เวิร์กช็อปถ่ายภาพ 14 วัน | ถนนวงแหวนและคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในฤดูใบไม้ร่วง
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
ใช้เวลาสองสัปดาห์เดินทางทั่วประเทศไอซ์แลนด์ไปพร้อมกับช่างภาพเจ้าของรางวัล เพื่อเก็บภาพสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของไอซ์แลนด์ การเดินทางครั้งนี้จะพาคุณวนรอบถนนวงแหวน (Ring Road) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและพาไปชมสถานที่น่าสนใจ เช่น คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes Peninsula) ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Myvatn) ทะลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) และหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara)
ทริปนี้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบทั้งสำหรับช่างภาพมือสมัครเล่นและช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการพัฒนาทักษะการถ่ายภาพและสร้างคอลเลกชันผลงานของตนเอง อีกทั้งยังต้องการมาเห็นธรรมชาติอันน่าพิศวงของประเทศไอซ์แลนด์ในฤดูใบไม้ร่วงที่เต็มไปด้วยสีสันทั้งแดง เขียว และเหลือง
ทั้งที่พักและบริการรับส่งสำหรับการเดินทางในทริปนี้ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนที่คุณจะเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ รวมถึงอาหารมื้อค่ำในวันแรก ที่คุณจะได้ไปทำความรู้จักกับไกด์ที่เป็นช่างภาพและเพื่อนร่วมคณะท่านอื่นๆ ด้วย
ทัวร์ 14 วันแพ็คเกจนี้พิเศษตรงที่คุณจะได้ภาพถ่ายสวยๆ กลับบ้านไปด้วยมากมาย ตรวจสอบจำนวนที่ว่างของทัวร์นี้ได้โดยระบุวันเดินทางที่คุณต้องการ
รวมในแพ็คเกจ
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
แผนการเดินทางรายวัน
วัน 1 - เดินทางมาถึง
เมื่อคุณเดินทางมาถึงสนานบินนานาชาติเคฟลาวิกและรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว คุณจะขึ้นรถบัสและรถจะพาคุณเดินทางผ่านทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์บนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) เพื่อไปยังเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จแล้ว ไกด์ที่เป็นช่างภาพมืออาชีพจะไปรับคุณที่บริเวณล็อบบี้และพาคุณออกไปรับประทานอาหารเย็นกันอย่างพร้อมหน้า ซึ่งระหว่างมื้ออาหารคุณจะได้พูดคุยถึงกิจกรรมสนุกๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นและได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับไกด์และเพื่อนร่วมทริปท่านอื่นๆ ด้วย
วัน 2 - โบสถ์ดำและซุ้มหินโค้ง
ทริปเดินทางรอบไอซ์แลนด์ที่เต็มไปด้วยความสุขของคุณครั้งนี้จะเร่ิมต้นขึ้นอย่างจริงจังในเช้าตรู่ของวันที่สอง โดยรถจะไปรับคุณจากโรงแรมในเรคยาวิกและมุ่งหน้าไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snaefellsnes) ซึ่งคุณจะใช้เวลาสองวันในการเที่ยวชมบริเวณนี้ และถ่ายภาพสถานที่ธรรมชาติที่สวยงามและหลากหลายบนพื้นที่แนวชายฝั่งความยาว 90 กม.
จากเมืองเรคยาวิกคุณจะเดินทางผ่านภูเขาเอสยา (Esja) และพื้นที่เพาะปลูกในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ จากนั้นเมื่อคุณเดินทางไปถึงคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสแล้ว คุณจะได้รับการต้อนรับทักทายจากทุ่งลาวาขนาดกว้างใหญ่ไพศาล เขายอดแหลมหยึกหยัก และธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์สโจกุล (Snæfellsjökull)
สถานที่แรกที่จะแวะในวันนี้คือหมู่บ้านประมงอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) ที่มีเสน่ห์มาก และเมื่อเดินเท้าห่างออกจากหมู่บ้านไปเล็กน้อยก็จะถึงแนวหินกาตาเกลตตูร์ (Gataklettur) ที่เป็นซุ้มหินโค้งขนาดใหญ่เว้าแหว่งและขรุขระจากแรงของคลื่นมหาสมุทรแอตแลนติก และเมื่อแสงของฤดูใบไม้ร่วงตกกระทบลงบนผิวน้ำ บริเวณนี้จะยิ่งดูสวยแปลกตาราวกับพื้นผิวดาวอังคาร ซึ่งไกด์จะช่วยคุณหามุมถ่ายภาพสวยๆ
จากนั้นคุณจะไปต่อกันที่หมู่บ้านปูดิร์ (Búðir) ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้มีโบสถ์ขนาดกะทัดรัดตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางความเวิ้งว้างของธรรมชาติอันดิบเถื่อนของประเทศไอซ์แลนด์ โบสถ์หลังนี้เป็นสีดำสนิทตัดกับสีขาวราวกับมุกของธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์โจกุลที่เป็นฉากหลัง
หลังจากนั้นในคืนนี้คุณจะเข้าพักในที่พักที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสวยๆ ของคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส
วัน 3 - ภูเขาเคิร์กจูเฟลล์
วันนี้คุณยังคงอยู่ที่คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส และจะเริ่มต้นวันด้วยการมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทางใต้อันงดงาม ซึ่งคุณจะได้ไปเห็นกองหินลอนดรังการ์ (Londrangar) ขนาดมหึมาที่มองดูราวกับว่ามีซากปรักหักพังของปราสาทโบราณโผล่ขึ้นมากลางมหาสมุทร และมีนกจำนวนมากที่เลือกใช้แท่งหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ยักษ์แห่งนี้เป็นสถานที่ทำรัง จึงมีฝูงนกบินฉวัดเฉวียนเวียนวนอยู่เหนือเกลียวคลื่นที่ซัดเข้ามากระทบกับกองหินแหลมคมเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
สำหรับการถ่ายภาพบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือภูเขาเคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) แค่ลำพังภูเขารูปกรวยอันโด่งดังและสวยงามแปลกตาลูกนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ได้ภาพถ่ายที่สวยอยู่แล้ว แต่องค์ประกอบของบริเวณโดยรอบภูเขานั้นจะยิ่งทำให้ภาพของคุณเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะด้านหน้าของภูเขาเคิร์กจูเฟลล์มีน้ำตกขนาดย่อมอยู่แห่งหนึ่ง และมีลำธารสายเล็ก หาดทรายดำ ต้นหญ้าสูง และมักจะมีเมฆลอยคล้อยต่ำ ซึ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพ
และหากสภาพอากาศในวันนี้เหมาะสม คุณอาจจะมีโอกาสได้ออกไปล่าแสงเหนือก่อนที่จะกลับเข้าที่พักบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสกันด้วย
วัน 4 - หินฮวิทแซร์กูร์
วันนี้คุณจะเดินทางขึ้นเหนือและออกนอกเส้นทางหลัก โดยจะไปที่คาบสมุทรวาทน์สเนส (Vatnsnes) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลที่สุดของประเทศ แถบนี้มีพื้นที่เพาะปลูกกว้างใหญ่ มีเนินเขายอดแหลม และมีม้าไอซ์แลนด์เล็มหญ้าให้เห็นอยู่ทั่วไป
สถานที่สำหรับวันนี้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง และมีตั้งแต่ทิวทัศน์ภูเขาของฟยอร์ดทางตะวันตกไปจนถึงคลื่นที่ม้วนตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก แต่สิ่งที่คุณต้องโฟกัสในวันนี้คือก้อนหินใหญ่ยักษ์ที่เรียกว่าฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur)
หินบะซอลต์เหล่านี้บางคนบอกว่ามีรูปร่างคล้ายมังกรกำลังนั่งอยู่ในมหาสมุทร แต่อีกส่วนหนึ่งก็ว่าเหมือนช้างกำลังกินน้ำ แต่ตามตำนานแล้วเชื่อว่านี่คือโทรลล์ที่โดนแสงอาทิตย์แล้วตัวแข็งกลายเป็นหิน
แต่ไม่ว่าฮวิทแซร์กูร์จะเป็นโทรลล์หรือไม่ก็ตาม ที่นี่ถ่ายภาพออกมาสวยมากและลักษณะที่ปรากฏจะเปลี่ยนแปลงไปตามมุมที่คุณเลือกและแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบ และคุณอาจจะได้ภาพแมวน้ำด้วยเพราะมีฝูงแมวน้ำอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เยอะ
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในที่พักในเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
วัน 5 - น้ำตกโกดาฟอสส์ & ทะเลสาบมิวาทน์
วันนี้คุณจะไปเยี่ยมชมบริเวณทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Myvatn) ในทางเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ พื้นที่แถบนี้ทั้งหมดเป็นเขตที่มีภูเขาไฟคุกรุ่นเนื่องจากตั้งอยู่บนแนวสันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก (Mid-Atlantic Ridge) ทำให้มีภูมิประเทศที่สวยแปลกตา และคุณจะใช้เวลาเก็บภาพอยู่แถวนี้อย่างเต็มอิ่มถึง 3 วัน
จุดแรกที่คุณจะไปคือน้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) ซึ่งอยู่นอกพื้นที่มิวาทน์ น้ำตกสวยแห่งนี้กว้าง 30 เมตรและมีชื่อความหมายดีว่า "น้ำตกแห่งเทพเจ้า" คุณจะใช้เวลาในช่วงเช้าของวันนี้บันทึกภาพความงามของน้ำตกท่ามกลางแสงที่สาดส่องลงมากระทบอย่างสวยงาม
ทะเลสาบมิวาทน์นั้นงดงามอย่างไม่น่าเชื่อและรอบบริเวณนี้ทั้งหมดยังมีร่องรอยของลาวาจากภูเขาไฟให้เห็นมากมาย ในทะเลสาบนั้นมีแท่งลาวาขนาดมหึมาตั้งตระหง่านและมีเกาะแก่งที่เป็นหิน (Skerries) และปล่องภูเขาไฟเทียมกว่า 40 แห่ง ซึ่งเป็นลักษณะทางธรณีสัณฐาน (หรือรูปพรรณสัณฐานที่เกิดขึ้นบนแผ่นเปลือกโลก) ที่เกิดจากการระเบิดของไอน้ำเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน
หากคุณมีเวลามากพอคุณจะได้ไปทางตะวันออกของทะเลสาบด้วย เพื่อไปถ่ายภาพเขาวงกตลาวาที่ดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) ก่อนที่จะกลับเข้าที่พักในคืนนี้ ซึ่งก็อยู่ในบริเวณมิวาทน์
วัน 6 - มุ่งหน้าสู่พื้นที่ไฮแลนด์ที่ด้านในของประเทศ
วันนี้คุณจะมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ไฮแลนด์ (Highlands) เพื่อถ่ายภาพน้ำตกที่งดงามสองแห่งในแม่น้ำสคาลฟันดาฟโยลท์ (Skjalfandafljot) อันได้แก่ น้ำตกอัลเดยาร์ฟอสส์ (Aldeyjarfoss) และน้ำตกฮราฟนาบยาร์กาฟอสส์ (Hrafnabjargafoss) น้ำตกอัลเดยาร์ฟอสส์นั้นไหลลงสู่แอ่งกว้างที่ล้อมรอบด้วยเสาหินบะซอลต์ที่สวยงาม ซึ่งคุณจะได้ใช้ความสามารถในการถ่ายภาพคอนทราสต์ของหินบะซอลต์สีดำกับน้ำใสสะอาด และสีสันอันสวยงามของฤดูใบไม้ร่วงที่แต้มอยู่รอบน้ำตก
น้ำตกฮราฟนาบยาร์กาฟอสส์นั้นอิงแอบอยู่ท่ามกลางหินภูเขาไฟและเกาะหินขนาดใหญ่ที่บริเวณกลางแม่น้ำ และจะไหลลงสู่อ่างเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำสีฟ้าบริสุทธิ์ด้านล่าง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ภาพถ่ายของคุณมีมนต์ขลัง
น้ำตกทั้งสองแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพการเคลื่อนไหวของน้ำ และยังพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่าแสงอาทิตย์ส่งผลต่อภาพมากขนาดไหน หลังจากหมดวันที่วุ่นวายนี้ คุณจะกลับไปยังที่พักในแถบมิวาทน์เช่นเดิม
วัน 7 - น้ำพุร้อนธรรมชาติ
คุณยังคงสำรวจแถบทะเลสาบมิวาทน์กันต่อ และในวันนี้คุณจะเดินทางไปยังพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิพใกล้กับภูเขาเนามาฟยาลล์ (Namafjall) ซึ่งคุณจะได้เห็นน้ำพุร้อนหลากสีสัน บ่อโคลนเดือด และฟูมาโรลหรือพุแก๊สที่พ่นไอเดือดออกมา ที่นี่เหมาะสำหรับทดลองถ่ายภาพคอนทราสต์ที่เน้นความแตกต่างระหว่างโทนสีและพื้นผิวโดยเฉพาะในตอนที่มีแสงแดดอ่อนๆ
จากนั้นคุณจะไปเยี่ยมชมฮแวร์เฟลล์ (Hverfell) แอ่งภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อสมัยยุคของชาวไวกิ้งนั้นได้มีการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาที่อยู่ข้างเคียง ทำให้มีลาวาปกคลุมพื้นที่ปากปล่องภูเขาไฟทั้งหมด
สำหรับการปิดทริปในแถบมิวาทน์นี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ไปแวะที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) อีกแล้ว คุณจะได้ลงไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายในสระน้ำจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ ซึ่งคุณได้เดินทางไปสำรวจกันในช่วงสองวันที่ผ่านมาก่อนที่จะกลับเข้าที่พักในคืนนี้
วัน 8 - ฟยอร์ดทางตะวันออก
วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปยังฟยอร์ดทางตะวันออก (Eastfjords) อันงดงามและห่างไกลของประเทศไอซ์แลนด์ แต่ก่อนที่คุณจะอำลาพื้นที่ทางเหนือไป คุณจะไปแวะที่น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ซึ่งเป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดของยุโรปกันก่อน
คุณจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนเมื่อได้เห็นน้ำจากธารน้ำแข็งไหลจากหน้าผาสูง 45 เมตรลงสู่เบื้องล่าง ส่งเสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวอยู่รอบตัวคุณ พร้อมกับมีละอองน้ำจากน้ำตกที่กระเซ็นมาปะทะเข้ากับใบหน้า และคุณจะได้เก็บภาพทิวทัศน์ที่งดงามเหล่านี้ผ่านเลนส์คู่ใจ
จากนั้นคุณจะเดินทางต่อไปโดยผ่านทะเลทรายในพื้นที่ไฮแลนด์และรถจะผ่านช่องเขาก่อนที่จะไปถึงฟยอร์ดทางตะวันออกอันงดงามในอาณาเขตของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull Glacier) สิ่งที่คุณจะได้เห็นที่นี่มีทั้งฟยอร์ดจำนวนนับไม่ถ้วน ภูเขาที่สวยงาม ลำธารใส หน้าผาที่มีนกมาทำรัง น้ำตก และหมู่บ้านชาวประมงที่มีเสน่ห์อย่างน่าสนใจ
นอกจากนี้ คุณยังมีโอกาสได้ไปเยือนและไปถ่ายภาพน้ำตกริวย์กันดิ (Rjukandi) ซึ่งมีน้ำตกไหลลดหลั่นเป็นชั้นๆ ลงมาจากหุบเขาสูงชันของโจกุลดาลูร์ (Jokuldalur) ที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำธารน้ำแข็งด้วย และพื้นที่โดยรอบแถวนี้ยังเต็มไปด้วยสีสันที่สดใสของฤดูใบไม้ร่วง
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนอยู่ในเมืองที่สวยงามน่ารักแห่งหนึ่งของฟยอร์ดทางตะวันออกชื่อเมืองจูปิโวกูร์ (Djupivogur)
วัน 9 - อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล
วันนี้คุณจะเดินทางผ่านพื้นที่เกษตรกรรมในฟยอร์ดทางตะวันออก ลัดเลาะไปตามแนวชายฝั่งทางทิศใต้โดยมีธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลอันยิ่งใหญ่คอยเฝ้ามองคุณอยู่ตลอด จุดหมายปลายทางของคุณในวันนี้คือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ที่สวยงาม ซึ่งคุณจะใช้เวลาถึง 3 วันสนุกสนานไปกับการถ่ายภาพพื้นที่น่ามหัศจรรย์แห่งนี้
โจกุลซาร์ลอนนั้นตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ซึ่งมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์และมีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมาย คุณจะได้สำรวจและบันทึกภาพของธารน้ำแข็งและผืนทรายภูเขาไฟสีดำโดยใช้ประโยชน์จากแสงอ่อนๆ ของฤดูกาลนี้ในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่งดงามอย่างเหนือจริง
ที่ทะเลสาบธารน้ำแข็ง คุณจะเห็นภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าขนาดมหึมาที่แตกตัวออกมาจากผืนน้ำแข็งที่อยู่ใกล้เคียงลอยอยู่ในทะเลสาบอันเงียบสงบก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกสู่ทะเล หากโชคดีคุณก็อาจจะเห็นแมวน้ำหนึ่งหรือสองตัวว่ายน้ำเล่นอยู่ในทะเลสาบหรือมานอนเล่นอยู่บนภูเขาน้ำแข็งด้วย
ที่พักของอยู่ในอีกสามคืนนับจากนี้จะอยู่ในพื้นที่อันสวยงามแห่งนี้
วัน 10 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน & หาดไดมอนด์
วันนี้คุณจะสำรวจทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนเพิ่มเติม โดยจะออกไปเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นกันตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อให้ได้ภาพแสงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบกับภูเขาน้ำแข็งในทะเลสาบ และจากบริเวณนี้ คุณจะเดินข้ามไปยังหาดทรายดำที่อยู่ใกล้เคียง
ภูเขาน้ำแข็งในทะเลสาบมักจะถูกน้ำพัดขึ้นมาเกยตื้นบนฝั่งที่นี่ และพวกมันจะเรียงรายอยู่บนหาดทรายสีดำและเป็นประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงแดด มองดูราวกับเป็นอัญมณีล้ำค่าอยู่บนผืนผ้าซาติน ทำให้หาดแห่งนี้ได้ชื่อว่า "หาดไดมอนด์"
หาดแห่งนี้เหมาะสำหรับภาพถ่ายที่เน้นการมีองค์ประกอบภาพที่สวยงาม อีกทั้งก้อนน้ำแข็งที่ใส หาดทรายสีดำ คลื่นในมหาสมุทร และแสงแดด ก็ล้วนเต็มไปด้วยความน่าสนใจเมื่อมองผ่านเลนส์กล้อง
วัน 11 - ภูเขาเวสตราฮอร์น
ในขณะที่คุณอยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล นอกจากถ่ายภาพน้ำแข็งแล้ว คุณยังจะได้ถ่ายภาพหาดสต็อกสเนส (Stokksnes) อันสวยงามและภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) ที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
ซึ่งภูเขายอดหยึกหยักที่ตั้งตระหง่านอย่างโดดเดี่ยวนี้มีหาดทรายดำที่ขรุขระแต่งดงามมากรอให้คุณไปบันทึกภาพกัน และทั้งความสูงชันของภูเขา คลื่นในมหาสมุทรแอตแลนติก และนกนานาชนิดที่บินโฉบเฉี่ยวไปมาคือสิ่งที่ยิ่งทำให้บรรยากาศของแถวนี้ดูเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ
คุณจะใช้เวลาทั้งวันไล่ตามแสงอาทิตย์และเก็บภาพภูเขาอันยิ่งใหญ่ลูกนี้จากหลายๆ มุม ก่อนที่จะกลับเข้าที่พักในคืนนี้ที่อยู่แถวโจกุลซาร์ลอน
วัน 12 - หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา
ได้เวลาหันหลังออกเดินทางจากโจกุลซาร์ลอนและอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลแล้ว และวันนี้คุณจะไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายบนชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์กัน เริ่มต้นจากหมู่บ้านวิก (Vik) ซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล
แม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะน่าถ่ายรูปเสียเหลือเกิน แต่สถานที่ไฮไลต์ที่คุณจะไปในวันนี้คือหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งคุณจะไปถ่ายภาพเกลียวคลื่นของมหาสมุทรแอตแลนติกที่สาดซัดขึ้นมาบนหาดทรายสีดำกัน เรย์นิสฟยาราเป็นหาดที่มีหน้าผาเสาหินทรงหกเหลี่ยมเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ซึ่งหินสีดำเหล่านี้เกิดจากภูเขาไฟ และที่นอกชายฝั่งในมหาสมุทรก็ยังมีโขดหินทะเลหินบะซอลต์เรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่สวยงามตั้งอยู่ด้วย
กองโขดหินทะเลรูปทรงประหลาดพิลึก หน้าผาอันงดงาม หาดทรายสีดำ และคลื่นที่ซัดสาดบนหาดเรย์นิสฟยาราเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวอย่างมากสำหรับภาพถ่าย และคุณจะใช้เวลาในวันนี้ถ่ายภาพตามสถานที่หลายแห่งบนหาด ก่อนที่จะกลับที่พักในวิกในค่ำคืนนี้
วัน 13 - ชายฝั่งทางใต้
วันนี้คุณจะเดินทางกลับเข้าเมืองเรคยาวิก แต่ก็จะไปแวะสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดบางแห่งบนชายฝั่งทางใต้ก่อน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณจะเดินทางออกจากหมู่บ้านวิก เพื่อไปยังคาบสมุทรดิร์โฮลาเอย์ (Dyrholaey) ที่อยู่ใกล้เคียง ที่นี่คุณจะได้เห็นโขดทะเลเรย์นิสแดรงเกอร์ในมุมที่ต่างไป เช่นเดียวกับซุ้มหินโค้งที่ถูกคลื่นในมหาสมุทรกัดกร่อนจนเว้าแหว่งคล้ายกับซุ้มหินที่อาร์นาร์สทาปิที่คุณไปเห็นเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา
จากนั้นคุณจะเดินทางไปทางทิศตะวันตก ผ่านธารน้ำแข็งขนาดใหญ่สองแห่ง คือ ธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Myrdalsjokull) และธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุล (Eyjafjallajokull) ก่อนที่จะไปแวะที่น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) อันงดงาม น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์นี้มีความสูงราว 60 เมตร และผืนดินด้านล่างนั้นราบเรียบ จึงทำให้น้ำที่ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างจังจนเกิดเป็นละอองน้ำจำนวนมหาศาล ในวันที่มีแดดแถวนี้จะมีรุ้งกินน้ำปรากฏให้เห็นอย่างสวยงามด้วย
จากบริเวณนี้ คุณจะเดินทางต่อเพื่อไปยังน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ที่งดงามน่าประทับใจไม่แพ้กัน น้ำตกแห่งนี้มีสายน้ำแคบๆ ไหลผ่านหน้าถ้ำ และคุณสามารถเดินเข้าไปชมวิวธรรมชาติชนบทที่มีเอกลักษณ์นี้แบบใกล้ๆ ได้
จากนั้นคุณจะเดินทางไปยังที่พักในเมืองเรคยาวิก ที่คุณจะใช้พักเป็นคืนสุดท้ายในไอซ์แลนด์
วัน 14 - วันออกเดินทางกลับ
ตอนนี้ถึงเวลาอำลาไอซ์แลนด์แล้ว หลังจากที่จบทริปเดินทางรอบประเทศครั้งนี้ คุณน่าจะได้รับความทรงจำดีๆ ในไอซ์แลนด์กลับไปมากมาย เช่นเดียวกับภาพถ่ายสวยๆ ของธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย คุณจะขึ้นรถบัสที่พาเดินทางผ่านทุ่งลาวาของคาบสมุทรเรคยาเนสเพื่อไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยและมีโอกาสกลับมาเที่ยวไอซ์แลนด์อีกครั้งเร็วๆ นี้
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
ทัวร์นี้ดูแลโดยผู้สอนถ่ายภาพที่เคยได้รับรางวัลมาแล้ว
ทัวร์นี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ และสภาพอากาศของประเทศไอซ์แลนด์นั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย
แสงเหนือนั้นมักจะปรากฏในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงเมษายน ดังนั้นจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าในช่วงที่คุณมาจะมีแสงเหนือปรากฏให้เห็น
วิดีโอ
ทัวร์ที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด