ทัวร์ขับรถเที่ยวเอง 7 วันในฤดูร้อน ชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของไอซ์แลนด์พร้อมน้ำตกและไฮกิ้งบนธารน้ำแข็ง

ทริปวันหยุดของคุณจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิก เมื่อผ่านด่านศุลกากรแล้ว คุณจะมารับรถเช่าที่จอดรอคุณอยู่

คุณจะต้องขับรถเพื่อเดินทางไปยังโรงแรมของคุณในเรคยาวิก (Reykjavík) ซึ่งใช้เวลาในการขับรถประมาณ 40 นาทีโดยคุณจะต้องขับผ่านไปบนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ซึ่งมีความงดงามมาก โดยมีทั้งภูเขาไฟรูปทรงกรวย ภูมิประเทศที่เหมือนผิวดวงจันทร์ และมีแหล่งน้ำพุร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วย แต่ระหว่างที่ขับเข้าเมืองนี้คุณอาจจะอยากขับออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชื่นชมกับธรรมชาติที่มหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ก่อนสักแห่งสองแห่ง

หากคุณเลือกกิจกรรมเสริมเป็นการเข้าใช้บริการสปาบลูลากูนเอาไว้เมื่อตอนที่จองทัวร์นี้ คุณสามารถขับรถมุ่งหน้าไปยังบลูลากูนได้เลย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่อยู่บนคาบสมุทรเรคยาเนส ว่ากันว่าน้ำสีฟ้าของที่นี่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษา และยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผ่อนคลายร่างกายหลังจากนั่งเครื่องบินมาเป็นเวลานานด้วย นอกจากการแช่น้ำแล้ว ที่นี่ยังมีบริการมาส์กหน้าด้วยโคลนซิลิก้า รวมถึงมีห้องอบไอน้ำและซาวน่าด้วย

แต่คุณก็อาจจะต้องการเข้าไปสำรวจเมืองเรคยาวิกกันก่อน เมืองหลวงของไอซ์แลนด์แห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่น่าสนใจและเป็นเมืองที่งดงามราวกับเมืองในภาพวาด ซึ่งเรคยาวิกมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทุกประเภท  

และเนื่องจากทัวร์นี้เป็นแพ็คเกจที่คุณต้องขับรถเที่ยวเอง คุณจึงมีอิสระอย่างเต็มที่และคุณยังสามารถออกไปสำรวจธรรมชาติที่สวยงามรอบๆ เมืองได้ด้วย

คืนแรกที่ไอซ์แลนด์นี้คุณจะพักค้างคืนอยู่ในเมืองหลวง

ในวันที่สองของทริปพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์ที่ไอซ์แลนด์นี้ คุณจะเดินทางออกจากเมืองเรคยาวิกและเริ่มเที่ยวจากทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ก่อนแล้วจึงค่อยๆ ขึ้นไปทางเหนือ โดยคุณสามารถใช้เวลาในแต่ละแห่งได้อย่างที่ต้องการและยังสามารถขับออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้อีกหลายแห่ง หรือคุณจะมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) เพื่อไปเที่ยวแถวนั้นเลยก็ได้

สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ที่น่าสนใจ ได้แก่ หมู่บ้านบอร์การ์เนส (Borgarnes) และเรค์คอร์ค (Reykholt) ที่หมู่บ้านบอร์การ์เนสมีศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวไอซ์แลนด์ในอดีต (Settlement Centre) และมีร้านไอศกรีมที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในไอซ์แลนด์

ส่วนหมู่บ้านเรค์คอร์คเคยเป็นที่อยู่ของสนอร์ริ สตูร์ลูสัน (Snorri Sturluson) นักเขียน นักประวัติศาสตร์ และผู้นำในสมัยยุคกลาง คุณสามารถติดตามผลงานและเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีวิตของสนอร์ริได้ที่พิพิธภัณฑ์ในเมือง

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ คุณมีตัวเลือกนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น ฟยอร์ดอันสวยงามที่ควาลฟยอร์ดูร์ (Hvalfjordur) ที่มีน้ำตกกลีมูร์ (Glymur) ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ และเมื่อคุณเดินทางลึกเข้าไปจากชายฝั่งก็มีแหล่งน้ำพุร้อนเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunghver) น้ำพุร้อนที่มีน้ำไหลแรงที่สุดในยุโรปที่น่าสนใจอีกแห่ง ส่วนน้ำตกแฝดอย่างน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) และเฮิร์นฟอซซ่า (Hraunfossar) นั้นก็น่าแวะชมเช่นกันเนื่องจากน้ำตกทั้งสองแห่งนั้นสวยไปคนละแบบ

เมื่อคุณไปถึงทางเหนือของไอซ์แลนด์ แนะนำให้คุณขับออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมคาบสมุทรวาทน์เนส (Vatnsnes) ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับดูแมวน้ำและยังมีศูนย์ศึกษาแมวน้ำไอซ์แลนด์ (Icelandic Seal Center) ให้เข้าชมที่หมู่บ้านฮวามสตางกี (Hvammstangi) ด้วย นอกจากนี้ยังมีหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) รูปช้างที่โผล่อยู่นอกชายฝั่งบนคาบสมุทรที่คุณไม่ควรพลาดแวะไปชมอีกแห่งหนึ่งด้วย

โรงแรมสำหรับคืนนี้อยู่ในอาคูเรย์ริ ซึ่งถือกันว่าเป็น "เมืองหลวงของภาคเหนือ" โดยในเมืองมีทั้งร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร และบาร์ ตลอดจนสถาปัตยกรรมสวยๆ และพิพิธภัณฑ์มากมาย อาคูเรย์ริยังเป็นเมืองที่เชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของทางเหนืออีกหลายแห่งด้วย อย่างหมู่บ้านประมงขนาดเล็กในทางเหนือก็น่าแวะชมเช่นกัน

หากคุณต้องการเพิ่มกิจกรรมเสริมเพิ่มความตื่นเต้นให้กับทริปเที่ยวในวันนี้ คุณมีตัวเลือกทัวร์ถึง 4 รูปแบบด้วยกัน เมื่ออยู่ทางตะวันตกของประเทศ คุณสามารถไปเที่ยวถ้ำลาวาวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) ที่มีความคดเคี้ยวและลึกมาก หรือคุณจะเลือกนั่งรถซูเปอร์จี๊ปคันใหญ่ขึ้นไปบนธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) เพื่อไปชมอุโมงค์น้ำแข็งแทนก็ได้

ถ้ำน้ำแข็งนี้เป็นถ้ำที่มนุษย์ตั้งใจสร้างขึ้นมาในผืนน้ำแข็ง และมีแบบนี้แค่ที่นี่ที่เดียวในโลก ทำให้คุณไม่ควรพลาดโอกาสนี้

ส่วนในทางเหนือของไอซ์แลนด์ คุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ขี่ม้าชมวิวชนบทอันงดงามที่นอกเมืองอาคูเรย์ริ ม้าไอซ์แลนด์เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดและเป็นมิตร ทัวร์นี้จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักเดินทางทุกคน และตัวเลือกกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้เป็นการเดินทางไปที่หมู่บ้านดัลวิก (Dalvik) เพื่อเข้าใช้บริการสปาเบียร์ คุณจะได้จิบเบียร์เพลินๆ ในขณะที่แช่ตัวอยู่ในเบียร์ที่เพิ่งหมักใหม่หรือยังเอลด้วย ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่

ในวันที่สามของทริปพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์ในฤดูร้อนที่ไอซ์แลนด์ คุณจะไปสำรวจสถานที่มหัศจรรย์หลายแห่งในภาคเหนือ และแน่นอนว่าคุณสามารถเลือกไปเฉพาะสถานที่ที่คุณสนใจก็ได้ แต่แนะนำให้ไปเที่ยววงกลมเพชร (Diamond Circle) กันด้วย เนื่องจากเป็นเส้นทางเที่ยวชมธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความงดงามที่หลากหลาย

เส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวหลักคือทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) ที่เป็นแหล่งน้ำอันเงียบสงบ มีพืชพรรณและสัตว์นานาชนิด และมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่งดงาม แถวมิวาทน์นี้มีปากปล่องภูเขาไฟ ตลอดจนป้อมปราการลาวาอย่างเช่นที่ดิมมูบอร์กีร์ (Dimmuborgir) อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มองดูแล้วช่างมีความแตกต่างและขัดแย้งกันเองอย่างสิ้นเชิงกับสีสันของชีวิตที่เบ่งบานในแถบนี้

แม้ว่ามิวาทน์จะเปรียบเสมือนโอเอซิสที่เขียวขจีแต่ก็แวดล้อมไปด้วยภูมิประเทศที่แห้งแล้งกันดาร หุบเขาเนามาส์การ์ด (Namaskard) เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ที่ราบสูงไร้สิ่งมีชีวิตแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยไอน้ำที่เดือดดาลพวยพุ่งราวกับจะคายพิษร้อนของภูเขาไฟออกมา

ระหว่างที่เดินทางไปมิวาทน์ แนะนำให้แวะเที่ยวน้ำตกแห่งประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความงดงามบนเส้นทางวงกลมเพชรอย่างน้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) กันก่อน และหากคุณขับรถออกนอกเส้นทางไปทางเหนือก่อนที่จะถึงมิวาทน์เล็กน้อยคุณก็จะพบกับหมู่บ้านฮูสาวีค (Husavik) อันเงียบสงบซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับดูวาฬที่ดีที่สุดในโลก

สถานที่เที่ยวชุดสุดท้ายบนวงกลมเพชรอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเล็กน้อย และประกอบด้วยน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีมวลน้ำมหาศาลไหลลงสู่หุบเขาโบราณด้วยพละกำลังที่รุนแรงกว่าน้ำตกอื่นๆ ในยุโรป ส่วนเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) เป็นหุบเขารูปทรงเกือกม้าสวยงามที่มีป่าเขียวปกคลุมและเป็นสวรรค์ของนักเดินป่า

หลังจากที่คุณเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในทางเหนือตามแผนการเดินทางของคุณจนพอใจแล้ว คุณจะขับรถไปตามถนนวงแหวนและวิ่งผ่านอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ที่มีทิวทัศน์สวยงามก่อนจะไปถึงเมืองเอกิลสตาดีร์ (Egilsstadir) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์

ระหว่างนี้คุณอาจจะพักจากการเที่ยวชั่วคราวแล้วไปแช่น้ำที่สปาพลังงานความร้อนใต้พิภพที่มีให้เลือก 2 แห่งในวันนี้ อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและมีน้ำอุ่นที่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษาคล้ายกับที่บลูลากูน ในขณะที่อ่างน้ำโวค (Vok) ตั้งอยู่ริมทะเลสาบที่สวยงามในไอซ์แลนด์ตะวันออก และมีบรรยากาศรื่นรมย์เหมาะสำหรับกิจกรรมในช่วงสุดท้ายของวัน

โรงแรมของคุณในคืนนี้อยู่ในเมืองเอกิลสตาดีร์

วันที่สี่ของทริปหนึ่งสัปดาห์ในไอซ์แลนด์เป็นวันที่คุณจะเดินทางข้ามประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวไม่มากนักที่จะสามารถเดินทางไปถึงฟยอร์ดทางตะวันออก อันเป็นดินแดนห่างไกลที่เต็มไปด้วยความงดงามแห่งนี้ได้

แม้ว่าถนนวงแหวนจะพาคุณเดินทางลัดเลาะรอบอ่าวที่สวยงาม แต่จากเอกิลสตาดีร์คุณก็ยังสามารถขับออกนอกเส้นทางเพื่อไปชมสถานที่เที่ยวลับๆ ที่สวยงามและไม่ค่อยมีคนรู้จักอย่างบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ เอสทรี (Borgarfjordur Eystri)

รอบๆ เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าแวะมากมายก่อนที่คุณจะมุ่งหน้าเดินทางไปตามแนวชายฝั่ง อย่างฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormstadasskogar) ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljot) กับตำนานลึกลับ

ในขณะที่คุณขับรถผ่านช่องเขาและถนนสายแคบริมทะเล คุณจะต้องรู้สึกประทับใจกับเสน่ห์ของภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่คุณจะเห็นมีทั้งอ่าวที่มีน้ำเป็นประกายระยิบระยับ ยอดเขาสูงตระหง่าน หมู่บ้านขนาดเล็ก และความโดดเดี่ยวไร้ผู้คนของดินแดนแถบนี้ นอกจากนี้ คุณยังจะได้เห็นสัตว์นานาชนิดที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ได้แก่ นกทะเลที่มาทำรังอยู่บนหน้าผา และฝูงแมวน้ำที่เกลือกกลิ้งอยู่บนชายหาด

ที่นี่ยังเป็นพื้นที่เดียวของไอซ์แลนด์ที่ฝูงกวางเรนเดียร์ออกมาเดินเตร็ดเตร่อย่างอิสระเสรีด้วย

เมื่อคุณเดินทางมาถึงส่วนปลายสุดของฟยอร์ดตะวันออก คุณจะได้ชื่นชมความงามและความยิ่งใหญ่ของภูเขาเอสตราฮอร์น (Eystrahorn) และภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) จากนั้นค่อยเข้าไปพักเอาแรงในโรงแรมที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

ในวันที่ห้าคุณจะเดินทางไปตามชายฝั่งทางใต้อันงดงาม ภูมิภาคนี้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความมหัศจรรย์ เริ่มจากสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดอย่างทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jokulsarlon)

ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรและผืนน้ำแข็งที่ยื่นออกมาจากธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Jokulsarlon) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และในทะเลสาบเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งที่สวยงามจนคุณแทบลืมหายใจ ภูเขาน้ำแข็งบางลูกนั้นมีความสูงเท่ากับตึกหลายชั้น และมีทั้งสีฟ้าสดใสและสีขาวเป็นประกายแซมสลับด้วยสีดำของเถ้าที่หลงเหลือจากการปะทุของภูเขาไฟในอดีต

หากคุณต้องการสัมผัสกับประสบการณ์พิเศษนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น คุณสามารถเพิ่มกิจกรรมเสริมล่องเรือในทะเลสาบเข้าไปในทริปนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์ล่องเรือสะเทินน้ำสะเทินบกหรือทัวร์ล่องเรือท้องแบน

ภูเขาน้ำแข็งมหึมาเหล่านี้เมื่อแตกตัวเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีขนาดเล็กมากพอ พวกมันจะลอยผ่านช่องแคบที่เป็นทางออกสู่ทะเลและบางส่วนจะถูกน้ำพัดขึ้นไปอยู่บนหาดทรายสีดำในบริเวณใกล้เคียง ที่มีชื่อว่าหาดไดมอนด์ ตามลักษณะของหาดที่มีประกายระยิบระยับชวนให้หลงใหล แนะนำให้คุณไปเดินเล่นที่หาดนี้ก่อนที่จะเดินทางต่อไปบนชายฝั่งทางใต้

สถานที่ต่อไปบนเส้นทางนี้คือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ซึ่งก็มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายเช่นกัน เส้นทางเดินป่าหลายเส้นทางภายในเขตอนุรักษ์จะเชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง รวมถึงผืนน้ำแข็งจำนวนมากของธารน้ำแข็ง และน้ำตกสวาติฟอสส์ (Svartifoss) อันโด่งดังด้วย

หากคุณเลือกเพิ่มกิจกรรมเสริมสำหรับวันนี้เอาไว้ในขณะที่ทำการจองทัวร์ขับรถแพ็คเกจนี้ คุณก็จะได้ไปปีนธารน้ำแข็งที่บนผืนน้ำแข็งแห่งใดแห่งหนึ่งในบริเวณนี้ ทัวร์ปีนกลาเซียร์นี้จะรวมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยทั้งหมดเอาไว้ให้คุณแล้ว คุณแค่ต้องพาตัวเองเดินขึ้นไปบนธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล (Svinafellsjokull) เพื่อไปชมความงามและตื่นตาตื่นใจไปกับน้ำแข็งรูปทรงสวยงามและหุบเหวลึกบนผืนน้ำแข็ง ตลอดจนทิวทัศน์สุดอลังการที่ด้านบนเท่านั้นเอง

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งต่อไปบนชายฝั่งทางใต้คือหาดเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) หาดทรายสีดำอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ที่มีชื่อเสียงมากเรื่องความงดงามภายใต้ความอึมครึม พละกำลังของคลื่นที่ซัดสาด และลักษณะทางธรณีวิทยาริมชายฝั่ง และโขดทะเลฝาแฝดเรย์นิสดรังการ์ (Reynisdrangar) ที่มีตำนานเล่าขานว่าเป็นยักษ์โทรลล์สองตนที่กลายเป็นหินเมื่อโดนแสงอาทิตย์ในขณะที่พวกมันกำลังช่วยกันลากเรือเข้าสู่ฝั่ง

ถัดจากหาดเรย์นิสฟยาราไปหน่อยก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลที่น่าสนใจอีกแห่ง คือ หินโค้งดิร์โอลาเอย์ (Dyrholaey) ขนาดมหึมา และแม้ว่าบริเวณนี้จะสวยงามและสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงหน้าร้อนจะยิ่งเหมาะกับการแวะเข้ามาชมมาก เพราะว่ามีนกพัฟฟินหลายพันตัวมาทำรังอยู่ตามผาหิน

สถานที่เที่ยวสามแห่งสุดท้ายบนชายฝั่งทางใต้เป็นน้ำตกทั้งหมด ซึ่งทั้งสามแห่งนั้นสวยงามมาก น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) เป็นน้ำตกที่ทรงพลังและตกลดหลั่นเป็นชั้นๆ จากหน้าผาสูง 197 ฟุต (60 เมตร) น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ก็มีความสูงไม่ต่างกันมากนักแต่สงบกว่ามาก และมีเส้นทางเดินชมน้ำตกได้รอบทิศ

ส่วนน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljufrabui) นั้นมักจะถูกหลงลืม เพราะไม่สามารถมองเห็นได้จากบนถนนวงแหวน แต่น้ำตกแห่งนี้ก็สามารถเดินเท้าผ่านช่องเขาแคบๆ เพื่อเข้าไปชมได้ภายในระยะทางไม่ไกล และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ โดยสายน้ำที่ไหลผ่านผาหินขนาดใหญ่และตกลงไปในถ้ำทำให้มองดูไม่ต่างจากฉากน้ำตกในเทพนิยาย

ที่พักของคุณในคืนนี้อยู่ในบริเวณเซลฟอสส์ (Selfoss)

วันที่หกของทริปเที่ยวไอซ์แลนด์หนึ่งสัปดาห์ คุณจะใช้เวลาอยู่ในสถานที่สวยงามสามแห่งที่ทำให้วงกลมทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศ

ที่แรกคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) น้ำตกสองชั้นนี้มีพลังมหาศาลและงดงามตระการตา ที่นี่ยังเป็นอนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของไอซ์แลนด์ด้วย โดยน้ำตกแห่งนี้รอดพ้นจากการถูกเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้ามาได้ด้วยฝีมือลูกสาวของเกษตรกรในท้องถิ่น ในฤดูร้อนจะมีทางเดินทอดยาวไปถึงริมน้ำตกเพื่อให้คุณได้สัมผัสความสดชื่นจากละอองน้ำแบบใกล้ชิด

สถานที่แห่งที่สองคือทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir Geothermal Area) ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) อันโด่งดัง และในระหว่างที่รอดูสโทรคูร์พ่นน้ำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที รอบๆ บริเวณก็ยังมีแหล่งน้ำพุร้อนแบบอื่นๆ รวมถึงหลุมพุก๊าซ และบ่อโคลนเดือดให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจอีกเป็นจำนวนมาก

สถานที่เที่ยวแห่งสุดท้ายคือธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ​หนึ่งในสามอุทยานแห่งชาติของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นโผล่ขึ้นมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน และภายในอุทยานฯ ยังมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่นำไปสู่หุบเขาลึก แหล่งน้ำธรรมชาติ ป่า น้ำตกขนาดย่อม และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศด้วย

ในขณะที่คุณเดินทางรอบวงกลมทองคำ คุณสามารถเพลิดเพลินกับหนึ่งในสองกิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดคลาสสิกของประเทศไอซ์แลนด์ อย่างแรกคือทัวร์ดำน้ำตื้นด้วยสนอร์กเกิ้ลที่รอยแยกหุบเขาซิลฟรา (Silfra) ในอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใสสะอาดราวกับคริสตัล คุณจะได้รับชุดดรายสูทมาสวมใส่แล้วลงไปสำรวจโลกใต้น้ำสีฟ้าสดใสในพื้นที่รอยต่อระหว่างสองทวีป

กิจกรรมที่สองคือการขี่สโนว์โมบิล จากลานจอดรถของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ คุณจะนั่งรถซูเปอร์จี๊ปขึ้นไปตามทางลาดชันของธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) เมื่อขึ้นไปถึงบนผืนน้ำแข็งสีขาวเป็นประกาย คุณจะได้เริ่มต้นการผจญภัยสุดตื่นเต้นที่จะทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดและได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันตระการตาไปพร้อมๆ กัน

หลังจากที่เที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำและเข้าร่วมกับทัวร์ที่พาไปทำกิจกรรมสนุกสนานตื่นเต้นกันแล้ว คุณจะขับรถมุ่งหน้าตรงเข้าเมืองเรคยาวิก เพื่อไปเที่ยวต่อในเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณอยากชื่นชมธรรมชาติมากกว่า บนเส้นทางวงกลมทองคำก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกเป็นจำนวนมากที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป เช่น ทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerid) และทะเลสาบซีเครทลากูน (Secret Lagoon)

ในคืนสุดท้ายของทริปหนึ่งสัปดาห์ในไอซ์แลนด์นี้ คุณจะพักค้างคืนอยู่ในเรคยาวิก