แพ็คเกจ 10 วันช่วงฤดูหนาว | ท่องเที่ยวรอบประเทศไอซ์แลนด์พร้อมด้วยคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

คุณจะเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟราวิกในวันแรก และขึ้นรถรับ-ส่งสนามบินไปยังบลูลากูน ที่นี่คุณจะได้ขจัดความเครียดจากการเดินทางของคุณโดยน้ำสีฟ้าที่มีคุณสมบัติในการรักษา และฟื้นฟูผิวพรรณด้วยมาสก์หน้าซิลิกา. ในการเริ่มต้นวันหยุดพักร้อนไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว.

ทันทีที่คุณได้เติมพลังแล้ว คุณจะได้เดินทางต่อโดยรถบัสที่จะนำคุณไปยังเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) ที่คุณจะได้เข้าพักที่นี่ในคืนนี้.

ในวันนี้เป็นวันที่การผจญภัยเริ่มต้นขึ้นจริงๆ ด้วยการผจญภัยเที่ยวชมสถานที่รอบๆสถานที่ที่มีชื่อเสียงของวงกลมทองคำ รถมินิบัสจะไปรับคุณจากเมืองเรคยาวิก และตรงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ (Þingvellir).

ธิงเวลลีย์มีชื่อเสียงเนื่องจากลักษณะภูมิประเทศและประวัติศาสตร์ ตรงขอบระหว่างแผ่นเปลือกโลกอเมริการเหนือและยูเรเชียถือเป็นขอบเขตของอุทยานแห่งชาตินี้ และเนื่องจากทั้งสองแผ่นเปลือกโลกนี้แยกตัวออกจากกันทำให้เกิดหุบเหวและมีน้ำเข้ามาเติมเต็มตรงช่องว่าง.

การระเบิดของภูเขาในอดีตนับหลายทศวรรษยังมีส่วนที่ทำให้หินลาวาเข้ามาเติมในสถานที่นี้ด้วย นั่นทำให้สถานที่แห่งนี้ดูงดงาม. และจากประวัติศาสตร์ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ชาวไอซ์แลนด์กลุ่มแรกได้ก่อตั้งรัฐสภาที่มีการดำเนินการยาวนานที่สุดในโลกที่ชื่อว่า อัลธิงกิ (Alþingi).

หลังจากได้เพลิดเพลินในอุทยานแห่งนี้ คุณจะได้เดินทางต่อไปยังหุบเขาเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur) ที่โด่งดังในเรื่องของไกเซอร์. ไกเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้เป็นที่มาของที่มาของชื่อไกเซอร์ (Geysir) นี้ได้หลับใหลไปแล้ว แต่ไกเซอร์ที่อยู่ใกล้เคียงที่ชื่อว่าสโทรคูร์ (Strokkur) ยังคงมีการปะทุทุกๆ 5-10 นาที และสามารถปะทุได้สูงถึง 20 เมตร. หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยน้ำพุร้อน รวมถึงพุก๊าซและบ่อโคลนเดือดอีกด้วย.

สถานที่ที่สามและเป็นแห่งสุดท้ายบนเส้นทางวงกลมทองคำนี้ ได้แก่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่น. น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในแม่น้ำธารน้ำแข็งฮวิทเอา (Hvítá) ม่านน้ำตกลงมาทั้งสองฝั่งด้วยพลังงานที่น่าเหลือเชื่อลงไปในหุบเขาโบราณ. หากมีแสงอาทิตย์ตกกระทบละอองน้ำที่มาจากน้ำตก ก็จะทำให้เกิดสายรุ้งที่งดงามมาก.

หากคุณได้ทำการเลือกกิจกรรมไว้ระหว่างทำการจอง คุณจะได้เริ่มต้นวันนี้ด้วยการตรงไปยังคอกม้านอกเมือง ที่นั่นคุณจะได้พบกับม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนด์ ม้าเหล่านี้ทั้งเป็นมิตรและฉลาด ทำให้กิจกรรมนี้เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้ที่รักสัตว์.

คุณจะจบวันนี้ด้วยการเข้าพักในที่พักบริเวณไอซ์แลนด์ใต้.

วันที่สาม คุณจะได้ข้ามไปยังชายฝั่งทางใต้ที่งดงามของประเทศไอซ์แลนด์ ถนนที่ถอดยาวสายนี้เป็นเส้นทางที่คุณจะใช้เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่คุณจะไปเที่ยวชมในวันนี้. สถานที่แห่งแรก ได้แก่ น้ำตกสองแห่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศที่ชื่อว่าน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และ น้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss).

น้ำตกทั้งสองแห่งนี้ตกลงมาจากที่สูงกว่าหกสิบเมตรจากหน้าผาที่เป็นแนวชายฝั่งของประเทศไอซ์แลนด์ระหว่างยุคน้ำแข็ง. นอกเหนือจากนั้นน้ำตกทั้งสองแห่งมีลักษณะต่างกัน คือ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ตกลงมาเป็นสายน้ำที่แคบ และมีลักษณะพิเศษเพราะมีถ้ำอยู่ตรงหน้าผาด้านหลังน้ำตก ที่คุณสามารถเดินอ้อมไปด้านหลังได้เพื่อชมน้ำตกในมุมพิเศษอีกมุมหนึ่ง. ในขณะเดียวกันน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ มีพลังมหาศาลกว่าและมีรูปทรงที่คลาสสิก.

จุดแวะถัดไปได้แก่ ปลายของธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล (Sólheimajökull) ธารน้ำแข็งที่งดงามแห่งนี้มีขนาดใหญ่และมีสีสันที่สวยงาม ตัดกับสีขาวของหิมะ, น้ำแข็งสีฟ้าและเถ้าสีดำ. หากคุณเลือกกิจกรรมไว้ระหว่างทำการจอง คุณจะได้เริ่มทัวร์ปีนธารน้ำแข็งที่นี่และทำการสำรวจความงดงามของอีกโลกบนยอดของธารน้ำแข็งแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์.

ในช่วงบ่ายคล้อย คุณจะได้เดินทางไปถึงเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ชายหาดสีดำที่ทอดยาวอย่างงดงาม มีชื่อเสียงเนื่องจากสภาพทางธรณีวิทยา คุณจะได้ชมซุ้มประตูหินดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) ที่โค้งลงไปในมหาสมุทร และชั้นหินทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่ตั้งสูงขึ้นมาจากผิวน้ำ.

คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ใกล้หมู่บ้านวิก (Vík) และต้องไม่ลืมที่จะเฝ้ามองบนท้องฟ้าคืนนี้เพื่อจะได้ชมแสงออโรร่าด้วย.

ในวันที่สี่คุณจะได้เดินทางไกลออกไปอีกบนเส้นทางชายฝั่งทางใต้ ข้ามทะเลทรายดำแมลิแฟลส์ซานดูร์ (Mælifellssandur) ที่งดงาม. จุดหมายปลายทางหลักของคุณในวันนี้ ได้แก่ ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงและสวยงามในหมู่ธรรมชาติของประเทศไอซ์แลนด์.

คุณสามารถเดินไปตามชายฝั่งของทะเลสาบขนาดใหญ่และร่วมชมภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แตกออกจากปลายธารน้ำแข็ง เคลื่อนไหวช้าๆลงไปในมหาสมุทร. ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง ได้แก่ ไดมอนด์บีช (Diamond Beach) ซึ่งเป็นหาดทรายสีดำที่บรรดาภูเขาน้ำแข็งถูกซัดขึ้นไปบนชายหาดและส่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์. ทะเลสาบและชายหาดแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นที่อยู่ของบรรดาแมวน้ำเช่นกัน ทำให้ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ดีที่สุดในการเฝ้าดูเหล่าบรรดาแมวน้ำ.

คุณสามารถเลือกที่จะทำการสำรวจถ้ำน้ำแข็งในวันนี้ได้ ถ้ำน้ำแข็งถือเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พิเศษแห่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่พิเศษ มีเพียงไม่กี่แห่งในโลก โลกด้านในมีความงดงามและน่าเหลือเชื่อ ประสบการณ์นี้ถือเป็นประสบการณ์ที่คุณไม่ควรพลาดหากมีโอกาส. หากคุณท่องเที่ยวช่วงก่อนเดือนพฤศจิกายน คุณจะได้ไปเที่ยวชมถ้ำในธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Mýrdalsjökull) ในตอนเช้าและคุณจะได้เห็นอีกแห่งในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลในช่วงบ่าย.

คุณจะได้เข้าพักคืนนี้ในเฮิฟน์ (Höfn).

วันนี้รถจะนำคุณไปทางเหนือยังฟยอร์ดทางตะวันออก (Eastfjords) ที่น่าเหลือเชื่อ การเดินทางเล็กๆนี้มีเส้นทางที่งดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ คุณจะได้ขับรถไปเหนือยอดเขาที่งดงามและตามแนวชายฝั่งที่น่าตื่นตา คุณจะได้หยุดแวะระหว่างทางเพื่อโอกาสในการถ่ายภาพที่งดงามที่สุด เช่นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆที่แต่งแต้มอยู่ตามเส้นทาง. 

ฟยอร์ดทางตะวันออกมีสัตว์ป่ามากมายที่สุดในไอซ์แลนด์ และที่นี่เป็นสถานที่เดียวในประเทศที่คุณจะได้มีโอกาสที่จะได้เห็นเรนเดียร์ป่า. ไกด์จะนำคุณไปชมธรรมชาติที่งดงามที่สวยที่สุดในบริเวณนี้ และแบ่งปันให้คุณได้ชมอัญมณีที่ถูกซ่อนไว้ และสถานที่ที่พวกเขาโปรดปราณ.

คุณจะผ่านไปยังป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่าฮาลอร์มสตาร์ดาสโกการ์ (Hallormsstaðaskógur), และทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljót) และเชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของสัตว์ปะหลาดที่น่ากลัว และสุดท้ายของวันนี้คุณจะไปถึงยังที่พักในเมืองหนึ่งที่มีสเน่ห์ของทางตะวันออกในทางตะวันออก.

วันที่หกคุณจะได้ขับรถไปทางเหนือที่งดงามของประเทศไอซ์แลนด์ เส้นทางนี้จะนำคุณไปยังทางภาคเหนือของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลและธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่ชื่อว่าวัทนาโจกุลที่จะได้เห็นในอีกหลายๆครั้ง.

จุดหมายปลายทางแห่งแรก ได้แก่ ทะเลสาบมิวาท์น ภูมิภาคนี้มีทิวทัศน์ที่น่าทึ่งหลากหลาย คุณจะได้ชมป้อมปราการลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir), ทุ่งพลังงานใต้พิภพเนามาส์การ์ด พาส (Námaskarð Pass), และการก่อตัวของสภาพทางธรนีวิทยาที่แปลกตาจากผิวน้ำของทะเลสาบมิวาท์นเอง, หรือใช้เวลาในการถ่ายภาพสวยๆและสำรวจรอบๆบริเวณ.

หากคุณได้เลือกกิจกรรมไว้ระหว่างการทำการจอง คุณจะได้มีโอกาสในการแช่ในน้ำอุ่นที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุของอ่างน้ำร้อนตามธรรมชาติมิวาท์นวันนี้ และกำจัดความเจ็บปวดและความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและการผจญภัยของคุณได้ ที่นี่มีชื่อเสียงพอๆกับที่บลูลากูน แม้ว่าที่นี่มีผู้คนน้อยลงมาก นั่นทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน.

ในช่วงเย็นคุณจะได้ตรงไปยังที่พักสำหรับคืนนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณอาคูเรย์ริ (Akureyri) แต่ระหว่างทางคุณจะได้เดินทางผ่านน้ำตกโกดาฟอสส์ และหากคุณโชคดีและสภาพอากาศหนาวเย็นเพียงพอ คุณอาจจะได้ชมน้ำตกถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะ และมีน้ำไหลอยู่ด้วยใต้เป็นชั้นๆภายใต้น้ำแข็ง.

วันนี้คุณจะได้ทำการสำรวจพื้นที่ทางเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ให้มากขึ้น ก่อนที่จะต้องลงไปทางใต้ คุณจะได้เริ่มต้นด้วยการเดินทางตรงไปยังเอยาฟยอร์ดู (Eyjafjörður) พื้นที่ใจกลางการเกษตรของทางเหนือ คุณจะได้ท่องเที่ยวไปรอบๆฟยอร์ดที่งดงาม ทำการสำรวจพื้นที่ทางการเกษตรและแนวเขา.

เมืองเล็กๆที่ชื่อว่าเฮยกาเนส (Hauganes) คุณจะมีโอกาสได้รับประสบการณ์ที่พิเศษที่นี่สองอย่างจากปลายนิ้วของคุณ. หากคุณต้องการที่จะชมทิวทัศน์ของเอยาฟยอร์ดู ฟยอร์ดจากทะเล คุณสามารถเลือกที่จะไปกับทัวร์ชมวาฬและเฝ้ามองยักษ์ใหญ่แสนสุภาพจากท้องทะเลทางเหนือขณะที่เพลิดเพลินกับวิวและภูเขารอบๆ.

แต่หากคุณต้องการการพักผ่อนมากขึ้นในตอนเช้า คุณสามารถเลือกสปาเบียร์ที่โรงเบียร์ท้องถิ่นที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ที่นั่นคุณจะได้แช่ในของเหลวที่อุ่นและมีสีเหลืองอำพันซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับผมและผิวของคุณ.

ไกด์จะนำคุณไปชมการก่อตัวของหินที่มีรูปร่างแปลกตาที่ชื่อว่าฮวิทแซร์คูร์ (Hvítserkur) ที่คุณจะได้ทำการถ่ายภาพสักเล็กน้อยและทำการตัดสินใจด้วยตัวคุณเองว่าหินก้อนนี้มองดูเหมือนมังกรหรือช้าง.

จากนั้นคุณจะเริ่มเดินทางต่อไปยังที่พักในบริเวณบอร์กาเนส (Borganes) การเดินทางอาจจะใช้เวลาพอสมควร แต่คุณจะมีโอกาสได้ชมทิวทัศน์สองข้างทาง คุณจะได้หยุดพักเติมพลังและเที่ยวชมอัญมณีที่ถูกซ่อนไว้ ที่มีเพียงแต่คนในท้องถิ่นเท่านั้นที่จะรู้จัก ในช่วงเย็นคุณอาจจะได้เฝ้าชมแสงเหนือในขณะที่คุณแช่ในอ่างน้ำในที่พัก และใช้เวลาพักผ่อนคืนนี้ในบอร์กาเนส.

วันนี้สถานที่แห่งแรกที่คุณจะได้ไปเที่ยวชมได้แก่ สายน้ำพุร้อนเดือดที่ชื่อว่า เดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) ที่นี่เป็นน้ำพุร้อนที่มีพลังงานมากที่สุดในยุโรป และให้ความอบอุ่นแก่เมืองอาคราเนส (Akranes) และ บอร์กาเนส (Borgarnes) ที่อยู่ใกล้เคียง สายน้ำเดลตาร์ทุงกุแควร์ ที่ไหลไปยังบริเวณรอบๆทำให้ที่นี่มองดูแปลกตาเหมือนฉากหนึ่งในหนังวิทยาศาสตร์.

หลังจากนั้นคุณจะได้ตรงไปยังน้ำตกที่งดงามสองแห่งได้แก่ น้ำตกเฮินฟอซซาร์ (Hraunfossar) และบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss). น้ำตกแห่งแรกไหลลงไปยังทุ่งลาวาสีดำเป็นสายน้ำเล็กๆในขณะน้ำตกแห่งที่สองไหลด้วยความรุนแรงผ่านลงไปยังหุบเขา.

จากที่นี่คุณจะได้ตรงไปยังเรค์คอร์ค (Reykholt) หนึ่งในเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์. เรค์คอร์ค เคยเป็นบ้านของนักเขียนในตำนานท่านหนึ่งที่เป็นทั้งนักประวัติศาสตร์และหัวหน้าเผ่าที่ชื่อว่าสนอร์ริ สตูร์ลูสัน (Snorri Sturluson) หากไม่มีคนผู้นี้เราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุโรปยุคกลางน้อยมากรวมถึงระบบความเชื่อของนอร์สที่เก่าแก่ (Old Norse) ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ที่นี่ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชีวิตและการทำงานของเขา.

คืนนี้คุณจะได้พักผ่อนในที่พักบริเวณบอร์กาเนส.

วันนี้จะเป็นเต็มวันสุดท้ายในการสำรวจประเทศนี้ อันดับแรกคุณจะได้ไปเที่ยวชมยังหน้าผาแกร์ดูเบิร์ก (Gerðuberg) บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellesnes) หน้าผาเหล่านี้ประกอบด้วยแนวหินบะซอลต์หกเหลี่ยมนับไม่ถ้วนที่รวมตัวกันเป็นกำแพงที่ทำให้นึกถึงป้อมปราการในยุคกลาง. จากที่นั่นคุณจะได้เดินทางตรงไปยังชายหาดอิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) เพื่อที่จะไปลองดูว่าคุณจะได้เห็นบรรดาแมวน้ำพักผ่อนอยู่บนหาดทรายขาวหรือไม่.

ถัดจากนั้นคุณจะได้ผจญภัยต่อไปอีกประมาณ 90 กิโลเมตรตามแนวชายหาดที่มักถูกเรียกว่า "ประเทศไอซ์แลนด์ย่อส่วน" เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของลักษณะทางธรณีวิทยา, สถานที่มากมายรวมเข้าด้วยกัน.

คุณจะได้เดินทางไปชมหมู่บ้านอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) ที่นี่คุณจะได้ชมทัศนียภาพที่งดงามของมหาสมุทร ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและฝูงนก หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังชายหาดดำดยูปาลองส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) ที่มีการก่อตัวของชั้นหินตั้งตระง่านอยู่เหนือน้ำ และรู้สึกถึงยุคสมัยที่ยังก้องกังวานในหินและต้นไม้ทุกต้น.

ธารน้ำแข็งและภูเขาไฟสไนล์เฟลส์โจกุล (Snæfellsjökull) ที่เป็นเหมือนมงกุฏ

ครอบคาบสมุทรนี้ไว้ และเป็นเหมือนฉากหลังของจุดหมายปลายทางทั้งหมดของคุณในวันนี้. สถานที่นี้มีชื่อเสียงเนื่องจากถูกใช้ในนวนิยายเรื่อง "ดิ่งทะลุสะดือโลก" (Journey to the Centre of the Earth) ของฌูล แวร์น (Jules Verne).

คุณจะได้มีการเดินทางของคุณเองภายใต้ผิวโลกในวันนี้ ในตอนที่คุณเดินทางไปเที่ยวชมยังอุโมงค์ลาวาวาท์ทเฮลลิร์ (Vatnshellir) คุณจะได้ลงไปโดยบันไดยาว 200 เมตรในอุโมงค์ลาวา ที่มีการก่อตัวของหินรูปร่างแปลกตาและส่องประกายอยู่ตรงกำแพง.

สุดท้ายแต่ยังไม่ท้ายสุดสำหรับภูเขาเคิร์คจูแฟสที่สวยงามและสง่างาม ที่มักจะถูกถ่ายภาพพร้อมกับน้ำตกที่อยู่ใกล้เคียงที่คุณจะได้เข้าพักคืนนี้ที่นั่น.

น่าเศร้านี่เป็นวันที่คุณออกจากไอซ์แลนด์ หากคุณมีเวลาก่อนเที่ยวบินคุณสามารถเที่ยวชมเมืองเรคยาวิกได้ดีขึ้น เลือกซื้อสินค้าในร้านค้าบูติกหรือสำรวจพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินต่อมาและเลือกที่จะเยี่ยมชม Blue Lagoon วันนี้คุณจะพักการผ่อนคลายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่สนามบิน นี่คือสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนขณะที่คุณอาบน้ำในน้ำอุ่นและน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยเมื่อคุณมองย้อนกลับไปในการผจญภัยที่เหลือเชื่อที่คุณเพิ่งถ่ายในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง หากเที่ยวบินของคุณในภายหลังมีหลายสิ่งให้ทำในเรคยาวิก หากคุณมีเที่ยวบินแรกกลับบ้านเราหวังว่าคุณจะเดินทางอย่างสะดวกสบาย เมื่อถึงเวลาคุณจะต้องนั่งรถบัสรับส่งกลับไปสนามบินและมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยกล้องที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายและหัวที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดี