ทัวร์ขับรถเที่ยวเองฤดูร้อน 9 วันบนถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์พร้อมไฮไลท์ชายฝั่งทางใต้
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
เที่ยวชมสถานที่ยอดนิยมของไอซ์แลนด์และอีกมากมาย ด้วยทริปขับรถเที่ยวเอง 9 วัน ทริปนี้เน้นชายฝั่งทางใต้ ซึ่งมีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมายจนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของไอซ์แลนด์ และในทริปนี้คุณจะสามารถเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินใต้แสงสว่างของพระอาทิตย์เที่ยงคืน
แผนการเดินทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาในการเที่ยวอย่างเต็มที่ และต้องการอิสระในการเดินทาง
ทัวร์ของคุณจะเริ่มต้นทันทีที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ โดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับการเดินทางจากสนามบินด้วย เพราะว่าคุณจะรับรถจากที่สนามบินและเริ่มต้นทริป 9 วันของคุณในไอซ์แลนด์ได้ทันที
ระหว่างที่เดินทางรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา คุณจะได้เห็นภูมิประเทศและสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของไอซ์แลนด์ โดยคุณจะเริ่มต้นเดินทางออกจากเมืองหลวงเรคยาวิก (Reykjavik) และมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes)
จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปยังอาคูเรย์ริ (Akureyri) เมืองหลวงของทางเหนือ ก่อนที่จะไปสำรวจพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพที่ยังคุกรุ่นในเขตมิวาทน์ (Myvatn)
ในขณะที่คุณขับไปทางทิศตะวันออก คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ของพื้นที่ห่างไกลของไอซ์แลนด์ที่ไม่ค่อยมีใครได้เข้าไปสัมผัสด้วย ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ยังมีความเป็นชนบทมากๆ คุณจะได้เห็นความงดงามที่แปลกประหลาดไม่เหมือนที่ไหนและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ จากนั้นคุณจะได้ไปเยือนชายฝั่งทางใต้ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ เริ่มจากทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) ก่อนเดินทางไปชมหาดที่น่าหลงใหลอย่างทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) และเดินทางผ่านภูมิประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปมาตลอดแนวชายฝั่ง
คุณจะได้เห็นน้ำตกที่น่าประทับใจที่สุดในโลกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ก่อนที่จะเดินทางไปยังวงกลมทองคำอันโด่งดังของไอซ์แลนด์ และหลังจากเที่ยวครบทั้งหมดนี้แล้ว คุณจะขับรถกลับเข้าไปในเมืองเรคยาวิกเพื่อใช้เวลาในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาในทางเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก
เพื่อเพิ่มความสนุกตื่นเต้น สร้างความประหลาดใจ และปลุกจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยในทริปการเดินทางครั้งนี้ คุณสามารถเพิ่มกิจกรรมและทัวร์เสริมเข้าไปในแพ็คเกจนี้ได้ระหว่างที่ทำการจอง คุณอาจจะเลือกเพิ่มกิจกรรม อาทิ ทัวร์ปีนธารน้ำแข็ง ทัวร์ที่ลงไปชมด้านในภูเขาไฟ ทัวร์ดูวาฬในทางเหนือ ไปแช่น้ำในสปาธรรมชาติที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง และอีกมากมาย
ข้อดีของแพ็คเกจนี้คือที่พักและแผนการเที่ยวของคุณถูกจัดเตรียมไว้ให้ล่วงหน้าหมดแล้ว คุณจึงไม่ต้องมานั่งกังวลกับรายละเอียดปลีกย่อย และสามารถดื่มด่ำกับประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปครั้งหนึ่งในชีวิตครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่
ทัวร์ขับรถเที่ยวเอง 9 วันนี้ เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการเที่ยวไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อน คุณจะมีเวลาเที่ยวได้อย่างที่ใจต้องการ และได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์บนดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งท่ามกลางแสงสว่างที่เกือบจะเป็นนิรันดร์ตลอดช่วงฤดูร้อน
อย่าพลาดโอกาสในการสร้างความทรงจำที่จะเบ่งบานในใจคุณไปอีกนานเท่านานกับทริปในฝันที่ไอซ์แลนด์ คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยระบุวันที่ที่ต้องการเดินทาง
รวมในแพ็คเกจ
จุดหมายปลายทาง
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
รถขนาดเล็ก
รถขนาดกลาง
รถพรีเมี่ยม
large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
- More
ทริปเที่ยวครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณลงเครื่องบินที่ไอซ์แลนด์ ผ่านด่านศุลกากรเข้ามาแล้ว และเดินผ่านประตูอัตโนมัติที่เป็นทางออกของโถงผู้โดยสารขาเข้า คุณจะไปรับรถที่สนามบินและเริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังใจกลางเรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ระหว่างทางไปเมืองหลวงคุณสามารถเลือกแวะเที่ยวที่บลูลากูนก่อนได้
สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่
เมื่อคุณไปถึงเรคยาวิกและเช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว คุณอาจจะไปเดินเล่นชมสถานที่ต่างๆ ในเมือง แวะชิมอาหารในร้านอาหาร สำรวจบาร์และร้านกาแฟ เพื่อทำความรู้จักกับเมืองหลวงทางเหนือสุดของโลกแห่งนี้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 2 - สไนแฟลซเนส
- สไนแฟลซเนส
- More
- หาดอีทรี ทุงกา
- หมู่บ้านบูดิร์
- สไนล์เฟลล์โจกุลล์
- หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
- หาดกรวดดำที่ดยูปาลอนส์ซานดูร์
- ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
- More
วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ที่เต็มไปด้วยความน่าพิศวง พื้นที่ส่วนนี้ได้ชื่อว่าเป็น "มินิไอซ์แลนด์" เนื่องจากรวมเอาภูมิประเทศที่หลากหลายของไอซ์แลนด์มาไว้บนผืนแผ่นดินที่มีขนาดเล็กมาก
ในวันนี้มีสถานที่หลายแห่งให้คุณไปเยี่ยมเยือนและคุณมีเวลาอย่างเหลือเฟือด้วย คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟสไนล์เฟลล์โจกุล ภูเขาไฟที่มีธารน้ำแข็งปกคลุมอยู่ด้านบนที่ตำนานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์บอกว่าเป็นสถานที่แห่งความลึกลับ และที่นี่ยังถูกใช้เป็นฉากในตอนต้นเรื่องของนวนิยายของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) เรื่อง Journey to the Centre of the Earth ด้วย
สำหรับกิจกรรมเสริมในขณะที่เที่ยวชมคาบสมุทรนั้น คุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ถ้ำลาวาที่มีอายุ 8,000 ปี อุโมงค์ใต้ดินที่ก่อตัวขึ้นหลังจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายพันปีก่อนนี้มีชื่อว่าวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) โดยคุณจะได้เดินทางเข้าไปในโลกใต้ดินตามเส้นทางไหลของลาวาเมื่อครั้งที่เกิดการลุกไหม้
นอกจากนี้คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสยังเป็นที่ตั้งของภูเขาเคิร์กจูแฟลล์ (Kirkjufell) ที่ถ่ายรูปสวยอย่างไม่น่าเชื่อด้วย ภูเขาขนาดใหญ่รูปทรงกรวยนี้สูง 1,519 ฟุต (463 ม.) และตั้งตระหง่านอยู่ข้างเคียงกับน้ำตกและทะเลสาบ ทำให้แถวนี้มีลักษณะเหมือนดินแดนในเทพนิยาย หากคุณรู้สึกคุ้นตาเหมือนเคยเห็นภูเขานี้มาก่อน นั่นอาจเป็นเพราะว่าเคิร์กจูแฟลล์เคยใช้เป็นฉากของ "ภูเขาที่เหมือนหัวลูกศร" ในซีรีส์ HBO เรื่อง Game of Thrones
สไนล์แฟลซเนสยังเป็นที่ตั้งของหาดอิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) แนวชายฝั่งที่ได้ชื่อว่ามีแมวน้ำอาศัยอยู่เยอะมาก โดยนักท่องเที่ยวมักจะได้เห็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขี้เล่นเหล่านี้ออกมานอนอาบแดดอยู่ริมชายฝั่ง
นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านประมงที่มีเสน่ห์อีกสองแห่งที่ควรค่าแก่การแวะชม หมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) และหมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) เป็นชุมชนที่เงียบสงบ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาและหันหน้าออกทะเล รอบๆ หมู่บ้านเป็นที่ราบกว้างใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงริมทะเลมีความงดงามตระการตาจึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังมีหินรูปทรงแปลกตามากมายที่รอให้คุณไปเยี่ยมชมอยู่บริเวณรอบๆ หาดตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) อ่าวโค้งมนแห่งนี้มีผืนทรายที่เป็นสีดำและมีโขดทะเลที่แปลกประหลาด ในปี 1948 เรือลากอวนของอังกฤษชื่อ Epine GY 7 อับปางลงใกล้ๆ ชายฝั่งแถวนี้ และจนกระทั่งทุกวันนี้ซากเรือลำนี้ก็ยังคงกระจัดกระจายหลงเหลือให้เห็นบนหาดทรายดำอยู่
เบรดาฟยอร์ดูร์ (Breidafjordur) เป็นฟยอร์ดที่งดงามและน่าแวะเที่ยวเช่นกัน พื้นที่นี้มีความเก่าแก่มากที่สุดในประเทศ ในช่วงฤดูร้อนบริเวณรอบๆ หน้าผาจะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์พื้นเมืองของไอซ์แลนด์ ซึ่งรวมถึงนกพัฟฟินแอตแลนติกด้วย ที่นี่คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์แอดเวนเจอร์ที่จะพาคุณล่องเรือออกไปในทะเลลึกเพื่อหาจับสัตว์ทะเลมาทำเป็นซูชิในแบบฉบับชาวไวกิ้ง ซึ่งสัตว์น้ำที่จับมาได้นั้นจะถูกนำไปปรุงและเสิร์ฟให้กับคุณพร้อมกับวาซาบิและซอสถั่วเหลือง เรียกได้ว่าจะเป็นอาหารทะเลที่สดที่สุดเท่าที่คุณเคยลิ้มลอง
คืนนี้คุณพักค้างคืนอยู่ในที่พักบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 3 - ไอซ์แลนด์เหนือ
- ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- คยาร์นาสโกกูร์
- More
วันนี้คุณจะบอกลาสไนล์แฟลซเนสและมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ โดยคุณอาจจะอยากแวะชมน้ำตกสองแห่งเป็นที่แรกของวันนี้ แม้ว่าน้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (BArnafoss) จะอยู่ใกล้กันมาก แต่ทั้งสองแห่งก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง น้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ หรือ "น้ำตกลาวา" ในภาษาไอซ์แลนด์ มองดูคล้ายกับออกมาจากหน้านิยายแฟนตาซี ส่วนน้ำตกบาร์นาฟอสส์ที่แปลว่า "น้ำตกของเด็ก" นั้น มีลักษณะเป็นแก่งที่มีสายน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านหินลาวา
ต่อไปคือฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) หนึ่งในจุดที่มีคนมาถ่ายรูปมากที่สุดอีกแห่งของไอซ์แลนด์ ฮวิทแซร์กูร์เป็นหินรูปร่างน่าสนใจที่โผล่ขึ้นมาในท้องทะเล ตำนานพื้นบ้านเล่าว่าหินนี้เป็นโทรลล์ที่ลุยน้ำออกไปเพื่อจมเรือในมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ดันเผลอลืมเวลาเลยกลายเป็นหินเพราะโดนแสงอาทิตย์ ปัจจุบันโทรลล์กลายเป็นหินนี้ได้กลายเป็นสถานที่โปรดปรานของช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น
อีกสถานที่หนึ่งในทางเหนือที่คุณควรไปชมคือเมืองสิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) ที่สวยแปลกตา เมืองทางเหนือสุดบนแผ่นดินใหญ่ของไอซ์แลนด์แห่งนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาและเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era Museum) ที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับปลาสีเงินที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของท้องถิ่น ที่นี่ยังเหมาะกับการแวะพักยืดแข้งยืดขาให้หายเมื่อยจากการขับรถไปพร้อมกับการชมทิวทัศน์สวยๆ และบรรยากาศชนบทของไอซ์แลนด์ด้วย
สำหรับกิจกรรมเสริมในวันนี้มีตัวเลือกอยู่สองอย่างตามความพอใจของคุณ หากคุณต้องการผ่อนคลาย คุณอาจจะเลือกไปสปาเบียร์บียอร์บอดิน (Bjorbodin) ที่นี่มีแนวคิดที่เป็นการผสมผสานระหว่างเดย์สปากับประเพณีการหมักเบียร์ที่มียาวนานหลายศตวรรษ โดยคุณจะได้ลงไปแช่ตัวในเบียร์ที่อยู่ในช่วงแรกของการหมัก (Young beer) พร้อมกับจิบเบียร์เย็นๆ ซึ่งว่ากันว่าของเหลวสีเหลืองอำพันนี้มีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไม่น่าเชื่อ และในขณะที่แช่เบียร์อยู่นั้น คุณยังจะได้ดื่มเบียร์จากแท็ปส่วนตัวด้วย
หรือหากคุณชอบการผจญภัยในทะเล คุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ดูวาฬในวันนี้ได้ โดยคุณจะได้ขึ้นเรือออกไปในน่านน้ำทางเหนือเพื่อไปตามดูยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเล น้ำในมหาสมุทรในทางเหนือของไอซ์แลนด์นั้นมีปลาอพยพมาอยู่ชุกชุมมาก ทั้งวาฬ โลกมา และสัตว์น้ำอื่นๆ
เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะมุ่งหน้าไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของทางเหนือ และคุณจะพักผ่อนเอาแรงเตรียมความพร้อมสำหรับทริปในวันพรุ่งนี้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 4 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- More
- คยาร์นาสโกกูร์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- More
วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ พื้นที่แถบนี้มีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาดและเต็มไปด้วยสถานที่น่าสนใจ ซึ่งคุณไม่สามารถไปเห็นทุกแห่งได้ภายในวันเดียว ดังนั้น คุณต้องตัดสินใจเลือกเฉพาะที่ที่คุณสนใจจริงๆ
เมื่อออกจากอาคูเรย์ริ คุณจะเจอกับน้ำตกที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) หรือ "น้ำตกของพระเจ้า" ในภาษาอังกฤษ เป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเปลี่ยนศาสนามานับถือคริสต์อย่างเป็นทางการของชาวไอซ์แลนด์เมื่อปีค.ศ. 1000
ส่วนน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ก็เป็นน้ำตกอีกแห่งที่สวยงามและว่ากันว่ามีพละกำลังแรงที่สุดในยุโรป เสียงกึกก้องของมันดังไปทั่วเมื่อน้ำไหลตกลงมาเป็นชั้นๆ จากความสูง 40 เมตร น้ำตกแห่งนี้เคยไปปรากฏอยู่ในฉากเปิดตัวของภาพยนตร์ไซไฟยอดนิยมแห่งปี 2012 เรื่องโพรมีธีอุสของผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์
จากบริเวณนี้คุณสามารถขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมหมู่บ้านริมทะเลที่ชื่อว่าฮูสาวิค (Husavik) ได้ เมืองนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ เพราะมีวาฬหลากสายพันธุ์จำนวนมากแวะเวียนมาให้เห็นที่นอกชายฝั่ง บริษัททัวร์ที่จัดโปรแกรมดูวาฬจึงมักจะโฆษณาว่าพวกเขาจะพาคุณไปเห็นวาฬ 100%
หากคุณต้องการไปเข้าร่วมกับทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากฮูสาวิค คุณมีตัวเลือกทัวร์สองรูปแบบด้วยกัน คือไปกับทัวร์ที่พาดูวาฬด้วยเรือแบบดั้งเดิม ซึ่งจะใช้เรือทั่วไปเหมือนกับที่อาคูเรย์ริ ส่วนอีกแบบคือทัวร์ดูวาฬด้วยเรือยาง RIB ซึ่งอย่างหลังนี้คุณจะสามารถเข้าไปใกล้กับวาฬได้มากกว่า
ฮูสาวิคยังเป็นที่ตั้งของอ่างน้ำร้อนจีโอซี (GeoSea) ด้วย สปาธรรมชาติแห่งนี้ต่างจากสระน้ำร้อนพลังงานความร้อนใต้พิภพทั่วไปในไอซ์แลนด์ตรงที่น้ำที่จีโอซีเป็นน้ำร้อนที่มาจากทะเล ถ้าเลือกไปใช้บริการที่นี่คุณจะได้แช่ตัวในน้ำทะเลอุ่นๆ ไปพร้อมกับชมวิวธรรมชาติที่งดงามโดยรอบ
แต่ถ้าหากคุณเลือกไม่ไปฮูสาวิค คุณจะขับรถตรงไปยังแถวทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) เลย พื้นที่บริเวณนี้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมความร้อนใต้พิภพ และคำว่า "มิวาทน์" หมายถึง "แมลงวัน" เนื่องจากแถวนี้จะมีแมลงวันตัวจิ๋วให้เห็นทั่วไป สถานที่น่าสนใจในแถบนี้ ได้แก่ คราฟลา (Krafla) ดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) และหุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi)
คราฟลาเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของแนวภูเขาไฟที่คุกรุ่นซึ่งกินบริเวณกว้างในทางเหนือของทะเลสาบมิวาทน์ ใกล้ๆ กันกับคราฟลาเป็นพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพเนามาฟยาลล์ (Namafjall) ซึ่งคุณจะได้เห็นบ่อโคลนเดือดปุดๆ และควันจากพุก๊าซฟูมาโรลที่พวยพุ่งปกคลุมไปทั่วบริเวณ และพื้นที่แถวนี้ยังเต็มไปด้วยผลึกกำมะถันสีเขียว ฟ้า เหลือง และขาว
นอกจากนี้ยังมีการก่อตัวของหินที่น่าสนใจที่ดิมมูบอร์กิร์ด้วย ที่นี่มักถูกเรียกว่า "ป้อมปราการดำ" เพราะว่าดูเหมือนปราสาทในยุคกลาง และตามตำนานพื้นบ้านของชาวไอซ์แลนด์เชื่อว่าที่นี่เป็นบ้านของนางกรีลา มารดาของซานต้าทั้ง 13 ของไอซ์แลนด์
หากคุณอยากแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายแต่ไม่ได้เลือกไปที่ฮูสาวิค คุณก็สามารถไปแช่น้ำที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ได้ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหรูหราจนได้ชื่อว่าเป็นบลูลากูนแห่งทางเหนือเลยด้วยซ้ำไป
เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะเดินทางไปยังที่พักในเมืองเอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir)
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 5 - ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- More
- ทะเลสาบลาการ์ฟโยท
- ป่าฮาลลอร์มสตาดาสโกกูร์
- เวสตราฮอร์น
- More
วันนี้คุณจะได้สัมผัสกับพื้นที่ฟยอร์ดทางตะวันออกอันห่างไกลของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็น "เส้นทางที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว" แต่มีวิวทะเลอันงดงาม มีหน้าผาตระหง่านสูง มีสัตว์นานาชนิด และมีหมู่บ้านที่สวยจับใจ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนมาเยือนมากนักเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ในไอซ์แลนด์ ดังนั้นการได้มาเห็นอะไรแบบนี้จะเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมาก
เริ่มต้นจากที่พักของคุณในเอกิลสตาดีร์ เมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกและเช้านี้คุณจะเที่ยวในเมืองนี้ก่อน จากนั้นค่อยเดินทางต่อไปทางตะวันตกเพื่อชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจอีกสองสามแห่ง
หากคุณยังไม่เต็มอิ่มกับแช่น้ำอุ่นจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่มีอยู่มากมายทั่วไอซ์แลนด์ คุณสามารถไปที่อ่างน้ำธรรมชาติเวิก (Vok) ที่อยู่ห่างจากที่นี่ออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพียง 5 กม. ได้อีกในวันนี้
ส่วนในทางตะวันตกของเกอิลสตาดีร์นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ 3 แห่ง ทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljot) มีบรรยากาศสวยงามและว่ากันว่ามีหนอนลาการ์ฟโลย์ท หรือล็อกเนสเวอร์ชั่นไอซ์แลนด์อาศัยอยู่ในน้ำ ถัดไปอีกไม่ไกลเป็นน้ำตกเฮนกิฟอสส์ (Hengifoss) ที่สวยงามไหลลดหลั่นผ่านหน้าผาหินบะซอลต์ที่มีสีสันหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีป่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormsstaðaskógur) ผืนป่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ด้วย
ในทางทิศตะวันออกของเอกิลสตาดีร์มีเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับการแวะรับประทานอาหารกลางวัน เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) ตั้งอยู่ที่บริเวณปากอ่าวและล้อมรอบด้วยภูเขาและน้ำตก ชาวประมงจากนอร์เวย์ได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นมา และถ่ายทอดวัฒนธรรมชองพวกเขาผ่านอาคารและสถาปัตยกรรมที่มีสีสันสดใส
เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านความคิดสร้างสรรค์ และมีศิลปินอาศัยอยู่มากมาย ในช่วงหน้าร้อนจะมีการจัดงานเทศกาลศิลปะสำหรับเยาวชนที่เรียกว่า LungA ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยชื่องานนี้มาจากการผสมคำในภาษาไอซ์แลนด์สองคำ คือ คำว่า ศิลปะ (lista) และคำว่าคนหนุ่มสาว (unga)
ที่เอกิลสตาดีร์ คุณสามารถนั่งรับประทานอาหารในคาเฟ่หรือจะไปเดินเล่นรอบท่าเรือเก่าก็ได้ และไฮไลต์ในเมืองนี้อีกแห่งหนึ่งก็คือถนนสายรุ้งที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นทางไปสู่โบสถ์สีฟ้าอย่างถาวร ซึ่งเหมาะกับการไปถ่ายรูปมาก
มุ่งหน้าลงไปทางใต้อีกหน่อย คุณจะได้พบกับเมืองชนบทที่สงบเงียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการประมง แต่ปัจจุบันเป็นเมืองที่สงบสุขในทางตะวันออก ฟาสกรูดสฟยอร์ดูร์ (Faskrudsfjordur) เป็นเมืองชายฝั่งที่ชาวประมงจากฝรั่งเศสเข้ามาตั้งรกราก แต่สมัยสงครามโลกพวกเขาถูกเรียกตัวกลับไปรับใช้ประเทศของตน จึงต้องละทิ้งฟาสกรูดสฟยอร์ดูร์ไป แต่ก็ได้ทิ้งมรดกเอาไว้ให้ได้เห็นจนทุกวันนี้ อย่างเช่น โรงพยาบาลของชาวฝรั่งเศสที่ปัจจุบันได้รับการบูรณะและใช้เป็นโรงแรมและพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งป้ายบนถนนในเมืองนี้ก็มีทั้งภาษาไอซ์แลนด์และภาษาฝรั่งเศส
จูปิโวกูร์ (Djupivogur) เป็นเมืองประมงในทางตะวันออกที่ตั้งอยู่เชิงเขาทรงปิรามิดที่มักหยอกล้อกับแสง ทำให้เกิดเงาสะท้อนไปทั่วบริเวณ ภูเขานี้มีชื่อว่าบูลานด์สทินดูร์ (Bulandstindur) และถ้าหากคุณมาเยือนจูปิโวกูร์ในช่วงครีษมายัน ว่ากันว่าคุณสามารถขอพรกับภูเขาลูกนี้ได้ด้วย
ในขณะที่คุณเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ คุณจะเจอกับภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) ที่สูง 1490 ฟุต (454 ม.) ภูเขานี้หันหน้าเข้าหาทะเล และเมื่อพระอาทิตย์สาดแสงอยู่เหนือยอดเขาทั้งสองยอด จะเกิดเป็นร่มเงาแผ่ออกปกคลุมภูมิทัศน์โดยรอบ
เมื่อสิ้นสุดวันคุณจะไปหยุดพักใกล้ๆ กับทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) และจะออกไปเที่ยวทะเลสาบกันในวันพรุ่งนี้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 6 - ชายฝั่งทางใต้
- ชายฝั่งทางใต้
- More
- ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
- ไดมอนด์ บีช
- เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
- สวาร์ติฟอสส์
- More
วันนี้คุณจะเริ่มต้นการสำรวจชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีแลนด์มาร์คสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไอซ์แลนด์ เมื่อไปถึงที่นั่นแล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมการได้ใช้เวลาสองวันในที่แห่งนี้จึงเป็นโบนัสสำหรับการเดินทางในครั้งนี้
เริ่มต้นจากการไปชมทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon) ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำในทะเลสาบธารน้ำแข็งแห่งนี้เป็นน้ำที่ละลายจากเบีรยดาแมร์คุร์โจกุล (Breidamerkurjokull) หนึ่งในผืนน้ำแข็งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull) โจกุลซาลอนเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดของไอซ์แลนด์ด้วย โดยมีความลึกถึง 820 ฟุต (250 ม.) และสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาที่นี่คือภูเขาน้ำแข็งที่ลอยตัวอยู่เหนือผืนน้ำที่เย็นจัดนี้
หากคุณต้องการประสบการณ์ตื่นเต้น คุณสามารถเลือกไปร่วมกับทัวร์ล่องเรือในทะเลสาบได้ โดยมีทัวร์ให้เลือกสองแบบ คือทัวร์ล่องเรือสะเทินน้ำสะเทินบก ซึ่งนั่งจากบนบกและค่อยๆ ขับลงไปในน้ำให้คุณได้ชื่นชมอนุสาวรีย์น้ำแข็งอย่างใกล้ชิดมากขึ้น จนดูเหมือนว่าน้ำแข็งมหึมาที่ลอยละล่องอยู่นั้นดูเหมือนจะเปล่งแสงสีฟ้าและสีขาวออกมาได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือทัวร์เรือท้องแบนโซดิแอก ซึ่งเรือเล็กนี้จะทำให้คุณเข้าไปใกล้ก้อนน้ำแข็งขนาดมโหฬารในทะเลสาบได้มากขึ้นอีก รวมถึงฝูงแมวน้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
ข้างๆ ทะเลสาบเป็นหาดไดมอนด์ที่โด่งดัง ที่ได้ชื่อว่าหาดไดมอนด์ก็เป็นเพราะว่าหาดทรายสีดำขนาดย่อมที่นี่เป็นที่พักพิงสุดท้ายของเศษของภูเขาน้ำแข็งนับพันๆ ก้อน และเมื่อพวกมันถูกคลื่นในมหาสมุทรพัดมาเกยตื้นบนผืนทรายดำพวกมันจะเปล่งประกายจนดูเหมือนเป็นอัญมณี
จากนั้นคุณจะเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ซึ่งมีภูมิประเทศขรุขระ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล และขึ้นชื่อว่ามีทิวทัศน์งดงามน่าประทับใจและมีพืชพรรณพื้นเมืองที่น่าสนใจ
หากคุณเป็นนักเดินป่าตัวยง คุณควรออกเดินทางให้เร็วขึ้นในวันนี้ เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาเหลือไปเดินป่าที่ทางไปน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) ที่ล้อมรอบไปด้วยหินบะซอลต์หกเหลี่ยม เส้นทางเดินป่าที่พาไปน้ำตกแห่งนี้เดินได้ไม่ยากและให้คุณมีเวลาเพลิดเพลินกับธรรมชาติที่ไม่มีใครมาแตะต้องเป็นเวลาหลายชั่วโมง
หากคุณอยากเพิ่มกิจกรรมแอดเวนเจอร์ในวันนี้ คุณอาจจะเลือกเพิ่มทัวร์ปีนธารน้ำแข็งรอบบ่าย สำหรับผู้ที่เลือกกิจกรรมนี้ คุณจะต้องไปพบกับไกด์ที่เบสแคมป์ซึ่งอยู่ในสกัฟตาเฟลล์ ไกด์นำทางบนธารน้ำแข็งจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยให้คุณทราบ พร้อมกับแจกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่จำเป็นต้องใช้ จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าเดินทางขึ้นไปบนธารน้ำแข็ง ซึ่งวิวโดยรอบนั้นงดงามไม่เหมือนที่ไหนที่คุณเคยเห็นมาก่อน และความรู้สึกเมื่อได้ขึ้นไปยืนอยู่บนธารนำ้แข็งนั้น จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนคุณนั้นอยู่ในทีมสำรวจอาร์กติกเลย รับรองว่าคุณจะประทับใจไปอีกนาน
หลังจากนั้นคุณจะเดินทางไปยังที่พักในคืนนี้ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านวิก (Vik) ที่สวยแปลกตา และพรุ่งนี้คุณจะได้ออกไปเที่ยวทางใต้กันต่อ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 7 - ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- More
- หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
- โขดทะเลเรนิสดรังการ์
- ดิร์โฮลาเอย์
- ธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล
- น้ำตกสโกกาฟอสส์
- น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
- More
ได้เวลาไปเยี่ยมชมสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดในไอซ์แลนด์กันแล้ว วิกเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพ รอบๆ บริเวณหมู่บ้านมีสถานที่น่าทึ่งมากมาย ทั้งหาดทรายดำ ร้านอาหาร คาเฟ่ และโบสถ์บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นวิวเมืองและวิวทะเลได้ และมีกิจกรรมเสริมให้คุณเลือกทำได้หลายอย่างจากที่หมู่บ้านแห่งนี้
คุณสามารถเลือกไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าสนใจ ถ้ำน้ำแข็งเกิดขึ้นเองตามวัฏจักรที่น้ำแข็งจากธารน้ำแข็งละลายและแข็งตัวใหม่ การเข้าไปชมภายในถ้ำจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะประทับไม่รู้ลืม โดยคุณจะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปในปราสาทแก้วคริสตัลที่ผนังส่องประกายระยิบระยับในเฉดสีฟ้าและสีขาว ทั้งนี้ ไม่มีถ้ำน้ำแข็งที่ไหนเหมือนกันเลย และถ้ำที่คุณเข้าไปชมในที่สุดก็จะละลายหายไปเหลือไว้แต่ความทรงจำสุดพิเศษของผู้ที่ได้ไปเยือน
หรือคุณจะเลือกไปชมซากเครื่องบิน DC-3 ก็ได้ ในปี 1973 เครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ ตกในที่ราบโซลเฮมาซานดูร์ (Solheimasandur) โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่ซากเครื่องบินกับถูกทิ้งไว้ ทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญบนชายฝั่งทางใต้มาจนทุกวันนี้
สถานที่น่าสนใจแห่งต่อมาคือหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจให้นึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับภูเขาไฟ ที่นี่มีคลื่นที่สาดกระทบเข้าหาหาดทรายสีดำด้วยพละกำลังมหาศาล และชายหาดก็แวดล้อมไปด้วยหน้าผาสูงชันที่มีเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมรูปร่างแปลกประหลาดเป็นส่วนประกอบ เมื่อมองดูจะรู้สึกเหมือนมีคนไปแกะสลักเสาเหล่านี้ไว้บนหน้าผา แต่แท้ที่จริงแล้วคือผลงานธรรมชาติสร้าง
ที่นอกชายฝั่งไม่ไกลจากหาดเรย์นิสฟยารามีโขดทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ซึ่งเป็นกลุ่มหินรูปร่างแปลกประหลาดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางคลื่นที่ซัดกระหน่ำอยู่ในมหาสมุทร และหินนี้ก็เช่นเดียวกับหินแห่งอื่นในประเทศไอซ์แลนด์ ที่ตามตำนานเชื่อว่าเป็นโทรลล์ที่กลายเป็นหิน ห่างออกไปหน่อยตามแนวชายฝั่งจะมีหินดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) คาบสมุทรเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหินแห่งนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามของท้องทะเลและภูมิทัศน์โดยรอบ และดิร์โฮลาเอย์ยังเป็นจุดที่นกชอบมาทำรังด้วย โดยมีนกหลากหลายสายพันธุ์ให้เห็น รวมทั้งนกพัฟฟิน
จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปและจะผ่านโซลเฮมาโจกุลล์ (Solheimajokull) ผืนน้ำแข็งที่เป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลล์ (Myrdalsjokull) จากบริเวณนี้คุณสามารถไปเข้าร่วมกับกิจกรรมปีนธารน้ำแข็งที่โซลเฮมาโจกุลล์ได้ตามที่คุณเลือกไว้
จุดหมายต่อไปคือสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) หนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำตกมหึมานี้สูง 197 ฟุต (60 ม.) และมวลน้ำไหลลงมากระทบกับพื้นที่เกือบจะราบ ในวันที่แดดดี นักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายรูปน้ำตกที่มีรุ้งกินน้ำแฝดออกมาปรากฏกายอยู่ท่ามกลางละอองน้ำด้วย
ไม่ไกลจากน้ำตกสโกกาฟอสส์ยังมีน้ำตกที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ดูเหมือนน้ำตกที่อยู่ในนาร์เนีย เนื่องจากสวยงามและเขียวขจี อีกทั้งสายน้ำตกยังไหลลดหลั่นผ่านหน้าถ้ำด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินอ้อมไปดูน้ำตกที่ไหลแรงจากด้านหลังได้ในวันที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย แต่ถ้าหากคุณจะเข้าไปชมคุณต้องเตรียมเสื้อผ้าที่กันน้ำมาให้พร้อมไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเปียกปอน
ที่พักของคุณในคืนนี้อยู่ไม่ไกลจากบริเวณวงกลมทองคำ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 8 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- More
วันนี้เป็นวันที่คุณจะได้ออกเที่ยวอย่างเป็นทางการวันสุดท้ายแล้ว ดังนั้น เพื่อให้คุ้มค่าคุณจะไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์กัน ซึ่งก็คือเส้นทางท่องเที่ยววงกลมทองคำอันโด่งดัง และบนเส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดอยู่ 3 แห่ง
หากเที่ยวบินกลับบ้านของคุณในวันพรุ่งนี้เป็นไฟล์ทช่วงเช้า ในวันนี้คุณควรรีบออกเดินทางเที่ยวบนวงกลมทองคำแต่เช้า เพื่อที่จะได้กลับเข้าไปในเรคยาวิกในช่วงบ่าย และเหลือเวลาเที่ยวในเมืองหลวงได้อีกนิดหน่อย
จุดแรกที่จะแวะบนวงกลมทองคำคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่แปลว่า "น้ำตกทองคำ" และเมื่อได้เห็นจะเข้าใจทันทีว่าเพราะอะไร น้ำที่น้ำตกแห่งนี้ไหลลดหลั่นลงมาสองชั้นด้วยพลังมหาศาลจากความสูง 105 ฟุต (32 ม.) มีความสวยงามยิ่งใหญ่น่าแวะชมอย่างยิ่ง
จุดถัดมาคือพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ (Geysir) พื้นที่บริเวณนี้ของวงกลมทองคำทำให้เห็นภาพของพลังงานของภูเขาที่มีอยู่ในไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดี ทั่วทั้งบริเวณมีสระน้ำร้อนมากมาย และมีไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจาฟูมาโรลหรือช่องไอน้ำเต็มไปหมด และมีสโทรคูร์ (Strokkur) ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่แอกทีฟมากที่สุด โดยจะพ่นน้ำให้เห็นในทุกๆ 5 นาที และน้ำที่ร้อนจัดจะพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างแรง ซึ่งบางครั้งสูงถึง 66 ฟุต (20 ม.) เลยทีเดียว ทำให้เรียกเสียงฮือฮาจากนักท่องเที่ยวได้ตลอด
จุดแวะที่สามบนเส้นทางวงกลมทองคำคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก เนื่องจากมีความงดงามและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมากสำหรับชาวไอซ์แลนด์ ธิงเวลลีร์เป็นที่ตั้งของรัฐสภาประชาธิปไตยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่แผ่นเปลือกโลกของทวีปยูเรเชียนและอเมริกาเหนือมาบรรจบกันอีกด้วย
คุณสามารถเลือกไปร่วมกับทัวร์ดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลที่จะพาลงไปดำน้ำในพื้นที่ระหว่างแผ่นเปลือกโลก โดยคุณจะสวมชุดดรายสูทและมีไกด์พาลงไปในน้ำบริเวณรอยแยกซิลฟรา (Silfra) ซึ่งเป็นรอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกที่มีน้ำไหลเข้าไปเติมเต็ม และน้ำเหล่านี้เดินทางซึมผ่านหินลาวาที่เป็นตัวกรองธรรมชาติมาเป็นระยะเวลานาน บางครั้งนานนับศตวรรษเลยทีเดียว
ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกที่คุณสามารถเลือกเพิ่มเข้าไปในทริปวันนี้ได้ คุณอาจจะเลือกไปชมธรรมชาติแบบชนบทของไอซ์แลนด์จากบนหลังม้า ซึ่งเป็นวิธีที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในทัวร์ขี่ม้านี้คุณจะได้รู้จักกับม้าไอซ์แลนด์ที่มีคาแรกเตอร์ไม่เหมือนม้าพันธุ์อื่นๆ พวกมันเป็นม้ารูปร่างเตี้ยล่ำสันเหมาะสำหรับภูมิประเทศของประเทศนี้และได้ชื่อว่าเป็นม้าที่ใครก็สามารถขี่ได้
หากคุณชอบกิจกรรมตื่นเต้นกระตุ้นอะดรีนาลีน คุณสามารถไปร่วมกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิล ซึ่งคุณจะได้ขี่สโนว์โมบิลโลดแล่นไปบนผืนน้ำแข็งเย็นยะเยือกของธารน้ำแข็งลางโจกุล พร้อมกับชมวิวที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อด้วย
หลังจากที่คุณได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวบนวงกลมทองคำครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางกลับเข้าไปในเรคยาวิก และคืนนี้คุณจะใช้เวลาในช่วงเย็นอยู่ในเมืองหลวงของไอซ์แลนด์อีกครั้งหนึ่ง
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 9 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์แล้ว ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก คุณอาจจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ฟลายโอเวอร์ (FlyOver) หรืออาจจะอยากไปชมพิพิธภัณฑ์ปลาวาฬของไอซ์แลนด์ก่อนกลับก็ได้ แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
แพ็คเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเริ่มต้นออกเดินทางได้ทั้งจากตัวเมืองเรคยาวิกและสนามบินเคฟลาวิก ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่และมีประสบการณ์ในการขับรถอย่างน้อย 1 ปี และรายละเอียดโปรแกรมท่องเที่ยวอาจมีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับวันและเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน และอาหารเช้านั้นอาจไม่รวมอยู่ในโฮสเทลและเกสต์เฮาส์บางแห่งที่เลือก
สำหรับกิจกรรมเสริมบางอย่างนั้นคุณอาจจำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่หรืออาจต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนโปรแกรมของคุณ นอกจากนี้คุณอาจต้องใช้เอกสารทางการแพทย์ด้วยในกรณีที่คุณเลือกทำกิจกรรมดำน้ำตื้น ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องไม่กลัวการลงไปในน้ำและต้องสามารถว่ายน้ำได้
และถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้น โปรดเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมมาด้วย
วิดีโอ
รีวิวที่ตรวจสอบแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด