แพ็คเกจฤดูร้อน 12 วันพร้อมไกด์ เที่ยวถนนวงแหวนรอบไอซ์แลนด์และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

ทัวร์รถมินิบัสรอบเกาะเริ่มต้นขึ้นเมื่อไกด์เข้าไปรับคุณในตอนเช้า หลังจากแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองแล้ว คุณจะเริ่มต้นเส้นทางการเที่ยวชมสถานที่ในวันนั้น ซึ่งก็คือวงกลมทองคำ

จุดแรกของคุณคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir National Park) ซึ่งเป็นบริเวณที่โดดเด่นด้วยช่องเขาขรุขระ ด้านหนึ่งของหุบเขามีแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียนที่เปิดโล่ง และอีกด้านหนึ่งเป็นแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ ไอซ์แลนด์เป็นสถานที่แห่งเดียวในโลกที่สามารถเดินท่ามกลางรอยแยกระหว่างทวีปในลักษณะนี้ได้

ธิงเวลลีร์ยังมีความสำคัญทางวัฒนธรรมอีกด้วย เนื่องจากที่นี่เป็นที่ที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวไวกิ้งรวมตัวกันในปี ค.ศ. 1000 เพื่อวางกฎหมายแผ่นดิน นอกจากนี้ สถานที่ทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งแรกของโลกที่ชื่อว่าอัลธิงกิ (Althingi) ทำให้ที่นี่เป็นจุดศูนย์กลางของอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์ ภูมิทัศน์ของอุทยานคั่นด้วยลำธารใสสะอาด หินลาวาที่ปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ และป่าไม้เบิร์ช มอบฉากหลังที่งดงามให้กับประวัติศาสตร์อันยาวนาน

ต่อไปคุณจะได้เยี่ยมชมพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ (Geysir) ซึ่งตั้งชื่อตามน้ำพุร้อนอันโด่งดัง ซึ่งทำให้ต่อมาไกเซอร์กลายเป็นคำเรียกน้ำพุร้อนทั้งหมด ที่นี่คุณจะได้ชมน้ำร้อนเดือดพุ่งออกมาจากไกเซอร์สโทรคูร์ ซึ่งสูงถึง 20 เมตร

ภูมิภาคที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลานี้คั่นด้วยแอ่งโคลนที่เดือดพล่านและพุก๊าซไอน้ำ สีที่ตัดกันของดินที่อุดมด้วยแร่ธาตุและไอน้ำที่พุ่งสูงขึ้นทำให้เกิดบรรยากาศที่แทบจะเหมือนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นพลังที่แท้จริงของกิจกรรมความร้อนใต้พิภพของไอซ์แลนด์

เมื่อคุณชื่นชมปรากฏการณ์นี้จนครบแล้ว คุณจะได้ไปชมน้ำตกกุลล์ฟอสส์อันยิ่งใหญ่ แม่น้ำฮวิตเอาประกอบด้วยน้ำเย็นบริสุทธิ์ และที่น้ำตกกุลล์ฟอสส์ มีน้ำตกสองชั้นอันยิ่งใหญ่ไหลลงมาด้วยพลังอันมหาศาล การชมน้ำตกทำได้จากหลายมุม ทำให้มีโอกาสมากมายในการได้ภาพที่ดีที่สุด

คืนนี้คุณจะพักผ่อนในที่พักในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์

วันนี้ได้เวลาเดินทางไปยังชายฝั่งทางใต้ ภูมิภาคที่โดดเด่นด้วยชายหาดสีดำกว้างใหญ่และน้ำตกที่สวยงาม หากสภาพอากาศดี ให้คุณลองมองออกไปนอกทะเล เนื่องจากจะสามารถมองเห็นหมู่เกาะเวสต์แมนนอกชายฝั่งได้

จุดแรกของคุณคือน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ ซึ่งคุณสามารถมองเห็นได้จากถนนเมื่อคุณเข้าใกล้หน้าผาของที่ราบสูงทางตอนใต้ อย่างไรก็ตาม การได้เห็นน้ำตกแห่งนี้อย่างใกล้ชิดนั้นน่าทึ่งมาก น้ำตกจากความสูง 60 เมตรด้านหน้าถ้ำขนาดใหญ่ที่คุณสามารถเข้าไปชมน้ำตกได้จากทุกมุม

น้ำตกแห่งที่สองของคุณคือน้ำตกสโคกาฟอสส์ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เช่นเดียวกับน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ น้ำตกอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ตกลงมาจากความสูง 60 เมตรท่ามกลางม่านน้ำแผ่กว้างที่มีเสียงดังกึกก้อง และเนื่องจากพื้นที่โดยรอบเป็นที่ราบ ทำให้ผู้มาเยี่ยมชมสามารถเข้าไปใกล้ได้ ในวันที่มีแสงแดดสดใส คุณอาจเห็นสายรุ้งหลายสายทอดตัวท่ามกลางละอองน้ำของน้ำตก

วันนี้คุณจะเลือกไปเยี่ยมชมถ้ำน้ำแข็งก็ได้ ถ้ำน้ำแข็งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันน่าเหลือเชื่อ คุณจะได้เข้าไปในวังน้ำแข็งที่มีกำแพงน้ำแข็งคริสตัลแซมด้วยลวดลายหินอ่อนเป็นสีขาวและน้ำเงิน

นอกจากนี้ คุณยังจะได้เยี่ยมชมซุ้มหินโค้งดิร์โฮลาเอย์ริมทะเล ซึ่งเป็นซุ้มทางเดินจากหินที่ทอดยาวจากแผ่นดินใหญ่ของชายฝั่งทางใต้ลงสู่ทะเล จากที่นี่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์โดยรอบบางส่วน จุดนี้ยังเป็นสวรรค์สำหรับนักดูนกด้วย มีสัตว์หลายชนิด รวมถึงนกพัฟฟิน ซึ่งมักพบเห็นทำรังบนหน้าผาในบางช่วงเวลาของปี

เดินทางต่อไปตามชายฝั่งทางใต้ คุณจะไปยังหาดทรายสีดำเรย์นิสฟยารา แนวชายฝั่งอันงดงามที่ทอดยาวนี้มีชื่อเสียงในด้านหาดทรายที่น่าหลงใหล เสาหินบะซอลต์อันงดงาม และแนวหินทะเลเรย์นิสดรังการ์ที่ถ่ายรูปสวย จับตาดูเหล่านกน้อยที่น่าประทับใจของชายหาดแห่งนี้ ซึ่งคุณอาจจะได้เห็นนกพัฟฟิน

ในช่วงท้ายวัน คุณจะมุ่งหน้าไปยังที่พักในไอซ์แลนด์ตอนใต้

วันของคุณจะเริ่มต้นด้วยการขับรถข้ามผืนทรายโซลเฮมาซานดูร์ ทะเลทรายสีดำอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไปจนถึงขอบอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลอันยิ่งใหญ่ ตื่นตาตื่นใจกับภูมิประเทศที่ตัดกันกับเส้นขอบฟ้าที่โผล่มาให้เห็นเรื่อยๆ

จุดแวะแรกของวันนี้จะทำให้คุณต้องมนต์สะกดอย่างแน่นอน ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนมักถูกเรียกว่า "อัญมณียอดมงกุฏแห่งไอซ์แลนด์" และเป็นภาพที่น่าไปชมมาก ที่นี่เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในไอซ์แลนด์ โดยมีความลึกสูงสุด 814 ฟุต (248 เมตร) และมีพื้นที่ 11.2 ตารางไมล์ (18 ตารางกิโลเมตร)

ภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาซึ่งลอยอยู่ในน้ำที่เป็นผลึกนั้นแตกออกจากลิ้นของธารน้ำแข็งเบรดาแมร์คุร์โจกุล และลอยออกไปในทะเลอย่างอ้อยอิ่ง

ที่นี่ คุณจะมีโอกาสได้ล่องเรือท่ามกลางน้ำแข็งเมื่อเข้าร่วมกับทัวร์ล่องเรือสุดพิเศษด้วยยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกพิเศษที่จะพาแล่นลงสู่ทะเลสาบและล่องเรือไปท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง ให้คุณได้สัมผัสโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ของภูเขาน้ำแข็งแต่ละลูกในขณะที่พวกมันส่งเสียงดังเอี๊ยดและครวญครางตามมวลน้ำหนัก

เมื่อคุณรับชมความยิ่งใหญ่ของโจกุลซาร์ลอนจนเต็มอิ่มแล้ว คุณจะเดินทางไปยังหาดไดมอนด์ (Diamond Beach) ซึ่งเป็นแนวชายฝั่งอันงดงามที่ภูเขาน้ำแข็งถูกพัดขึ้นมาเกยฝั่ง คุณสามารถเดินท่ามกลางธารน้ำแข็งโบราณและถ่ายรูปสวยๆ มากมายได้ที่นี่

ก้อนน้ำแข็งที่ส่องแสงบนทรายสีเข้มดูเหมือนเพชรที่ส่องประกายระยิบระยับ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อชายหาดแห่งนี้ เสียงคลื่นที่กระทบกับน้ำแข็งนั้นช่างน่าทึ่งและเพิ่มความสวยงามให้กับสถานที่นี้

วันนี้คุณจะได้ไปที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ด้วย ซึ่งเป็นส่วนที่สวยงามของประเทศภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล จากที่นี่ คุณจะได้ไปปีนธารน้ำแข็ง คุณจะได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นและถูกพาขึ้นไปบนเนินน้ำแข็งเพื่อชมทิวทัศน์อันน่าทึ่งจากบนธารน้ำแข็ง

คุณจะได้ใช้เวลาช่วงเย็นของคุณในที่พักในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ ใช้ประโยชน์จากพระอาทิตย์เที่ยงคืนให้คุ้มค่าที่สุดด้วยการนั่งข้างนอกหรือออกไปเดินเล่นเพื่อชมสภาพแวดล้อมที่สวยงาม

หลังจากออกจากฟยอร์ดตะวันออกแล้ว คุณจะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งบนเส้นทางไดมอนด์เซอร์เคิล ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของวงกลมทองคำทางตะวันตกเฉียงใต้

อย่างไรก็ตาม ก่อนออกเดินทาง คุณสามารถเพลิดเพลินกับเวิกบาธ (Vok Baths) ซึ่งเป็นสปาที่ลอยอยู่ในทะเลสาบได้ หากคุณเลือกที่จะทำเช่นนั้นเมื่อทำการจอง

วงกลมเพชรหรือไดมอนด์เซอร์เคิลประกอบด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลักสี่แห่ง ได้แก่ น้ำตกเดตติฟอสส์ หุบเขาอาสบิร์กี เมืองฮูสาวิก และทะเลสาบมิวาทน์

ก่อนอื่น คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับ "The Beast" ซึ่งเป็นชื่อเล่นของน้ำตกเดตติฟอสส์ที่มีขนาดมหึมาและถือว่ามีพลังมากที่สุดในยุโรป ลักษณะทางธรรมชาติของน้ำตกขนาดยักษ์นี้ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงพอสมควร เนื่องจากเคยปรากฏในภาพยนตร์ไซไฟของริดลีย์ สก็อตต์ เรื่อง “Prometheus” หลังจากเดินไปน้ำตกได้ไม่ไกล คุณจะสามารถรับรู้ถึงพลังอันมหาศาลของมันได้จากการส่งน้ำปริมาณมหาศาลลงไปที่ความสูง 144 ฟุต (44 เมตร)

จากนั้น คุณจะได้เยี่ยมชมอาสบิร์กิ ซึ่งเป็นหุบเขารูปเกือกม้าซึ่งตามตำนานเล่าขานกันนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยม้าแปดขาของโอดินที่ชื่อสเลปปินิร์ ในขณะที่มันกระทืบเท้าลงมาบนพื้นโลก เมื่อคุณได้ชมทิวทัศน์อันเขียวขจีที่อาสบิร์กิแล้ว คุณจะได้แวะพักที่เมืองฮูสาวิกอันงดงาม ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านท่าเรือและโบสถ์ไม้อันวิจิตรงดงาม

จากนั้น คุณจะได้เดินทางต่อไปยังทะเลสาบมิวาทน์ แหล่งน้ำอันน่าทึ่งที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติมหัศจรรย์มากมาย ทะเลสาบนี้มีความยาวประมาณ 9.5 กิโลเมตร และกว้าง 6.5 กิโลเมตร ทำให้ที่นี่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศไอซ์แลนด์

คุณจะได้สำรวจช่องเขาเนามาสการ์ด (Namaskard Pass) ซึ่งเป็นพื้นที่ความร้อนใต้พิภพที่พลังของโลกลอยขึ้นสู่พื้นผิวในขณะที่ไอน้ำพ่นออกมาจากพุก๊าซหรือบ่อโคลนเดือด

จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปยังเมืองอาคูเรย์ริทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ ระหว่างทางคุณจะแวะที่ “น้ำตกแห่งเทพเจ้า” หรือน้ำตกโกดาฟอสส์ เชื่อกันว่านี่คือจุดที่หัวหน้าเผ่าไวกิ้งโยนรูปเคารพนอกรีตลงในน้ำ ซึ่งเป็นการกระทำในเชิงสัญลักษณ์ เพื่อกระตุ้นให้ชาวไอซ์แลนด์รับเอาศาสนาคริสต์มาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับนอร์เวย์

จากนั้นคุณจะสิ้นสุดวันของคุณในที่พักในไอซ์แลนด์เหนือ

เมื่อเดินทางต่อไปทางตะวันตก วันนี้คุณจะได้เยี่ยมชมคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส ซึ่งได้รับการขนานนามอย่างน่ารักว่า “ไอซ์แลนด์ขนาดจิ๋ว” เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของลักษณะทางธรรมชาติที่หลากหลายซึ่งแต่งแต้มสีสันให้กับแนวชายฝั่งขรุขระ คาบสมุทรนี้ตั้งชื่อตามสไนเฟลส์โจกุล ซึ่งเป็นภูเขาไฟธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องราวอันโด่งดังของจูลส์ เวิร์น เรื่อง “การเดินทางสู่ใจกลางโลก”

มีจุดแวะเยี่ยมชมมากมายตลอดทั้งวัน คุณจะได้ไปดูภูเขาที่เหมาะกับการถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ นั่นคือคิร์กจูเฟลล์ ซึ่งปรากฏใน Game of Thrones ซีซั่น 7 ในชื่อ "ภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนหัวลูกศร" คุณสามารถบันทึกภาพความงดงามอันน่าทึ่งของเขาลูกนี้พร้อมกับน้ำตกเบื้องหน้าอันงดงามเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ

นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบของคิร์กจูเฟลล์ยังทำให้ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับนักดูนกและผู้ที่รักธรรมชาติอีกด้วย เมื่อคุณถ่ายภาพเงาอันเป็นเอกลักษณ์ของภูเขาตัดกับท้องฟ้าที่กว้างไกลของประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะเข้าใจว่าทำไมภาพนี้จึงสร้างแรงบันดาลใจให้กับช่างภาพและผู้สร้างภาพยนตร์จำนวนนับไม่ถ้วน

ภายในอุทยานแห่งชาติสไนล์แฟลสโจกุล คุณจะได้เยี่ยมชมชายหาดดยูปาลอนสซานดูร์ คลื่นแรงซัดกระทบชายหาดอันน่าทึ่งแห่งนี้ ขัดเกลาก้อนกรวดบนหาดจนมีผิวเรียบเกลี้ยงอย่างสวยงาม ขณะที่คุณเดินเข้าไปในบริเวณนี้ คุณจะพบหินทดสอบพลังที่หนักอึ้งจำนวนสี่ก้อนที่กะลาสีใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา

หินแต่ละก้อนมีน้ำหนักต่างกัน และตามประเพณีเก่าแก่ใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของลูกเรือที่จะออกเดินทางไปในทะเลที่ท้าทาย ขณะที่คุณพยายามยกหรือสังเกตหินเหล่านี้ จะเหมือนคุณย้อนไปสู่ช่วงเวลาที่ความแข็งแกร่งของแขนสามารถตัดสินชะตากรรมของพวกเขาในทะเลได้

เพิ่มการผจญภัยให้กับทริปวันนี้ของคุณด้วยการสำรวจโลกใต้ดินของอุโมงค์ลาวาวาทน์เฮลลิร์ เมื่อสวมไฟฉายที่หน้าแล้ว คุณจะลงไปสำรวจสีสันและโครงสร้างลับที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นผิวโลกของเรา

เมื่อเดินลึกเข้าไปในถ้ำอายุ 8,000 ปีแห่งนี้ คุณจะได้รับการต้อนรับด้วยเขาวงกตที่มีรูปร่างซับซ้อนของหินและหินย้อยโบราณ เรียนรู้เกี่ยวกับการปะทุของภูเขาไฟที่สร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ใต้ดินนี้ นำโดยผู้เชี่ยวชาญ และฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความสำคัญทางประวัติศาสตร์

คุณจะกลับไปยังที่พักเดิมในคืนก่อนหน้าในไอซ์แลนด์ตะวันตก