ทัวร์ขับรถตามแสงเหนือฤดูหนาว 13 วัน เที่ยวรอบถนนวงแหวนและคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส
คำอธิบาย
รายละเอียด
คำอธิบาย
เดินทางท่องเที่ยวรอบไอซ์แลนด์ แวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามและในขณะเดียวกันก็ออกล่าแสงเหนือตอนกลางคืน นอกจากจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว คุณยังมีกิจกรรมเสริมให้เลือกเพิ่มเข้าไปในแผนการเดินทางของคุณอีกมากมายเพื่อให้ทริปขับรถเที่ยวในวันหยุดครั้งนี้เป็นทริปที่น่าประทับใจสำหรับทุกคน
คุณจะเดินทางไปรอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา แต่ก่อนอื่นต้องแวะที่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) อันสวยงามเสียก่อน และเนื่องจากคนจำนวนมากนิยมขับรถเที่ยวบนถนนวงแหวนแบบทวนเข็มนาฬิกา ดังนั้นถ้าคุณทำตามแผนการเที่ยวของคุณในครั้งนี้คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องไปเจอกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้
ในทริปนี้คุณไม่เพียงจะได้เที่ยววงกลมทองคำและชายฝั่งทางใต้ซึ่งมีสถานที่เที่ยวยอดนิยมมากมาย แต่คุณยังจะได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในทางตอนเหนือและตะวันออกของเกาะที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวด้วย เช่น ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn) และภูเขาเวสตราฮอร์น (Mt. Vestrahorn) รวมทั้งคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) ในทางตะวันตก คุณจะได้เห็นไกเซอร์ ได้เดินทางข้ามหุบเขาและเที่ยวชมสถานที่เที่ยวมีชื่อหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón Glacier Lagoon) และน้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) ซึ่งสถานที่ทั้งหมดเหล่านี้ถูกจัดรวมอยู่ในทริปขับรถเที่ยวในครั้งนี้ให้คุณแล้ว
ในทุกช่วงของการเดินทางคุณยังสามารถเพิ่มกิจกรรมแอดเวนเจอร์สนุกๆ อย่างขี่ม้า ขี่สโนว์โมบิล หรือปีนกลาเซียร์เข้าไปในทริปได้อีก
ไม่ว่าคุณจะตัดสินใจอย่างไร ทริปขับรถเที่ยวเองครั้งนี้จะทำให้คุณได้ใช้เวลาในไอซ์แลนด์ในแบบที่คุณต้องการและการขับรถเองยังทำให้คุณมีโอกาสในการล่าแสงเหนือในตอนกลางคืนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย สำหรับเรื่องที่พักก็สะดวกสบายเพราะทั้งหมดนั้นถูกจัดเตรียมไว้ให้หมดแล้ว การเดินทางครั้งนี้จึงไม่มีความยุ่งยากอะไรเลย หน้าที่ของคุณคือตัดสินใจว่าจะใช้เวลาของคุณในไอซ์แลนด์อย่างไรเท่านั้นเอง
ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับตะลุยโรดทริปหน้าหนาวที่สุดแสนประทับใจในไอซ์แลนด์กันเลย คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างโดยการระบุวันเวลาที่คุณต้องการเดินทาง
ร่วมด้วย
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
แผนการเที่ยวรายวัน

วัน 1 - เดินทางมาถึง
ขอต้อนรับเข้าสู่ความหนาวเหน็บของไอซ์แลนด์ คุณจะรับรถที่สนามบินและใช้พาหนะคู่ใจคันนี้เดินทางเป็นเวลา 13 วัน พร้อมแล้วก็ขึ้นรถใส่เกียร์แล้วเริ่มต้นออกสำรวจเกาะสวยๆ แห่งนี้กันเลย
ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของไอซ์แลนด์คุณสามารถเลือกแวะที่บลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการบำบัดน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้
ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่ เมื่อไปถึงเรคยาวิกในช่วงเย็นคุณอาจจะแวะเอาข้าวของไปเก็บและพักเอาแรงก่อนก็ได้ หรือจะออกมาเดินสำรวจบรรยากาศในดาวน์ทาวน์ หาอะไรดื่มกินที่บาร์หรือร้านอาหารที่มีอยู่มากมาย

วัน 2 - ไอซ์แลนด์ฉบับมินิ
ความสนุกตื่นเต้นจะเริ่มอย่างจริงจังในวันนี้ คุณจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพื่อไปที่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสหรือที่เรียกกันว่าเป็น “ไอซ์แลนด์ฉบับย่อส่วน” เนื่องจากบริเวณนี้มีสภาพทางธรณีวิทยาที่หลากหลายมาก
คุณสามารถขับออกจากถนนวงแหวนเพื่อไปเที่ยวน้ำตกมีชื่อสองแห่ง คือน้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) ซึ่งมีความงามแตกต่างกัน แห่งหนึ่งมีลำธารขนาดเล็กไหลรวยรินในขณะที่อีกแห่งนั้นมีกระแสน้ำวนไหลเชี่ยวกราก เมื่อคุณกลับขึ้นไปบนถนนหมายเลข 1 คุณสามารถแวะเที่ยวที่เดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่ทรงพลังมากที่สุดในทวีปยุโรปได้อีกที่หนึ่ง
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสกันต่อ โบสด์ดำที่หมู่บ้านปูดิร์ (Búðir) เป็นสถานที่สวยงามน่าแวะอีกหนึ่งแห่งโดยเฉพาะในช่วงที่มีหิมะปกคลุมผืนดิน และคุณยังสามารถแวะไปเที่ยวที่หมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) และอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) ได้ด้วยซึ่งทั้งสองแห่งมีหินรูปร่างแปลกประหลาดให้ชม
เมื่อคุณเดินทางไปถึงอุทยานแห่งชาติสไนเฟลล์โจกุล (Snæfellsjökull National Park) ต้องไม่พลาดไปดูกรวยภูเขาไฟสลับชั้นและผืนน้ำแข็งซึ่งครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่และเป็นสิ่งที่น่าสนใจในบริเวณนี้ และที่นี่คุณยังจะมีโอกาสได้ไปเยือนอุโมงค์ลาวาเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณที่ถ้ำวาท์ทเฮลลิร์ (Vatnshellir) อีกด้วย
ถ้ายังมีแสงสว่างหลงเหลืออยู่คุณสามารถไปที่หาดตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนกรวดเพื่อไปดูซากเรืออับปางและหินวัดพลังที่พวกชาวเรือสมัยก่อนเคยใช้เป็นเครื่องมือวัดความกล้าหาญกัน

วัน 3 - มุ่งหน้าขึ้นเหนือ
วันนี้คุณจะเดินทางไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของทางเหนือ
แต่ถ้าเมื่อวานคุณยังไม่ได้ไปเที่ยวทางเหนือของคาบสมุทร วันนี้คุณไม่ควรพลาดไปชมภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) อันสวยงามก่อน ซึ่งเขาลูกนี้ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตชุมชนกรุนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjörður) ระหว่างที่คุณเดินทางเที่ยวอยู่บนสไนล์แฟลซเนสคุณก็จะได้เพลิดเพลินกับวิวสวยๆ ของชายหาดและทิวเขาที่มีหิมะปกคลุมด้วย
เมื่อข้ามภูเขาบนคาบสมุทรโทรลลาสกายี (Tröllaskagi) ไปคุณก็จะถึงอาคูเรย์ริ เมืองที่คุณจะพักค้างคืนในคืนนี้ การที่คุณขึ้นเหนือมาไกลขนาดนี้มีข้อดีคือคุณมีโอกาสในการเห็นแสงเหนือได้มากขึ้น ดังนั้นอย่าลืมจับตาดูบนท้องฟ้าไว้ให้ดี! ถ้าคุณยังไม่หมดแรงคุณอาจจะอยากออกไปเที่ยวในดาวน์ทาวน์อาคูเรย์ริกันต่อเลย ที่นั่นมีร้านอาหารและบาร์มากมาย

วัน 4 - บริเวณทะเลสาบมิวาทน์
เช้านี้หาเครื่องดื่มร้อนๆ ทานที่ร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ที่มีอยู่มากมายและออกเดินทางกันต่อ พ้นเขตอาคูเรย์ริไปไม่นานคุณก็จะไปถึงน้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) อันสวยงาม ในฤดูหนาวน้ำตกแห่งนี้จะกลายเป็นน้ำแข็งรูปทรงคล้ายสัตว์ประหลาดซึ่งไม่เคยซ้ำแบบกันเลยในแต่ละปี
คุณจะเดินทางมุ่งหน้าเพื่อไปเที่ยวทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn) และบริเวณโดยรอบซึ่งมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย คุณสามารถขึ้นไปที่ปากปล่องภูเขาไฟเทียมสกูตูสตาดากีการ์ (Skútustaðagígar) เพื่อชมวิวพาโนรามาของทะเลสาบที่ตอนนั้นน่าจะกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว
จากนั้นไปต่อที่ดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) ทุ่งลาวางดงามซึ่งเต็มไปด้วยหินรูปร่างแปลกประหลาด บ้างก็ว่าหินเหล่านี้เคยเป็นป้อมปราการในยุคกลาง บ้างก็ว่าหินพวกนี้เป็นยูลสแลด (Yule Lads) ของไอซ์แลนด์ในเวลาที่พวกเขาไม่ได้ออกมาแจกผลไม้และขนมให้กับเด็กๆ
คุณสามารถเลือกใช้เวลาในช่วงท้ายของวันที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Mývatn Nature Baths) ซึ่งคุณจะได้แช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพและผ่อนคลายท่ามกลางสปาที่ล้อมรอบด้วยวิวธรรมชาติสวยๆ แต่ถ้าฟ้ามืดลงเมื่อไหร่คุณต้องรีบแหงนหน้าขึ้นฟ้ามองหาแสงออโรร่าในทันทีถ้าคุณไม่อยากพลาดเห็นแสงออโรราท่ามกลางสภาพแวดล้อมสวยๆ แบบนี้
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในบริเวณมิวาทน์

วัน 5 - ดินแดนแห่งหิมะ
วันนี้คุณมีตัวเลือกมากมายเพราะมิวาทน์มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะจริงๆ คุณอาจจะเริ่มต้นวันด้วยการไปที่ทุ่งน้ำพุร้อนเนามาฟย์าท (Námafell) ก่อน ซึ่งที่นั่นคุณจะได้เห็นไอน้ำพวยพุ่งจากพุแก๊สและบ่อโคลนเดือดท่ามกลางทิวทัศน์ที่ทุกอย่างโดยรอบเป็นน้ำแข็ง
คุณสามารถเลือกไปเที่ยวที่น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) น้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดในยุโรป แต่คุณจะต้องใช้บริการทัวร์ซุปเปอร์จี๊ปเท่านั้นจึงจะเข้าไปชมน้ำตกขนาดยักษ์แห่งนี้ได้ ซึ่งก็ถือว่าวันนี้ให้โอกาสคนขับรถได้พักผ่อนหนึ่งวัน คุณจะไปนั่งรถออลเทอร์เรนที่ปรับแต่งมาให้ใช้ได้กับทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศแทน โดยจะมีไกด์พาคุณเที่ยวชมสถานที่อันเหลือแห่งนี้ด้วย
หรือไม่อย่างนั้นคุณจะเลือกไปสัมผัสประสบการณ์แบบอาร์กติกแท้ๆ โดยเลือกเข้าร่วมกับทัวร์นั่งเลื่อนสุนัขก็ได้ ทีมไซบีเรียน ฮัสกี้แสนรู้จะลากเลื่อนพาคุณชมทิวทัศน์ชนบทสวยๆ ของมิวาทน์ซึ่งมีน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ในตอนเย็นคุณจะเที่ยวในแถบมิวาทน์กันต่อและรอคอยให้แสงเหนือออกมาปรากฏตัว

วัน 6 - ฟยอร์ดตะวันออก
ตอนนี้คุณจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกแล้วโดยจะกลับขึ้นมาบนถนนวงแหวนอีกครั้ง และอย่าลืมแวะทุ่งน้ำพุร้อนเนามาฟย์าท (Námafell) ด้วยหากคุณยังไม่ได้เข้าไปชม
คุณจะมุ่งหน้าไปที่เอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของไอซ์แลนด์ ระหว่างทางคุณจะได้ชมวิวที่ราบกว้างใหญ่ที่มีหิมะปกคลุมไปทั่วและได้เห็นเงาเลือนลางของทิวเขาเมื่อผ่านช่องเขาเมิดรูดาลซอไรวี (Möðrudalsöræfi) ซึ่งบริเวณนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ไฮแลนด์แล้ว คุณจะได้เห็นวิวงดงามน่าทึ่งของทะเลทรายสเปรงกิซานดูร์ (Sprengisandur) ทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย
คุณสามารถขับรถเข้าไปในเอกิลสตาดีร์เพื่อชมเมืองหรือจะขับผ่านไปเลยและไปเที่ยวที่หมู่บ้านชาวประมงเซย์ดิร์ฟยอร์ดูร์ (Seyðisfjörður) แทนก็ได้ ซึ่งทั้งสองชุมชนต่างก็มีความสวยงามและมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจมาก
หากคุณอยากจะไปเที่ยวป่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormsstaðaskógur) ซึ่งเป็นผืนป่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์มากกว่า คุณก็จะต้องขับเลยเอกิลสตาดีร์ไปอีกเล็กน้อย และที่ใกล้ๆ กันนั้นก็มีทะเลสาบลาการ์ฟลิยอท์ (Lagarfljót) ที่เชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของสัตว์โบราณที่มีตำนานเก่าแก่มากกว่าสัตว์ประหลาดในทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness) เสียอีก
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนที่ในเอกิลสตาดีร์

วัน 7 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน
หากคุณพลาดที่เที่ยวบางแห่งของเมื่อวานไป วันนี้คุณยังสามารถเก็บตกสถานที่เหล่านั้นได้อยู่
จากนั้นคุณจะกลับขึ้นสู่ถนนวงแหวนและเริ่มออกเดินทางวนรอบเกาะกันต่อ ระหว่างทางก็ดื่มด่ำกับป่าและธรรมชาติอันงดงามของพื้นที่ฟยอร์ดตะวันออกอันห่างไกลกันให้เต็มที่ เพราะบริเวณนี้ได้ชื่อว่ามีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย ไม่เชื่อลองมองหาเรนเดียร์ดูก็ได้
เมื่อคุณขับรถไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวบนเขาเพื่อไปยังที่พักของคุณในคืนนี้ คุณจะได้เห็นวิวชายฝั่งทะเลสวยๆ ที่ด้านล่าง รวมทั้งวิวทิวทัศน์ขาวโพลนของหน้าหนาวด้วย
หากคุณยังมีเวลาเหลือในคืนนี้คงไม่มีกิจกรรมไหนจะดีไปกว่าการออกไปดูแสงเหนือที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) อีกแล้ว ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยสงบและน่าประทับใจมากจนได้รับการขนานนามว่าเป็น “มงกุฎอัญมณี” หรือที่สุดของที่สุดของความงามของไอซ์แลนด์เลยทีเดียว ซึ่งภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แตกตัวออกมาจากเปรียดาร์แมร์คูร์โจกุล (Breiðamerkurjökull) นั้นจะค่อยๆ เคลื่อนตัวลอยออกสู่ทะเลอย่างช้าๆ ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงามจนคุณรู้สึกราวกับต้องมนต์จริงๆ
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในบริเวณโจกุลซาลอน

วัน 8 - ภูเขาเวสตราฮอร์น & ถ้ำน้ำแข็ง
วันที่แปดนี้คุณจะไปที่ภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) บนคาบสมุทรสต็อกเนส (Stokknes) ภูเขาลูกนี้เรียกกันทั่วไปว่าภูเขา “แบ็ทแมน” เพราะมีรูปร่างเหมือนค้างคาว และเป็นสถานที่โปรดสำหรับคนชอบถ่ายรูปด้วย ดังนั้นอย่าลืมเตรียมกล้อง (และถุงมือ) ให้พร้อม
เมื่อขับต่อไปบนถนนวงแหวนคราวนี้คุณจะได้เห็นทะเลสาบโจกุลซาลอนในเวลากลางวันกันบ้าง สิ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือหาดไดมอนด์บีช เพราะที่หาดแห่งนี้จะมีภูเขาน้ำแข็งถูกน้ำพัดขึ้นมาเกยบนหาดทรายดำมากมายทำให้คุณมีโอกาสชื่นชมภูเขาน้ำแข็งแบบใกล้ชิด
วันนี้คุณมีตัวเลือกกิจกรรมเที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajökull) ด้วย ซึ่งทัวร์นี้จะมีไกด์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลพาคุณเข้าไปพบกับความตื่นเต้นและประสบการณ์สุดประทับใจในถ้ำสีน้ำเงินที่สวยงามวิจิตร
คืนนี้คุณก็จะยังคงพักค้างคืนอยู่แถวโจกุลซาลอน และเมื่อคุณเริ่มคุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนี้บ้างแล้วคุณจะสามารถเลือกที่เหมาะๆ สำหรับล่าแสงเหนือตอนกลางคืนได้ง่ายขึ้น

วัน 9 - สกัฟตาเฟลล์
วันนี้คุณจะไปสำรวจเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell Nature Reserve) พื้นที่ที่มีความแตกต่างหลากหลายและเป็นสวรรค์สำหรับคนชอบเดินป่า ทิวทัศน์รอบๆ สกัฟตาเฟลล์นี้สวยงามและมีทุกอย่างตั้งแต่ผืนป่า แม่น้ำ ทุ่งลาวาไปจนถึงภูเขา
สำหรับเส้นทางเดินเขานั้นมีหลายเส้นทาง แต่ละเส้นทางก็มีวิวที่แตกต่างกันไปและเหมาะสำหรับผู้ที่มีความฟิตของร่างกายในระดับที่แตกต่างกันด้วย เลือกเส้นทางที่เหมาะกับคุณและวางแผนให้ดีเพราะฤดูนี้มืดเร็ว คุณจะได้ไม่หลงทางในความมืดมิด!
คุณมีกิจกรรมเสริมปีนกลาเซียร์แบบมีไกด์นำทางให้เลือกในวันนี้ด้วย คุณสามารถขึ้นไปชมน้ำแข็งสีฟ้าเข้มบนหนึ่งในกลาเซียร์ทังก์จำนวนมากมายหลายแห่งในบริเวณนี้เพื่อสัมผัสผืนน้ำแข็งโบราณแบบใกล้ชิด
จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปยังเมืองน่ารักๆ ที่มีชื่อว่าหมู่บ้านวิก (Vík) และพักค้างคืนที่นี่

วัน 10 - ชายฝั่งทางใต้
วันนี้คุณจะออกเดินทางเที่ยวชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมาก แต่คุณจะเดินทางย้อนศรไปในทิศทางตรงกันข้ามกับพวกรถทัวร์นำเที่ยวส่วนใหญ่
ขับรถจากหมู่บ้านวิกไปไม่ไกลก็จะถึงหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่นี่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่นน่าสนใจมาก เช่น มีเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมและโขดทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่ตั้งตระหง่านดูเหมือนยักษ์โทรลล์ท้าลมทะเลอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
แถมยังมีภูมิประเทศที่งดงามด้านหนึ่งติดทะเลและอีกด้านหนึ่งมีธารน้ำแข็งสูงท่วมหัวหลายแห่ง เช่น ธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) มิร์ดาลสโจกุล (Mýrdalsjökull) และโซลเฮมาร์โจกุล (Sólheimajökull) คุณสามารถสัมผัสทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งเหล่านี้แบบใกล้ชิดมากขึ้นถ้าเลือกเพิ่มกิจกรรมทัวร์ปีนกลาเซียร์เข้าไปในวันนี้!
ชายฝั่งทางใต้ยังขึ้นชื่อว่ามีน้ำตกสวยๆ หลายแห่งด้วย ซึ่งน้ำตกเหล่านี้มีต้นน้ำมาจากธารน้ำแข็งที่ไหลมาจากไฮแลนด์ในทางทิศใต้ คุณจะแวะที่น้ำตกที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดสองแห่ง คือน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógarfoss) และน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ซึ่งทั้งสองแห่งนี้มีความสูงถึง 60 เมตร
แต่ถ้าหากคุณอยากทำอะไรที่ตื่นเต้นกระตุ้นอะดรีนาลีนดูบ้าง คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมทัวร์ขี่สโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งเข้าไปในวันนี้ได้ ซึ่งในทางใต้ก็มีธารน้ำแข็งให้เลือกอยู่หลายแห่ง คุณจะได้เร่งความเร็วไปบนผืนน้ำแข็งไปพร้อมกับชื่นชมธรรมชาติอันเงียบสงบและสวยงาม
เดินทางกลับเข้าที่พักในเซลฟอสส์ (Selfoss) ในตอนเย็นและอย่าลืมมองหาแสงเหนือกันด้วย

วัน 11 - วงกลมทองคำ
คุณจะใช้เวลาวันนี้เที่ยววงกลมทองคำอันโด่งดัง เส้นทางนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ไกเซอร์ (Geysir) และอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir National Park) ซึ่งเป็นสถานที่มรดกโลกของยูเนสโกหนึ่งเดียวของไอซ์แลนด์
น้ำตกกุลล์ฟอสส์เป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากเป็นอันดับสองของทวีปยุโรป และมีความสวยงามมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาวเพราะจะเต็มไปด้วยเส้นสายที่เกิดจากละอองน้ำที่แข็งตัวแตกกิ่งก้านสาขาออกจากสายน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งตกลงสู่หุบเขาด้านล่าง ส่วนที่ทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์คุณจะได้เห็นน้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) พ่นน้ำเดือดขึ้นไปบนฟ้าในทุกๆ 5-10 นาที
สำหรับที่ธิงเวลลีร์นั้นมีสันเขาเป็นแนวยาวตลอดระยะทาง ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นจุดที่เป็นรอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกของทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ว่ากันว่าการแยกตัวนี้เกิดขึ้นในอัตราเดียวกับที่เล็บของเรางอกเลยทีเดียว และบริเวณนี้คุณสามารถลงไปเดินเล่นอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองทวีปได้ด้วย ซึ่งไอซ์แลนด์เป็นเพียงที่เดียวในโลกที่คุณสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
ส่วนซิลฟรา (Silfra) คือชื่อของรอยแยกแห่งหนึ่งในอุทยานฯ ซึ่งเกิดขึ้นจากการแยกตัวของสองทวีปเช่นกันแต่ในรอยแยกนั้นมีน้ำบริสุทธิ์จากธารน้ำแข็งไหลเข้าไปเติมเต็ม และน้ำในรอยแยกนี้จะถูกกรองด้วยหินลาวาที่มีอยู่ทั่วไปรอบบริเวณจนมีความใสมาก จนที่นี่เป็นหนึ่งจุดที่มีน้ำใสมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมดำน้ำสน็อกเกิลที่รอยแยกซิลฟราเข้าไปในทริปวันนี้ได้เพื่อลงไปพิสูจน์ว่าน้ำที่ใสจนมองเห็นได้ไกลถึง 100 เมตรนั้นเป็นอย่างไร
แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบน้ำอุ่นๆ มากกว่า คุณอาจจะเลือกไปแช่น้ำพุร้อนที่ซีเครทลากูน (Secret Lagoon) สักหนึ่งหรือสองชั่วโมงก็ได้ แม้ว่าปัจจุบันน้ำพุร้อนที่นี่จะไม่ได้เป็นความลับอย่างชื่ออีกต่อไป แต่มันก็ยังถือว่าเป็นสระว่ายน้ำที่เก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์อยู่ดี แถมยังตั้งอยู่ท่ามกลางวิวธรรมชาติที่สวยงามมากด้วย
สำหรับผู้ที่ชอบทำอะไรที่ท้าท้ายมากกว่านี้ การบิดสโนว์โมบิลเร่งความเร็วไปบนธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์น่าจะตอบโจทย์กิจกรรมในวันนี้ของคุณได้มากกว่า แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกทำอะไรในวันนี้ คุณก็จะกลับเข้าไปในเรคยาวิกในช่วงเย็นพร้อมกับความทรงจำดีๆ เหมือนกันหมด

วัน 12 - วันว่างในเรคยาวิก
ยินดีต้อนรับกลับเข้าสู่เมืองเรคยาวิก คุณมีตัวเลือกหลายอย่างสำหรับวันนี้ ถ้าคุณรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเที่ยวมาหลายวัน คุณสามารถพักผ่อนโดยเลือกไปเดินเล่นแบบสบายๆ ในเมืองก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ไปที่โบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrímskirkja Church) และฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์ (Harpa Concert Hall) ด้วย เพราะทั้งสองแห่งนี้มีความน่าสนใจในด้านสถาปัตยกรรมมาก หรือคุณจะเลือกไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำสาธารณะที่มีอยู่มากมายในเมืองก็ได้ ซึ่งล้วนเป็นสระน้ำอุ่นที่นำพลังงานความร้อนจากใต้พิภพมาใช้ให้เป็นประโยชน์
แต่ถ้าคุณต้องการทำอะไรที่ตื่นเต้นหน่อย คุณสามารถเลือกซื้อทัวร์นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมทุ่งน้ำพุร้อนเพิ่มเติม คุณจะเห็นเรคยาวิกมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ในขณะที่คุณบินห่างออกไปเพื่อชมบริเวณที่เต็มไปด้วยพื้นผิวที่เดือดปุดๆ จากด้านบน
หากคุณชอบที่จะอยู่ติดดินมากกว่า คุณสามารถเพิ่มทัวร์ขี่ม้าเข้าไปในวันนี้แทนก็ได้ ม้าไอซ์แลนด์ขึ้นชื่อว่าเป็นม้าแสนรู้และเชื่องมาก ทัวร์นี้จึงเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่ที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนและผู้ที่ขี่ม้าเป็นอยู่แล้ว
ไม่ว่าคุณจะเลือกทำกิจกรรมอะไร วันนี้ก็จะเป็นวันที่คุณสนุกสนานมาก

วัน 13 - เดินทางกลับบ้าน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะอยู่ในไอซ์แลนด์ ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข เมื่อคุณมาถึงที่เคฟลาวิกแล้ว ให้ดูป้าย "Car Rental Returns" เพื่อคืนกุญแจรถให้กับตัวแทนของบริษัทรถเช่า จากนั้นจึงเดินทางขึ้นเครื่องบิน ระหว่างที่นั่งเครื่องบินกลับบ้านคุณอาจจะนึกถึงเรื่องราวการเดินทางที่เพิ่งผ่านพ้นมาและไม่แน่คุณอาจจะวางแผนที่จะกลับมาเที่ยวไอซ์แลนด์ใหม่อีกครั้งในช่วงหน้าร้อนก็เป็นได้
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
แพ็กเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเริ่มต้นออกเดินทางได้ทั้งจากตัวเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) และสนามบินเคฟลาวิก ผู้ขับขี่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่และมีประสบการณ์ในการขับรถอย่างน้อย 1 ปี และรายละเอียดโปรแกรมท่องเที่ยวอาจมีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับวันและเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์
สำหรับกิจกรรมเสริมบางอย่างนั้นคุณอาจจำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตขับขี่หรืออาจต้องส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้วางแผนโปรแกรมของคุณ นอกจากนี้คุณอาจต้องใช้เอกสารทางการแพทย์ด้วยในกรณีที่คุณเลือกทำกิจกรรมอย่างการดำน้ำหรือการดำน้ำตื้น
แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณจะได้เห็น แต่โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเห็นแสงเหนือให้กับคุณในกรณีที่สภาพอากาศเอื้ออำนวย
ในกรณีที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายจนไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ตามแผนได้ เราจะจัดหาหรือจองกิจกรรมอื่นที่สามารถทำได้ให้แก่คุณแทนถ้าหากเป็นไปได้ และคุณจะได้รับเงินส่วนต่างของราคาคืนด้วย สำหรับถ้ำน้ำแข็งนั้นจะเปิดให้เข้าชมได้เฉพาะในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงมีนาคมของทุกปีเท่านั้น
โปรแกรมขับรถเที่ยวด้วยตนเองนี้ถูกออกแบบมาสำหรับฤดูหนาว ซึ่งในช่วงฤดูนี้สภาพอากาศในไอซ์แลนด์สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว แต่โดยรวมแล้วจะเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง และมีแสงสว่างในช่วงกลางวันน้อยมาก ดังนั้นหากคุณต้องการจองแพ็กเกจนี้ คุณจำเป็นต้องมีทักษะในการขับรถท่ามกลางสภาพอากาศของหน้าหนาวด้วย หรือถ้าคุณไม่มั่นใจในการขับรถท่ามกลางสภาพอากาศแบบนี้เราก็สามารถแนะนำแพ็กเกจอื่นให้กับคุณแทนได้
และเนื่องจากถนนหนทางและทางเดินในไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูหนาวนั้นลื่น กรุณาเตรียมรองเท้าที่มีพื้นกันลื่นหรือแผ่นสำหรับเกาะน้ำแข็งที่ใช้ติดบนรองเท้าติดตัวมาด้วย โดยแผ่นเกาะน้ำแข็งสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและปั๊มน้ำมันทั่วไปในไอซ์แลนด์
ที่พัก
ดูระดับของที่พักของเราที่ด้านล่างนี้ และดูรายชื่อผู้ให้บริการที่พักที่เราแนะนำได้ที่ใต้แผนการเดินทางในแต่ละวัน ที่พักระดับซูเปอร์บัดเจทจะเป็นโฮสเทลและเตียงนอนแบบหอพักรวม ส่วนระดับอื่นๆ นั้น หากจองเข้าพักเพียงท่านเดียวจะได้รับห้องแบบซิงเกิล หากจองเข้าพักสองท่านขึ้นไปจะได้ห้องพักที่มีเตียงทวิน/เตียงดับเบิ้ล หรือเตียงทริปเปิ้ล
สำหรับวัยรุ่นและเด็กจะถูกจัดให้พักห้องเดียวกับผู้ปกครอง หากต้องการห้องเพิ่มจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เมื่อคุณทำการจองกับเรา Guide to Iceland จะจัดหาที่พักที่ดีที่สุดจากพันธมิตรที่เราแนะนำให้กับคุณ ทั้งนี้ คุณภาพของโรงแรมที่พักในแต่ละพื้นที่ของไอซ์แลนด์อาจมีความแตกต่างกัน และเนื่องจากจำนวนที่พักมีอยู่อย่างจำกัดมาก หากที่พักพันธมิตรที่เราแนะนำถูกจองเต็มหมดแล้วในวันที่คุณต้องการ เราจะจัดหาที่พักอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันให้กับคุณตามความเหมาะสม
ที่พักระดับควอลิตี้นั้นไม่ได้มีให้บริการในทุกพื้นที่ หากไม่มีที่พักระดับควอลิตี้ในพื้นที่ที่คุณต้องการ เราจะจัดหาที่พักระดับคอมฟอร์ทให้แทน โดยจะเลือกอัปเกรดห้องให้มีราคาสอดคล้องกับที่พักระดับควอลิตี้ เราจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อหาที่พักให้ตรงกับความต้องการพิเศษที่คุณมี ซึ่งบางครั้งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กรุณาระบุวันที่ที่คุณต้องการเดินทางเพื่อตรวจสอบจำนวนที่ว่าง
ห้องพักพร้อมห้องน้ำรวมในฟาร์มเฮ้าส์ เกสต์เฮ้าส์ หรือโฮสเทล อยู่ในทำเลดีใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ไม่รวมอาหารเช้า
ห้องพักพร้อมห้องน้ำส่วนตัวในโรงแรมระดับ 3 ดาว หรือเกสต์เฮาส์คุณภาพ ทำเลใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุด รวมอาหารเช้า
ห้องพักพร้อมห้องน้ำส่วนตัวในโรงแรมระดับ 4 ดาว หรือห้องซูพีเรียร์ในโรงแรมระดับ 3 ดาวที่มีคุณภาพ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ รวมอาหารเช้า
รถ
ด้านล่างนี้คือตัวเลือกการเช่ารถสำหรับทัวร์ขับรถเที่ยวเอง รถทุกคันของเราเป็นรถรุ่นใหม่หรือรุ่นปัจจุบัน โดยมีอายุไม่เกิน 2 ปี รถระดับซูเปอร์บัดเจทจะมาพร้อมกับประกันที่มีค่าเสียหายส่วนแรก (CDW) ซึ่งเป็นประกันมาตรฐาน ในขณะที่ระดับอื่นๆ ทั้งหมดจะรวมประกันกรวด (GP) และประกันประเภทไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก (SCDW)
ข้อควรรู้: การขับรถออกนอกเขตถนนถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายสำหรับรถยนต์ทุกประเภท รถทุกระดับมี GPS และ Wi-Fi ให้ฟรี คุณสามารถเพลิดเพลินกับการใช้อินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัดด้วยอุปกรณ์ Wi-Fi ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้สูงสุด 10 เครื่องพร้อมกัน ผู้ให้บริการรถเช่ามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนถนนตลอด 24 ชั่วโมง ข้อกำหนดด้านอายุของผู้ขับขี่สำหรับแต่ละระดับสามารถดูได้ที่ด้านล่าง แต่ไม่ว่ารถระดับใด ผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องอย่างน้อยหนึ่งปีก่อนวันที่เช่า เราขอแนะนำให้เลือกใช้รถระดับบัดเจทแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับการขับขี่ในฤดูร้อน และระดับคอมฟอร์ทแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สำหรับการขับขี่ในฤดูหนาว
รถจี๊ปหรือเอสยูวีขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดมาตรฐาน เช่น Dacia Duster หรือรุ่นใกล้เคียง มีความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารไม่เกิน 3 คน พร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 2 ใบ เหมาะสำหรับการเดินทางเกือบทุกแบบ รวมถึงการขับขี่บนหิมะและถนนลาดยาง สามารถขับขี่แบบพื้นฐานในไฮแลนด์ได้ ผู้ขับขี่ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป
รถจี๊ปหรือเอสยูวีขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดกลาง เช่น Toyota Rav4 (เกียร์อัตโนมัติ) Suzuki Vitara (เกียร์ธรรมดา) หรือรุ่นใกล้เคียง มีความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน พร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 3 ใบ เหมาะสำหรับการเดินทางเกือบทุกแบบ รวมถึงการขับขี่บนหิมะและถนนลาดยาง สามารถขับขี่แบบพื้นฐานในไฮแลนด์ได้ ผู้ขับขี่ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
รถจี๊ปขับเคลื่อนสี่ล้อขนาดใหญ่ เช่น Toyota Land Cruiser หรือรุ่นใกล้เคียง มีความสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารไม่เกิน 4 คน พร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ 4 ใบ เหมาะสำหรับการเดินทางเกือบทุกแบบ สามารถขับขี่ในไฮแลนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ขับขี่ต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป
รถตู้ขนาดใหญ่ 9 ที่นั่ง เช่น Mercedes Benz Vito หรือรุ่นใกล้เคียง (ขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์ธรรมดา สามารถขับในไฮแลนด์ได้) รองรับผู้โดยสารได้ 5-7 คน นั่งสบายและเหมาะสำหรับการขับขี่ในฤดูหนาว หากจำนวนผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งจะมีพื้นที่เก็บสัมภาระลดน้อยลง ผู้ขับขี่ต้องมีอายุ 23 ปีขึ้นไป