลุมไปทั่ว
สถานที่ต่อไปบนวงกลมทองคำคือพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ ที่นี่จะทำให้คุณเห็นภาพของพลังงานที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไอซ์แลนด์ได้ชัดเจน พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยน้ำพุร้อนและฟูมาโรลที่ระบายก๊าซและไอร้อนออกมาบนพื้นผิวโลก
ไฮไลต์ที่ดึงคนมาเที่ยวที่นี่คือไกเซอร์สโทรคูร์ ที่พ่นน้ำขึ้นฟ้าสูงเกือบ 66 ฟุต (20 ม.) ในเกือบทุกห้านาที
มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นอีกหลายแห่งที่คุณสามารถเพิ่มเข้าไปในระหว่างเที่ยวบริเวณวงกลมทองคำได้ คุณอาจจะไปชมปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid Crater) ในวันนี้ด้วยก็ได้ เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำ ปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ยังใหม่มาก มีอายุราว 3,000 ปีเท่านั้น
ปล่องภูเขาไฟเคริดมีสีสันที่สดใสของหินสีแดงสดที่ตัดกับน้ำสีฟ้าครามที่ก้นหลุม
ส่วนเรคยาดาลูร์ (Reykjadalur) เป็นหุบเขาที่ปกคลุมด้วยไอน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวงกลมทองคำ พื้นที่นี้แถบนี้มีเนินเขาที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อของช่องระบายไอน้ำและบ่อน้ำร้อนกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
หากคุณต้องการความตื่นเต้นเป็นพิเศษในวันนี้ คุณสามารถเพิ่มการผจญภัยเพิ่มเติมเข้าไปได้ เนื่องจากคุณมีอิสระในการปรับเปลี่ยนทัวร์ได้ตามใจ
คุณสามารถเลือกไปทัวร์ขี่ม้าได้ ม้าไอซ์แลนด์เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถูกเลี้ยงแยกอยู่ที่นี่มานานกว่าพันปี
พวกมันแข็งแรง เตี้ย และเป็นมิตรมากจึงเหมาะสำหรับผู้ขี่ทุกระดับ และการได้ชมวิวชนบทของไอซ์แลนด์จากบนหลังม้านั้นเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนที่ไหนอย่างแน่นอน
หากคุณต้องการกิจกรรมสนุกตื่นเต้นเพื่อให้อะดรีนาลีนสูบฉีดก็สามารถเลือกเพิ่มทัวร์ขี่สโนว์โมบิลที่ธารน้ำแข็งลางโจกุลเข้าไปในวันนี้ได้ การขี่สโนว์โมบิลโลดแล่นไปบนธารน้ำแข็งกว้างใหญ่ไพศาลที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
การปล่อยให้ลมเย็นปะทะกับร่างกายระหว่างขี่สโนว์โมบิเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กิจกรรมใดๆ เลย
หลังจากหมดเวลาในวันนี้ คุณจะเข้าพักในที่พักในไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 3 - ชายฝั่งทางใต้
- ชายฝั่งทางใต้
- More
- น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
- น้ำตกสโกกาฟอสส์
- ธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล
- ดิร์โฮลาเอย์
- หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
- โขดทะเลเรนิสดรังการ์
- More
วันนี้คุณยังคงผจญภัยบนถนนวงแหวนกันต่อและจะเริ่มมุ่งหน้าไปทางใต้ ชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องภูเขา ธารน้ำแข็ง หาดทรายดำ น้ำตก และนกหลากสายพันธุ์
จุดแรกที่คุณจะไปแวะบนชายฝั่งทางใต้คือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) น้ำตกที่ได้รับความนิยมมากสำหรับผู้ที่มาเยือนไอซ์แลนด์ เนื่องจากอยู่ใกล้กับถนนวงแหวนและโครงสร้างของน้ำตกมีความน่าสนใจ น้ำตกนี้สูง 197 ฟุต (60 ม.) และมีฉากหลังเป็นผาหินมองดูสวยงาม
ไม่ไกลจากน้ำตกเซลยานแลนส์ฟอสส์ก็ยังมีน้ำตกสโคกาฟอสส์อีกหนึ่งแห่ง ซึ่งมีความสวยงามพอกัน สโคกาฟอสส์เป็นหนึ่งในน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ มีความสูง 197 ฟุต (60 ม.) และมีความกว้างถึง 52 ฟุต (25 ม.) โดยสายน้ำที่ตกลงมากระทบกับพื้นที่เกือบจะราบทำให้เกิดเป็นม่านไอน้ำฟุ้งกระจาย ในบางวันเมื่อมีแสงแดดส่องมาที่น้ำตก รุ้งกินน้ำคู่หนึ่งก็จะทอดตัวเป็นสะพานให้นักท่องเที่ยวได้เห็น
เมื่อคุณเดินทางต่อไปตามชายฝั่งทางใต้ คุณจะผ่านโซลเฮมาโจกุลล์ (Solheimajokull) ผืนน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งมิดาร์ลสโจกุลล์ หากคุณอยากทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ในวันนี้ คุณสามารถเลือกไปปีนธารน้ำแข็งที่เป็นแลนด์มาร์คของแถวนี้ได้
สำหรับกิจกรรมปีนธารน้ำแข็ง คุณจะต้องไปพบกับไกด์เพื่อฟังบรีฟเกี่ยวกับความปลอดภัย และรับอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการชมธารน้ำแข็ง โดยคุณจะได้รับหมวกกันน็อก รองเท้าตะปู และขวาน
จุดหมายต่อไปคือดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) คาบสมุทรเล็กๆ ที่โด่งดังเพราะมีหน้าผาหินสูงตระหง่านและเป็นแหล่งที่อยู่ของนกนานาชนิด และยังเป็นส่วนใต้สุดของแผ่นดินใหญ่ของไอซ์แลนด์ด้วย ที่นี่คุณจะได้เห็นวิวที่สวยงามของแนวชายฝั่งและนกพื้นเมืองมากมาย
ไม่ไกลจากดิร์โฮลาเอย์ก็จะเป็นหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ชายฝั่งบริเวณนี้มีคลื่นที่ซัดเข้าหาหาดทรายภูเขาไฟอย่างแรงจนไม่น่าเชื่อ
บนหาดคุณจะได้เห็นหน้าผาที่เต็มไปด้วยเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมซึ่งมองดูแปลกตามาก
ที่นอกชายฝั่งของหาดเรย์นิสฟยารา คุณจะมองเห็นหินเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) อนุสาวรีย์หินธรรมชาติที่โผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล
ถัดไปคือหมู่บ้านวิก (Vik) เมืองริมทะเลที่เหมาะสำหรับหยุดแวะพักเหยียดแข้งขา คุณอาจจะอยากไปชมโบสถ์ของในเมืองนี้ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาและหันหน้าออกทะเลด้วย
คุณยังสามารถไปเข้าร่วมกิจกรรมและทัวร์อีกหลายอย่าง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นไม่ไกลจากวิก คุณอาจจะอยากไปชมซากเครื่องบิน DC-3 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มาตกอยู่ที่โซลเฮมาซานดูร์ (Solheimasandur) เมื่อปี 1973 และซากเครื่องบินถูกทิ้งให้เป็นซากปรักหักพัง จนกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมในทุกวันนี้
หรือคุณอาจจะเลือกไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์พิเศษของไอซ์แลนด์ก็ได้เช่นกัน ถ้ำน้ำแข็งเหล่านี้ก่อตัวขึ้นเมื่อน้ำแข็งจากธารน้ำแข็งละลายและแข็งตัวใหม่ตามวัฏจักรของมัน โดยในแต่ละปีจะมีถ้ำน้ำแข็งที่หายไปและเกิดใหม่มาทดแทน นั่นหมายถึงว่าถ้ำน้ำแข็งแต่ละแห่งนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ซ้ำกันเลย
ภายในถ้ำ บางทีคุณอาจจะได้เห็นสิ่งที่ดูเหมือนกับพระราชวังคริสตัล ซึ่งความโค้งและชั้นของน้ำแข็งที่ประดับประดาด้วยเฉดสีฟ้า เทา ขาว และสีดำของเถ้าภูเขาไฟภายในนั้น เปรียบเสมือนแคปซูลแห่งกาลเวลาที่เก็บบันทึกย้อนสู่อดีตไปนับร้อยนับพันปี
หลังจากเที่ยวชมสถานที่และทำกิจกรรมตื่นเต้นสนุกสนานมาทั้งวันแล้ว ที่พักของคุณในคืนนี้อยู่ในไอซ์แลนด์ใต้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 4 - ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- More
- เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
- สวาร์ติฟอสส์
- ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
- ไดมอนด์ บีช
- More
วันนี้คุณจะเที่ยวบนชายฝั่งทางใต้กันต่อและค่อยมุ่งหน้าไปทางตะวันออกของไอซ์แลนด์
คุณจะเริ่มต้นด้วยการเดินทางเข้าไปในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) แต่ถ้าหากคุณอยากทำกิจกรรมตื่นเต้นในวันนี้ คุณอาจจะเลือกเริ่มต้นวันด้วยการไปปีนธารน้ำแข็งที่สกัฟตาเฟลล์ในรอบเช้า
ภูมิประเทศที่ขรุขระแถบนี้มีพืชพรรณที่น่าสนใจมากมาย ทำให้เหมาะกับการมาถ่ายภาพ
นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางเดินป่าสวยๆ ระดับง่ายหลายเส้นทาง จึงเป็นสวรรค์ของการเดินป่าด้วย
จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ซึ่งเป็นที่สุดยอดของสถานที่ท่องเที่ยวในทางใต้ของไอซ์แลนด์ ที่นี่เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของไอซ์แลนด์ โดยมีความลึกถึง 820 ฟุต (250 ม.)
น้ำที่อยู่ในทะเลสาบโจกุลซาร์ลอนเป็นน้ำที่ละลายมาจากผืนน้ำแข็งเบรดาแมร์คุร์โจกุล (Breidamerkurjokull) ที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล น้ำในทะเลสาบจึงเย็นจัดและเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งที่แตกตัวตัวออกมาจากธารน้ำแข็ง (ซึ่งเป็นกระบวนการแบ่งตัวของน้ำแข็งที่เรียกว่า Ice calving) เมื่อภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาเหล่านี้เดินทางอยู่ในทะเลสาบ พวกมันจะเรืองแสงเป็นสีขาวและสีฟ้าสวยงาม
ที่ทะเลสาบแห่งนี้คุณสามารถเลือกเข้าร่วมกับทัวร์ล่องเรือที่จะพาคุณลงไปในทะเลสาบโจกุลซาร์ลอน ซึ่งมีให้เลือกทั้งทัวร์เรือสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งเรือจะค่อยๆ เคลื่อนตัวจากบกลงน้ำอย่างช้าๆ ทำให้คุณได้เห็นว่าทะเลสาบนี้ก่อตัวขึ้นอย่างไร
คุณอาจจะโชคดีได้เห็นแมวน้ำออกมาว่ายน้ำหรืออาบแดดอยู่บนก้อนภูเขาน้ำแข็งด้วย
ส่วนทัวร์อีกแบบจะพาคุณล่องทะเลสาบด้วยเรือยางท้องแบนโซดิแอก เรือเล็กนี้จะทำให้คุณได้เข้าไปใกล้ภูเขาน้ำแข็งได้มากขึ้นเพื่อชื่นชมขนาดอันใหญ่โตมโหฬารของพวกมันได้อย่างเต็มที่
ถัดจากโจกุลซาร์ลอนจะเป็นหาดไดมอนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แนวชายแนวชายฝั่งสั้นๆ ในบริเวณนี้เป็นจุดที่น้ำในทะเลสาบโจกุลซาร์ลอนมาบรรจบกับทะเล ซึ่งภูเขาน้ำแข็งที่ถูกพัดไปมาจะค่อยๆ ละลายเมื่อโดนน้ำเค็ม บางส่วนก็ขึ้นไปเกยอยู่บนหาดทรายสีดำ ทำให้มองดูเหมือนกับเป็นอัญมณีล้ำค่า จึงได้ชื่อว่าหาดไดมอนด์
จุดหมายปลายทางต่อไปคือเมืองเฮิฟน์ (Hofn) ที่อยู่ในทางตะวันออก ที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงที่สวยงามแปลกตาและมีชื่อเสียงเรื่องล็อบสเตอร์ จึงเหมาะกับการแวะรับประทานอาหารเย็น ร้านอาหารที่มีอยู่มากมายในเมืองมีเมนูที่หลากหลาย รวมถึงล็อบสเตอร์ของขึ้นชื่อของเมืองด้วย
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 5 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- เวสตราฮอร์น
- ทะเลสาบลาการ์ฟโยท
- More
วันนี้คุณจะเดินทางไปยังฟยอร์ดทางตะวันออกอันห่างไกลของไอซ์แลนด์ ที่มีชื่อเรื่องความสวยงามที่มีเอกลักษณ์และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่ยังไม่ถูกสัมผัส คุณจะไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ หลายแห่ง ฟยอร์ดทางตะวันออกมีทั้งภูเขา หน้าผา วิวชายฝั่ง และเมืองที่แปลกตามากมาย
ภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) ยิ่งใหญ่และถ่ายรูปสวยมากและยังตั้งอยู่ใกล้กับมหาสมุทร โดยช่วงหน้าร้อนจะมีเงาสะท้อนของภูเขา ตัดกับฉากพื้นหลังเป็นภาพที่งดงามมาก
จูปิโวกูร์ (Djupivogur) เป็นเมืองประมงริมชายฝั่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาทรงปิรามิดที่ชื่อบูลานด์สทินดูร์ (Bulandstindur) หากคุณบังเอิญโชคดีได้ไปเยือนจูปิโวกูร์ในวันที่มีกลางวันยาวที่สุดของปี (ครีษมายัน) ให้คุณเตรียมคำอธิษฐานขอพรเอาไว้ได้เลย เพราะว่ากันว่าภูเขาลูกนี้จะทำให้คำขอของคุณเป็นจริง
ฟาสกรูดสฟยอร์ดูร์ (Faskrudsfjordur) ในอดีตเคยเป็นหมู่บ้านของชาวประมงที่มาจากฝรั่งเศส และอิทธิพลความเป็นฝรั่งเศสยังคงหลงเหลือให้เห็นในทุกวันนี้ โดยผู้อพยพชาวฝรั่งเศสได้สร้างโรงพยาบาลและท่าเรือขึ้นมาเมื่อพวกเขามาถึง และเมื่อพวกเขาถูกทางการฝรั่งเศสเรียกตัวกลับในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในเมืองนี้จึงเริ่มมีความเป็นไอซ์แลนด์ให้เห็น
ปัจจุบันป้ายบอกทางบนถนนในหมู่บ้านนี้ก็ยังใช้ทั้งภาษาฝรั่งเศสและไอซ์แลนด์ และโรงพยาบาลได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาที่เกี่ยวโยงกับความเป็นฝรั่งเศสของหมู่บ้านแห่งนี้
สถานที่เที่ยวแห่งต่อไปคือเอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฟยอร์ดทางตะวันออก เมืองนี้เหมาะสำหรับแวะพัก เติมน้ำมัน และรับประทานอาหาร ในเอกิลสตาดีร์มีประชากรมากกว่าที่อื่น ดังนั้นจึงมีตัวเลือกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งร้านอาหาร ร้านค้า และศูนย์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเป็นเหมือนศูนย์กลางในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งอื่นๆ ของฟยอร์ดทางตะวันออกด้วย
จากเมืองนี้คุณอาจจะเลือกเดินทางไปเที่ยวอ่างน้ำธรรมชาติเวิก (Vok) ซึ่งเป็นสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของเอกิลสตาดีร์เพียง 3.1 ไมล์ (5 กม.) และมีสระน้ำอุ่นให้คุณได้แช่น้ำผ่อนคลายท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงามน่าอภิรมย์
ทางตะวันออกของเอกิลสตาดีร์คือเมืองเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) เมืองท่าแห่งนี้มีเสน่ห์ราวกับฉากในภาพยนตร์แฟนตาซี โดยล้อมรอบไปด้วยภูเขาและน้ำตก และยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยชาวนอร์เวย์เมื่อครั้งอดีตกาลหลงเหลือให้เห็น
ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องศิลปะและวัฒนธรรม และยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเทศกาลศิลปะสำหรับเยาวชนที่เรียกว่า LungA ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีด้วย นอกจากนี้ในเมืองยังมีถนนสายรุ้งที่สร้างขึ้นอย่างถาวรเพื่อใช้เป็นทางไปโบสถ์สีฟ้าที่โดดเด่นสะดุดตา
ในทางตะวันตกของเอกิลสตาดิร์มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีก 3 แห่ง ทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljot) ที่ว่ากันว่ามีสัตว์ประหลาดลึกลับหน้าตาคล้ายหนอนยักษ์อาศัยอยู่ ไกลออกจากเมืองไปหน่อยก็มีฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ ( Hallormsstadarskogur) ซึ่งเป็นผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และมีน้ำตกเฮนกิฟอสส์ (Hengifoss) ที่สวยงามอยู่ด้านหน้าหน้าผาหินบะซอลต์หลากสีสัน
หลังจากเที่ยวทางตะวันออกครบหมดแล้ว ที่พักของคุณในคืนนี้จะอยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันออก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 6 - ไอซ์แลนด์เหนือ
- ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- คยาร์นาสโกกูร์
- หุบเขาอาสบิร์กิ
- More
ในวันที่หก คุณจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ ในแถบนี้มีน้ำตกที่สวยงาม มีทุ่งกว้าง และมีพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพที่น่าทึ่ง
ด้วยความที่มีสถานที่มากมายที่รอให้คุณไปชม ดังนั้นคุณจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกสถานที่ที่อยากไป
คุณอาจต้องการแวะที่น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) เป็นแห่งแรกระหว่างทางขึ้นเหนือ น้ำตกเดตติฟอสส์มีความกว้าง 100 เมตร และมีความสูงถึง 43 เมตร เมื่อคุณยืนอยู่ข้างๆ น้ำตกเดตติฟอสส์ คุณจะสัมผัสได้ถึงเสียงคำรามอันทรงพลังของมัน น้ำตกแห่งนี้น่าประทับใจมากจนผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์ใช้น้ำตกนี้ในฉากเปิดเรื่อง "Prometheus" เมื่อปี 2012
ส่วนบริเวณรอบๆ ทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) เป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมของพลังงานความร้อนใต้พิภพมากมาย แถบนี้มีทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของไอซ์แลนด์ นั่นก็คือทะเลสาบมิวาทน์ ซึ่งแปลว่า "ทะเลสาบแมลงวัน" เนื่องจากแมลงตัวจิ๋วเหล่านี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปเป็นเรื่องปกติ
ถ้าคุณไปเที่ยวที่มิวาทน์ คุณอาจจะอยากไปแช่น้ำร้อนที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หรูหราและได้รับการขนานนามว่าเป็นบลูลากูนแห่งทางเหนือ
ใกล้ๆ ในแถบมิวาทน์ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกแห่ง นั่นก็คือคราฟลา (Krafla) ซึ่งเป็นแอ่งภูเขาไฟทางเหนือของทะเลสาบ ที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนวภูเขาไฟขนาดใหญ่และเป็นเขตที่มีภูเขาไฟคุกรุ่นอยู่มากที่สุดในประเทศ
ในพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพเนามาฟยาลล์ (Namafjall) คุณจะได้เห็นบ่อโคลนเดือด ฟูมาโรลที่เป็นช่องระบายไอน้ำร้อน และผลึกกำมะถันสีน้ำเงิน เขียว เหลือง และขาว
ดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแถวมิวาทน์อีกแห่ง หินนี้บางครั้งเรียกว่าเป็น "ป้อมปราการสีดำ" เนื่องจากมีลักษณะคล้ายกับปราสาทในยุคกลาง ตำนานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์กล่าวว่า หินและถ้ำลาวาในบริเวณนี้เป็นที่อยู่ของโทรลล์ โดยเฉพาะ "กรีลา" ที่เป็นแม่ของซานต้าทั้ง 13 ของไอซ์แลนด์
หากคุณอยากเที่ยวแถวชายฝั่งมากกว่า คุณสามารถไปที่น้ำตกเดตติฟอสส์ก่อน จากนั้นค่อยขึ้นเหนือเพื่อไปเมืองฮูสาวิค (Husavik) หมู่บ้านริมทะเลที่นี่ถือว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป"
ถ้าคุณต้องการออกทะเลไปชมน่านน้ำในทางเหนือและต้องการดูวาฬ คุณสามารถเลือกไปกับทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากฮูสาวิคได้ โดยทัวร์มีให้เลือกสองแบบ
ทัวร์แบบดั้งเดิมจะพานั่งเรือขนาดมาตรฐานออกไปตามล่าหาปลาวาฬ ส่วนถ้าคุณเลือกทัวร์ล่องเรือแบบ RIB คุณจะได้นั่งเรือเล็ก ซึ่งหมายถึงคุณจะได้เข้าไปใกล้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแห่งท้องทะเลชนิดนี้มากขึ้นโดยที่ไม่รบกวนพวกมัน
ฮูสาวิคยังมีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพให้เห็นมากมาย หนึ่งในนั้นคืออ่างน้ำธรรมชาติจีโอซี ซึ่งแตกต่างไปจากสระน้ำร้อนส่วนใหญ่ในไอซ์แลนด์อย่างสิ้นเชิง โดยน้ำในสระน้ำที่จีโอซีจะเป็นน้ำทะเลอุ่นๆ
ในขณะที่คุณเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางแห่งสุดท้ายสำหรับวันนี้ คุณจะได้เห็นน้ำตกอีกหนึ่งแห่ง น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) เป็นน้ำตกที่มีประวัติน่าสนใจ เพราะเมื่อราวปีค.ศ. 1000 หัวหน้าเผ่าไวกิ้งได้โยนรูปเคารพตามความเชื่อของพวกเขาทิ้งลงน้ำตกที่นี่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการที่ไอซ์แลนด์รับเอาศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติ
เมื่อสิ้นสุดวันคุณจะเดินทางไปยังที่พักของคุณในเมืองอาคูเรย์ริ ซึ่งเปรียบเสมือนเมืองหลวงของภาคเหนือ ที่พักของคุณจะอยู่ในบริเวณนี้ในไอซ์แลนด์เหนือ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 7 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- More
วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในทริปนี้ หากคุณต้องการใช้เวลาในเมืองหลวงอีกหนึ่งวัน ให้คุณตรงไปที่เรคยาวิกได้เลยเพื่อที่จะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น
แต่ถ้าคุณยังต้องการดื่มด่ำกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ระหว่างทาง คุณก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้เลือกแวะได้อีกหลายแห่ง
ห่างจากเมืองอาคูเรย์ริไปอีกประมาณ 48 ไมล์ (78 กม.) ในทางตะวันตกเฉียงเหนือเป็นที่ตั้งของเมืองซิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) ซึ่งเป็นเมืองทางเหนือสุดบนแผ่นดินของไอซ์แลนด์
เมืองนี้มีภูเขาล้อมรอบและมีบรรยากาศแบบชนบท เหมาะสำหรับแวะพักยืดแข้งยืดขา และลงไปถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชุมชนที่อยู่ในฟยอร์ด
ซิกลูฟยอร์ดูร์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ยุคแฮร์ริ่ง ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่นี่ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศเกี่ยวกับการประมงและการแปรรูปปลาแฮร์ริ่ง
ในขณะที่ถัดไปประมาณ 124 ไมล์ (200 กม.) ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของซิกลูฟยอร์ดูร์จะมีหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) เสาหินลึกลับรูปทรงแปลกประหลาดที่โผล่ขึ้นจากทะเลตามธรรมชาติ
ในระหว่างที่คุณมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองเรคยาวิก สถานที่ท่องเที่ยวสองแห่งนี้ก็น่าแวะเป็นอย่างมาก ประมาณ 81 ไมล์ (130 กม.) ในทางเหนือของเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ มีน้ำตกที่น่าสนใจอยู่ 2 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน คือน้ำตกเฮิร์นฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss)
ชื่อของเฮรินฟอซซ่าร์นั้นแปลว่า "น้ำตกลาวา" และน้ำตกแห่งนี้ก็มีบรรยากาศที่สวยงามโดดเด่นคล้ายกับฉากในภาพยนตร์แฟนตาซี สิ่งที่น่าสนใจคือน้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์ไหลผ่านทุ่งลาวาที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งลางโจกุล ทุ่งลาวายังขึ้นชื่อว่ามีถ้ำที่ซ่อนอยู่ด้วย
หลังจากเพลิดเพลินกับความงามของน้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์แล้ว คุณสามารถเดินไปยังน้ำตกบาร์นาฟอสส์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร บาร์นาฟอสส์เป็นน้ำตกไหลเชี่ยวที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และนิทานพื้นบ้าน ต่างจากน้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์ที่ไหลออกมาจากทุ่งลาวา บาร์นาฟอสส์หรือ "น้ำตกสำหรับเด็ก" ไหลผ่านหุบเขาหินทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวที่ทรงพลัง
หลังจากเดินทางมาทั้งวัน คุณจะเข้าพักในที่พักที่อยู่ในเมืองเรคยาวิก ซึ่งคืนนี้คุณอาจจะอยากจะออกไปสัมผัสบรรยากาศของแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนในเมืองกันก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ด้วยก็ได้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 8 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
วันนี้เป็นวันสุดท้ายในไอซ์แลนด์แล้ว ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน
บลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ
มีสิ่งอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้อีกมากมายในเมืองเรคยาวิก คุณสามารถช้อปปิ้งในนาทีสุดท้ายได้ คุณยังสามารถเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม เช่น ศูนย์แสดงคอนเสิร์ตและศูนย์การประชุมฮาร์ปา พิพิธภัณฑ์และหอชมวิวเพอร์ลาน และโบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยา
แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
แพ็คเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเริ่มต้นออกเดินทางได้ทั้งจากตัวเมืองเรคยาวิกและสนามบินเคฟลาวิก ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่และมีประสบการณ์ในการขับรถอย่างน้อย 1 ปี และรายละเอียดโปรแกรมท่องเที่ยวอาจมีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับวันและเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน และอาหารเช้านั้นอาจไม่รวมอยู่ในโฮสเทลและเกสต์เฮาส์บางแห่งที่เลือก
สำหรับกิจกรรมเสริมบางอย่างนั้นคุณอาจจำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่หรืออาจต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนโปรแกรมของคุณ นอกจากนี้คุณอาจต้องใช้เอกสารทางการแพทย์ด้วยในกรณีที่คุณเลือกทำกิจกรรมอย่างการดำน้ำหรือการดำน้ำตื้น ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมดำน้ำตื้นต้องไม่กลัวที่จะลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้
และถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น โปรดเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาด้วย
วิดีโอ
รีวิวที่ตรวจสอบแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด