ทัวร์สำหรับขับรถเที่ยวเองในฤดูร้อน 6 วัน เที่ยวได้รอบถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ในระยะเวลาอันสั้น

ยินดีต้อนรับสู่ไอซ์แลนด์! หลังจากเดินทางถึงสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกแล้ว รับรถของคุณและเริ่มต้นการเดินทางบนถนนในไอซ์แลนด์ด้วยการมุ่งหน้าสู่เรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์

ระหว่างทาง คุณสามารถแวะที่บลูลากูน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของไอซ์แลนด์ สปาความร้อนใต้พิภพแห่งนี้ตั้งอยู่ในทุ่งลาวาที่มีมอสส์ปกคลุม มีชื่อเสียงในด้านน้ำสีฟ้าน้ำนมและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแช่ตัวและสัมผัสประสบการณ์แรกกับทิวทัศน์ที่แปลกตาราวกับอยู่นอกโลกของไอซ์แลนด์

หากคุณเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในแผนการเดินทางวันนี้ จะมีการจัดตารางเวลาให้เข้ากับเวลาที่เที่ยวบินของคุณมาถึง หากวันนี้ไม่สะดวก ตัวแทนการท่องเที่ยวของคุณสามารถกำหนดเวลาการเข้าใช้บริการบลูลากูนของคุณได้ในวันที่ห้าหรือหก

คุณยังสามารถสำรวจคาบสมุทรเรคยาเนสได้ในวันนี้ หากมีเวลา ไปชมแหล่งปะทุใหม่ๆ ที่มีการปะทุตั้งแต่ปี 2021-2024 และชื่นชมทิวทัศน์ความร้อนใต้พิภพใหม่ที่เกิดจากกิจกรรมภูเขาไฟล่าสุด หรือจะไปเยี่ยมชมพื้นที่ความร้อนใต้พิภพกุนนูฮแวร์และเซลตุนก็ได้

นอกเมืองเรคยาวิก คุณจะพบกับสกายลากูน สปาความร้อนใต้พิภพอันเงียบสงบแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์มหาสมุทรอันน่าทึ่งและบรรยากาศที่สงบเงียบ สัมผัสประสบการณ์พิธีอาบน้ำสคโยล (Skjol) ซึ่งเป็นประสบการณ์สุขภาพเจ็ดขั้นตอนที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายอันเป็นเอกลักษณ์ของสกายลากูน

เมื่อเดินทางถึงเรคยาวิก เข้าพักที่ที่พักของคุณและออกสำรวจเมือง เริ่มต้นด้วยสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม เช่น หอแสดงคอนเสิร์ตฮาร์ปา ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของเรคยาวิก มีชื่อเสียงในด้านฟาซาดกระจกที่น่าประทับใจ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการก่อตัวของหินบะซอลต์ของไอซ์แลนด์

จากนั้น มุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์และจุดชมวิวเพอร์ลาน เพื่อชมวิวที่ดีที่สุดของเรคยาวิก เพอร์ลานมีชื่อเสียงในด้านโดมแก้วทรงกลมที่หมุนได้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นจุดชมวิวด้วย ใช้โอกาสนี้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของไอซ์แลนด์ผ่านนิทรรศการอินเทอร์แอคทีฟ

อีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปชมคือฮัลล์กริมสคิร์กยา โบสถ์ที่สูงที่สุดของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีความสูง 74.5 เมตร การออกแบบที่โดดเด่นได้รับแรงบันดาลใจจากเสาหินลาวาบะซอลต์ที่พบในภูมิประเทศของไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเรคยาวิก และเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม

คุณยังสามารถใช้เวลาในวันแรกไปกับการช้อปปิ้งตามถนนเลยกาแวกูร์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีชื่อเสียงของเมือง ชมร้านบูติกเล็กๆ และร้านค้าท้องถิ่นหลากหลายประเภทที่นำเสนอสินค้าที่ยอดเยี่ยม ตั้งแต่การออกแบบสไตล์นอร์ดิกไปจนถึงของที่ระลึกที่ทำด้วยมือ

เมื่อคุณหิว แวะร้านอาหารหรือร้านกาแฟใกล้เคียงเพื่อลิ้มลองอาหารไอซ์แลนด์ เช่น ปลาสด เนื้อแกะเลี้ยงอิสระ หรือสตูว์ท้องถิ่นรสเลิศที่ทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาล

หลังจากวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรม คุณจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในโรงแรมที่สะดวกสบายในเรคยาวิก

เริ่มต้นโร้ดทริปบนถนนในไอซ์แลนด์วันที่สองด้วยการมุ่งหน้าสู่ทางเหนือสู่อาคูเรย์ริ ซึ่งเป็น "เมืองหลวงแห่งภาคเหนือ"

หากคุณชอบเริ่มต้นวันด้วยความสนุกสนาน ลองเข้าร่วมทัวร์ขี่ม้าก่อนออกจากเรคยาวิก ม้าไอซ์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นคงและจังหวะ "โทลต์" ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้การขี่ม้าผ่านชนบทที่สวยงามเป็นไปอย่างราบรื่นและเพลิดเพลิน

แม้ว่าวันนี้คุณจะต้องขับรถนานกว่าวันอื่นๆ แต่คุณก็สามารถแวะเที่ยวข้างทางสนุกๆ ได้ ประมาณครึ่งทางระหว่างเรคยาวิกและอาคูเรย์ริ คุณสามารถเยี่ยมชมฮวิตแซร์กูร์ ซึ่งเป็นเสาหินกลางทะเลสูง 15 เมตร ที่โผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทร รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์มักถูกเปรียบเทียบกับมังกรกำลังดื่มน้ำหรือช้าง ขึ้นอยู่กับมุมที่คุณมอง

เมื่อคุณมาถึงอาคูเรย์ริ มีอะไรให้สำรวจมากมาย เริ่มต้นด้วยโบสถ์อาคูเรย์ริ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของเมือง ออกแบบโดย Gudjon Samuelsson สถาปนิกคนเดียวกับที่ออกแบบฮัลล์กริมสคิร์กยาในเรคยาวิก โบสถ์แห่งนี้มีการแกะสลักที่สวยงามโดย Asmundur Sveinsson และออร์แกนขนาดใหญ่

เดินไม่ไกลจากโบสถ์ คุณจะพบกับสวนพฤกษศาสตร์อาคูเรย์ริ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1957 สวนแห่งนี้มีพื้นที่ 3.6 เฮกตาร์ เป็นที่อยู่ของพืชพรรณกว่า 7,000 ชนิด โดยมีพืชกว่า 400 ชนิดเป็นพืชพื้นเมืองของไอซ์แลนด์

จากอาคูเรย์ริ ขับรถต่อไปยังทะเลสาบมิวาทน์ ระหว่างทาง อย่าพลาดแวะชมน้ำตกโกดาฟอสส์ ด้วยความสูง 12 เมตร และความกว้าง 30 เมตร โกดาฟอสส์เป็นภาพที่น่าทึ่ง การที่น้ำแยกออกเป็นสองส่วนคล้ายเกือกม้าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ

40 กิโลเมตรจากโกดาฟอสส์ พื้นที่ทะเลสาบมิวาทน์จะต้อนรับคุณด้วยความงามอันน่าประทับใจ ทะเลสาบครอบคลุมพื้นที่ 36.5 ตารางกิโลเมตร ทำให้เป็นแหล่งน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศ

ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานของฤดูร้อนให้เต็มที่และเยี่ยมชมดิมมูอร์กิร์ หรือ "ป้อมปราการแห่งความมืด" เสาลาวาและถ้ำก่อตัวเป็นทิวทัศน์ที่ดูคล้ายกับปราสาทที่น่าทึ่ง ไม่เหมือนที่อื่นใดในไอซ์แลนด์

เนื่องจากคุณเดินทางมาไกลจากเรคยาวิก การแช่น้ำในมิวาทน์เนเชอร์บาธส์ เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายหลังการเดินทาง ที่นี่เปิดให้บริการจนถึง 22.00 น. ในช่วงฤดูร้อน ทำให้เป็นจุดแวะพักช่วงเย็นที่เหมาะอย่างยิ่งก่อนที่จะเข้าที่พักในคืนนี้

คืนนี้ ชาร์จพลังในที่พักของคุณทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยที่มากขึ้นในวันพรุ่งนี้

วันที่สามของการขับรถเที่ยวเองช่วงฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ คุณจะได้สำรวจสิ่งที่ดีที่สุดของสองภูมิภาค ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก และเมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะเดินทางไปถึงภาคตะวันออกเฉียงใต้

ในช่วงเริ่มต้นวัน คุณสามารถใช้เวลาสำรวจพื้นที่ทะเลสาบมิวาทน์เพิ่มเติม หรือขับรถไปทางเหนือ 56 กิโลเมตร เพื่อไปยังฮูสาวิก เมืองหลวงแห่งการชมวาฬของไอซ์แลนด์

หากคุณมาเที่ยวช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมวาฬในฮูสาวิก ผู้ประกอบการทัวร์ท้องถิ่นรายงานอัตราการพบเห็นวาฬ 100% ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ทำให้การเดินทางอ้อมไปเมืองนี้คุ้มค่าอย่างยิ่ง เข้าร่วมทัวร์เรือไม้แบบดั้งเดิมและคอยสังเกตวาฬเพชฌฆาต วาฬมิงค์ และวาฬหลังค่อมในถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของพวกมัน

หากคุณเลือกที่จะอยู่ในมิวาทน์ จุดแรกของคุณคือช่องเขานามาสการ์ด ซึ่งเป็นพื้นที่ความร้อนใต้พิภพอยู่ห่างจากทะเลสาบประมาณ 14 กิโลเมตร เมื่อเดินรอบนามาสการ์ด คุณจะสังเกตเห็นเนินเขาที่ไม่มีพืชพรรณเนื่องจากความร้อนและความเป็นกรดที่ส่งผลกระทบต่อดิน สิ่งที่ทำให้พื้นที่นี้น่าสนใจคือริ้วสีสันสดใสรอบๆ บ่อน้ำพุร้อนและบนพื้นดิน

ถัดไป คุณจะเดินทางอ้อมเล็กน้อยไปยังเดตติฟอสส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดของยุโรป เดตติฟอสส์ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ห่างจากนามาสการ์ดประมาณ 64 กิโลเมตร และพิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่ากับการขับรถ

น้ำตกทอดยาว 100 เมตร และลดระดับลงอย่างน่าประทับใจถึง 43 เมตร ด้วยกระแสน้ำที่ไหลแรงจนคุณสามารถสัมผัสได้ถึงละอองน้ำในอากาศ เป็นการแสดงพลังอันดิบของธรรมชาติที่น่าทึ่ง และยากที่จะไม่รู้สึกทึ่งเมื่อคุณยืนอยู่ข้างๆ

หลังจากชมเดตติฟอสส์แล้ว คุณจะเดินทางต่อไปยังเอกิลสตาดีร์ เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ตะวันออก คุณสามารถแวะที่ฮาลลอร์มสตาดาสโคกูร์ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ มีต้นไม้กว่า 50 ชนิดและเส้นทางเดินป่าที่สวยงามซึ่งช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่

หากคุณเดินทางในเดือนมิถุนายน คุณจะมีโอกาสเข้าร่วมสโคการ์ดากูรินน์ หรือ "วันป่าใหญ่" ด้วย งานนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับทุกสิ่ง ตั้งแต่การจัดแสดงงานศิลปะไปจนถึงการวิ่งมินิมาราธอนและเนื้อแกะย่าง

คุณยังอาจจะอยากไปชมอัตลาวิก ที่ตั้งแคมป์ริมทะเลสาบที่เงียบสงบอยู่ริมทะเลสาบลาการ์ฟยอท พื้นที่นี้เหมาะสำหรับการดูนกและมีเรื่องเล่าพื้นบ้านด้วย ชาวบ้านกล่าวว่ามีมังกรลาการ์ฟยอท ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดล็อกเนสส์เวอร์ชันของไอซ์แลนด์ อาศัยอยู่ในทะเลสาบ

ขณะที่คุณขับรถไปยังที่พักของคุณในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ คุณจะผ่านภูเขาเวสตราฮอร์นที่โดดเด่นบนคาบสมุทรสต็อกสเนส ซึ่งมีความสูง 454 เมตร เหนือภูมิประเทศ เงาของภูเขาที่ขรุขระตัดกับภูเขาโดยรอบ พร้อมแนวชายฝั่งที่ขรุขระซึ่งคุณจะพบอาณานิคมของแมวน้ำ

เมื่อคุณเข้าใกล้เวสตราฮอร์นมากขึ้น คุณจะสังเกตเห็นรูปลักษณ์ที่มืดมิดและน่าทึ่งของภูเขา นี่เป็นเพราะหินแกรบโบรที่อุดมด้วยเหล็กและแมกนีเซียมซึ่งประกอบกันเป็นพื้นผิวของภูเขา หลังจากได้ชมทิวทัศน์ที่น่าทึ่งเหล่านี้แล้ว คุณจะเดินทางถึงหมู่บ้านที่สวยงามในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งคุณจะได้พักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสำรวจเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้

เริ่มต้นทัวร์ขับรถเที่ยวเองรอบถนนวงแหวนในวันที่สี่ด้วยการมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ซึ่งตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล

อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลเป็นหนึ่งในสามอุทยานแห่งชาติอย่างเป็นทางการของไอซ์แลนด์ ไฮไลท์ของพื้นที่นี้คือธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8,100 ตารางกิโลเมตร 

เมื่อคุณมาถึงทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน คุณจะได้รับการต้อนรับด้วยฉากที่เหนือจริง ภูเขาน้ำแข็งซึ่งเพิ่งแตกตัวจากธารน้ำแข็งที่อยู่ใกล้เคียงต่างส่องประกายระยิบระยับขณะที่เคลื่อนตัวลอยผ่านผืนน้ำในทะเลสาบ เฉดสีฟ้าที่สดใสและรูปทรงสูงตระหง่าน ซึ่งภูเขาน้ำแข็งบางลูกสูงเท่าตึก สร้างภูมิทัศน์ที่น่าจดจำและแทบจะเหมือนอยู่โลกอื่น

ที่นี่ คุณสามารถเลือกเข้าร่วมทัวร์ล่องเรือได้ ไม่ว่าจะนั่งเรือยางเพื่อสัมผัสประสบการณ์แบบใกล้ชิด หรือนั่งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกเพื่อการเดินทางที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น เตรียมกล้องให้พร้อม เพราะมักจะเห็นแมวน้ำพักผ่อนบนน้ำแข็งหรือว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ

ใกล้กับทะเลสาบ คุณจะพบกับหาดไดมอนด์ ที่มีก้อนน้ำแข็งใสราวคริสตัลกระจัดกระจายอยู่ทั่วหาดทรายภูเขาไฟสีดำ ส่องประกายราวกับอัญมณีในแสงแดด

จากนั้น แวะที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม หากคุณรู้สึกอยากเดินป่า ลองไปเดินป่าในเส้นทางที่ยาวกว่าเพื่อไปยังน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยงามตระหง่านและมีน้ำไหลผ่านเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่ไม่เหมือนใคร สำหรับการผจญภัยเพิ่มเติม ลองเพิ่มการเดินป่าบนธารน้ำแข็งเข้าไปในวันของคุณเพื่อสัมผัสประสบการณ์เที่ยวชมธารน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด

ระหว่างทางไปยังเมืองคิร์กยูไบยาร์คลอสตูร์ที่มีเสน่ห์ คุณสามารถเดินทางอ้อมไปยังฟยาดราร์กยูฟูร์แคนยอนได้ กำแพงแคนยอนที่ปกคลุมด้วยมอสส์มีความสูงถึง 90 เมตร และแม่น้ำที่คดเคี้ยวผ่านแคนยอนสร้างฉากที่น่าหลงใหล หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว เดินทางต่อไปในทิวทัศน์อันน่าประทับใจของไอซ์แลนด์ใต้ มุ่งหน้าไปยังวิก

เมื่อคุณเข้าใกล้วิก คุณจะเห็นโขดทะเลเรย์นิสดรังการ์ที่โผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทรอย่างน่าทึ่งใต้หน้าผาของภูเขาเรย์นิสฟยาลล์ รูปทรงหินที่โดดเด่นเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์ หลังจากวันที่เต็มไปด้วยการสำรวจ คุณจะเข้าพักในที่พักทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์

วันที่ห้าของการเดินทางขับรถเที่ยวเองบนวงแหวนของคุณเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด เมื่อคุณเดินทางจากวิกไปยังเรคยาวิก

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในวิก ด้วยการทัวร์ถ้ำน้ำแข็งคัทลา ซึ่งตั้งอยู่ใต้ธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล ถ้ำธรรมชาติที่โดดเด่นแห่งนี้ก่อตัวขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟและกิจกรรมของธารน้ำแข็งมานานหลายศตวรรษ มอบโอกาสที่หาได้ยากในการสำรวจอุโมงค์น้ำแข็งสีน้ำเงินใต้ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์

หลังจากทัวร์ถ้ำน้ำแข็ง เยี่ยมชมหาดเรย์นิสฟยารา ซึ่งเป็นหนึ่งในหาดทรายดำที่โดดเด่นที่สุดของไอซ์แลนด์ ชื่นชมเสาหินบะซอลต์สูงตระหง่าน คลื่นมหาสมุทรแอตแลนติกที่ซัดสาด และโขดหินกลางทะเลเรย์นิสดรังการ์ที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งโผล่ขึ้นมาจากมหาสมุทรนอกชายฝั่ง จากนั้น คุณสามารถเดินทางอ้อมไปยังดิร์โฮลาเอย์ ซึ่งเป็นจุดชมวิวริมหน้าผาที่มีชื่อเสียงในด้านทัศนียภาพชายฝั่งที่กว้างไกล และในฤดูร้อน ยังเป็นแหล่งทำรังของนกพัฟฟินด้วย

ขณะที่คุณเดินทางต่อไปทางตะวันตก แวะที่น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดสองแห่งของชายฝั่งทางใต้ สโคกาฟอสส์เป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่คุณสามารถเดินเข้าไปใกล้ได้ โดยจะมีละอองน้ำลอยขึ้นจากฐานของน้ำตก

จากนั้นเยี่ยมชมเซลยาแลนด์สฟอสส์ ซึ่งมีทางเดินนำไปด้านหลังน้ำตกเพื่อชมวิวที่ไม่เหมือนใครจากด้านในม่านน้ำ พกเสื้อกันฝนไปด้วย คุณจะต้องเปียกแน่ แต่ก็คุ้มค่า

ในช่วงบ่าย คุณจะเข้าสู่วงกลมทองคำ ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของไอซ์แลนด์ อันดับแรกที่จะไปชมคือกุลล์ฟอสส์ น้ำตกสองชั้นที่ส่งเสียงดังกึกก้องขณะน้ำไหลกระแทกลงในหุบเขาลึกและเป็นหนึ่งในสถานที่ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุดของประเทศ

ถัดไปคือพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของช่องระบายไอน้ำและบ่อน้ำเดือด ชมไกเซอร์สโทรคูร์ที่ปะทุทุกๆ สองสามนาที พ่นน้ำสูงเสียดขึ้นไปในอากาศ

ปิดท้ายวันของคุณที่อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ที่ซึ่งมีการก่อตั้งรัฐสภาแห่งแรกของไอซ์แลนด์ในปี 930 อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียและอเมริกาเหนือ โดดเด่นด้วยหุบเขารอยแยกที่น่าทึ่ง หน้าผาหิน และรอยแยกซิลฟราที่มีน้ำใสราวคริสตัล

หลังจากวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรม คุณจะกลับไปที่เรคยาวิกเพื่อพักค้างคืนสำหรับคืนสุดท้ายในไอซ์แลนด์