ทัวร์ขับรถเที่ยวเองฤดูร้อน 9 วันบนถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์พร้อมไฮไลท์ชายฝั่งทางใต้

มีแนวโน้มที่จะขายหมดในเร็วๆ นี้
มีแนวโน้มที่จะขายหมดในเร็วๆ นี้
ไม่คิดค่ายกเลิก
บริการ 24 ชั่วโมง
แผนการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ
ปรับแต่งได้ตามต้องการ

คำอธิบาย

สรุป

เริ่มจาก
Keflavík International Airport (KEF), Reykjanesbær, Iceland
สิ้นสุดใน
Keflavík International Airport (KEF), Reykjanesbær, Iceland
ระยะเวลา
9 วัน และ 8 คืน
ระดับความยาก
ง่าย
มีบริการ
เม.ย. - ต.ค.
ที่พัก
รวม 8 คืน
รถเช่า
รวม 9 วัน

คำอธิบาย

เที่ยวชมสถานที่ยอดนิยมของไอซ์แลนด์และอีกมากมาย ด้วยทริปขับรถเที่ยวเอง 9 วัน ทริปนี้เน้นชายฝั่งทางใต้ ซึ่งมีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมายจนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของไอซ์แลนด์ และในทริปนี้คุณจะสามารถเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินใต้แสงสว่างของพระอาทิตย์เที่ยงคืน

แผนการเดินทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาในการเที่ยวอย่างเต็มที่ และต้องการอิสระในการเดินทาง

ทัวร์ของคุณจะเริ่มต้นทันทีที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ โดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับการเดินทางจากสนามบินด้วย เพราะว่าคุณจะรับรถจากที่สนามบินและเริ่มต้นทริป 9 วันของคุณในไอซ์แลนด์ได้ทันที

ระหว่างที่เดินทางรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา คุณจะได้เห็นภูมิประเทศและสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของไอซ์แลนด์ โดยคุณจะเริ่มต้นเดินทางออกจากเมืองหลวงเรคยาวิก (Reykjavik) และมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes)

จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปยังอาคูเรย์ริ (Akureyri) เมืองหลวงของทางเหนือ ก่อนที่จะไปสำรวจพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพที่ยังคุกรุ่นในเขตมิวาทน์ (Myvatn)

ในขณะที่คุณขับไปทางทิศตะวันออก คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ของพื้นที่ห่างไกลของไอซ์แลนด์ที่ไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปสัมผัสด้วย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ยังมีความเป็นชนบทมากๆ คุณจะได้เห็นความงดงามที่แปลกประหลาดไม่เหมือนที่ไหนและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ จากนั้นคุณจะได้ไปเยือนชายฝั่งทางใต้ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ เริ่มจากทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) ก่อนเดินทางไปชมหาดที่น่าหลงใหลอย่างทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) และเดินทางผ่านภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปมาตลอดแนวชายฝั่ง

คุณจะได้เห็นน้ำตกที่น่าประทับใจที่สุดในโลกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ก่อนที่จะเดินทางไปยังวงกลมทองคำอันโด่งดังของไอซ์แลนด์ และหลังจากเที่ยวครบทั้งหมดนี้แล้ว คุณจะขับรถกลับเข้าไปในเมืองเรคยาวิกเพื่อใช้เวลาในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาในทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก

เพื่อเพิ่มความสนุกตื่นเต้น สร้างความประหลาดใจ และปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยในทริปการเดินทางครั้งนี้ คุณสามารถเพิ่มกิจกรรมและทัวร์เสริมเข้าไปในแพ็คเกจนี้ได้ระหว่างที่ทำการจอง คุณอาจจะเลือกเพิ่มกิจกรรม อาทิ ทัวร์ปีนธารน้ำแข็ง ทัวร์ที่ลงไปชมด้านในภูเขาไฟ ทัวร์ดูวาฬในทางเหนือ ไปแช่น้ำในสปาธรรมชาติที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง และอีกมากมาย

ข้อดีของแพ็คเกจนี้คือที่พักและแผนการเที่ยวของคุณถูกจัดเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าหมดแล้ว คุณจึงไม่ต้องมานั่งกังวลกับรายละเอียดปลีกย่อย และสามารถดื่มด่ำกับประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปครั้งหนึ่งในชีวิตครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่

ทัวร์ขับรถเที่ยวเอง 9 วันนี้ เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการเที่ยวไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อน คุณจะมีเวลาเที่ยวได้อย่างที่ใจต้องการ และได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์บนดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งท่ามกลางแสงสว่างที่เกือบจะเป็นนิรันดร์ตลอดช่วงฤดูร้อน

อย่าพลาดโอกาสในการสร้างความทรงจำที่จะเบ่งบานในใจคุณไปอีกนานเท่านานกับทริปในฝันที่ไอซ์แลนด์ คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยระบุวันที่ที่ต้องการเดินทาง

 

อ่านเพิ่ม

รวมในแพ็คเกจ

ที่พัก 8 คืน
อาหารเช้าแบบคอนติเนนตัลทุกวัน
รถเช่า 9 วัน ใช้รถใหม่
ประกันรถเช่า CDW
ประกันภัยรถยนต์ป้องกันกรวด
ไม่จำกัดระยะทาง
Wi-Fi ในรถยนต์ไม่จำกัด
กำหนดการเดินทางโดยละเอียดและแผนท่องเที่ยว
ตัวแทนท่องเที่ยวส่วนบุคคล
สายด่วนช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีทั้งหมด

จุดหมายปลายทาง

บ้านเรือนในเรคยาวิกเมื่อมองจากโบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยาเรคยาวิก / 2 คืน
คาบสมุทรสไนแฟลซเนสมีธรณีวิทยาชายฝั่งที่งดงามสไนแฟลซเนส / 1 คืน
ไอซ์แลนด์เหนือเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่งมากมาย เช่น แนวหินฮวิตแซร์คูร์ไอซ์แลนด์เหนือ / 1 คืน
ไอซ์แลนด์ตะวันออกเป็นภูมิภาคที่งดงามฟยอร์ดตะวันออก / 1 คืน
The Vatnajokull glacier in Southeast Iceland.ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ / 1 คืน
คาบสมุทรดิร์โฮลาเอย์จากตะวันออกไปตะวันตกชายฝั่งทางใต้ / 1 คืน
An abandoned house on the Reykjanes Peninsula presents a striking contrast against a lush green landscape.ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้ / 1 คืน

แผนที่

สถานที่ท่องเที่ยว

คู่มือท่องเที่ยว หาดอิทรี ทุงกาคู่มือท่องเที่ยว หาดอิทรี ทุงกา
โบสถ์บูดาคิร์กยาอาบแสงเหนือคู่มือท่องเที่ยว บูดิร์
Snæfellsjökull glacier above the black church at Búðir village.สไนแฟลส์โจกุล
Lóndrangar under the midnight sun.โลนตรังการ์
Djúpalónssandur Black Lava Pearl Beach is a beautiful place on the Snæfellsnes peninsula.ดยูฟาโลนซานตูร์
ภูเขา Kirkjufell บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเป็นหนึ่งในภูเขาที่โดดเด่นที่สุดในไอซ์แลนด์คู่มือท่องเที่ยว คิร์กจูเฟลล์
Borgarvirki (Citadel) is both natural and man-made.บอร์กาวิร์คิ
Hvítserkur, aka; “The Troll of North-West Iceland”, is a 15-metre (49ft) high basalt rock stack protruding from Húnaflói Bay.ฮวิทแซร์คูร์
ดอกไม้ที่สวยงามสามารถพบได้ในป่า Kjarnaskogur ในประเทศไอซ์แลนด์คู่มือท่องเที่ยว คยาร์นาสโคกูร์
โกดาฟอสส์เป็นน้ำตกที่สวยงามและมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางศาสนาของไอซ์แลนด์น้ำตกโกดาฟอสส์
ทะเลสาบมิวาทน์ล้อมรอบด้วยความงามของธรรมชาติอันน่าทึ่งมิวาทน์
น้ำตกเดตติฟอสส์ในไอซ์แลนด์เดตติฟอสส์
Lagarfljot, in east Iceland, has a terrible monster in its depths, according to legend.ลาการ์เฟลียวท์
Hallormstadaskogar surrounds lake Lagarfjlot.ฮาลลอร์มสตาดาร์สโคกูร์
เวสตราฮอร์นเป็นภูเขาที่งดงาม โดยเฉพาะภายใต้แสงเหนือคู่มือท่องเที่ยว เวสตราฮอร์น
โจกุลซาร์ลอนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดของไอซ์แลนด์ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
ก้อนน้ำแข็งเหมือนเพชรที่หาดไดมอนด์คู่มือท่องเที่ยว ไดมอนด์บีช
เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์อยู่ในเออไรฟาสไวต์ ภูมิภาคตะวันตกของเอิสตูร์-สกัฟตาเฟลล์สซิสลาในประเทศไอซ์แลนด์สกัฟตาเฟลล์
สวาร์ติฟอสส์ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ในฤดูร้อนคู่มือท่องเที่ยว สวาร์ติฟอสส์
ชายหาด Reynisfjara และหน้าผา Reynisdrangar ในฤดูหนาวหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
ภาพถ่ายมุมสูงของเรย์นิสดรังการ์และภูเขาเรย์นิสฟยอลล์ คู่มือท่องเที่ยว เรย์นิสดรังการ์
คาบสมุทรดีร์โฮลาเอย์เป็นทางเดินยาว 120 เมตรที่โด่งดังจากทิวทัศน์ตระการตาของชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ รวมถึงประภาคารเก่าแก่และนกนานาชนิดคู่มือท่องเที่ยว ดิร์โฮลาเอย์
โซลเฮมาโจกุลเป็นธารน้ำแข็งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการไฮกิ้งสำหรับผู้ที่อยู่ในเมืองเรคยาวิกโซลเฮมาโจกุล
น้ำตกสโคกาฟอสส์อันยิ่งใหญ่สโคกาฟอสส์
น้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์บนชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์อาบแสงพระอาทิตย์เที่ยงคืนเซลยาแลนด์สฟอสส์
Kerid is a stunning volcanic crater in Icelandเคริด
ภาพถ่ายของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ในวันที่มีเมฆมากกุลล์ฟอสส์
ไกเซอร์เป็นน้ำพุร้อนที่สงบแล้วในพื้นที่ความร้อนใต้พิภพอย่างหุบเขาเฮยคาดาลูร์ ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ไกเซอร์
อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์เป็นสถานที่มรดกโลกเพียงแห่งเดียวของไอซ์แลนด์และเป็นหนึ่งในจุดแวะพักหลักตามเส้นทางวงกลมทองคำที่มีชื่อเสียงระดับโลกธิงเวลลิร์
Kleifarvatn is the third largest lake in Iceland.เคลย์ฟาร์วาท์น
ครีซูวิกครีซูวิก
Gunnuhver is one of the geothermal areas on the Reykjanes Peninsula.กุนนุแควร์

กิจกรรม

ปีนธารน้ำแข็ง
ดำน้ำตื้น
เที่ยวถ้ำ
ไฮกิ้ง (เดินป่า)
ขี่สโนว์โมบิล
ชมวาฬ
เที่ยวชมสถานที่
ล่องเรือ
แช่น้ำร้อน
กิจกรรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม
นั่งเฮลิคอปเตอร์
เที่ยวถ้ำน้ำแข็ง
ขับรถเที่ยวเอง

รายละเอียดการเดินทาง

Travel dates

ผู้เดินทาง

รถ

รถ

รถขนาดเล็ก

รถขนาดเล็ก

Category
รถขนาดเล็ก
Transmission
People
Large bags
รถขนาดกลาง

รถขนาดกลาง

Category
กลาง
Transmission
People
Large bags
รถพรีเมี่ยม

รถพรีเมี่ยม

Category
รถพรีเมียม
Transmission
People
Large bags
large car

large car

Category
ขนาดใหญ่
Transmission
People
Large bags
SUV

SUV

Category
JEEPSUV
Transmission
People
Large bags

ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ

วันที่ 1

วันที่ 1 - เรคยาวิก

  • เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
  • More

ทริปเที่ยวครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณลงเครื่องบินที่ไอซ์แลนด์ ผ่านด่านศุลกากรเข้ามาแล้ว และเดินผ่านประตูอัตโนมัติที่เป็นทางออกของโถงผู้โดยสารขาเข้า คุณจะไปรับรถที่สนามบินและเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังใจกลางเรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ระหว่างทางไปเมืองหลวงคุณสามารถเลือกแวะเที่ยวที่บลูลากูนก่อนได้

สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่

เมื่อคุณไปถึงเรคยาวิกและเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว คุณอาจจะไปเดินเล่นชมสถานที่ต่างๆ ในเมือง แวะชิมอาหารในร้านอาหาร สำรวจบาร์และร้านกาแฟ เพื่อทำความรู้จักกับเมืองหลวงทางเหนือสุดของโลกแห่งนี้

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 2

วันที่ 2 - สไนแฟลซเนส

  • สไนแฟลซเนส
  • More
  • หาดอีทรี ทุงกา
  • หมู่บ้านบูดิร์
  • สไนล์เฟลล์โจกุลล์
  • หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
  • หาดกรวดดำที่ดยูปาลอนส์ซานดูร์
  • ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
  • More

วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ที่เต็มไปด้วยความน่าพิศวง พื้นที่ส่วนนี้ได้ชื่อว่าเป็น "มินิไอซ์แลนด์" เนื่องจากรวมเอาภูมิประเทศที่หลากหลายของไอซ์แลนด์มาไว้บนผืนแผ่นดินที่มีขนาดเล็กมาก

ในวันนี้มีสถานที่หลายแห่งให้คุณไปเยี่ยมเยือนและคุณมีเวลาอย่างเหลือเฟือด้วย คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟสไนล์เฟลล์โจกุล ภูเขาไฟที่มีธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่ด้านบนที่ตำนานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์บอกว่าเป็นสถานที่แห่งความลึกลับ และที่นี่ยังถูกใช้เป็นฉากในตอนต้นเรื่องของนวนิยายของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) เรื่อง Journey to the Centre of the Earth ด้วย

สำหรับกิจกรรมเสริมในขณะที่เที่ยวชมคาบสมุทรนั้น คุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ถ้ำลาวาที่มีอายุ 8,000 ปี อุโมงค์ใต้ดินที่ก่อตัวขึ้นหลังจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายพันปีก่อนนี้มีชื่อว่าวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) โดยคุณจะได้เดินทางเข้าไปในโลกใต้ดินตามเส้นทางไหลของลาวาเมื่อครั้งที่เกิดการลุกไหม้

นอกจากนี้คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสยังเป็นที่ตั้งของภูเขาเคิร์กจูแฟลล์ (Kirkjufell) ที่ถ่ายรูปสวยอย่างไม่น่าเชื่อด้วย ภูเขาขนาดใหญ่รูปทรงกรวยนี้สูง 1,519 ฟุต (463 ม.) และตั้งตระหง่านอยู่ข้างเคียงกับน้ำตกและทะเลสาบ ทำให้แถวนี้มีลักษณะเหมือนดินแดนในเทพนิยาย หากคุณรู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเห็นภูเขานี้มาก่อน นั่นอาจเป็นเพราะว่าเคิร์กจูแฟลล์เคยใช้เป็นฉากของ "ภูเขาที่เหมือนหัวลูกศร" ในซีรีส์ HBO เรื่อง Game of Thrones

สไนล์แฟลซเนสยังเป็นที่ตั้งของหาดอิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) แนวชายฝั่งที่ได้ชื่อว่ามีแมวน้ำอาศัยอยู่เยอะมาก โดยนักท่องเที่ยวมักจะได้เห็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขี้เล่นเหล่านี้ออกมานอนอาบแดดอยู่ริมชายฝั่ง

นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านประมงที่มีเสน่ห์อีกสองแห่งที่ควรค่าแก่การแวะชม หมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) และหมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) เป็นชุมชนที่เงียบสงบ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาและหันหน้าออกทะเล รอบๆ หมู่บ้านเป็นที่ราบกว้างใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงริมทะเลมีความงดงามตระการตาจึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ยังมีหินรูปทรงแปลกตามากมายที่รอให้คุณไปเยี่ยมชมอยู่บริเวณรอบๆ หาดตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) อ่าวโค้งมนแห่งนี้มีผืนทรายที่เป็นสีดำและมีโขดทะเลที่แปลกประหลาด ในปี 1948 เรือลากอวนของอังกฤษชื่อ Epine GY 7 อับปางลงใกล้ๆ ชายฝั่งแถวนี้ และจนกระทั่งทุกวันนี้ซากเรือลำนี้ก็ยังคงกระจัดกระจายหลงเหลือให้เห็นบนหาดทรายดำอยู่

เบรดาฟยอร์ดูร์ (Breidafjordur) เป็นฟยอร์ดที่งดงามและน่าแวะเที่ยวเช่นกัน พื้นที่นี้มีความเก่าแก่มากที่สุดในประเทศ ในช่วงฤดูร้อนบริเวณรอบๆ หน้าผาจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์พื้นเมืองของไอซ์แลนด์ ซึ่งรวมถึงนกพัฟฟินแอตแลนติกด้วย ที่นี่คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์แอดเวนเจอร์ที่จะพาคุณล่องเรือออกไปในทะเลลึกเพื่อหาจับสัตว์ทะเลมาทำเป็นซูชิในแบบฉบับชาวไวกิ้ง ซึ่งสัตว์น้ำที่จับมาได้นั้นจะถูกนำไปปรุงและเสิร์ฟให้กับคุณพร้อมกับวาซาบิและซอสถั่วเหลือง เรียกได้ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่สดที่สุดเท่าที่คุณเคยลิ้มลอง

คืนนี้คุณพักค้างคืนอยู่ในที่พักบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 3

วันที่ 3 - ไอซ์แลนด์เหนือ

  • ไอซ์แลนด์เหนือ
  • More
  • ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
  • กองหินฮวิทแซร์กูร์
  • คยาร์นาสโกกูร์
  • More

วันนี้คุณจะบอกลาสไนล์แฟลซเนสและมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ โดยคุณอาจจะอยากแวะชมน้ำตกสองแห่งเป็นที่แรกของวันนี้ แม้ว่าน้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (BArnafoss) จะอยู่ใกล้กันมาก แต่ทั้งสองแห่งก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง น้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ หรือ "น้ำตกลาวา" ในภาษาไอซ์แลนด์ มองดูคล้ายกับออกมาจากหน้านิยายแฟนตาซี ส่วนน้ำตกบาร์นาฟอสส์ที่แปลว่า "น้ำตกของเด็ก" นั้น มีลักษณะเป็นแก่งที่มีสายน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านหินลาวา

ต่อไปคือฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) หนึ่งในจุดที่มีคนมาถ่ายรูปมากที่สุดอีกแห่งของไอซ์แลนด์ ฮวิทแซร์กูร์เป็นหินรูปร่างน่าสนใจที่โผล่ขึ้นมาในท้องทะเล ตำนานพื้นบ้านเล่าว่าหินนี้เป็นโทรลล์ที่ลุยน้ำออกไปเพื่อจมเรือในมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ดันเผลอลืมเวลาเลยกลายเป็นหินเพราะโดนแสงอาทิตย์ ปัจจุบันโทรลล์กลายเป็นหินนี้ได้กลายเป็นสถานที่โปรดปรานของช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น

อีกสถานที่หนึ่งในทางเหนือที่คุณควรไปชมคือเมืองสิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) ที่สวยแปลกตา เมืองทางเหนือสุดบนแผ่นดินใหญ่ของไอซ์แลนด์แห่งนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาและเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era Museum) ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับปลาสีเงินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของท้องถิ่น ที่นี่ยังเหมาะกับการแวะพักยืดแข้งยืดขาให้หายเมื่อยจากการขับรถไปพร้อมกับการชมทิวทัศน์สวยๆ และบรรยากาศชนบทของไอซ์แลนด์ด้วย

สำหรับกิจกรรมเสริมในวันนี้มีตัวเลือกอยู่สองอย่างตามความพอใจของคุณ หากคุณต้องการผ่อนคลาย คุณอาจจะเลือกไปสปาเบียร์บียอร์บอดิน (Bjorbodin) ที่นี่มีแนวคิดที่เป็นการผสมผสานระหว่างเดย์สปากับประเพณีการหมักเบียร์ที่มียาวนานหลายศตวรรษ โดยคุณจะได้ลงไปแช่ตัวในเบียร์ที่อยู่ในช่วงแรกของการหมัก (Young beer) พร้อมกับจิบเบียร์เย็นๆ ซึ่งว่ากันว่าของเหลวสีเหลืองอำพันนี้มีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไม่น่าเชื่อ และในขณะที่แช่เบียร์อยู่นั้น คุณยังจะได้ดื่มเบียร์จากแท็ปส่วนตัวด้วย

หรือหากคุณชอบการผจญภัยในทะเล คุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ดูวาฬในวันนี้ได้ โดยคุณจะได้ขึ้นเรือออกไปในน่านน้ำทางเหนือเพื่อไปตามดูยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล น้ำในมหาสมุทรในทางเหนือของไอซ์แลนด์นั้นมีปลาอพยพมาอยู่ชุกชุมมาก ทั้งวาฬ โลกมา และสัตว์น้ำอื่นๆ

เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะมุ่งหน้าไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของทางเหนือ และคุณจะพักผ่อนเอาแรงเตรียมความพร้อมสำหรับทริปในวันพรุ่งนี้

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 4

วันที่ 4 - ฟยอร์ดตะวันออก

  • ฟยอร์ดตะวันออก
  • More
  • คยาร์นาสโกกูร์
  • น้ำตกโกดาฟอสส์
  • พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
  • น้ำตกเดตติฟอสส์
  • More

วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ พื้นที่แถบนี้มีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาดและเต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจ ซึ่งคุณไม่สามารถไปเห็นทุกแห่งได้ภายในวันเดียว ดังนั้น คุณต้องตัดสินใจเลือกเฉพาะที่ที่คุณสนใจจริงๆ

เมื่อออกจากอาคูเรย์ริ คุณจะเจอกับน้ำตกที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) หรือ "น้ำตกของพระเจ้า" ในภาษาอังกฤษ เป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเปลี่ยนศาสนามานับถือคริสต์อย่างเป็นทางการของชาวไอซ์แลนด์เมื่อปีค.ศ. 1000

ส่วนน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ก็เป็นน้ำตกอีกแห่งที่สวยงามและว่ากันว่ามีพละกำลังแรงที่สุดในยุโรป เสียงกึกก้องของมันดังไปทั่วเมื่อน้ำไหลตกลงมาเป็นชั้นๆ จากความสูง 40 เมตร น้ำตกแห่งนี้เคยไปปรากฏอยู่ในฉากเปิดตัวของภาพยนตร์ไซไฟยอดนิยมแห่งปี 2012 เรื่องโพรมีธีอุสของผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์

จากบริเวณนี้คุณสามารถขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมหมู่บ้านริมทะเลที่ชื่อว่าฮูสาวิค (Husavik) ได้ เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ เพราะมีวาฬหลากสายพันธุ์จำนวนมากแวะเวียนมาให้เห็นที่นอกชายฝั่ง บริษัททัวร์ที่จัดโปรแกรมดูวาฬจึงมักจะโฆษณาว่าพวกเขาจะพาคุณไปเห็นวาฬ 100%

หากคุณต้องการไปเข้าร่วมกับทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากฮูสาวิค คุณมีตัวเลือกทัวร์สองรูปแบบด้วยกัน คือไปกับทัวร์ที่พาดูวาฬด้วยเรือแบบดั้งเดิม ซึ่งจะใช้เรือทั่วไปเหมือนกับที่อาคูเรย์ริ ส่วนอีกแบบคือทัวร์ดูวาฬด้วยเรือยาง RIB ซึ่งอย่างหลังนี้คุณจะสามารถเข้าไปใกล้กับวาฬได้มากกว่า

ฮูสาวิคยังเป็นที่ตั้งของอ่างน้ำร้อนจีโอซี (GeoSea) ด้วย สปาธรรมชาติแห่งนี้ต่างจากสระน้ำร้อนพลังงานความร้อนใต้พิภพทั่วไปในไอซ์แลนด์ตรงที่น้ำที่จีโอซีเป็นน้ำร้อนที่มาจากทะเล ถ้าเลือกไปใช้บริการที่นี่คุณจะได้แช่ตัวในน้ำทะเลอุ่นๆ ไปพร้อมกับชมวิวธรรมชาติที่งดงามโดยรอบ

แต่ถ้าหากคุณเลือกไม่ไปฮูสาวิค คุณจะขับรถตรงไปยังแถวทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) เลย พื้นที่บริเวณนี้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมความร้อนใต้พิภพ และคำว่า "มิวาทน์" หมายถึง "แมลงวัน" เนื่องจากแถวนี้จะมีแมลงวันตัวจิ๋วให้เห็นทั่วไป สถานที่น่าสนใจในแถบนี้ ได้แก่ คราฟลา (Krafla) ดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) และหุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi)

คราฟลาเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของแนวภูเขาไฟที่คุกรุ่นซึ่งกินบริเวณกว้างในทางเหนือของทะเลสาบมิวาทน์ ใกล้ๆ กันกับคราฟลาเป็นพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพเนามาฟยาลล์ (Namafjall) ซึ่งคุณจะได้เห็นบ่อโคลนเดือดปุดๆ และควันจากพุก๊าซฟูมาโรลที่พวยพุ่งปกคลุมไปทั่วบริเวณ และพื้นที่แถวนี้ยังเต็มไปด้วยผลึกกำมะถันสีเขียว ฟ้า เหลือง และขาว

นอกจากนี้ยังมีการก่อตัวของหินที่น่าสนใจที่ดิมมูบอร์กิร์ด้วย ที่นี่มักถูกเรียกว่า "ป้อมปราการดำ" เพราะว่าดูเหมือนปราสาทในยุคกลาง และตามตำนานพื้นบ้านของชาวไอซ์แลนด์เชื่อว่าที่นี่เป็นบ้านของนางกรีลา มารดาของซานต้าทั้ง 13 ของไอซ์แลนด์

หากคุณอยากแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายแต่ไม่ได้เลือกไปที่ฮูสาวิค คุณก็สามารถไปแช่น้ำที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ได้ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราจนได้ชื่อว่าเป็นบลูลากูนแห่งทางเหนือเลยด้วยซ้ำไป

เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะเดินทางไปยังที่พักในเมืองเอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir)

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 5

วันที่ 5 - ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้

  • ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
  • More
  • ทะเลสาบลาการ์ฟโยท
  • ป่าฮาลลอร์มสตาดาสโกกูร์
  • เวสตราฮอร์น
  • More

วันนี้คุณจะได้สัมผัสกับพื้นที่ฟยอร์ดทางตะวันออกอันห่างไกลของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็น "เส้นทางที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว" แต่มีวิวทะเลอันงดงาม มีหน้าผาตระหง่านสูง มีสัตว์นานาชนิด และมีหมู่บ้านที่สวยจับใจ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาเยือนมากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ในไอซ์แลนด์ ดังนั้นการได้มาเห็นอะไรแบบนี้จะเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก

เริ่มต้นจากที่พักของคุณในเอกิลสตาดีร์ เมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกและเช้านี้คุณจะเที่ยวในเมืองนี้ก่อน จากนั้นค่อยเดินทางต่อไปทางตะวันตกเพื่อชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจอีกสองสามแห่ง

หากคุณยังไม่เต็มอิ่มกับแช่น้ำอุ่นจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่มากมายทั่วไอซ์แลนด์ คุณสามารถไปที่อ่างน้ำธรรมชาติเวิก (Vok) ที่อยู่ห่างจากที่นี่ออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 5 กม. ได้อีกในวันนี้

ส่วนในทางตะวันตกของเกอิลสตาดีร์นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ 3 แห่ง ทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljot) มีบรรยากาศสวยงามและว่ากันว่ามีหนอนลาการ์ฟโลย์ท หรือล็อกเนสเวอร์ชั่นไอซ์แลนด์อาศัยอยู่ในน้ำ ถัดไปอีกไม่ไกลเป็นน้ำตกเฮนกิฟอสส์ (Hengifoss) ที่สวยงามไหลลดหลั่นผ่านหน้าผาหินบะซอลต์ที่มีสีสันหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีป่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormsstaðaskógur) ผืนป่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ด้วย

ในทางทิศตะวันออกของเอกิลสตาดีร์มีเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับการแวะรับประทานอาหารกลางวัน เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) ตั้งอยู่ที่บริเวณปากอ่าวและล้อมรอบด้วยภูเขาและน้ำตก ชาวประมงจากนอร์เวย์ได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นมา และถ่ายทอดวัฒนธรรมชองพวกเขาผ่านอาคารและสถาปัตยกรรมที่มีสีสันสดใส

เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์ และมีศิลปินอาศัยอยู่มากมาย ในช่วงหน้าร้อนจะมีการจัดงานเทศกาลศิลปะสำหรับเยาวชนที่เรียกว่า LungA ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยชื่องานนี้มาจากการผสมคำในภาษาไอซ์แลนด์สองคำ คือ คำว่า ศิลปะ (lista) และคำว่าคนหนุ่มสาว (unga)

ที่เอกิลสตาดีร์ คุณสามารถนั่งรับประทานอาหารในคาเฟ่หรือจะไปเดินเล่นรอบท่าเรือเก่าก็ได้ และไฮไลต์ในเมืองนี้อีกแห่งหนึ่งก็คือถนนสายรุ้งที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นทางไปสู่โบสถ์สีฟ้าอย่างถาวร ซึ่งเหมาะกับการไปถ่ายรูปมาก

มุ่งหน้าลงไปทางใต้อีกหน่อย คุณจะได้พบกับเมืองชนบทที่สงบเงียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการประมง แต่ปัจจุบันเป็นเมืองที่สงบสุขในทางตะวันออก ฟาสกรูดสฟยอร์ดูร์ (Faskrudsfjordur) เป็นเมืองชายฝั่งที่ชาวประมงจากฝรั่งเศสเข้ามาตั้งรกราก แต่สมัยสงครามโลกพวกเขาถูกเรียกตัวกลับไปรับใช้ประเทศของตน จึงต้องละทิ้งฟาสกรูดสฟยอร์ดูร์ไป แต่ก็ได้ทิ้งมรดกเอาไว้ให้ได้เห็นจนทุกวันนี้ อย่างเช่น โรงพยาบาลของชาวฝรั่งเศสที่ปัจจุบันได้รับการบูรณะและใช้เป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งป้ายบนถนนในเมืองนี้ก็มีทั้งภาษาไอซ์แลนด์และภาษาฝรั่งเศส

จูปิโวกูร์ (Djupivogur) เป็นเมืองประมงในทางตะวันออกที่ตั้งอยู่เชิงเขาทรงปิรามิดที่มักหยอกล้อกับแสง ทำให้เกิดเงาสะท้อนไปทั่วบริเวณ ภูเขานี้มีชื่อว่าบูลานด์สทินดูร์ (Bulandstindur) และถ้าหากคุณมาเยือนจูปิโวกูร์ในช่วงครีษมายัน ว่ากันว่าคุณสามารถขอพรกับภูเขาลูกนี้ได้ด้วย

ในขณะที่คุณเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ คุณจะเจอกับภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) ที่สูง 1490 ฟุต (454 ม.) ภูเขานี้หันหน้าเข้าหาทะเล และเมื่อพระอาทิตย์สาดแสงอยู่เหนือยอดเขาทั้งสองยอด จะเกิดเป็นร่มเงาแผ่ออกปกคลุมภูมิทัศน์โดยรอบ

เมื่อสิ้นสุดวันคุณจะไปหยุดพักใกล้ๆ กับทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) และจะออกไปเที่ยวทะเลสาบกันในวันพรุ่งนี้

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 6

วันที่ 6 - ชายฝั่งทางใต้

  • ชายฝั่งทางใต้
  • More
  • ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
  • ไดมอนด์ บีช
  • เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
  • สวาร์ติฟอสส์
  • More

วันนี้คุณจะเริ่มต้นการสำรวจชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีแลนด์มาร์คสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไอซ์แลนด์ เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมการได้ใช้เวลาสองวันในที่แห่งนี้จึงเป็นโบนัสสำหรับการเดินทางในครั้งนี้

เริ่มต้นจากการไปชมทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำในทะเลสาบธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นน้ำที่ละลายจากเบีรยดาแมร์คุร์โจกุล (Breidamerkurjokull) หนึ่งในผืนน้ำแข็งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull) โจกุลซาลอนเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของไอซ์แลนด์ด้วย โดยมีความลึกถึง 820 ฟุต (250 ม.) และสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาที่นี่คือภูเขาน้ำแข็งที่ลอยตัวอยู่เหนือผืนน้ำที่เย็นจัดนี้

หากคุณต้องการประสบการณ์ตื่นเต้น คุณสามารถเลือกไปร่วมกับทัวร์ล่องเรือในทะเลสาบได้ โดยมีทัวร์ให้เลือกสองแบบ คือทัวร์ล่องเรือสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งนั่งจากบนบกและค่อยๆ ขับลงไปในน้ำให้คุณได้ชื่นชมอนุสาวรีย์น้ำแข็งอย่างใกล้ชิดมากขึ้น จนดูเหมือนว่าน้ำแข็งมหึมาที่ลอยละล่องอยู่นั้นดูเหมือนจะเปล่งแสงสีฟ้าและสีขาวออกมาได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือทัวร์เรือท้องแบนโซดิแอก ซึ่งเรือเล็กนี้จะทำให้คุณเข้าไปใกล้ก้อนน้ำแข็งขนาดมโหฬารในทะเลสาบได้มากขึ้นอีก รวมถึงฝูงแมวน้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นด้วย

ข้างๆ ทะเลสาบเป็นหาดไดมอนด์ที่โด่งดัง ที่ได้ชื่อว่าหาดไดมอนด์ก็เป็นเพราะว่าหาดทรายสีดำขนาดย่อมที่นี่เป็นที่พักพิงสุดท้ายของเศษของภูเขาน้ำแข็งนับพันๆ ก้อน และเมื่อพวกมันถูกคลื่นในมหาสมุทรพัดมาเกยตื้นบนผืนทรายดำพวกมันจะเปล่งประกายจนดูเหมือนเป็นอัญมณี

จากนั้นคุณจะเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ซึ่งมีภูมิประเทศขรุขระ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล และขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์งดงามน่าประทับใจและมีพืชพรรณพื้นเมืองที่น่าสนใจ

หากคุณเป็นนักเดินป่าตัวยง คุณควรออกเดินทางให้เร็วขึ้นในวันนี้ เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาเหลือไปเดินป่าที่ทางไปน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ที่ล้อมรอบไปด้วยหินบะซอลต์หกเหลี่ยม เส้นทางเดินป่าที่พาไปน้ำตกแห่งนี้เดินได้ไม่ยากและให้คุณมีเวลาเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่ไม่มีใครมาแตะต้องเป็นเวลาหลายชั่วโมง

หากคุณอยากเพิ่มกิจกรรมแอดเวนเจอร์ในวันนี้ คุณอาจจะเลือกเพิ่มทัวร์ปีนธารน้ำแข็งรอบบ่าย สำหรับผู้ที่เลือกกิจกรรมนี้ คุณจะต้องไปพบกับไกด์ที่เบสแคมป์ซึ่งอยู่ในสกัฟตาเฟลล์ ไกด์นำทางบนธารน้ำแข็งจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยให้คุณทราบ พร้อมกับแจกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่จำเป็นต้องใช้ จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าเดินทางขึ้นไปบนธารน้ำแข็ง ซึ่งวิวโดยรอบนั้นงดงามไม่เหมือนที่ไหนที่คุณเคยเห็นมาก่อน และความรู้สึกเมื่อได้ขึ้นไปยืนอยู่บนธารนำ้แข็งนั้น จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณนั้นอยู่ในทีมสำรวจอาร์กติกเลย รับรองว่าคุณจะประทับใจไปอีกนาน

หลังจากนั้นคุณจะเดินทางไปยังที่พักในคืนนี้ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านวิก (Vik) ที่สวยแปลกตา และพรุ่งนี้คุณจะได้ออกไปเที่ยวทางใต้กันต่อ

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 7

วันที่ 7 - ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้

  • ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
  • More
  • หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
  • โขดทะเลเรนิสดรังการ์
  • ดิร์โฮลาเอย์
  • ธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล
  • น้ำตกสโกกาฟอสส์
  • น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
  • More

ได้เวลาไปเยี่ยมชมสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดในไอซ์แลนด์กันแล้ว วิกเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพ รอบๆ บริเวณหมู่บ้านมีสถานที่น่าทึ่งมากมาย ทั้งหาดทรายดำ ร้านอาหาร คาเฟ่ และโบสถ์บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวเมืองและวิวทะเลได้ และมีกิจกรรมเสริมให้คุณเลือกทำได้หลายอย่างจากที่หมู่บ้านแห่งนี้

คุณสามารถเลือกไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าสนใจ ถ้ำน้ำแข็งเกิดขึ้นเองตามวัฏจักรที่น้ำแข็งจากธารน้ำแข็งละลายและแข็งตัวใหม่ การเข้าไปชมภายในถ้ำจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะประทับไม่รู้ลืม โดยคุณจะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในปราสาทแก้วคริสตัลที่ผนังส่องประกายระยิบระยับในเฉดสีฟ้าและสีขาว ทั้งนี้ ไม่มีถ้ำน้ำแข็งที่ไหนเหมือนกันเลย และถ้ำที่คุณเข้าไปชมในที่สุดก็จะละลายหายไปเหลือไว้แต่ความทรงจำสุดพิเศษของผู้ที่ได้ไปเยือน

หรือคุณจะเลือกไปชมซากเครื่องบิน DC-3 ก็ได้ ในปี 1973 เครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตกในที่ราบโซลเฮมาซานดูร์ (Solheimasandur) โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ซากเครื่องบินกับถูกทิ้งไว้ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญบนชายฝั่งทางใต้มาจนทุกวันนี้

สถานที่น่าสนใจแห่งต่อมาคือหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับภูเขาไฟ ที่นี่มีคลื่นที่สาดกระทบเข้าหาหาดทรายสีดำด้วยพละกำลังมหาศาล และชายหาดก็แวดล้อมไปด้วยหน้าผาสูงชันที่มีเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมรูปร่างแปลกประหลาดเป็นส่วนประกอบ เมื่อมองดูจะรู้สึกเหมือนมีคนไปแกะสลักเสาเหล่านี้ไว้บนหน้าผา แต่แท้ที่จริงแล้วคือผลงานธรรมชาติสร้าง

ที่นอกชายฝั่งไม่ไกลจากหาดเรย์นิสฟยารามีโขดทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ซึ่งเป็นกลุ่มหินรูปร่างแปลกประหลาดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางคลื่นที่ซัดกระหน่ำอยู่ในมหาสมุทร และหินนี้ก็เช่นเดียวกับหินแห่งอื่นในประเทศไอซ์แลนด์ ที่ตามตำนานเชื่อว่าเป็นโทรลล์ที่กลายเป็นหิน ห่างออกไปหน่อยตามแนวชายฝั่งจะมีหินดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) คาบสมุทรเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหินแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามของท้องทะเลและภูมิทัศน์โดยรอบ และดิร์โฮลาเอย์ยังเป็นจุดที่นกชอบมาทำรังด้วย โดยมีนกหลากหลายสายพันธุ์ให้เห็น รวมทั้งนกพัฟฟิน

จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปและจะผ่านโซลเฮมาโจกุลล์ (Solheimajokull) ผืนน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลล์ (Myrdalsjokull) จากบริเวณนี้คุณสามารถไปเข้าร่วมกับกิจกรรมปีนธารน้ำแข็งที่โซลเฮมาโจกุลล์ได้ตามที่คุณเลือกไว้

จุดหมายต่อไปคือสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) หนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำตกมหึมานี้สูง 197 ฟุต (60 ม.) และมวลน้ำไหลลงมากระทบกับพื้นที่เกือบจะราบ ในวันที่แดดดี นักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายรูปน้ำตกที่มีรุ้งกินน้ำแฝดออกมาปรากฏกายอยู่ท่ามกลางละอองน้ำด้วย

ไม่ไกลจากน้ำตกสโกกาฟอสส์ยังมีน้ำตกที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ดูเหมือนน้ำตกที่อยู่ในนาร์เนีย เนื่องจากสวยงามและเขียวขจี อีกทั้งสายน้ำตกยังไหลลดหลั่นผ่านหน้าถ้ำด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินอ้อมไปดูน้ำตกที่ไหลแรงจากด้านหลังได้ในวันที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย แต่ถ้าหากคุณจะเข้าไปชมคุณต้องเตรียมเสื้อผ้าที่กันน้ำมาให้พร้อมไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเปียกปอน

ที่พักของคุณในคืนนี้อยู่ไม่ไกลจากบริเวณวงกลมทองคำ

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 8

วันที่ 8 - เรคยาวิก

  • เรคยาวิก
  • More
  • ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
  • น้ำตกกุลล์ฟอสส์
  • พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
  • อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
  • More

วันนี้เป็นวันที่คุณจะได้ออกเที่ยวอย่างเป็นทางการวันสุดท้ายแล้ว ดังนั้น เพื่อให้คุ้มค่าคุณจะไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์กัน ซึ่งก็คือเส้นทางท่องเที่ยววงกลมทองคำอันโด่งดัง และบนเส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดอยู่ 3 แห่ง

หากเที่ยวบินกลับบ้านของคุณในวันพรุ่งนี้เป็นไฟล์ทช่วงเช้า ในวันนี้คุณควรรีบออกเดินทางเที่ยวบนวงกลมทองคำแต่เช้า เพื่อที่จะได้กลับเข้าไปในเรคยาวิกในช่วงบ่าย และเหลือเวลาเที่ยวในเมืองหลวงได้อีกนิดหน่อย

จุดแรกที่จะแวะบนวงกลมทองคำคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่แปลว่า "น้ำตกทองคำ" และเมื่อได้เห็นจะเข้าใจทันทีว่าเพราะอะไร น้ำที่น้ำตกแห่งนี้ไหลลดหลั่นลงมาสองชั้นด้วยพลังมหาศาลจากความสูง 105 ฟุต (32 ม.) มีความสวยงามยิ่งใหญ่น่าแวะชมอย่างยิ่ง

จุดถัดมาคือพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ (Geysir) พื้นที่บริเวณนี้ของวงกลมทองคำทำให้เห็นภาพของพลังงานของภูเขาที่มีอยู่ในไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดี ทั่วทั้งบริเวณมีสระน้ำร้อนมากมาย และมีไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจาฟูมาโรลหรือช่องไอน้ำเต็มไปหมด และมีสโทรคูร์ (Strokkur) ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่แอกทีฟมากที่สุด โดยจะพ่นน้ำให้เห็นในทุกๆ 5 นาที และน้ำที่ร้อนจัดจะพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างแรง ซึ่งบางครั้งสูงถึง 66 ฟุต (20 ม.) เลยทีเดียว ทำให้เรียกเสียงฮือฮาจากนักท่องเที่ยวได้ตลอด

จุดแวะที่สามบนเส้นทางวงกลมทองคำคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก เนื่องจากมีความงดงามและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมากสำหรับชาวไอซ์แลนด์ ธิงเวลลีร์เป็นที่ตั้งของรัฐสภาประชาธิปไตยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่แผ่นเปลือกโลกของทวีปยูเรเชียนและอเมริกาเหนือมาบรรจบกันอีกด้วย

คุณสามารถเลือกไปร่วมกับทัวร์ดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลที่จะพาลงไปดำน้ำในพื้นที่ระหว่างแผ่นเปลือกโลก โดยคุณจะสวมชุดดรายสูทและมีไกด์พาลงไปในน้ำบริเวณรอยแยกซิลฟรา (Silfra) ซึ่งเป็นรอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกที่มีน้ำไหลเข้าไปเติมเต็ม และน้ำเหล่านี้เดินทางซึมผ่านหินลาวาที่เป็นตัวกรองธรรมชาติมาเป็นระยะเวลานาน บางครั้งนานนับศตวรรษเลยทีเดียว

ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกที่คุณสามารถเลือกเพิ่มเข้าไปในทริปวันนี้ได้ คุณอาจจะเลือกไปชมธรรมชาติแบบชนบทของไอซ์แลนด์จากบนหลังม้า ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในทัวร์ขี่ม้านี้คุณจะได้รู้จักกับม้าไอซ์แลนด์ที่มีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนม้าพันธุ์อื่นๆ พวกมันเป็นม้ารูปร่างเตี้ยล่ำสันเหมาะสำหรับภูมิประเทศของประเทศนี้และได้ชื่อว่าเป็นม้าที่ใครก็สามารถขี่ได้

หากคุณชอบกิจกรรมตื่นเต้นกระตุ้นอะดรีนาลีน คุณสามารถไปร่วมกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิล ซึ่งคุณจะได้ขี่สโนว์โมบิลโลดแล่นไปบนผืนน้ำแข็งเย็นยะเยือกของธารน้ำแข็งลางโจกุล พร้อมกับชมวิวที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อด้วย

หลังจากที่คุณได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวบนวงกลมทองคำครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับเข้าไปในเรคยาวิก และคืนนี้คุณจะใช้เวลาในช่วงเย็นอยู่ในเมืองหลวงของไอซ์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง

อ่านเพิ่ม

ที่พัก

ประสบการณ์

วันที่ 9

วันที่ 9 - เรคยาวิก

  • เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
  • More
  • เคลฟาร์วาทน์
  • ครีซูวิก
  • กุนนูฮแวร์
  • More

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์แล้ว ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก คุณอาจจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ฟลายโอเวอร์ (FlyOver) หรืออาจจะอยากไปชมพิพิธภัณฑ์ปลาวาฬของไอซ์แลนด์ก่อนกลับก็ได้ แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข

อ่านเพิ่ม

ประสบการณ์

สิ่งที่ควรนำไป

เสื้อผ้าที่อบอุ่น
กล้องถ่ายรูป
ชุดว่ายน้ำ
ใบขับขี่
แว่นกันแดด
Good walking shoes or hiking boots

สิ่งที่ควรรู้

แพ็คเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเริ่มต้นออกเดินทางได้ทั้งจากตัวเมืองเรคยาวิกและสนามบินเคฟลาวิก ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่และมีประสบการณ์ในการขับรถอย่างน้อย 1 ปี และรายละเอียดโปรแกรมท่องเที่ยวอาจมีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับวันและเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน และอาหารเช้านั้นอาจไม่รวมอยู่ในโฮสเทลและเกสต์เฮาส์บางแห่งที่เลือก

สำหรับกิจกรรมเสริมบางอย่างนั้นคุณอาจจำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่หรืออาจต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนโปรแกรมของคุณ นอกจากนี้คุณอาจต้องใช้เอกสารทางการแพทย์ด้วยในกรณีที่คุณเลือกทำกิจกรรมดำน้ำตื้น ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องไม่กลัวการลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้

และถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น โปรดเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาด้วย

อ่านเพิ่ม

วิดีโอ

รีวิวที่ตรวจสอบแล้ว

แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน

Link to appstore phone
ติดตั้งแอปท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์

ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว

สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด