เที่ยวไอซ์แลนด์แบบเจาะลึก | โรดทริป 2 สัปดาห์
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
รวมในแพ็คเกจ
จุดหมายปลายทาง
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
รถขนาดเล็ก
รถขนาดกลาง
รถพรีเมี่ยม
large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
- มากกว่า
ยินดีต้อนรับสู่ไอซ์แลนด์! เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิก และคุณผ่านด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว คุณจะพบว่ารถเช่าของคุณรอคุณอยู่
ทันทีที่คุณออกเดินทาง อิสระที่ได้รับจากการท่องเที่ยวแบบขับเองอย่างช้าๆ เช่นนี้จะปรากฏชัดทันที
คุณมี 3 ทางเลือกว่าจะทำอะไรก่อน หากต้องการไปถึงเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ คุณจะต้องข้ามคาบสมุทรเรคยาเนส แต่ไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง เพราะบริเวณนี้เป็นสถานที่ที่น่าทึ่ง ด้วยภูมิประเทศที่น่าหลอนของลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ ภูเขาไฟรูปทรงกรวย และพื้นที่ความร้อนใต้พิภพที่คุ้มค่าแก่การใช้เวลา
นักเดินทางส่วนใหญ่มักมองข้ามสถานที่เหล่านี้เมื่อรีบเร่งเพื่อไปยังเมืองหลวง แต่สถานที่เหล่านี้ล้วนมีความงดงาม ถือเป็นการแนะนำธรรมชาติของประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หรือ คุณสามารถไปแวะที่บลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสทำให้มีบรรยากาศแปลกตา
สิ่งที่น่าสนใจคือน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ประกอบด้วยซิลิกาและกำมะถัน ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยทางผิวหนังได้ นอกจากนี้ อุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 37–39° เซลเซียส (98–102° ฟาเรนไฮต์) ซึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้
สุดท้าย คุณสามารถตรงไปยังที่พักของคุณในเรคยาวิกเลยก็ได้ เมืองนี้มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ประวัติศาสตร์ความเป็นมา วงการดนตรีที่เฟื่องฟู ตลอดจนพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ที่แปลกประหลาดแหวกแนว
คุณสามารถเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง เช่น พิพิธภัณฑ์และหอดูดาวเพอร์ลาน หอแสดงคอนเสิร์ตและศูนย์การประชุมฮาร์ปา และโบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยา
หรือคุณสามารถเดินเล่นบนถนนในเมืองเรคยาวิกได้ โดยเฉพาะถนนสายหลักเลยกาแวกูร์ ลองแวะชมร้านค้าและร้านบูติกต่างๆ และลองชิมอาหารอร่อยๆ จากร้านอาหารและร้านกาแฟบนถนนสายนี้
วันนี้อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะได้สำรวจที่นี่ เพราะคุณจะได้ใช้เวลาอีก 13 คืนในชนบท
หลังจากวันแรกที่แสนวุ่นวายในไอซ์แลนด์ คุณจะได้พักค้างคืนในเมืองหลวง
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 2 - ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
- มากกว่า
- อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์
- พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์
- น้ำตกกุลล์ฟอสส์
- ปากปล่องภูเขาไฟเคริด
- มากกว่า
ในวันที่สอง คุณจะขับรถออกจากเรคยาวิกและเริ่มออกสำรวจธรรมชาติอันน่าทึ่งของไอซ์แลนด์อย่างเพลิดเพลิน สถานที่หลักของคุณสำหรับวันนี้คือเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศที่เรียกว่าวงกลมทองคำ
สถานที่แรกที่บนวงกลมทองคำคือธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามอุทยานแห่งชาติของไอซ์แลนด์ และแม้ว่าธิงเวลลีร์จะมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมายาวนานนับพันปี แต่ธรรมชาติในบริเวณนี้ก็น่าดึงดูดไม่แพ้กัน ธิงเวลลีร์ตั้งอยู่ในหุบเขาที่อยู่ตรงรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกของ 2 ทวีป ในบริเวณนี้มีทั้งทุ่งลาวา ป่าต้นเบิร์ช และน้ำที่ใสราวกับคริสตัล
ในขณะที่ทำการจองคุณจะสังเกตเห็นว่าคุณสามารถเพิ่มทัวร์ดำน้ำตื้นสน็อกเกิ้ลที่ซิลฟรา (Silfra) เข้าไปในทริปนี้ได้ แต่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมดำน้ำตื้นจะต้องสามารถว่ายน้ำได้คล่องซึ่งซิลฟราเป็นหนึ่งในจุดที่มีน้ำใสมากและวิวใต้น้ำก็มีเฉดสีฟ้าสวยๆ ให้เห็นมากมาย การลงไปดำน้ำตื้นที่นี่จะเป็นประสบการณ์การว่ายน้ำที่มหัศจรรย์จนแทบไม่น่าเชื่อเพราะว่าคุณกำลังว่ายน้ำอยู่บนพื้นที่ระหว่างทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ
ห่างออกไปประมาณ 59 กิโลเมตรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่ 2 ของวงกลมทองคำ ซึ่งก็คือไกเซอร์สโทรคูร์ในพื้นที่ความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ ปรากฏการณ์นี้รายล้อมไปด้วยน้ำพุร้อนที่เดือดพล่านและดินที่ย้อมสีสันสดใส โดยจะมีไอน้ำและน้ำร้อนปะทุในทุกๆ สองสามนาที บางครั้งการปะทุของสโทรคูร์อาจสูงถึง 20 เมตร
สถานที่แห่งที่สามและแห่งสุดท้ายของเส้นทางเที่ยวชมนี้คือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งอยู่ห่างจากไกเซอร์ประมาณ 9.6 กิโลเมตร กุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในไอซ์แลนด์ โดยมีสีที่เป็นเอกลักษณ์และมีต้นกำเนิดจากน้ำจากธารน้ำแข็งที่ไหลออกมาจากแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศ
น้ำตกจะส่งเสียงกระหึ่มด้วยพลังมหาศาลของมวลน้ำที่ถาโถมลงสู่หุบเขาที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง
จากจุดจอดรถของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ คุณสามารถเดินทางไปขี่สโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) ได้ ซึ่งการได้เร่งเครื่องทะยานไปบนลานที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะที่นี่จะเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่มีวันลืมเลือน
แต่ถ้าหากทั้งการดำน้ำตื้นและขี่สโนว์โมบิลนั้นยังไม่เหมาะกับคุณ คุณก็ยังสามารถเลือกไปขี่ม้าไอซ์แลนด์ชมทิวทัศน์สวยๆ ของวงกลมทองคำได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยที่เพิ่งมีการมาสำรวจดินแดนแห่งนี้ใหม่ๆ แล้ว ยังเป็นโอกาสดีเยี่ยมที่คุณจะได้รู้จักกับสัตว์ที่เป็นมิตรที่สุดของไอซ์แลนด์ด้วย
หลังจากที่ได้ไปเที่ยวสถานที่ไฮไลต์และทำกิจกรรมตื่นเต้นไปบ้างแล้ว คุณสามารถย้อนไปดูแผนการเดินทางเพื่อเลือกหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักในท้องที่นี้ดูบ้างก็ได้
หมู่บ้านเชิงนิเวศโซเลฮิมาร์ (Solehimar) ซีเครทลากูน และทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid) เป็นเพียง 3 ตัวอย่างจากสถานที่ลับที่มีอยู่มากมายแถวนี้ ซึ่งคุณสามารถขับรถไปจากน้ำตกกุลล์ฟอสส์ได้ไม่ยาก
และหลังจากเที่ยวจนพอใจแล้ว คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในโรงแรมในชนบทในไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงใต้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 3 - ชายฝั่งทางใต้
- ชายฝั่งทางใต้
- มากกว่า
- น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์
- น้ำตกสโกกาฟอสส์
- ธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล
- ดิร์โฮลาเอย์
- หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
- โขดทะเลเรนิสดรังการ์
- มากกว่า
ในวันที่สามของการขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อนเป็นเวลาสองสัปดาห์ที่ประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะออกเดินทางไปสำรวจชายฝั่งทางใต้ที่น่าทึ่งและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ตลอดการเดินทางคุณจะเห็นทัศนียภาพอันงดงามของมหาสมุทรแอตแลนติกอยู่ทางด้านขวามือ และภูมิประเทศที่งดงามมากมายไม่สิ้นสุดที่ทางด้านซ้ายมือ
สถานที่มหัศจรรย์แห่งแรกคือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งมีความสูงถึง 197 ฟุต (60 เมตร) เมื่อหลายร้อยปีก่อนธรรมชาติได้สร้างถ้ำขนาดมหึมาไว้ที่หลังน้ำตกแห่งนี้ด้วย ทำให้สามารถมองเห็นวิวน้ำตกได้จากมุมที่ไม่เหมือนใคร
บริเวณใกล้เคียงบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยคือน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljufrabui ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง น้ำตกนี้ไม่สามารถมองเห็นได้จากถนนวงแหวนและมักถูกมองข้าม นอกจากนี้คุณต้องลุยน้ำภายในถ้ำเพื่อไปถึงน้ำตก
แม้ว่าทั้งสองจะดูน่าทึ่ง แต่น้ำตกเหล่านี้ก็อ่อนโยนและเงียบสงบเมื่อเทียบกับน้ำตกสโคกาฟอสส์ที่อยู่ใกล้เคียง น้ำตกสโคกาฟอสส์ตั้งอยู่ห่างจากกลูยฟราบูอิประมาณ 30 กิโลเมตร และมีชื่อเสียงในด้านพลังอันน่าทึ่ง
สโคกาฟอสส์ตกลงมาจากความสูง 197 ฟุต (60 เมตร) และกว้าง 82 ฟุต (25 เมตร) ส่งเสียงคำรามดังไปทั่วทั้งหน้าผาและมีละออกน้ำแตกกระจายฟุ้งไปทั่ว คุณสามารถชื่นชอบน้ำตกแห่งนี้ได้จากทั้งด้านล่างและด้านบน เนื่องจากมีบันไดให้ปีนขึ้นด้านบนอยู่ที่ด้านข้างน้ำตก
หลังจากเพลิดเพลินกับสถานที่นี้แล้ว คุณจะออกจากถนนวงแหวนเพื่อไปทัวร์เดินป่าธารน้ำแข็งอันน่าตื่นเต้น ที่ผืนน้ำแข็งที่เป็นทางออกของธารน้ำแข็งของโซลเฮมาร์โจกุล (Solheimajokull) คุณจะได้สำรวจสันเขา กำแพงน้ำแข็ง และรอยแยกอันน่าทึ่ง ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของไกด์ผู้มีประสบการณ์
คุณยังจะได้รับหมวกกันน็อค รองเท้าตะปู และขวานน้ำแข็งอีกด้วย โดยไกด์จะสรุปให้คุณทราบเกี่ยวกับมาตรการเพื่อความปลอดภัยและการแจ้งเตือนที่จำเป็นอื่นๆ หากสภาพอากาศแจ่มใส นี่เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันตระการตา
เมื่อเดินทางต่อไปทางตะวันออก คุณจะพบกับซุ้มหินดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) ในไม่ช้า ซึ่งเป็นเป็นลักษณะทางธรรมชาติที่น่าประทับใจและมีฝูงนกพัฟฟินอาศัยอยู่ตลอดฤดูร้อน
ติดกับดิร์โอลาเอย์เป็นหาดเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลที่ได้รับความนิยมมาก เพราะมีทรายภูเขาไฟสีดำ คลื่นยักษ์ และหินเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) อันมหัศจรรย์ตั้งตระหง่านอยู่ในทะเล หินเหล่านี้มีตำนานที่เล่าขานต่อๆ กันมามากมาย ทำให้บรรยากาศในบริเวณนี้ยิ่งดูลึกลับ วังเวง และชวนให้หลงใหลไปพร้อมกัน
หมู่บ้านวิก (Vik) ตั้งอยู่ติดกันกับชายหาดแห่งนี้ และเป็นจุดที่คุณสามารถเลือกไปร่วมกิจกรรมกับทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็ง ทัวร์ชมถ้ำน้ำแข็งนี้ต่างจากทัวร์ปีนธารน้ำแข็งตรงที่คุณจะขึ้นไปด้วยรถซูเปอร์จี๊ป และจะได้เข้าไปชมห้องหับต่างๆ และทางเดินภายในถ้ำน้ำแข็ง
และตำแหน่งที่ทัวร์จะพาไปนั้นเป็นแผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาไฟคัทลา (Katla) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีการปะทุบ่อยที่สุดลูกหนึ่งของไอซ์แลนด์ เรียกว่าเพิ่มความตื่นเต้นให้กับทัวร์นี้ไปอีกขั้นเลยทีเดียว
ทัวร์นี้พาไปบนแผ่นน้ำแข็งที่ปกคลุมภูเขาไฟคัทลา ซึ่งเป็นหนึ่งในยอดเขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศ
คุณจะพบสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่นอกเส้นทางหลักในแผนการเดินทางของคุณ คุณสามารถแวะไปยังสถานที่เหล่านี้ได้ก่อนที่จะออกจากที่พักของคุณในไอซ์แลนด์ตอนใต้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 4 - ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
- มากกว่า
- เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์
- สวาร์ติฟอสส์
- ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน
- ไดมอนด์ บีช
- มากกว่า
ในวันที่สี่ของโรดทริปวันหยุดสองสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ครั้งนี้ คุณจะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
ที่นี่เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและมีชื่อเรียกตามธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ซึ่งเป็นแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและครอบคลุมพื้นที่เกือบ 10% ของไอซ์แลนด์
เมื่อคุณเดินทางเข้าไปใกล้จุดหมายปลายทางของวันนี้ คุณจะมองเห็นผืนน้ำแข็งยื่นออกมามากมายแถวบริเวณภูเขา แผ่ขยายเข้าไปในบริเวณที่เป็นทะเลทรายสีดำ ที่ราบลาวา และพื้นที่ทำเกษตรกรรมเก่าแก่
หากคุณต้องการดูความมหัศจรรย์ของวัทนาโจกุลแบบใกล้ชิด ก่อนอื่นคุณต้องไปที่สกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) เขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่สวยงามซึ่งมีผืนน้ำแข็งมากมายเป็นที่กำบัง เส้นทางเดินป่าที่มีอยู่มากมายแถวนี้จะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจภูมิประเทศดั้งเดิมและความงดงามที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ระหว่างพลังของน้ำแข็งและไฟมานับเป็นพันๆ ปี
เส้นทางเหล่านี้ยังนำไปสู่ลักษณะที่น่าทึ่ง โดยจุดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือน้ำตกสีดำหรือน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของน้ำตกได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับสถาปัตยกรรมไอซ์แลนด์สมัยใหม่เป็นอย่างมาก
ในวันนี้คุณยังสามารถไปร่วมกับทัวร์ปีนธารน้ำแข็งที่สกัฟตาเฟลล์ ซึ่งจะพาไปเดินแถวผืนน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล (Svinafellsjokull) ได้ด้วยถึงแม้ว่าคุณจะเข้าร่วมกิจกรรมปีนธารน้ำแข็งไปเมื่อวันก่อนแล้วก็ตาม เนื่องจากธารน้ำแข็งแต่ละแห่งก็มีภูมิประเทศที่แตกต่างกันไป และคุณก็จะได้เห็นวิวใหม่ๆ จากบนที่สูง
ถัดจากสกัฟตาเฟลล์ คุณจะขับรถต่อไปอีก 57 กิโลเมตรเพื่อไปยังสถานที่มหัศจรรย์แห่งที่สองในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ซึ่งก็คือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ที่งดงาม - ทะเลสาบกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ส่องประกายระยิบระยับและเป็นที่อยู่ของฝูงแมวน้ำขี้เล่น การไปที่นี่จะทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าคุณนั้นหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซีมากกว่าที่จะเป็นสถานที่จริง
คุณจะใช้เวลาเที่ยวที่ริมทะเลสาบแห่งนี้นานเท่าไหร่ก็ได้ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงประสบการณ์ในการเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้อย่างแท้จริง สามารถเข้าร่วมทัวร์ล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็งเข้าไปในทริปวันนี้ได้ ซึ่งมีให้เลือกทั้งทัวร์ด้วยเรือสะเทินน้ำสะเทินบก และทัวร์ด้วยเรือยางโซดิแอก และเนื่องจากวันนี้คุณไม่ได้ใช้เวลาบนท้องถนนมากนัก คุณจึงสามารถล่องเรือพร้อมกับการปีนธารน้ำแข็งที่สกัฟตาเฟลล์ได้สบายๆ
ถัดจากทะเลสาบโจกุลซาร์ลอน คุณจะไปที่หาดไดมอนด์ซึ่งอยู่ติดกันและเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายสำหรับทริปในวันนี้ บนหาดทรายสีดำมีภูเขาน้ำแข็งที่เป็นประกายเจิดจ้านับพันๆ ก้อนถูกพัดขึ้นมาจากทะเลสาบ และกระจัดกระจายตัวเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วไป
เมื่อคุณเที่ยวอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลอย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว คุณจะได้พักผ่อนที่โรงแรมในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 5 - ฟยอร์ดตะวันออก
- ฟยอร์ดตะวันออก
- มากกว่า
- เวสตราฮอร์น
- ทะเลสาบลาการ์ฟโยท
- มากกว่า
วันที่ห้าของโรดทริปฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ คุณจะหลบหนีจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ด้วยการไปเที่ยวทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ชนบทห่างไกลที่สุด
พื้นที่ส่วนนี้ของประเทศไอซ์แลนด์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของฟยอร์ดที่น่าทึ่ง เส้นทางของคุณจะคดเคี้ยวขึ้นลงและจะเป็นที่น่าจดจำเมื่อคุณเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ความสูงของภูเขา ผืนน้ำที่กว้างใหญ่เป็นประกาย และเกาะที่สวยงามทำให้ทุกเลี้ยวโค้งมีแต่ความตื่นเต้น
นอกจากเสน่ห์ของธรรมชาติแล้ว ข้อดีของแถบนี้อีกอย่างคือไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก นอกจากนี้ฟยอร์ดทางตะวันออกยังมีชื่อเสียงเรื่องสัตว์และสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมด้วย
นกทะเลมากมายมาทำรังอยู่บนหน้าผาและบินโฉบเฉี่ยวอยู่เหนือท้องทะเล ฝูงแมวน้ำรวมตัวกันอยู่บนชายหาด วาฬและโลมาหยอกล้อท่ามกลางเกลียวคลื่นเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไป ในขณะที่ฝูงเรนเดียร์ที่เดินเตร่อย่างอิสระก็สามารถพบได้ที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม คุณจะผ่านหมู่บ้านชาวประมงหลายแห่งที่ให้ความรู้สึกราวกับว่ามีการหยุดเวลามานานหลายศตวรรษแล้ว และผ่านบริเวณที่มีตำนานเล่าขานบอกต่อกันมากมาย
คุณสามารถแวะที่ดยูปิโวกูร์ (Djupivogur) ซึ่งเป็นเมืองประมงชายฝั่งใต้เงาของภูเขาบูลานด์สทินดูร์ (Bulandstindur) ที่มีรูปทรงปิรามิดขนาดใหญ่ ที่น่าสนใจคือมีตำนานกล่าวว่าใครที่เดินทางมาที่ดยูปิโวกูร์แล้วขอพรในช่วงครีษมายันจะได้รับพรสมปรารถนา
หมู่บ้านที่น่าไปเยี่ยมชมอีกแห่งคือฟาสครุดสฟยอร์ดูร์ (Faskrudsfjordur) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงฝรั่งเศสในอดีต ขณะที่คุณสำรวจหมู่บ้านนี้ คุณจะเห็นวัฒนธรรมที่ยังหลงเหลือจากผู้ตั้งถิ่นฐานชาวฝรั่งเศสยุคแรกผ่านป้ายถนนต่างๆ โรงพยาบาล และท่าเรือ
ขณะที่คุณขับรถต่อไป คุณจะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่เกี่ยวข้องกับตำนานพื้นบ้านของประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะเห็นหินเอลฟ์ที่ว่ากันว่าเป็นบ้านของฮิดเดนพีเพิลที่ซ่อนตัวอยู่
คุณยังจะได้เยี่ยมชมทะเลสาบลาการ์ฟโยล์ท (Lagarfjlot) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นที่อยู่ของสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว สิ่งมีชีวิตตัวนี้เรียกว่า Lagarfljot Wyrm ว่ากันว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของสัตว์ประหลาดล็อคเนส
อย่างไรก็ตาม จุดหมายปลายทางหลักของคุณในวันนี้คือเอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir) ซึ่งอยู่ห่างจากลาการ์ฟโยล์ทประมาณ 15 กิโลเมตร เอกิลสตาดีร์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ตะวันออกและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเติมพลังหลังจากขับรถมายาวนาน เมืองนี้ยังใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเยือนมากมาย
ฮาลลอร์มสตาดาส์สโกการ์ (Hallormstadasskogar) ซึ่งเป็นป่าที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์อยู่ห่างจากเอกิลสตาดิร์ประมาณ 27 กิโลเมตร ที่มีเป็นป่าไม้ที่สวยงามพร้อมเส้นทางหลายสิบเส้นทางที่นำไปสู่ทิวทัศน์อันตระการตา
ถ้าหากคุณทำการจองเข้าใช้บริการอ่างอาบน้ำเวิก (Vok) เอาไว้ คุณก็สามารถไปแช่น้ำที่สปาหรูในทะเลสาบทางเหนือของหมู่บ้านได้ ซึ่งที่อ่างน้ำแห่งนี้มีทั้งน้ำอุ่นจากพลังงานความร้อนใต้พิภพและทัศนียภาพอันน่าทึ่ง คุณสามารถผ่อนคลายในสระน้ำอุ่นที่นี่พร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าหลงใหล
คุณจะเข้าที่พักในไอซ์แลนด์ตะวันออกในตอนเย็นเพื่อแยกย้ายกันไปพักผ่อน และออกเดินทางกันต่อในวันถัดไป
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 6 - ไอซ์แลนด์เหนือ
- ไอซ์แลนด์เหนือ
- มากกว่า
- น้ำตกเดตติฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- คยาร์นาสโกกูร์
- หุบเขาอาสบิร์กิ
- มากกว่า
วันที่หกของวันหยุดฤดูร้อน 2 สัปดาห์ของคุณที่ไอซ์แลนด์จะเต็มไปด้วยกิจกรรมและการผจญภัยทันทีที่คุณเริ่มออกเที่ยวในทางเหนือ
ออกเดินทางจากเอกิลสตาดีร์และขับไปบนถนนวงแหวน คุณจะมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาไฟและภูมิประเทศที่เหมือนผิวดวงจันทร์ของทางตอนเหนือของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่คุณสามารถแวบออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าทึ่งได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่นน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป มีมวลน้ำมหาศาลถาโถมลงไปในหุบเขาที่เป็นหินสีดำ และรอบๆ นั้นยังมีน้ำตกเซลฟอสส์ (Selfoss) และน้ำตกฮาฟราจิลส์ฟอสส์ (Hafragilsfoss) ที่น่าประทับใจไม่แพ้กันด้วย
น้ำตกเดตติฟอสส์มีความสูง 141 ฟุตและมีความกว้าง 328 ฟุต (สูง 43 เมตร กว้าง 100 เมตร) นอกจากนี้ น้ำตกแห่งนี้มีอัตราการไหลเฉลี่ย 50,985 แกลลอน (193 ลูกบาศก์เมตร) ต่อวินาที สามารถชมพละกำลังของเดตติฟอสส์ได้ในฉากเปิดเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง "Prometheus" ปี 2012
ในขณะเดียวกัน ห่างออกไปประมาณ 30 กิโลเมตรคือเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) ซึ่งเป็นหุบเขารูปร่างคล้ายเกือกม้ายักษ์ที่ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันและเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม ศาสนานอร์สโบราณกล่าวว่าเอาส์บิร์กิเกิดจากการที่ม้าแปดขาของเทพโอดินกระทืบขาข้างใดข้างหนึ่งลงบนพื้นดิน
หลังจากเที่ยวชมสถานที่เหล่านี้เสร็จแล้ว คุณจะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางหลักอีกสองแห่งของวันนี้คือฮูสาวิก (Husavik) และแถบทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) ฮูสาวิกเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศและเป็นจุดชมปลาวาฬที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
หากคุณเลือกทัวร์ดูวาฬเอาไว้ในระหว่างที่ทำการจองทริปนี้ คุณจะได้นั่งเรือแบบดั้งเดิมออกทะเลไปชมสิ่งมีชีวิตที่น่าทึ่ง แต่ถ้าอยากตื่นเต้นมากขึ้นให้เลือกเป็นทัวร์เรือยางโซดิแอก
วาฬหลังค่อมซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการกระโจนขึ้นสู่ผิวน้ำพบเห็นได้บ่อยในบริเวณนี้ และยังมีโลมาปากขาว พอร์พอยซ์ วาฬมิงค์ หรือแม้แต่สายพันธุ์ที่หายากมาก เช่น วาฬสีน้ำเงิน และวาฬเพชฌาตพันธุ์ก็มีให้เห็นเช่นเดียวกัน
ฮูสาวิกยังเป็นที่ตั้งของอ่างน้ำร้อนธรรมชาติจีโอซี (GeoSea) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการกิจกรรมอื่นแทนการดูวาฬ ที่นี่แตกต่างจากสระน้ำร้อนใต้พิภพและสปาธรรมชาติอื่นๆ ในไอซ์แลนด์ตรงที่น้ำร้อนที่นี่เป็นน้ำเค็มที่มาจากมหาสมุทรโดยตรงจึงอุดมไปด้วยแร่ธาตุจากทะเล
ห่างจากฮูสาวิกประมาณ 72 กิโลเมตรคือภูมิภาคทะเลสาบมิวาทน์ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์เหนือ ทะเลสาบเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ต้องการชมพืชและสัตว์ต่างๆ ของประเทศ
พันธุ์ดอกไม้อาร์กติกและนกน้ำจืดมีให้เห็นมากมาย นอกจากนี้ ธรณีวิทยาของแถบนี้ยังน่าทึ่งและมีเอกลักษณ์ โดยมีการก่อตัวที่หายาก เช่น ปากปล่องภูเขาไฟเทียมและหอคอยหินบะซอลต์ที่พบได้ทั่วทุกมุม
ป้อมปราการที่เกิดจากลาวาที่ดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) นั้นมีความน่าสนใจมากเป็นพิเศษไม่ใช่แค่เพราะมีขนาดที่ใหญ่โตเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ว่ากันว่าเป็นบ้านของโทรลล์คริสต์มาสทั้ง 13 ตัวของไอซ์แลนด์ และแม่ของพวกมันที่กินลูกของตัวเอง
ในขณะเดียวกันอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) ก็เป็นสปาความร้อนใต้พิภพที่อยู่ในบริเวณนี้ น้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการบำบัดทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนหลังจากการผจญภัยและการสำรวจมาทั้งวัน คุณสามารถจองกิจกรรมนี้เพื่อเป็นกิจกรรมทางเลือกนอกเหนือจากกิจกรรมข้างต้นได้
การเดินทางในวันนี้ของคุณจะไปจบลงที่เมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือ หากคุณยังไม่หมดแรง สถานบันเทิงยามค่ำคืนในเมืองนี้ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งในเมืองยังมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียง และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามให้ได้ชม
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในไอซ์แลนด์เหนือ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 7 - Northwest Iceland
- Northwest Iceland
- มากกว่า
- ฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์
- คาบสมุทรโทรลล์
- ฮอลา รี ฮยาทตาดาล
- มากกว่า
วันนี้คุณจะเที่ยวอยู่ในทางเหนือของไอซ์แลนด์ ระหว่างการเดินทางที่มุ่งหน้าไปยังฟยอร์ดทางตะวันตกจะมีทัศนียภาพที่สวยงามของคาบสมุทรและเมืองที่ห่างไกลให้ได้ชม
โดยมีหมู่บ้านน่าสนใจ เช่น สิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) ซึ่งตั้งอยู่ในฟยอร์ดอันงดงาม และหมู่บ้านฮอฟซอส (Hofsos) ซึ่งมีสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ รับรองว่าคุณสามารถใช้เวลาสำรวจพื้นที่ในแถบนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน
ซิกลูฟยอร์ดูร์เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีทิวทัศน์อันงดงามเมื่อมองจากท่าเรือและขนาบด้วยภูเขาสูงตระหง่านทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลเกี่ยวกับความสำคัญของการตกปลาในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้
หลังจากใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์แล้ว คุณจะมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรโทรลล์เป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร และแวะที่ฮอฟซอส ฮอฟซอสเป็นที่รู้จักจากสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ไร้ขอบริมทะเลที่สวยงาม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับคนในท้องถิ่นและผู้มาเยือน ลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำพร้อมเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่สุดที่คุณจะได้เห็นในประเทศ
ทัวร์ 4 โปรแกรมที่มีจะช่วยให้คุณดื่มด่ำกับภูมิภาคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะนี้มากยิ่งขึ้น ก่อนออกจากเมืองอาคูเรย์ริคุณสามารถเข้าร่วมทริปชมวาฬจากท่าเรืออันงดงามของเมืองได้ เช่นเดียวกับในฮูสาวิก ทะเลที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต และผู้รักสัตว์จะประทับใจกับสัตว์ยักษ์ผู้อ่อนโยนแห่งท้องทะเลลึก
ทัวร์ที่คล้ายๆ กันแบบนี้ยังมีให้บริการในเมืองเล็กๆ ชื่อเฮยกาเนส (Hauganes) ที่อยู่เหนือฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดู (Eyjafjordur) ด้วย โดยทัวร์ที่นี่จะให้คุณเพลิดเพลินกับกิจกรรมตกปลาในทะเลมาทำอาหารเย็น เพื่อเป็นการฆ่าเวลาในระหว่างที่คุณรอชมวาฬ ปลาโลมา ดูนกพัฟฟิน และนกทะเลชนิดอื่นๆ
กิจกรรมทางเลือกที่แตกต่างไปจากที่กล่าวมาอีกอย่างหนึ่งคือทัวร์ขี่ม้า ซึ่งคุณสามารถเลือกไปขี่ม้าไอซ์แลนด์แทนการเที่ยวในทะเลได้ ซึ่งภูมิประเทศในทางตอนเหนือนี้จะยิ่งสวยงามมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณอยู่บนหลังของเจ้าม้าแสนเชื่องเหล่านี้ และไกด์ของคุณก็จะเล่าให้คุณฟังถึงตำนานต่างๆ ในระหว่างที่คุณขี่ม้าผ่านไปยังที่ต่างๆ ด้วย
ส่วนตัวเลือกกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้เป็นการแช่ตัวในสปาเบียร์ที่อาร์สโกสซานดู (Arskogssandur) ที่ตั้งอยู่ข้างโรงเบียร์และมีวิวสวยของฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดู ซึ่งการแช่ยังเบียร์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังมีประโยชน์ต่อผิวมากมายด้วย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้พร้อมกับจิบเบียร์เย็นๆ
หลังจากที่ใช้เวลาชื่นชมความงามของชายฝั่งและชนบทของไอซ์แลนด์เหนือกันมามากแล้ว คืนนี้คุณจะพักค้างคืนที่ไอซ์แลนด์ตะวันตกเฉียงเหนือ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 8 - ฟยอร์ดตะวันตก
- ฟยอร์ดตะวันตก
- มากกว่า
- ชั้นหินบะซอลต์และซากปรักหักพังที่บอร์การ์วิร์กิ
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- มากกว่า
ในวันที่แปดของการเดินทางบนถนนระยะเวลาสองสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ คุณจะมุ่งหน้าไปยังฟยอร์ดทางตะวันตก
มีนักเดินทางไม่มากที่จะเข้ามาเที่ยวในพื้นที่ห่างไกลนี้เนื่องจากระยะทางที่ไกลจากเรคยาวิกและขนาดพื้นที่ที่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง แต่สำหรับคุณแล้วคุณมีเวลาหลายวันในการสำรวจความงดงามที่ซ่อนอยู่ในดินแดนนี้ ดังนั้น คุณสามารถขับรถไปเยือนจุดหมายปลายทางสุดท้ายบนเขตทางเหนือของไอซ์แลนด์ซึ่งอยู่บนเส้นทางนี้ได้สบายๆ
คาบสมุทรวาทน์เนส (Vatnsnes) เป็นจุดที่มีความโดดเด่นมากเนื่องจากบนคาบสมุทรมีสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เพลิดเพลินมากมาย เช่น เป็นอาณาจักรของแมวน้ำและมีศูนย์จัดนิทรรศการเกี่ยวกับแมวน้ำโดยเฉพาะด้วย (Icelandic Seal Centre) นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจยังรวมถึงอนุสาวรีย์ธรรมชาติอย่างป้อมปราการลาวาที่บอร์กาวีร์กี (Borgavirki) และเสาหินฮวิตแซร์คูร์ (Hvitserkur) ด้วย
บอร์กาวิร์กิ (Borgavirki) ตั้งอยู่ 177 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีความสูงตระหง่านราว 10 ถึง 15 เมตร ทำให้ชาวไวกิ้งยุคแรกเลือกใช้บอร์กาวิร์กิเป็นป้อมปราการ
ในขณะเดียวกัน หินฮวิทแซร์คูร์ที่น่าประทับใจก็ยื่นออกมาจากมหาสมุทรสูง 15 เมตร เมื่อมองจากในมุมหนึ่งจะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายช้าง
เมื่อคุณเดินทางออกจากถนนวงแหวน คุณจะสังเกตเห็นภูเขาขนาดมหึมาของฟยอร์ดทางตะวันตกอยู่ตรงหน้า และทันทีที่คุณขับเข้ามาในพื้นที่ คุณจะตื่นตาตื่นใจกับความงามของธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากยอดเขา อ่าวที่โอบล้อมผืนน้ำเป็นประกายระยิบระยับ และวิวทิวทัศน์ที่คุณจะต้องร้องว้าวในทุกโค้ง
นอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายแล้ว แผนการเดินทางของคุณในครั้งนี้ยังรวมถึงการเที่ยวชมเมืองที่มีวัฒนธรรมน่าสนใจด้วย ผู้ที่หลงใหลในประวัติศาสตร์และเรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนตร์ต้องไม่พลาดแวะที่โฮลมาวิก (Holmavik)
เมืองนี้มีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับแม่มดและมนตร์ดำ (Museum of Icelandic Sorcery and Witchcraft) ที่คุณจะได้เรียนรู้ถึงวิธีที่ชาวไอซ์แลนด์ใช้เวทมนตร์จัดการกับพลังลี้ลับของธรรมชาติมาหลายร้อยปี สิ่งของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงมีทั้งความน่าสนใจและน่าขนพองสยองเกล้า เช่น กางเกงที่ทำมาจากหนังของมนุษย์
ห่างออกไปอีกประมาณ 33 กิโลเมตรจะมีพิพิธภัณฑ์เรียกว่าบยาร์นาร์ฟยอร์ดูร์ (Bjarnarfjordur) ซึ่งมีกระท่อมของพ่อมดหมอผีซึ่งเป็นเทิร์ฟเฮาส์ (กระท่อมที่มีหญ้าเขียวคลุมหลังคา) ที่ตกแต่งเลียนแบบบ้านในศตวรรษที่ 17 ของไอซ์แลนด์ให้เที่ยวชมด้วย ซึ่งคุณจะได้เห็นสัญลักษณ์ของพิธีกรรมซุกซ่อนอยู่ทั่วไปทั้งบนผนังและของตกแต่ง
สถานที่ท่องเที่ยวในฟยอร์ดทางตะวันตกที่เดินทางไปง่ายอีกแห่งสำหรับวันนี้คือเรคโฮลาร์ (Reykholar) ซึ่งเป็นเมืองที่เหมาะกับการไปดูนกและชื่นชมธรรมชาติอันงดงาม และอีกแห่งหนึ่งคือสระน้ำร้อนแดรงส์เนส (Drangsnes) ที่คุณสามารถแช่ตัวเพิ่มความสดชื่น
การเดินทางในวันนี้จะสิ้นสุดลง ณ ที่พักของคุณในฟยอร์ดตะวันตก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 9 - ฟยอร์ดตะวันตก
- ฟยอร์ดตะวันตก
- มากกว่า
ในวันที่เก้าที่ไอซ์แลนด์ คุณจะเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนฟยอร์ดตะวันตกเพื่อชมภูมิประเทศแบบดั้งเดิมของฟยอร์ดทางตะวันตก โดยจะมุ่งหน้าไปที่เมืองอีสาฟยอร์ดูร์ (Isafjordur) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่คุณจะเดินทางผ่านทิวทัศน์งดงามระหว่างทางมากมายทั้งช่องเขาสูงและฟยอร์ดที่ถูกกัดเซาะแทรกเข้าไปในหุบสูงชัน
เมื่อขับรถตามแผนการท่องเที่ยวที่คุณมี คุณจะมุ่งหน้าออกจากถนนสายหลักเพื่อตามหาสถานที่สวยงามที่ซ่อนอยู่มากมาย เช่น น้ำตก อ่าว และผาดูนก นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคนี้ ซึ่งคุณไม่เพียงแต่จะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังอาจได้เห็นสุนัขจิ้งจอกอาร์กติกที่มีอยู่มากมายในบริเวณด้วย
หากต้องการทำความเข้าใจสัตว์ชนิดนี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น คุณสามารถไปที่ศูนย์ศึกษาสุนัขจิ้งจอกอาร์กติกซึ่งอยู่ในหมู่บ้านซูดาวิก (Sudavik) ที่สวยงามเพื่อศึกษาถึงแนวทางการอนุรักษ์ พฤติกรรม และเสน่ห์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมพื้นเมืองของไอซ์แลนด์
หรือในขณะที่คุณเดินทางอยู่ริมน้ำ คุณก็จะมีโอกาสได้เห็นปลาวาฬ ปลาโลมา และพอร์พอยส์ออกมาหาอาหารในบริเวณฟยอร์ดอันอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ด้วย หากคุณเห็นครีบโผล่เหนือผิวน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับเมื่อไหร่ คุณต้องไม่พลาดลงมาชื่นชมกับประสบการณ์ที่น่าประทับใจแบบนี้สักครั้ง แต่อย่าลืมมองหาที่จอดรถที่ปลอดภัยและไม่ผิดกฎจราจรด้วย
เมื่อคุณไปถึงที่อีสาฟยอร์ดูร์ คุณจะได้เห็นสภาพแวดล้อมที่งดงามมากกว่าเมืองอื่นๆ ของไอซ์แลนด์ เพราะที่นี่ล้อมรอบด้วยภูเขายอดราบและทิวทัศน์ตระการตาของฟยอร์ดที่ส่องประกายระยิบระยับ อีสาฟยอร์ดูร์ถือเป็นเมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของฟยอร์ดตะวันตกและเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
ที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้า การบริการ และการศึกษา และมีบทบาทสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 16 ในฐานะศูนย์กลางการประมงและการค้าขาย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี และร้านบูติกหลายแห่งที่คุณอาจต้องการสำรวจก่อนเข้าที่พัก
ไปเยี่ยมชมร้านอาหาร Tjoruhusid และลิ้มลองอาหารทะเลที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ สำรวจพิพิธภัณฑ์มรดกฟยอร์ดตะวันตก ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของฟยอร์ดตะวันตก
ส่วนที่ Culture House ซึ่งคุณจะได้พบกับห้องสมุดสาธารณะของเมืองและการจัดแสดงสิ่งของในโรงพยาบาล ตื่นตาตื่นใจไปกับบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ขณะขับรถไปรอบเมือง บ้านเหล่านี้บางหลังมีอายุย้อนกลับไปถึงกลางศตวรรษที่ 18 ด้วยซ้ำ
หลังจากท่องเที่ยวมาทั้งวัน คุณจะได้พักผ่อนในที่พักในฟยอร์ดตะวันตก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 10 - ฟยอร์ดตะวันตก
- ฟยอร์ดตะวันตก
- มากกว่า
- ดินยานดิ
- หาดทรายแดงเรยดิซานดูร์
- มากกว่า
ในวันที่สิบคุณจะไปเที่ยวสถานที่น่าทึ่งสองแห่งของฟยอร์ดทางตะวันตก ได้แก่ น้ำตกดินยานดิ (Dynjandi) และหน้าผาลาทราบียอร์ก (Latrabjarg)
น้ำตกอยู่ห่างจากฝั่งเข้ามาในแผ่นดินและคุณต้องขับรถบนเส้นทางภูเขาที่คดเคี้ยวเพื่อไปยังน้ำตกแห่งนี้ และเส้นทางที่เดินไปยังน้ำตกนั้นก็ยิ่งสวย โดยคุณจะต้องเดินผ่านน้ำตกเล็กๆ อีกมากมายซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีเสน่ห์เฉพาะตัว
เมื่อไปถึงน้ำตกดินยานดิแล้วคุณจะแทบไม่สงสัยเลยว่าทำไมน้ำตกนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่งดงามที่สุดของฟยอร์ดทางตะวันตก น้ำตกดินยานดิมีความสูง 328 ฟุต (100 เมตร) ถาโถมลงบนชั้นหินที่ลดหลั่นไล่ระดับมาจากบนหน้าผาสูง ยิ่งไหลลงมาต่ำเท่าไหร่ม่านน้ำก็ยิ่งมีความกว้างมากขึ้นและสวยมากขึ้นด้วย
หลังจากชื่นชมความงามและถ่ายภาพน้ำตกจนพอใจแล้ว คุณจะเดินทางต่อไปยังลาทราบียอร์ก หน้าผาสำหรับดูนกที่สวยงามไม่แพ้กัน และอยู่ห่างจากดินยานดิประมาณ 144 กิโลเมตร แถมยังเป็นหน้าผาดูนกที่มีความยาวมากที่สุดในยุโรป และมีนกมาทำรังในบริเวณจำนวนนับล้านๆ ตัว
ในบรรดาประชากรนกที่อาศัยอยู่ที่หน้าผาแห่งนี้ นกพัฟฟินถือว่าเป็นไฮไลต์เพราะเป็นนกที่มีจำนวนมากที่สุดและพวกมันยังไม่ตื่นตกใจเมื่อมีคนมาเฝ้ามองอยู่ในระยะสองสามฟุตด้วย เมื่อสังเกตให้ดีจะเห็นว่านกพัฟฟินเหล่านี้มักจะกระหนุงกระหนิงอยู่กันเป็นคู่หรือไม่ก็เดินเตาะแตะไปมารอบๆ โพรงของพวกมัน ซึ่งเป็นภาพน่ารักมาก
ผาลาทราบียอร์กยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความกล้าหาญด้วย หลังจากที่เรือลากอวนของอังกฤษพลิกคว่ำใต้หน้าผาแห่งนี้ บรรดาลูกเรือที่น่าสงสารเกือบจะต้องจบชีวิตลงทั้งหมดหากไม่ใช่เพราะความกล้าหาญของชาวบ้านแถวนี้ ซึ่งเชี่ยวชาญการไต่หน้าผาลงไปเก็บไข่นก โดยพวกชาวบ้านได้ไต่เชือกลงไปยังเรือโดยไม่ลังเลและได้ช่วยชีวิตลูกเรือไว้ได้จำนวนหนึ่ง
คุณจะได้พักค้างคืนในบริเวณนี้หลังจากใช้เวลาชมสถานที่เที่ยวลับในฟยอร์ดทางตะวันตกกันอย่างคุ้มค่า
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 11 - สไนแฟลซเนส
- สไนแฟลซเนส
- มากกว่า
- ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
- หาดกรวดดำที่ดยูปาลอนส์ซานดูร์
- หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
- มากกว่า
หลังจากเที่ยวฟยอร์ดทางตะวันตกอันห่างไกลเป็นเวลาหลายวัน วันนี้คุณจะเดินทางออกจากภูมิภาคนี้และมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ที่น่าทึ่ง แต่ก่อนที่จะไปนั้นคุณยังสามารถใช้เวลาในช่วงเช้าเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในท้องถิ่นเพิ่มเติมได้อีก
การเดินทางจากฟยอร์ดทางตะวันตกไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสนั้นสะดวก เพราะมีเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับบรรทุกผู้โดยสารและรถยนต์คอยวิ่งรับส่ง อ่าวเบรดาฟยอร์ดูร์ (Breidafjordur) ซึ่งคั่นกลางระหว่างสองภูมิภาคนี้ก็เหมาะกับการล่องเรืออย่างผ่อนคลายเหมือนกัน โดยมีหมู่เกาะมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งเต็มไปด้วยนกนานาชนิดและวิวที่สวยงามตระการตาท่ามกลางผืนน้ำ
เมื่อเรือเข้าใกล้สไนล์แฟลซเนส คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมแถวนี้จึงถูกมองว่ามีความลึกลับและน่ามหัศจรรย์ที่สุดในประเทศ ตลอดความยาว 56 ไมล์ (90 กิโลเมตร) ของคาบสมุทรมียอดภูเขาไฟขนาดมหึมาให้เห็นเป็นระยะ
ภูเขาไฟสไนล์เฟลล์สโจกุลอันยิ่งใหญ่อยู่ที่ปลายสุด ซึ่งใหญ่ที่สุดและน่าประทับใจที่สุดด้วยความสูง 1,446 เมตร ยอดแฝดทรงแหลมถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเรคยาวิกจากอีกฟากหนึ่งของอ่าว
ที่น่าสนใจคือธารน้ำแข็งแห่งนี้มีตำนานมากมายทั้งที่ว่ากันว่าเป็นแหล่งของพลังงานโบราณ นอกจากนี้ ชาวไอซ์แลนด์บางคนยังเชื่อว่าก้อนหินรอบๆ ธารน้ำแข็งเป็นที่ที่ฮิดเดนพีเพิลอาศัยอยู่
จากนั้นคุณจะไปที่สติกกิชโฮลมูร์ (Stykkisholmur) ที่อยู่ห่างจากสไนล์เฟลล์สโจกุลออกไปราว 91 กิโลเมตร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรแห่งนี้ รวมถึงศูนย์กลางของวัฒนธรรมทั้งที่เกี่ยวกับการประมงและนิทานพื้นบ้าน
หลังจากเดินเล่นรอบบริเวณเพื่อชมบรรยากาศลึกลับแปลกตาแล้ว คุณจะมุ่งหน้าไปบนถนนสายหลักที่วิ่งรอบสไนล์แฟลซเนสและข้ามผ่านทุ่งลาวาเบอร์เซิร์กยาเฮิร์น (Berserkjahraun) ที่มีบรรยากาศอึมครึมวังเวง
เนื่องจากคุณจะมีเวลาทั้งวันในการสำรวจสไนล์แฟลซเนสต่อ จึงไม่จำเป็นต้องรีบเก็บสถานที่ทั้งหมดในทันที คุณสามารถมุ่งความสนใจไปที่การชมสถานที่ท่องเที่ยวตามชายฝั่งทางตอนเหนือของคาบสมุทรในวันนี้และค่อยไปสถานที่ท่องเที่ยวทางชายฝั่งทางใต้ในวันพรุ่งนี้แทนได้
หากคุณจะทำเช่นนั้น สถานที่ที่คุณควรไปเยือนก่อนคือภูเขาคิร์กจูแฟลล์ ยอดเขาที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมองดูคล้ายทั้งปิรามิด หัวลูกศร และโบสถ์ก่อน เขาลูกนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมชายฝั่งด้วยความสูง 1,519 ฟุต (463 เมตร) ทำให้ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่ผ่านไปมา
นอกจากนี้เขาลูกนี้ยังปรากฏอยู่ในซีรีส์เกมออฟโธรนส์และเป็นสถานที่โปรดของช่างภาพท้องถิ่นหลายคน มุมที่ดีที่สุดสำหรับชมเขาคิร์กจูเฟลล์คือบริเวณน้ำตกที่อยู่ติดกัน
พิพิธภัณฑ์ฉลามไอซ์แลนด์เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวบนชายฝั่งทางเหนือที่คุณสามารถสัมผัสวัฒนธรรมของประเทศไอซ์แลนด์ได้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านบยาร์นาเฮิฟน์ (Bjarnahofn) ที่มีเสน่ห์ และมีวิธีการผลิตฮาคาร์ลหรือปลาฉลามหมักที่เป็นอาหารอันโอชะของชาวไอซ์แลนด์ให้ดู หรือคุณจะลองชิมก็ได้
หลังจากเริ่มต้นผจญภัยในสไนล์แฟลซเนสไปบางส่วนแล้ว คืนนี้คุณจะพักค้างคืนอยู่บนคาบสมุทร
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 12 - สไนแฟลซเนส
- สไนแฟลซเนส
- มากกว่า
- สไนล์เฟลล์โจกุลล์
- หมู่บ้านบูดิร์
- หาดอีทรี ทุงกา
- มากกว่า
หลังจากตื่นนอนบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในเช้าวันที่ 12 ของทริปเที่ยววันหยุดสองสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ครั้งนี้ คุณยังมีสถานที่และการผจญภัยมากมายรออยู่
หากคุณใช้เวลาเมื่อวานนี้ทั้งวันเที่ยวทางตอนเหนือของคาบสมุทรมาแล้ว ในวันนี้คุณจะไปดูสิ่งมหัศจรรย์ในอุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลล์สโจกุล (Snaefellsjokull) และคาบสมุทรทางใต้
อุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลล์สโจกุลถูกตั้งชื่อตามธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์สโจกุลที่ใจกลางของอุทยานฯ ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายคาบสมุทร บริเวณนี้มีภูมิประเทศที่สวยงามที่สุดในภูมิภาค และคุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับธรณีวิทยาชายฝั่งอันน่าทึ่ง หมู่บ้านชาวประมงที่ถูกทิ้งร้าง และทุ่งลาวาอันกว้างใหญ่ โดยมีผืนน้ำแข็งที่ส่องแสงระยิบระยับเป็นฉากหลังที่สมบูรณ์แบบ
นอกจากธารน้ำแข็งแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานฯ คือกองทะเลโลนดรังการ์ (Londrangar) อนุสาวรีย์ธรรมชาติขนาดมหึมานี้คือหลักฐานที่เหลือทั้งหมดของปล่องภูเขาไฟที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ คุณจะมองเห็นเสาหินสองต้นบนหน้าผา เสาหนึ่งสูง 75 เมตร และเสาอีกต้นสูง 61 เมตร
ปัจจุบันโลนดรังการ์เป็นบ้านของนกทะเลหลายแสนตัวที่แวะมาทำรังในฤดูร้อน บริเวณนี้ยังมีสัตว์ป่าอื่นๆ ด้วย เช่น สุนัขจิ้งจอกอาร์กติกที่มักจะออกมากินไข่นก
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่สองภายในอุทยานฯ คือหาดทรายดำดยูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) ที่อยู่ห่างจากโลนดรังการ์ 7.5 กิโลเมตร นอกจากจะเป็นแนวชายฝั่งยาวเหยียดที่มีทรายสีดำ ดยูปาโลนส์ซานดูร์นั้นยังมีความโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องหินทดสอบพลัง (Lifting stones) ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ โดยตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ชาวบ้านจะมาที่นี่เพื่อทดสอบว่าหินก้อนใดในสี่ก้อนที่พวกเขาสามารถยกขึ้น ซึ่งเป็นการแสดงความแข็งแกร่งและดูว่าพวกเขาเหมาะกับการดำรงชีวิตบนเรือประมงหรือไม่
เพื่อเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับวันนี้ คุณสามารถไปดื่มด่ำกับสไนล์เฟลล์โจกุลด้วยการขึ้นไปบนธารน้ำแข็งกับทัวร์สโนว์แคท (Snowcat) การเดินทางด้วยยานพาหนะที่ไม่เหมือนใครนี้จะพาคุณไต่เนินน้ำแข็งได้ทุกรูปแบบ
หลังจากที่คุณเที่ยวอุทยานแห่งชาติแห่งที่สามและแห่งสุดท้ายของไอซ์แลนด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณก็จะเริ่มสำรวจบริเวณชายฝั่งทางใต้ของสไนล์แฟลซเนสกันต่อ บริเวณนี้จะให้คำอธิบายที่ชัดเจนว่าเหตุใดพื้นที่ดังกล่าวจึงได้รับฉายาว่าไอซ์แลนด์ในรูปแบบย่อส่วน
รอยแยกขนาดมหึมาบนภูเขาเริดเฟลด์ส์กเยา (Raudfeldgsja) นั้นท้าทายนักปีนเขาให้เข้าไปสำรวจความลึกและค้นหาน้ำตกที่ซ่อนอยู่เสมอ นำรองเท้าที่แข็งแรงและเสื้อผ้าสำหรับใส่น้ำมาด้วยหากคุณต้องการไปชมน้ำตก
ขณะที่ชายหาดอิทรี ทุงกา (Ytri Tunga) นั้นได้รับความนิยมในการชมแมวน้ำและมีบรรยากาศที่เหมาะกับการมาพักผ่อนบนชายฝั่งพร้อมกับมองดูแมวน้ำหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน คุณจะเห็นแมวน้ำสองสายพันธุ์ในบริเวณนี้ นั่นก็คือแมวน้ำสีเทาและแมวน้ำท่าเรือ
บรรดาผู้ที่หลงใหลในธรณีวิทยาของไอซ์แลนด์ก็น่าจะตื่นตาตื่นใจกับเสาหกเหลี่ยมของหน้าผาแกร์ดูแบร์ก (Gerduberg) มาก และในส่วนของผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและนิทานพื้นบ้านก็ไม่ควรพลาดแวะไปเดินเล่นที่หมู่บ้านลึกลับที่ชื่อว่าบูดิร์ (Budir)
หลังจากสำรวจสถานที่อันหลากหลายของสไนล์แฟลซเนสจนพอใจแล้ว คุณจะเข้าพักผ่อนในที่พักบนคาบสมุทรแห่งนี้เป็นคืนที่สอง
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 13 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- มากกว่า
- น้ำพุร้อนเดลตาร์ตุงกูแวร์
- แหล่งประวัติศาสตร์เรคโฮลท์
- น้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์และน้ำตกบาร์นาฟอสส์
- โบสถ์และฟาร์มที่บอร์กา มิรุม
- มากกว่า
วันที่ 13 นี้เกือบจะเป็นวันสุดท้ายของวันหยุดฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ของคุณแล้ว แต่ความสนุกสนานและการผจญภัยยังเหลืออีกมากมาย
วันนี้คุณจะไปเที่ยวชนบทอันงดงามในทางทิศตะวันตก และนี่จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่น่าจดจำครั้งหนึ่งในชีวิต คุณสามารถดูจากแผนการเดินทางของคุณเพื่อหาว่าสถานที่ท่องเที่ยวแบบลับๆ ที่ซ่อนอยู่บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสแห่งไหนบ้างที่คุณอยากไปดูก่อนที่จะออกเดินทางไปจากคาบสมุทรแห่งนี้
ตัวอย่างเช่น เรคฮอลท์ (Reykholt) ที่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่งดงามราวภาพวาด และมีโบสถ์ที่สวยงามและสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบ หรือพิพิธภัณฑ์สนอร์ราสโทฟา (Snorrastofa) ที่เคยเป็นบ้านของสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน (Snorri Sturluson) ผู้เป็นตำนานแห่งยุคกลาง สนอร์รีมีส่วนสำคัญในการบันทึกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับเทพเจ้านอร์สโบราณและยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองอันวุ่นวายของไอซ์แลนด์อย่างมาก
ในขณะเดียวกันบอร์การ์เนส (Borgarnes) เป็นหนึ่งในชุมชนที่มีการตั้งถิ่นฐานแห่งแรกๆ ของไอซ์แลนด์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมืองนี้ก็ได้เจริญรุ่งเรืองจนกลายเป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงามและมีชื่อเสียงจากนิทรรศการ Settlement Center ซึ่งคุณจะตื่นตาตื่นใจไปกับนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟที่บันทึกว่าชาวไวกิ้งผู้เอาแต่ใจสร้างดินแดนที่ไม่เป็นมิตรแห่งนี้ให้เป็นบ้านของพวกเขาเมื่อพันปีก่อนได้อย่างไร
เดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุดและคุณสามารถแวะเยี่ยมชมควบคู่กันไปได้ ที่นี่ห่างจากบอร์การ์เนส 37 กิโลเมตร โดยเดลตาร์ทุงกุแควร์เป็นน้ำพุร้อนที่ไหลแรงที่สุดในยุโรปและเป็นสถานที่ที่สวยงามและเหมาะกับการไปชื่นชมพลังภูเขาไฟที่น่ากลัวของไอซ์แลนด์
ใกล้กันกับพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพอันน่าทึ่งแห่งนี้คือน้ำตกแฝด น้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) และน้ำตกเฮิร์นฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) ที่แม้จะตั้งอยู่ใกล้กัน แต่ความเดือดดาลและความแรงของน้ำของบาร์นาฟอสส์ ซึ่งส่งเสียงคำรามไปทั่วหุบเขาแคบๆ ก็แตกต่างจากน้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์ที่ไหลผ่านทุ่งลาวาอย่างสงบอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทริปวันสุดท้ายของคุณในประเทศไอซ์แลนด์ก็ยิ่งต้องคุ้มค่าน่าจดจำ โดยในวันนี้คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมเสริมกับทัวร์ทั้งสามแบบนี้ได้
แบบแรกคือทัวร์ซูเปอร์จี๊ปที่พาขึ้นไปบนทางลาดของธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) เพื่อไปสำรวจความมหัศจรรย์ของอุโมงค์น้ำแข็งที่สร้างด้วยมือและเครื่องจักรแห่งเดียวในโลกที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เฉดสีฟ้าขาวของน้ำแข็ง ตลอดจนห้องหับและทางเดินภายในอุโมงค์นี้จะมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับคุณอย่างแน่นอน
หรือคุณจะเข้าร่วมทัวร์ที่สองเพื่อเข้าไปชมถ้ำลาวาวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) ที่งดงามก็ได้ โดยคุณจะได้สำรวจอุโมงค์ที่หลงเหลือจากการปะทุของภูเขาไฟครั้งใหญ่ และตื่นตาตื่นใจไปกับการก่อตัวของหินและสีสันอันโดดเด่นสะดุดตา
ตัวเลือกสุดท้ายคือการเข้าร่วมทัวร์อินทูเดอะโวลเคโน (Into the volcano) ซึ่งเป็นประสบการณ์ถ้ำลาวาที่คุณสามารถพบได้ในประเทศไอซ์แลนด์เท่านั้น ด้วยการใช้ลิฟท์ขุด คุณจะถูกพาไปยังโลกอันกว้างใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อภายในห้องแมกมาของภูเขาไฟที่ดับแล้ว การก่อตัวที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งค้นพบโดยบังเอิญ เป็นหนึ่งในสถานที่ไม่กี่แห่งในโลกที่น่าจดจำและมหัศจรรย์
เมื่อคุณได้เห็นครบทุกซอกทุกมุมของไอซ์แลนด์ตะวันตกแล้ว คุณจะเดินทางกลับไปยังเรคยาวิก และหากคุณยังมีพลังงานเหลืออยู่ คุณก็สามารถใช้พระอาทิตย์เที่ยงคืนให้เป็นประโยชน์และออกไปเดินสำรวจถนนที่สวยงามของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์ในวันนี้ได้อีก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 14 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
- มากกว่า
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- มากกว่า
น่าเศร้าที่วันหยุดฤดูร้อน 14 วันของคุณที่ไอซ์แลนด์กำลังจะหมดลง และคุณจะต้องขับรถกลับไปที่สนามบินให้ตรงเวลาสำหรับเที่ยวบินของคุณ
อย่างไรก็ตาม หากเที่ยวบินของคุณออกเดินทางสายหน่อย คุณก็จะมีเวลาเยี่ยมชมแหล่งธรรมชาติรอบๆ เมืองหลวงได้อีกหลายแห่ง เช่น คาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ภูเขาเอสจา (Esja) หรือหุบเขาน้ำพุร้อนเรคยาดาลูร์ (Reykjadalur)
หรือคุณอาจใช้โอกาสนี้ไปซื้อของฝากที่ถนนเลยกาแวกูร์ (Laugavegur) ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าให้คุณซื้อบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ปลาวาฬของไอซ์แลนด์ หรืออาจจะไปเล่นเครื่องเล่นที่ FlyOver Iceland ด้วยก็ได้
พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬของไอซ์แลนด์เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่ทุกคนในครอบครัวจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสัตว์โลกที่น่าทึ่งที่สุด คุณจะได้เห็นโมเดลขนาดเท่าตัวจริงของวาฬทุกสายพันธุ์ที่เดินทางไปมาในน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ตั้งแต่โลมาท่าเรือไปจนถึงวาฬสีน้ำเงินขนาดมหึมา
สำหรับประสบการณ์สนุกๆ ที่ Icelandic Flyover คุณจะได้เล่นเครื่องเล่นน่าหวาดเสียวมากมาย รวมถึงการชมธรรมชาติของไอซ์แลนด์ในมุมมองใหม่ในขณะที่ตัวคุณอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นประสบการณ์การบินที่ต่างจากกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟทั้งหมดทั้งปวง โดยการเดินทางอันน่าทึ่งนี้สมบูรณ์แบบด้วยเอฟเฟกต์ทั้งลมและกลิ่นเพื่อความสมจริงสูงสุด
ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายและต้องการไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ คุณจะได้ปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ
แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุขและหวังว่าคุณจะกลับมาเที่ยวไอซ์แลนด์อีกในเร็ววัน
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
ทริปขับรถเที่ยวด้วยตัวเองนี้สามารถเริ่มออกเดินทางได้ทั้งจากในตัวเมืองเรคยาวิกและจากสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ทั้งนี้คนขับจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุและมีประสบการณ์ในการขับรถบนถนนอย่างน้อย 1 ปี อย่างไรก็ตามรายละเอียดการเดินทางที่คุณได้รับอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับวันเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ด้วย
โปรดทราบว่าคุณอาจต้องแสดงเอกสารทางการแพทย์หากคุณเลือกทำกิจกรรมดำน้ำตื้น และผู้ที่เข้าร่วมดำน้ำตื้นจะต้องสามารถว่ายน้ำได้
แม้ว่าคุณจะมาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน แต่อากาศในไอซ์แลนด์นั้นก็ยากที่จะคาดเดาได้ถูก ดังนั้นกรุณาเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมติดตัวมาด้วย
ทั้งนี้ ในพื้นที่ฟยอร์ดทางตะวันตกนั้นไม่มีที่พักระดับควอลิตี้ ลูกค้าที่ไปเยือนฟยอร์ดทางตะวันตกจะได้เข้าพักในที่พักระดับที่มีความสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่จะหาได้
แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน
วิดีโอ
รีวิวที่ตรวจสอบแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด