แพ็คเกจทัวร์ฤดูหนาวกลุ่มเล็ก 12 วัน ชมไอซ์แลนด์และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

วันที่สองนี้ คุณจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางท่องเที่ยววงกลมทองคำกัน 

หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณจะเดินทางออกจากเมืองหลวงด้วยรถมินิบัส ซึ่งระหว่างที่นั่งรถคุณจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมทริปท่านอื่นๆ รวมถึงไกด์ใจดีที่จะเป็นผู้นำเที่ยวในวันนี้ด้วย

คุณจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเส้นทางท่องเที่ยววงกลมทองคำ ซึ่งบนเส้นทางนี้มีที่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่น 3 แห่ง และเส้นทางมีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 300 กิโลเมตร

เมื่อคุณเยี่ยมชมสถานที่แต่ละแห่ง ไกด์จะบอกคุณมากขึ้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ลักษณะทางธรณีวิทยา และนิทานพื้นบ้านที่น่าสนใจ

เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่โด่งดังที่สุดในประเทศ และคุณจะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเมื่อมาถึง

จุดแรกที่แวะคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir National Park) ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจมาก ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้ธิงเวลลีร์เป็นแหล่งมรดกโลกด้วย เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ก่อตั้งอัลธิงกิ (Alþingi) หรือสภานิติบัญญัติแห่งแรกของไอซ์แลนด์

นอกจากนี้ ธิงเวลลีร์ยังตั้งอยู่บนพื้นที่รอยต่อระหว่างทวีป และมีรอยแยกอัลมานาเกียว (Almannagja) ซึ่งเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเชียนและแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือแยกตัวออกจากกัน

เมื่อเสร็จสิ้นจากการสำรวจหุบเขาแห่งนี้แล้ว คุณจะเดินทางไปยังพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งหุบเขาเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur) ซึ่งเป็นแหล่งรวมไกเซอร์พ่นน้ำร้อนและบ่อโคลนเดือด คุณจะได้ไปชมไกเซอร์สโทรคูร์ (Strokkur) อันยิ่งใหญ่ที่พ่นน้ำร้อนได้สูงถึง 20 เมตร

การปะทุของไกเซอร์สโทรคูร์จะเกิดขึ้นทุกๆ 5 ถึง 10 นาที ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้เห็นการแสดงอันน่าทึ่งอย่างน้อยหนึ่งครั้งเมื่อคุณมาเยือน

จุดสุดท้ายของเส้นทางเที่ยวชมวงกลมทองคำคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) อันยิ่งใหญ่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ดิ่งลงมาเป็นสองขั้นและไหลลงสู่รอยแยกน้ำแข็งของแม่น้ำน้ำแข็งที่มีความสูงประมาณ 32 เมตร

นอกจากรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งแล้ว น้ำตกกุลล์ฟอสส์ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้วย ซึ่งไกด์ของคุณจะเล่าให้คุณฟัง

เมื่อสิ้นสุดทริปวันนี้คุณจะได้พักผ่อนในที่พักแสนสบายในทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ และคุณต้องไม่ลืมเงยหน้ามองหาแสงเหนือบนท้องฟ้ากันด้วย

ในวันที่สามของทริปฤดูหนาวในไอซ์แลนด์ครั้งนี้ คุณจะเดินทางสำรวจชายฝั่งทางใต้อันโด่งดัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สวยงามและมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

สถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายที่รายล้อมไปด้วยชายฝั่งขรุขระและมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเมื่อได้ชมอย่างใกล้ชิด

คุณจะผ่านแม่น้ำที่ไหลลดหลั่นและพื้นที่เกษตรกรรมในชนบท จากนั้นจะไปแวะชมน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) และน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) อันงดงาม แม้ว่าน้ำตกทั้งสองจะสูงประมาณ 60 เมตรเหมือนกัน แต่ก็มีความงามที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกัน

น้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์เป็นหนึ่งในน้ำตกที่ดีที่สุดในการสำรวจในประเทศ นอกจากน้ำตกจะสูงแล้ว ยังมีถ้ำแคบๆ อยู่ด้านหลัง ให้คุณชื่นชมและถ่ายภาพความงามได้รอบทิศทาง

ในขณะเดียวกัน น้ำตกสโกกาฟอสส์เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของน้ำตกจากบนหน้าผาหรือที่ด้านล่างของน้ำตก และอาจจะได้เห็นรุ้งกินน้ำปรากฏขึ้นเหนือน้ำเย็นก็เป็นไปได้เช่นกันหากคุณมาเยือนในวันที่อากาศแจ่มใส

ไฮไลท์ของวันคือการปีนธารน้ำแข็งบนยอดธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล ซึ่งเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่เข้าถึงได้มากที่สุดในประเทศ ซึ่งเชื่อเถอะว่าไม่มีวิธีไหนที่คุณจะได้สัมผัสถึงพลังของธารน้ำแข็งได้ดีไปกว่าการผูกเชือกรองเท้าบูทและรัดรองเท้าตะปูให้แน่นแล้วไต่ขึ้นไปบนพื้นผิวของน้ำแข็งอีกแล้ว

ไกด์ผู้เชี่ยวชาญจะนำคุณผ่านภูมิประเทศน้ำแข็ง รอยแยก และมูแลงส์หรือรอยแยกแนวตั้งของธารน้ำแข็ง พวกเขาจะดูแลคุณให้มีความปลอดภัยและเพลิดเพลินกับการเดินทาง

จุดหมายปลายทางต่อไปของคุณคือชายฝั่งใกล้กับหมู่บ้านวิก ซึ่งเป็นที่ตั้งของหาดทรายสีดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในชายหาดที่ไม่ใช่เขตร้อนที่สวยที่สุดในโลก

และเมื่อมองออกไปที่นอกชายฝั่งคุณจะได้เห็นกลุ่มหินบะซอลต์เรนิสแดรงการ์ (Reynisdrangar) ที่มีรูปร่างคล้ายกับปราสาทด้วย และก่อนเข้าที่พักในคืนนี้ คุณอาจจะอยากแวะไปชิมอาหารท้องถิ่น หรือไปเยี่ยมชมร้านขายของที่ระลึกเพื่อซื้อหาของฝากกันก่อนก็ได้

คุณจะได้พักค้างคืนในที่พักอันแสนสะดวกสบายทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์

ในวันที่สี่ของทริปฤดูหนาวครั้งนี้ คุณจะได้สำรวจอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการผจญภัยบนถนนวงแหวนไอซ์แลนด์ อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลมีลักษณะทางธรรมชาติที่หลากหลาย ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าถึงได้แม้ในฤดูหนาว สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่สองแห่ง ได้แก่ ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ จะเป็นไฮไลท์ของแผนการเดินทางวันนี้

เมื่อคุณนั่งรถข้ามไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ รถมินิบัสจะแล่นผ่านทะเลทรายสีดำของภูมิภาคนี้ คุณอาจจะได้แวะเยี่ยมชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ซึ่งมีหุบเขาและป่าไม้ปกคลุมไปด้วยหิมะเป็นเวลาสั้นๆ ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพถนน

หากท้องฟ้าแจ่มใส คุณยังอาจเห็นยอดเขาที่สูงที่สุดของไอซ์แลนด์ นั่นคือภูเขาฮวานนาดาลสชยูก (Hvannadalshnjukur)

ต่อจากนั้นคุณจะไปเที่ยวทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ซึ่งเป็นเพชรเม็ดงามของไอซ์แลนด์ และมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะมีภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาจำนวนมากที่แตกตัวออกมาจากผืนน้ำแข็งแห่งหนึ่งของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล และลอยตัวอยู่ในผืนน้ำอันเงียบสงบและค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปในมหาสมุทรแอตแลนติก

ภาพของทะเลสาบแห่งนี้จะสร้างความประทับใจให้กับคุณแบบที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว นอกจากนี้หาดไดมอนด์ที่อยู่ติดกันก็ยังมีก้อนน้ำแข็งกระจัดกระจายต้องแสงแดดระยิบระยับอยู่บนผืนทราย มองดูราวกับเป็นเม็ดอัญมณีบนผืนผ้ากำมะหยี่สีดำ ชายหาดน้ำแข็งแห่งนี้มอบโอกาสพิเศษให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามของความแตกต่างของธรรมชาติ โดยที่น้ำแข็งใสดุจคริสตัลตัดกับทรายภูเขาไฟของชายหาด

การผจญภัยอีกแบบที่รอคุณอยู่วันนี้คือการสำรวจถ้ำน้ำแข็งตามธรรมชาติ ความงามของถ้ำจะทำให้คุณตกตะลึงเมื่อคุณเดินผ่านช่องน้ำแข็งและประติมากรรมน้ำแข็งที่เรียงรายอยู่ตามผนังของดินแดนมหัศจรรย์อันบริสุทธิ์แห่งนี้

ฤดูหนาวนี้มีการค้นพบถ้ำน้ำแข็งที่สวยงามสองแห่งในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ได้แก่ ถ้ำน้ำแข็งตะวันตกและถ้ำน้ำแข็งตะวันออก ในการผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ คุณจะได้เยี่ยมชมถ้ำน้ำแข็งที่ดีที่สุดของวันนั้น โดยคำนึงถึงสภาพอากาศและทัศนวิสัยเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ประสบการณ์ถ้ำน้ำแข็งที่ดีที่สุด

คุณจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเยี่ยมชมถ้ำในธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล หากคุณเดินทางก่อนเดือนพฤศจิกายน ไม่เช่นนั้นคุณจะได้ไปเยี่ยมชมถ้ำในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลในช่วงบ่าย

เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในเฮิฟน์ (Hofn) เนื่องจากที่นี่มีมลภาวะทางแสงน้อย คุณจึงมีโอกาสมองเห็นแสงออโรราบอเรลิสได้มากขึ้น

คุณจะได้พักค้างคืนที่ไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้

ในวันที่เจ็ดของวันหยุดฤดูหนาวของคุณในไอซ์แลนด์ คุณจะได้สำรวจไอซ์แลนด์เหนือและเข้าร่วมทัวร์ชมวาฬ

หลังอาหารเช้า คุณจะได้สำรวจไอซ์แลนด์เหนือเพิ่มเติมก่อนที่จะไปทางตะวันตกซึ่งคุณจะไปพักค้างคืนที่นั่น วันนี้ไกด์ของคุณจะพาคุณไปพบกับอัญมณีที่ซ่อนอยู่และสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา ดังนั้นเตรียมกล้องของคุณให้พร้อม

ก่อนออกจากเมืองอาคูเรย์ริที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย อย่าลืมเดินเล่นรอบๆ ตัวเมืองเพื่อชมถนน ร้านค้า และร้านกาแฟที่น่าหลงใหล อาคูเรย์รินำเสนอการผสมผสานที่มีเสน่ห์ระหว่างความงามของธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวกในเมือง ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้งและนักสำรวจวัฒนธรรม

จากอาคูเรย์รี จุดแรกของคุณคือเมืองเฮยกาเนส (Hauganes) ที่งดงามและมีเสน่ห์ คุณสามารถเดินเล่นไปตามหาดทรายสีดำและเพลิดเพลินกับวิวภูเขาได้ที่นี่ ไฮไลท์คือการเที่ยวชมปลาวาฬ

ในทัวร์นี้ คุณจะได้ล่องเรือออกจากท่าเรือของเมืองเพื่อค้นหาวาฬมิงค์ วาฬหลังค่อม โลมาท่าเรือ โลมาปากขาว หรือหนึ่งในสัตว์ทะเลและนกทะเลอื่น ๆ อีกมากมายที่พบอยู่ในน่านน้ำที่บริเวณด้านนอกหมู่บ้าน

ฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ (Eyjafjordur) ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับทัวร์ชมวาฬของคุณ เป็นที่อยู่ของวาฬและโลมาหลายชนิด แม้แต่ในฤดูหนาว

จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปยังฟยอร์ดฮูนาฟยอร์ดูร์ (Hunafjordur) เพื่อถ่ายภาพหินที่น่าอัศจรรย์ ฮวิทแซร์กูร์ เป็นอนุสาวรีย์หินสูง 15 เมตร และเป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับช่างภาพมืออาชีพและมือสมัครเล่น เนื่องจากเสาหินนี้ตั้งตระหง่านสูงจากมหาสมุทร

ตำนานเล่าว่าฮวิทแซร์กูร์เคยเป็นโทรลล์ที่โดนแสงแดดขณะพยายามทำลายอารามแถวนั้น ซึ่งโทรลล์ก็ได้กลายเป็นกลุ่มหินที่มีเอกลักษณ์นี้

คุณจะต้องนั่งรถเป็นระยะทางไกลเพื่อเดินทางไปยังที่พักในไอซ์แลนด์ตะวันตกซึ่งอยู่ใกล้กับบอร์การ์เนส แต่ระหว่างทางมีทิวทัศน์สวยงาม โดยจะมีการจอดแวะให้ทานของว่างและเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ซ่อนอยู่มากมายซึ่งมีเพียงไกด์ท้องถิ่นของคุณเท่านั้นที่รู้

คุณสามารถรอดูแสงเหนือได้ ในตอนเย็นขณะผ่อนคลายในอ่างน้ำอุ่นของโรงแรม  หากสภาวะต่างๆ เหมาะสมก็อาจจะได้ชมไฮไลท์ของฤดูหนาวนี้ได้นานกว่า 15 นาที

ในวันที่แปดของวันหยุดฤดูหนาวในประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะไปรู้จักกับคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชื่อเสียงในด้านภูมิประเทศที่หลากหลายในแบบไอซ์แลนด์จนมักถูกเรียกว่าไอซ์แลนด์ขนาดจิ๋ว

หน้าผาสูงตระหง่าน ท่าเรือโบราณ หาดทรายดำ ธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ ทุ่งลาวา ถ้ำ และแนวชายฝั่งล้วนเป็นส่วนประกอบสำคัญทางภูมิทัศน์ของคาบสมุทรแห่งนี้ โดยมีภูเขาไฟธารน้ำแข็งสไนล์เฟลสโจกุล (Snaefellsjokull) เป็นจุดเด่นที่สำคัญ

ในระหว่างทัวร์ด้วยรถมินิบัสไปรอบๆ บริเวณ ภูเขาไฟธารน้ำแข็งสไนล์เฟลสโจกุลจะสูงตระหง่านเหนือคุณที่ความสูงประมาณ 1,446 เมตร

ธารน้ำแข็งสไนล์เฟลสโจกุลไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงในด้านความงามอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะนักเขียนผู้มีชื่อเสียงที่เคยนำเสนอธารน้ำแข็งแห่งนี้ในอดีตด้วย

ตัวอย่างเช่น นักเขียนชื่อดังระดับโลก จูลส์ เวิร์น ใช้ภูเขาไฟธารน้ำแข็งเป็นทางเข้าใต้ดินในนวนิยายผจญภัยสุดคลาสสิกเรื่อง 'Journey to the Centre of the Earth'

ภูเขาที่น่าทึ่งอีกลูกหนึ่งคือภูเขาคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) หนึ่งในภูเขาที่สวยงามและถูกถ่ายรูปมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ภูเขาคิร์กจูเฟลล์มีรูปทรงยอดแหลมที่โดดเด่น โดยมีความสูงถึงประมาณ 463 เมตร

หากคุณเป็นแฟนซีรีส์ยอดฮิตเรื่อง Game of Thrones คุณคงจะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นคิร์กจูเฟลส์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเคยปรากฏในซีรีส์ตอนหนึ่งชื่อ "ภูเขาหัวลูกศร"

สถานที่น่าสนใจอีกแห่งในคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสคือ ชายหาดอิทรี ทุงกา (Ytri Tunga) ชายหาดนี้ต่างจากชายหาดหลายแห่งในไอซ์แลนด์ตรงที่มีหาดทรายสีทองแทนที่จะเป็นสีดำ นอกจากทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนแล้ว อีทรี ทุงกาเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์สำหรับการชมแมวน้ำ

กิจกรรมเสริมที่คุณสามารถทำได้ในวันนี้คือการทัวร์ถ้ำที่ถ้ำลาวาวิดเกลมีร์ (Vidgelmir) ซึ่งเป็นหนึ่งในถ้ำลาวาที่ใหญ่ที่สุดและน่าหลงใหลที่สุดในโลก สำหรับการก่อตัวของน้ำแข็งที่น่าทึ่งและภูมิประเทศใต้ดินที่แปลกตา

หากคุณเพิ่มทัวร์เที่ยวถ้ำลาวานี้เข้าไประหว่างขั้นตอนการจอง คุณจะได้ไปสำรวจการก่อตัวทางธรณีวิทยาของอุโมงค์ลาวาไอซ์แลนด์และได้เห็นภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยสีสัน 

จากนั้น ก็ถึงเวลาเดินทางกลับไปยังที่พักของคุณในเมืองใดเมืองหนึ่งในไอซ์แลนด์ตะวันตก