ทัวร์ขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อน 10 วัน เที่ยวภาคตะวันตกเฉียงเหนืออันห่างไกลของไอซ์แลนด์ สไนแฟลซเนส และฟยอร์ดทางตะวันตก
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
ด้วยแพ็คเกจขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อน 10 วันนี้คุณจะได้เห็นสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส ได้ไปเยือนพื้นที่ห่างไกลของฟยอร์ดทางตะวันตก และไปสำรวจทางเหนือของไอซ์แลนด์แบบเจาะลึก ทริปนี้จะเป็นการเดินทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักเดินทางอิสระที่ต้องการเที่ยวไอซ์แลนด์ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอง
ลูกค้าที่ขับรถเที่ยวเองจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่เหนือระดับกว่านักท่องเที่ยวโดยทั่วไป ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ขับรถเที่ยวเองจะได้รับการดูแลจากฝ่ายบริการลูกค้าทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและเดินทางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ในสิบวันนี้คุณสามารถเที่ยวตามแผนการเดินทางที่ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าได้เลย โดยแผนนี้จะออกแบบขึ้นตามตัวเลือกที่คุณเลือก และมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการตามที่คุณระบุไว้ในระหว่างที่คุณทำการจอง ซึ่งง่ายมากๆ แพ็คเกจนี้จะช่วยให้คุณได้เที่ยวอย่างเป็นส่วนตัว และสำหรับรถเช่าและที่พัก คุณจะมีตัวเลือกมากมายทั้งในระดับคอมฟอร์ทและควอลิตี้
อิสรภาพในการท่องเที่ยวที่ได้รับจะทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติที่งดงามของไอซ์แลนด์ได้อย่างเต็มที่ ตลอดการเดินทางในทริปนี้คุณจะได้เห็นน้ำตกที่มีสายน้ำไหลลดหลั่น ภูเขาสูงตระหง่าน หุบเขาที่น่าอัศจรรย์ และธารน้ำแข็งสีขาววาววับ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งด้วย คุณจึงสามารถใช้เวลาซึมซับความมหัศจรรย์ของสถานที่แต่ละแห่งได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น อย่ารอช้า! รีบจองตอนนี้แล้วคุณจะได้ไปเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยทัวร์ขับรถเองฤดูร้อน 10 วัน และพาตัวเองไปสำรวจสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) อาคูเรย์ริ (Akureyri) ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Myvatn) และอีกมากมายหลายแห่งในแบบที่คุณต้องการ คุณสามารถตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยระบุวันที่ที่ต้องการเดินทาง
รวมในแพ็คเกจ
จุดหมายปลายทาง
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
รายละเอียดการเดินทาง
รถ
รถ
รถขนาดเล็ก
รถขนาดกลาง
รถพรีเมี่ยม
large car
SUV
ปรับแต่งแผนการเดินทางของคุณ
วันที่ 1 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันเดินทางมาถึง
- More
ยินดีต้อนรับสำหรับวันแรกของคุณในประเทศไอซ์แลนด์! หลังจากที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกบนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) คุณจะไปรับรถที่คุณจะใช้เป็นพาหนะในอีกสิบวันข้างหน้า และออกเดินทางไปยังเรคยาวิก (Reykjavik) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่อยู่ในทางเหนือสุดของโลกในทันที
ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของไอซ์แลนด์คุณสามารถแวะที่สปาพลังงานความร้อนใต้พิภพบลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา
หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ และถึงแม้จะไม่ได้ไปบลูลากูนในวันนี้ ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่หากคุณมีเวลาเหลือ
ในขณะที่ขับรถไปยังที่พักของคุณในเมือง คุณจะได้เห็นทัศนียภาพและธรรมชาติที่น่าทึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ คาบสมุทรเรคยาเนสซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศประกอบด้วยแนวชายฝั่งที่ขรุขระ ทุ่งภูเขาไฟที่แห้งแล้ง และมีภูเขาที่อยู่ไกลออกไปเป็นฉากหลัง และเมื่อวิวชนบทค่อยๆ ผ่านพ้นไปและความเจริญของเมืองเรคยาวิกค่อยๆ ปรากฏเข้ามาแทนที่ นั่นหมายถึงว่าคุณได้เดินทางมาถึงศูนย์กลางความเจริญของประเทศไอซ์แลนด์แล้ว
หลังจากเก็บสัมภาระในที่พักของคุณแล้ว คุณสามารถออกไปสำรวจเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ได้อย่างอิสระ และเนื่องจากช่วงฤดูร้อนมีปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนคุณจึงมีแสงสว่างมากเพียงพอสำหรับการไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้มากมาย แนะนำว่าให้ไปชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ของฮาร์ปาคอนเสิร์ตฮอลล์ (Harpa) และโบสถ์คริสตจักรลูเธอรันฮัลล์กรีมสคิร์คยา (Hallgrimskirkja)
คุณสามารถไปเดินถนนเรนโบว์สตรีท ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมิตรของชาวไอซ์แลนด์ที่มีต่อชุมชน LGBTQ และจากนั้นไปถนนเลยกาแวร์กูร์ (Laugavegur) ที่มีอาคารสีสันสดใส สตรีทอาร์ต และสถานที่กินและดื่มชั้นเลิศ
หากคุณมีเวลา คุณยังสามารถไปชมนิทรรศการทางวัฒนธรรมหรือสวนสาธารณะของเมืองนี้ได้ด้วย ที่สระทเยิร์นนิน (Tjornin) คุณสามารถไปนั่งชมห่านและเป็ด และบริเวณสวนสาธารณะฮลิยอมสกาลา (Hljomskala) เป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่น่าเดินเล่นและอ่านข้อมูลเกี่ยวกับประติมากรรมต่างๆ ในสวน
เมื่อคุณต้องการพักผ่อน คุณก็สามารถกลับเข้าที่พักของคุณในคืนนี้ซึ่งอยู่ในเรคยาวิก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 2 - สไนแฟลซเนส
- สไนแฟลซเนส
- More
- หาดอีทรี ทุงกา
- หมู่บ้านบูดิร์
- สไนล์เฟลล์โจกุลล์
- หน้าผาหินบะซอลต์ลอนดรังการ์
- หาดกรวดดำที่ดยูปาลอนส์ซานดูร์
- ภูเขาคิร์กจูเฟลล์
- More
คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสมักถูกเรียกว่า "ไอซ์แลนด์ย่อส่วน" เนื่องจากแถบนี้มีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติหลากหลายรูปแบบผสมปนเป ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมักจะแปลกใจกับภูมิทัศน์ที่มหัศจรรย์ สัตว์ป่านานาชนิด และบรรยากาศที่ตรึงตาตรึงใจราวกับมีมนต์ขลัง และในขณะที่ชื่นชมสภาพแวดล้อมที่เหลือเชื่อเหล่านี้ คุณจะอยู่ใต้เงาของสไนล์เฟลล์โจกุล (Snaefellsjokull) ภูเขาไฟที่เกิดจากการสลับชั้นของลาวา (Stratovolcano) และมีธารน้ำแข็งปกคลุมยอดซึ่งเป็นที่มาของชื่อของคาบสมุทรแห่งนี้
การเที่ยวที่นี่นั้นคุณอาจจะเริ่มจากหาดทรายอิทรี ทุงกา (Ytri-Tunga) ที่มีแมวน้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณสามารถเดินเล่นริมชายฝั่งและเข้าไปดูพวกมันใกล้ๆ ได้เลย
จากนั้นคุณสามารถไปที่หมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) และหมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ริมชายฝั่งทะเล ก่อนที่จะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายกันต่อ เช่น หาดตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) ที่เต็มไปด้วยกรวดสีดำ และภูเขาเคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell)
หาดตูปาโลนส์ซานดูร์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งและมีสิ่งที่น่าสนใจที่เรียกว่า "หินยก" (Lifting Stones) ซึ่งหินก้อนใหญ่ทั้งสี่ก้อนนี้เคยถูกใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของชาวประมงไอซ์แลนด์
ภูเขาเคิร์กจูเฟลล์เป็นภูเขาตระหง่านที่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามตามธรรมชาติของประเทศไอซ์แลนด์ ภูเขาเคิร์กจูเฟลล์สูงจากระดับน้ำทะเล 1,500 ฟุต (463 เมตร) มักถูกเรียกว่า "เขาโบสถ์" (Church Mountain) เนื่องจากมียอดทรงกรวยที่โดดเด่น ภาพเงาสะท้อนและสภาพแวดล้อมที่สวยงามทำให้ที่นี่ได้รับสมญานามว่าเป็นภูเขาที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์
คุณสามารถอัปเกรดเพิ่มความตื่นเต้นให้กับทริปในวันนี้ได้ด้วยการไปเที่ยวถ้ำวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) ซึ่งคุณจะลงบันไดเวียนไปยังดินแดนใต้พิภพของไอซ์แลนด์เพื่อไปศึกษาธรณีประวัติของประเทศไอซ์แลนด์ และแน่นอนว่าที่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นฉากในนิยายชื่อดังของจูลส์ เวิร์นเรื่อง "Journey to The Centre of the Earth"
เมื่อเที่ยวจนหมดวันแล้ว คืนนี้คุณจะเข้าไปพักผ่อนในที่พักที่อยู่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 3 - ฟยอร์ดตะวันตก
- ฟยอร์ดตะวันตก
- More
- เกาะแฟลทเทย์
- หาดทรายแดงเรยดิซานดูร์
- More
วันนี้มีตัวเลือกมากมาย ดังนั้นคุณควรวางแผนเที่ยวตามที่คุณสนใจ
หากคุณต้องการไปดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของฟยอร์ดทางตะวันตก คุณควรออกเดินทางแต่เช้าและไปขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่ออกจากสติกกิโฮลมูร์ (Stykkisholmur) รอบ 9 โมงเช้า สำหรับเฟอร์รี่รอบเช้านี้ คุณจะได้แวะไปเที่ยวที่เกาะเล็กๆ ชื่อแฟลทเทย์ (Flatey)
เกาะแฟลทเทย์ถูกตั้งชื่อตามลักษณะของเกาะที่ค่อนข้างแบนราบ เชื่อกันว่าเกาะเกิดขึ้นในช่วงยุคน้ำแข็งครั้งหลังสุด พื้นที่บนเกาะมีแต่ความเขียวสดสวยงามและมีคนอาศัยอยู่เฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น โดยผู้คนที่นี่ยังคงรักษาวิถีดั้งเดิมโดยการทำประมงอย่างโดดเดี่ยวไม่สนโลกสมัยใหม่ภายนอก
หากคุณเพิ่มเกาะแฟลทเทย์เข้าไปในทริปวันนี้ คุณจะต้องจอดรถทิ้งเอาไว้บนเรือเฟอร์รี่ เพราะบนเกาะนั้นห้ามนำรถขึ้นไปได้อย่างเด็ดขาด แต่คุณก็ไม่ต้องกังวล เพราะในขณะที่คุณเที่ยวบนเกาะแฟลทเทย์อยู่นั้น เรือเฟอร์รี่จะแล่นต่อไปและเจ้าหน้าที่จะนำรถของคุณขึ้นจากเรือไปจอดรอคุณอยู่ที่ลานจอดรถในฟยอร์ดทางตะวันตกรอให้คุณมารับหลังจากเที่ยวเสร็จแล้ว
หากคุณต้องการทดลองลิ้มรสอาหารอร่อยๆ ก่อนที่จะเดินทางไปยังฟยอร์ดทางตะวันตก คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์ล่องเรือกินซูชิแบบไวกิ้งเข้าไปในทริปวันนี้ได้ด้วย ทัวร์นี้จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป โดยคุณจะนั่งเรือประมงที่สะดวกสบายออกทะเลมุ่งหน้าเข้าหาฟยอร์ดที่อยู่ทางทิศตะวันตก และระหว่างที่คุณชื่นชมธรรมชาติอยู่นั้น ชาวประมงที่มีประสบการณ์จะหาจับปลามาปรุงอาหารให้คุณรับประทานกันสดๆ บนเรือพร้อมกับเครื่องจิ้มอย่างวาซาบิและซอสถั่วเหลือง และเมื่อทัวร์ล่องเรือกินซูชิสิ้นสุดลงคุณจะขับรถไปยังสติกกิโฮลมูร์เพื่อไปขึ้นเรือเฟอร์รี่รอบบ่ายไปยังฟยอร์ดทางตะวันตก
ทั้งนี้โปรดทราบว่าเรือเฟอร์รี่ไปยังฟยอร์ดทางตะวันตกนั้นมีตารางเดินเรือที่ค่อนข้างจำกัดหากคุณมาในช่วงนอกฤดูร้อน ทำให้ในบางวันจะมีช่วงเวลาที่ให้บริการน้อยลง ดังนั้นหากคุณไม่ได้เดินทางมาเที่ยวในช่วงหน้าร้อน ตัวเลือกนี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณและแผนการเดินทางของคุณจะถูกจัดตามวันที่คุณเดินทางมา
เมื่อเดินทางมาที่ฟยอร์ดทางตะวันตก ผานกลาทราบียอร์ก (Latrabjarg) เป็นจุดแวะที่ห้ามพลาด หน้าผาสูงตระหง่านแห่งนี้มีนกอาศัยอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน และตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของประเทศไอซ์แลนด์ ทอดยาวไปตามช่องแคบเดนมาร์กเป็นระยะทาง 14 กม. ช่างภาพธรรมชาติและสัตว์ป่าจะต้องถูกใจกับนกหลากหลายสายพันธุ์ที่นี่ เช่น นกสกัว นกกิลเลอมอต และนกพัฟฟินที่โด่งดังมากๆ
นอกจากนี้คุณยังจะได้ไปที่เรยดาซานดูร์ (Raudasandur) ที่แปลว่า "ทรายแดง" ด้วย ชายหาดสีทองแห่งนี้อยู่ในฟยอร์ดทางตะวันตก ซึ่งหาดทรายในเขตฟยอร์ดทางตะวันตกนั้นจะมีทรายสีออกทองหรือชมพู ไม่เหมือนกับหาดทรายดำที่พบได้ทั่วไปในประเทศไอซ์แลนด์ และคุณอาจจะอยากไปที่เบอร์กิเมลูร์ (Birkimelur) สระว่ายน้ำที่ต้ังอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยสดงดงามตามแบบฉบับของไอซ์แลนด์
ในช่วงเย็นของวันที่สามนี้คุณจะไปพักในเมืองเล็กๆ ชื่อพาเทรคสฟยอร์ดูร์ (Patreksfjordur)
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 4 - ฟยอร์ดตะวันตก
- ฟยอร์ดตะวันตก
- More
- ดินยานดิ
- More
ฟยอร์ดทางตะวันตกเป็นพื้นที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามและโดดเดี่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเพียงไม่กี่คนต่อปีเมื่อเทียบกับพื้นที่ชายฝั่งทางใต้และตะวันตกเฉียงใต้ที่ได้รับความนิยมมากกว่า จึงทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความตื่นเต้นของการผจญภัยนอกเส้นทางท่องเที่ยวอย่างแท้จริง
จุดแวะแห่งแรกของคุณในวันนี้คือดินยานดิ (Dynjandi) หรือที่รู้จักกันในชื่อฟยาลล์ฟอสส์ (Fjallfoss) น้ำตกสวยงามไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นที่หลายคนบอกว่ายกให้เป็นดาวเด่นของภูมิภาคนี้ น้ำตกแห่งนี้สูง 100 ม. และเหมาะสำหรับการถ่ายภาพมากๆ
นอกจากนี้คุณยังสามารถไปแวะที่สระน้ำร้อนเรคยาฟยาร์ดาร์เลยก์ (Reykjafjardarlaug) ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟยอร์ดทางตะวันออกข้างถนนหมายเลข 63 ได้ด้วย น้ำในสระที่นี่มีอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส และอันที่จริงใกล้ๆ กันแถวนี้ยังมีสระน้ำร้อนอีกหลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุณหภูมิแตกต่างกันไปและอาจจะต้องเดินป่านิดหน่อยเพื่อเข้าไป ซึ่งการไปสระน้ำร้อนในไอซ์แลนด์นั้นเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากด้วยเหตุผลหลายประการ และยังเต็มไปด้วยบรรยากาศที่โรแมนติก หรูหรา และมักจะตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงาม
คุณยังจะได้ไปชมหมู่บ้านแฟลทเทย์ริ (Flateyri) ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมทะเลขนาดย่อมที่มีประชากรประมาณ 267 คนด้วย ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางการประมงและการล่าวาฬ แต่เหตุการณ์หิมะถล่มเมื่อเดือนตุลาคม 1995 ได้สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตด้วย
และตั้งแต่นั้นก็มีการสร้างเขื่อนสำหรับป้องกันอันตรายให้กับคนในหมู่บ้าน การแวะไปเที่ยวที่นี่คุณจะได้รับข้อมูลอันล้ำค่าทั้งในด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนเล็กๆ ของไอซ์แลนด์
นอกจากนี้คุณจะไปชมเมืองต่างๆ ที่ใหญ่กว่านั้น ได้แก่ อีสาฟยอร์ดูร์ (Isafjordur) และโบลุงการ์วิก (Bolungarvik)
ที่อีสาฟยอร์ดูร์นั้นมีชื่อเสียงจากอาคารไม้แบบดั้งเดิมและพิพิธภัณฑ์เวสต์ฟยอร์ดเฮอริเทจมิวเซียม (Westfjords Heritage Museum) คุณจะได้เดินเล่นบนถนนที่แปลกตาซึ่งเรียงรายไปด้วยบ้านเรือนหลากสีสัน และดื่มด่ำกับอาหารทะเลสดใหม่ที่ร้านอาหารท้องถิ่นในอีสาฟยอร์ดูร์
ส่วนโบลุงการ์วิกเป็นพื้นที่ที่สร้างขึ้นเพียงแห่งเดียวในเขตเทศบาลโบลุงการ์วิกกูร์กวปสตาดูร์ (Bolungarvikurkaupstadur) และห่างจากโบลุงการ์วิกไปประมาณ 1.6 ไมล์ (2.7 กิโลเมตร) มีพิพิธภัณฑ์ Osvor Maritime พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแห่งนี้มีบ้านสไตล์เทิร์ฟเฮ้าส์ที่สวยงามให้ชมและจัดแสดงวิธีการตกปลาแบบดั้งเดิม สิ่งประดิษฐ์ในอดีต และเรื่องราวที่น่าสนใจของชีวิตชาวเรือ
วันที่สี่นี้คุณจะพักค้างคืนอยู่ที่แถวอีสาฟยอร์ดูร์
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 5 - ฟยอร์ดตะวันตก
- ฟยอร์ดตะวันตก
- More
- ครอสส์เนสเลยก์
- More
วันที่ห้าของการผจญภัยในไอซ์แลนด์คุณจะพบกับสถานที่สวยงามระหว่างทางจากอีสาฟยอร์ดูร์ไปยังโฮลมาวีค (Holmavik) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคสตรานดิ (Strandir)
ก่อนที่คุณจะออกเดินทางในวันนี้ คุณสามารถเข้าร่วมทริปพายเรือคายัค ซึ่งเป็นทัวร์เสริมที่สามารถเพิ่มเข้าไปได้เมื่อคุณจองทัวร์นี้ การพายเรือบนผืนน้ำในฟยอร์ดอันเงียบสงบและชื่นชมทิวทัศน์อันน่าหลงใหลรอบตัวคุณเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
หนึ่งในสถานที่น่าแวะสำหรับวันนี้คือวิกูร์ (Vigur) เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสองในฟยอร์ดอีสาฟยาร์ดาร์ดจูป (Isafjardardjup) ที่ใช้เวลาในการเดินทางด้วยเรือประมาณ 30 นาทีจากอีสาฟยอร์ดูร์ วิกูร์มีความกว้างประมาณ 400 เมตร และยาว 2 กิโลเมตร และเหมาะสำหรับการมาเดินเล่นพักผ่อนชมธรรมชาติและดูนก
เมื่อเดินทางไปตามฟยอร์ดอาล์ฟตาฟยอร์ดูร์ (Alftafjordur) คุณจะผ่านหมู่บ้านริมชายฝั่งชื่อซูดาวิก (Sudavik) ซึ่งใกล้ๆ กับบริเวณหมู่บ้านจะมีอาร์กติกฟ็อกซ์เซ็นเตอร์ (Arctic Fox Center) ที่จัดแสดงความรู้เกี่ยวกับจิ้งจอกอาร์กติกตัวน้อยน่ารักน่าเอ็นดู ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประจำถิ่นเพียงชนิดเดียวของไอซ์แลนด์ ที่นี่คุณจะได้เห็นจิ้งจอกอาร์กติกแบบใกล้ชิดและจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับชีววิทยาและประวัติความเป็นมาของสัตว์ที่น่าสนใจ
เมื่อคุณไปถึงที่โฮลมาวีค คุณสามารถเลือกไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เวทมนตร์และคาถาแห่งไอซ์แลนด์ (Museum of Icelandic Sorcery and Witchcraft) ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมนตร์ดำที่น่าขนลุกขนพองของเมืองนี้ ซึ่งในปี 1654 มีการเผาชายสามคนที่ถูกกล่าวหาว่าใช้เวทมนตร์ทั้งเป็น และเหตุการณ์นี้กลายเป็นต้นกำเนิดของการเผาแม่มดกันอย่างบ้าคลั่งในไอซ์แลนด์จวบจนกระทั่งปี 1690
หากคุณยังมีเวลาในวันนี้ คุณสามารถขับรถไปที่จูพาวิก (Djupavik) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเกือบร้างทางตอนเหนือของโฮลมาวีค และบ้านที่รกร้างและทรุดโทรมจะทำให้คุณได้ภาพถ่ายที่สวยงามจนน่าขนลุก
ถัดไปอีกหน่อยคือบ่อน้ำพุร้อนครอสเนสเลยก์ (Krossneslaug) ซึ่งรู้จักกันในนาม "สระน้ำที่จุดสิ้นสุดของโลก" เนื่องจากสถานที่อยู่ห่างไกล และน้ำจากความร้อนใต้พิภพของสระแห่งนี้มีความเงียบสงบและช่วยฟื้นฟูความกระปรี้กระเปร่าสดชื่นได้ดี แถมยังรายล้อมไปด้วยทัศนียภาพแบบพาโนรามาของหน้าผาที่ขรุขระและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล
คืนนี้ที่พักของคุณอยู่ใกล้กับโฮลมาวีค
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 6 - ไอซ์แลนด์เหนือ
- ไอซ์แลนด์เหนือ
- More
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- คาบสมุทรโทรลล์
- More
เมื่อออกจากฟยอร์ดทางตะวันตกแล้ว คุณจะเดินทางข้ามไปทางเหนือเพื่อไปยังเมืองอาคูเรย์ริ ซึ่งระหว่างทางมีสถานที่ท่องเที่ยวและทิวทัศน์ที่น่าอัศจรรย์ คุณอาจจะเลือกแวะชมฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) โขดหินบะซอลต์สูงตระหง่านราว 15 ม. ที่บ้างก็ว่ามีรูปร่างเหมือนโทรลล์ที่กลายเป็นหิน บ้างก็ว่าเหมือนช้าง หรือไม่ก็มังกร และคุณอาจจะแวะชมน้ำตกเรคยาฟอสส์ (Reykjafoss) หรือไปเที่ยวที่ทะเลสาบฮอป (Hop) และทะเลสาบบลอนดูลอน (Blondulon) ด้วยก็ได้ ซึ่งบลอนดูลอนนั้นเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
บนคาบสมุทรโทรลล์คุณจะเจอกับหมู่บ้านสิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) และหมู่บ้านโฮฟซอส (Hofsos) ซึ่งมีเสน่ห์น่าสนใจ สิกลูฟยอร์ดูร์นั้นเป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศและมีธรรมชาติที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์แห่งยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era Museum) ที่ได้รับรางวัลพิพิธภัณฑ์ดีเด่นด้วย ส่วนโฮฟซอสนั้นเคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศในช่วงทศวรรษ 1500 แต่ปัจจุบันเมืองโฮฟซอสมีชื่อเสียงเรื่องสระว่ายน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพแบบอินฟินิตี้ที่อยู่ท่ามกลางวิวฟยอร์ดและธรรมชาติที่งดงาม
เมืองอาคูเรย์ริที่มีประชากรราว 18,000 คนได้รับฉายาอย่างไม่เป็นทางการว่าเป็น "เมืองหลวงของทางเหนือ" และได้ชื่อว่ามีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และรอบบริเวณยังมีสถานที่น่าสนใจและกิจกรรมให้ทำได้มากมาย อย่างเช่น ไฮกิ้ง
แต่ถ้าคุณอยากเที่ยวแบบผ่อนคลายเสียมากกว่า คุณสามารถเลือกไปสปาเบียร์ที่บิยอร์บอดิน (Bjorbodin) แทนได้ ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นำศิลปะในการผลิตเบียร์แบบดั้งเดิมมาผสมผสานเข้ากับคอนเซ็ปต์ของสปาเพื่อมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้มาเยือน การแช่ตัวในอ่างเบียร์อุ่นๆ ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติช่วยและเพิ่มความสดชื่นและผ่อนคลาย และยังอาจช่วยบำรุงผิวได้ด้วย
หากคุณมีเวลาเหลือในช่วงเย็น เมืองอาคูเรย์รินั้นมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย คุณอาจจะไปชมโบสถ์อาคูเรย์ราเคิร์กยา (Akureyrarkirkja) ที่ว่ากันว่าสวยงามน่าประทับใจมากกว่าโบสถ์ในเมืองหลวงเสียอีก ไปสวนพฤกษศาสตร์อาคูเรย์ริ (Akureyri Botanical Gardens) หรือจะออกเที่ยวตามสถานบันเทิงในท้องถิ่นก็น่าสนุกสนานเช่นกัน
เมื่อคุณรู้สึกอยากพักผ่อนแล้ว ให้คุณมุ่งหน้าไปยังที่พักของคุณในคืนนี้ ซึ่งอยู่ในอาคูเรย์ริ
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 7 - Northeast Iceland
- Northeast Iceland
- More
- คยาร์นาสโกกูร์
- น้ำตกโกดาฟอสส์
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- ช่องเขาเนามาสการ์ด
- ถ้ำกริโยทากยา
- การก่อตัวของลาวาที่ดิมมูบอร์กิ
- More
วันที่เจ็ดเป็นวันที่คุณจะไปชมสถานที่น่าประทับใจบนเส้นทางวงแหวนเพชร หรือไดมอนด์เซอร์เคิล (Diamond Circle)
ไดมอนด์เซอร์เคิลเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเหมือนกับเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างวงกลมทองคำ (Golden Circle) แต่เป็นเวอร์ชันของทางภาคเหนือ และบนเส้นทางนี้มีสถานที่ที่คุณจะไปแวะชม 4 แห่ง ได้แก่ ฮูสาวิค (Husavik) หุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Myvatn) และน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss)
น้ำตกเดตติฟอสส์ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ซึ่งเป็นอุทยานฯ ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป และเป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ โดยมีปริมาณน้ำมากถึง 96,500 แกลลอนต่อวินาทีที่ไหลลงสู่หุบเขาลึกด้านล่างที่มีแต่ความมืดมิดและขรุขระ
เอาส์บิร์กิเป็นหุบเขาที่งดงาม กล่าวกันว่าเกิดจากการที่ม้าสไลป์เนียร์ (Sleipnir) แปดขาของโอดินประทับรอยเท้าลงบนดิน แต่ในทางวิทยาศาสตร์นั้นสรุปว่าหุบเขานี้ก่อตัวขึ้นหลังจากน้ำจากธารน้ำแข็งไหลเข้าท่วมพื้นที่ในช่วงยุคน้ำแข็งครั้งหลังสุด ปัจจุบันหุบเขาเอาส์บิร์กิเป็นสถานที่สำหรับเดินป่าที่มีความงดงามมากเพราะสามารถมองเห็นวิวของบริเวณโดยรอบและมีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม
ฮูสาวิคนั้นนี้ยังเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของไอซ์แลนด์ด้วยเพราะในน่านน้ำแถวนี้มีวาฬชุม ซึ่งการมาดูวาฬที่นี่นักท่องเที่ยวมีโอกาสที่จะได้เห็นสัตว์จำพวกวาฬอย่างน้อยหนึ่งสายพันธุ์จากทั้งหมดกว่า 20 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เช่น วาฬมิงค์ วาฬหลังค่อม วาฬออร์กา และฮาร์เบอร์พอร์พอยส์
หากคุณต้องการดูวาฬที่มีอยู่มากมาย คุณสามารถเพิ่มทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากฮูสาวิคเข้าไปในทริปวันนี้ได้ ซึ่งมีให้เลือกสองแบบด้วยกัน
คุณสามารถเลือกไปกับทัวร์ที่พาออกทะเลไปตามหาปลาวาฬด้วยเรือแบบดั้งเดิม หรือเลือกไปกับทัวร์ดูวาฬที่เดินทางด้วยเรือยางท้องแบน ซึ่งอย่างหลังนี้คุณจะเดินทางไปบนน่านน้ำของทางเหนือด้วยเรือที่มีขนาดเล็กและคล่องตัวมากกว่า ทำให้สามารถเข้าไปใกล้วาฬได้มากกว่า
หากคุณต้องการไปผ่อนคลายร่างกายในวันนี้ คุณจะมีตัวเลือกสำหรับกิจกรรมเสริมสองแบบด้วยกัน
ที่ฮูสาวิคมีสปาหรูหราชื่อจีโอซี (GeoSea) ที่นี่แตกต่างจากสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งอื่นๆ ในไอซ์แลนด์เล็กน้อย เพราะน้ำที่จีโอซีเป็นน้ำทะเลร้อนที่มีคุณสมบัติในการช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจได้ในขณะที่คุณแช่น้ำผ่อนคลายอยู่ท่ามกลางวิวเปิดโล่งของมหาสมุทรกว้างใหญ่
นอกจากนี้คุณยังมีตัวเลือกสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพอีกหนึ่งแห่งที่อยู่ในแถบมิวาทน์ (Myvatn) อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์นี้มักจะถูกเรียกว่าเป็น "บลูลากูนแห่งทางเหนือ" เพราะน้ำสีฟ้าที่นี่เหมาะสำหรับการมาผ่อนคลายและดื่มด่ำกับทัศนียภาพที่งดงามของภาคเหนือที่เต็มไปด้วยแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในเขตมิวาทน์
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 8 - Northeast Iceland
- Northeast Iceland
- More
- พื้นที่แถบทะเลสาบมิวาทน์
- ช่องเขาเนามาสการ์ด
- ถ้ำกริโยทากยา
- การก่อตัวของลาวาที่ดิมมูบอร์กิ
- More
ทะเลสาบมิวาทน์และพื้นที่รอบทะเลสาบนั้นเหมาะสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนอย่างยิ่ง ทะเลสาบที่นี่สวยงามน่ามหัศจรรย์มีผืนน้ำสีฟ้าครามกินพื้นที่กว้างใหญ่และล้อมรอบด้วยปล่องภูเขาไฟเทียมสีเขียวที่ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน อย่าลืมเตรียมกล้องถ่ายรูปให้พร้อมจับภาพภูมิประเทศที่มีเอกลักษณ์ของมิวาทน์อยู่ตลอดเวลา
สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณนี้ ได้แก่ ดิมมูบอร์กีร์ (Dimmuborgir) ซึ่งมีหินภูเขาไฟที่ก่อตัวเป็นรูปร่างขรุขระบิดเบี้ยวมาเป็นเวลายาวนานหลายศตวรรษ มองดูคล้ายกับเป็นป้อมปราการหรือปราสาทสีดำทะมึนที่มักจะเห็นในหน้าหนังสือแนวแฟนตาซี พื้นที่บริเวณนี้น่าจะดึงดูดนักธรณีวิทยาและผู้ที่ต้องการมาชื่นชมผลงานของธรรมชาติมากเป็นพิเศษ
ใกล้ๆ กันนั้น คุณสามารถไปที่ช่องเขาเนามาสการ์ด (Namaskard) เพื่อไปดูภูมิประเทศที่เหมือนกับดาวอังคาร เพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมของพลังงานใต้พิภพเกิดขึ้นมากมาย ทั้งบ่อโคลนเดือดและฟูมาโรลที่พ่นไอน้ำร้อนออกมา การไปเยือนเนามาสการ์ถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีสุดที่คุณจะได้เห็นกับตาว่าความร้อนที่ระอุคุกรุ่นอยู่ใต้พื้นดินนั้น มีส่วนหล่อหลอมลักษณะของเกาะแห่งนี้อย่างไรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
วิธีเที่ยวชมภูมิภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดเห็นจะเป็นการเข้าร่วมกับเดย์ทัวร์แบบเช้าไปเย็นกลับที่จะพาคุณไปดูสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญตั้งแต่อาสยา (Askja) ไปจนถึงมิวาทน์ ซึ่งคุณสามารถเพิ่มทัวร์นี้ได้ขณะที่ทำการจอง ทริปนี้ใช้เวลา 12 ชั่วโมงและครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีทั้งหมดแบบไม่พลาดแม้แต่แห่งเดียว
ระหว่างที่เข้าร่วมกับทัวร์หนึ่งวันเต็มนี้ คุณจะได้พักจากการขับรถและการดูแผนที่ เนื่องจากจะมีรถพร้อมไกด์มารับคุณ และคุณจะมีเวลาเหลือเฟือในการชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมพิเศษอย่างการไปแช่น้ำอุ่นในปากปล่องภูเขาไฟได้ด้วย นอกจากนี้คุณยังจะได้ไปดูพื้นที่ที่มีบรรยากาศเหมือนอยู่บนดาวดวงอื่น ซึ่งเคยถูกใช้เป็นสนามฝึกซ้อมสำหรับภารกิจโครงการอะพอลโลที่ไปเยือนดวงจันทร์ในยุค 60 มาก่อนหน้านี้ และในปี 2020 ก็เพิ่งใช้เป็นสนามทดสอบสำหรับภารกิจไปดาวอังคารขององค์การนาซ่า
คืนนี้คุณจะพักอยู่ในอาคูเรย์ริเป็นคืนสุดท้าย
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 9 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก
- More
- กองหินฮวิทแซร์กูร์
- More
วันนี้คุณจะเดินทางจากอาคูเรย์ริและกลับไปยังเรคยาวิกเมืองหลวง
ระหว่างทางคุณจะขับรถไปตามชายฝั่งตะวันตกที่สวยงามที่มีทั้งน้ำตก น้ำพุร้อน และชุมชนเก่าแก่
คุณจะเดินทางผ่านฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์และอาจจะอยากแวะชมหมู่บ้านเฮยกาเนส (Hauganes) ที่สวยแปลกตา ชุมชนแห่งนี้มีบรรยากาศเงียบสงบตามแบบฉบับของชีวิตในชนบท จึงเหมาะแวะยืดเส้นยืดสายและชมวิวเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปทางตะวันตกผ่านทิวทัศน์อันกว้างใหญ่และฟยอร์ด และคุณควรแวะไปชมกลุ่มหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) โขดหินขรุขระรูปร่างสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลด้วย
หินฮวิทแซร์กูร์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีคนแวะมาถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่แปลกตาน่าสนใจและสามารถมองเห็นเป็นสิ่งต่างๆ ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดที่คุณไปยืนดู และตามตำนานของไอซ์แลนด์บอกว่าหินฮวิทแซร์กูร์นี้คือโทรลล์ที่จบชีวิตลงหลังจากที่โดนพระอาทิตย์ตอนเช้าสาดแสงเข้าใส่
เมื่อเดินทางต่อไปทางทิศตะวันตกในที่สุดคุณก็จะเดินทางไปถึงเมืองฮูสาเฟลล์ (Husafell) ซึ่งจากที่นั่นคุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์เที่ยวถ้ำลาวาได้ ทัวร์นี้จะพาคุณลงไปผจญภัยในหนึ่งในถ้ำลาวาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และคุณจะได้เห็นโลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยหินลาวาที่เกิดจากการปะทุเมื่อกว่าหนึ่งพันปีมาแล้ว
จากนั้นคุณจะเดินทางมุ่งหน้าไปทางใต้ ซึ่งคุณก็ยังสามารถแวะที่สปาธรรมชาติเครยมา (Krauma) เพื่อแช่น้ำอุ่นได้อีกแห่ง หรือไปรับประทานเมนูอร่อยจากวัตถุดิบในท้องถิ่นได้ที่ร้านอาหารของสปา
ก่อนที่คุณจะกลับเข้าเมือง คุณอาจจะอยากเข้าไปเที่ยวชมข้างในภูเขาไฟทรีฮนูคาร์กีกูร์ (Thrihnukagigur) กันก่อน โถงแมกมาที่นี่เต็มไปด้วยสีสันและรูปทรงที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ และในทัวร์ชมด้านในภูเขาไฟนี้ คุณจะถูกหย่อนลงไปในใจกลางถ้ำลาวาเพื่อชื่นชมภาพความประทับใจที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อนานมาแล้ว
หากคุณเดินทางไปถึงเมืองเรคยาวิกเร็วและยังมีเวลาเหลือ คุณสามารถไปเที่ยวที่ฟลายโอเวอร์ไอซ์แลนด์ (FlyOver Iceland) ได้อีกแห่ง แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่นี้ผสมผสานเทคนิคของภาพยนตร์ระดับ HD การเล่าเรื่อง การฉายภาพ และความสนุกตื่นเต้นของสวนสนุกเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของฟลายโอเวอร์ไอซ์แลนด์คือเที่ยวบินจำลองที่พาคุณขึ้นไปอยู่เหนือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศโดยที่ตัวคุณยังอยู่บนพื้นดิน
สำหรับคืนสุดท้ายในไอซ์แลนด์คุณจะพักอยู่ในเมืองเรคยาวิก
ที่พัก
ประสบการณ์
วันที่ 10 - เรคยาวิก
- เรคยาวิก - วันออกเดินทาง
- More
- เคลฟาร์วาทน์
- ครีซูวิก
- กุนนูฮแวร์
- More
วันนี้เป็นวันที่คุณจะเดินทางกลับบ้าน คุณอาจจะรู้สึกเศร้าที่ต้องบอกลาไอซ์แลนด์ แต่วันนี้คุณก็ยังสามารถไปเที่ยวก่อนกลับบ้านได้อีกหน่อยหากคุณมีเที่ยวบินในช่วงท้ายของวัน
ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายหน่อยยังสามารถไปแวะบลูลากูนก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสนามบินในวันนี้ได้ สปาระดับโลกแห่งนี้เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการผ่อนคลายด้วยการแช่ตัวในน้ำอุ่นที่อุดมด้วยแร่ธาตุ และนึกย้อนกลับไปถึงการผจญภัยอันน่าทึ่งของคุณในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง
หรือคุณอาจจะอยากใช้เวลาที่เหลือในวันนี้ไปสำรวจสถานที่ต่างๆ ของเรคยาวิกเพิ่มเติม หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นคือพิพิธภัณฑ์เพอร์ลาน (Perlan Museum) ซึ่งเป็นสถานที่จัดนิทรรศการให้ความรู้ที่น่าประทับใจ พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนถังเก็บน้ำร้อนและมีการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ รวมถึงมีถ้ำน้ำแข็งเทียมให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมของธารน้ำแข็งด้วย และบนดาดฟ้าสำหรับชมวิวแบบพาโนรามาของเพอร์ลาน นักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเมืองเรคยาวิกและภูมิทัศน์โดยรอบ
ในเมืองเรคยาวิกยังมีศิลปะที่เฟื่องฟูมาก โดยมีแกลเลอรีต่างๆ ให้เข้าชม เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะเรคยาวิกที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยของไอซ์แลนด์และนานาชาติ หรือคุณอาจจะอยากไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แปลกๆ หลายแห่งของเมือง เช่น พิพิธภัณฑ์ลึงค์แห่งไอซ์แลนด์ และ พิพิธภัณฑ์พังค์แห่งไอซ์แลนด์
อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงท้ายของวันคือการไปสำรวจคาบสมุทรเรคาเนส ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าสะดวกมากเนื่องจากอยู่ใกล้สนามบิน
หนึ่งในไฮไลท์ที่โดดเด่นของคาบสมุทรเรคยาเนสคือหน้าผาริมชายฝั่งที่เรคยาเนสวิติ (Reykjanesviti) นักท่องเที่ยวสามารถชมคลื่นอันทรงพลังซัดเข้าหาชายฝั่งที่ขรุขระและตื่นตาตื่นใจไปกับประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์
ภูมิทัศน์แปลกตาราวกับอยู่นอกโลกของพื้นที่ความร้อนใต้พิภพครีซูวิก (Krysuvik) เต็มไปด้วยปล่องไอน้ำ บ่อโคลนเดือดปุดๆ และแหล่งแร่หลากสี ทำให้เข้าใจถึงการระเบิดของภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ได้อย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ไอซ์แลนด์ร็อคแอนด์โรลที่นำเสนอการเดินทางที่น่าสนใจผ่านประวัติศาสตร์ดนตรีของไอซ์แลนด์ โดยจัดแสดงฉากดนตรีที่มีชีวิตชีวาของประเทศ
ในที่สุดคุณจะไปส่งคืนรถเช่าของคุณที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกโดยยังมีเวลาเหลือเฟือก่อนขึ้นเครื่องกลับบ้าน ขอให้คุณมีความสุขกับการเดินทางและหวังว่าจะได้พบคุณอีกในเร็วๆ นี้!
ประสบการณ์
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
ทริปขับรถเที่ยวครั้งนี้สามารถเริ่มต้นออกเดินทางได้จากทั้งในเมืองเรคยาวิก หรือสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่ที่ยังไม่หมดอายุและมีประสบการณ์ในการขับรถบนท้องถนนอย่างน้อยหนึ่งปี ทั้งนี้แผนการท่องเที่ยวที่จัดไว้อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับวันเวลาที่คุณเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ด้วย แพ็คเกจไม่รวมความคุ้มครองรถยนต์จากกรวดหากคุณเลือกใช้รถ Toyota Aygo หรือที่คล้ายกัน และแม้ว่าทริปนี้จะอยู่ในช่วงหน้าร้อน แต่อากาศที่ไอซ์แลนด์ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ คุณต้องเตรียมเสื้อผ้ามาให้เหมาะสมกับสภาพอากาศด้วย และอาหารเช้านั้นอาจไม่รวมอยู่ในโฮสเทลและเกสต์เฮาส์บางแห่งที่เลือก
วิดีโอ
รีวิวที่ตรวจสอบแล้ว
แพ็คเกจท่องเที่ยวที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด