ทริปขับรถเที่ยวเอง 7 วันที่น่าจดจำบนเส้นทางชายฝั่งอาร์กติกของไอซ์แลนด์เหนือ

เมื่อคุณรับรถเช่าที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางสำหรับทริปแอดเวนเจอร์ทริปนี้ทันที ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของไอซ์แลนด์คุณสามารถเลือกแวะที่บลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ นอกจากบลูลากูนแล้ว ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอีกมากมายรอคุณอยู่หากคุณมีเวลาเหลือ

เมื่อคุณพร้อมเข้าเมืองเรคยาวิกแล้ว ให้คุณขับรถมุ่งหน้าไปในเมืองและนำข้าวของไปเก็บในที่พักก่อน หลังจากนั้นเวลาที่เหลือในวันนี้คุณสามารถเที่ยวอยู่ในเมืองที่ได้ชื่อว่ามีชีวิตชีวามากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป โดยมีพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ ร้านอาหาร และบาร์ให้คุณเลือกเที่ยวได้ตามรสนิยม คืนนี้คุณจะพักอยู่ในเรคยาวิก

วันนี้คุณจะเริ่มออกเดินทางขึ้นเหนือ โดยใช้ถนนวงแหวนและมุ่งหน้าไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ระหว่างทางมีสถานที่งดงามให้เที่ยวชมได้มากมาย รวมถึงน้ำพุร้อนเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป น้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss)

คนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ควรแวะไปที่สนอร์ราสโทฟา (Snorrastofa) สถาบันวิจัยเกี่ยวกับยุคกลางที่ตั้งอยู่ในเรค์คอร์ค (Reykholt) ซึ่งสนอร์ริ สตูร์ลูซัน (Snorri Sturluson) ผู้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในยุคแรกที่เป็นทั้งกวีและนักประวัติศาสตร์ได้ใช้เป็นสถานที่ประพันธ์ซากาเรื่องเฮมสคริงลา (Heimskringla) เมื่อศตวรรษที่ 13

นอกจากนี้คุณน่าจะไปแวะชมน้ำตกฟอซซาตุน (Fossatun) ซึ่งตามตำนานเชื่อว่ามีโทรลล์สาวชื่อดรีฟาคอยปกปักษ์รักษาน้ำตกอยู่ และคุณอาจจะอยากเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานที่เดอะเซ็ทเทิลเมนต์เซ็นเตอร์ (Icelandic Settlement Center) ที่อยู่ในบอร์การเนส (Borgarnes) ด้วย ซึ่งมีนิทรรศการที่ให้ทั้งความรู้และความบันเทิงเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกๆ และเรื่องราวของอีกิล (Egill) วีรบุรุษที่ชาวไอซ์แลนด์เคารพรักมากที่สุดอีกคนหนึ่ง และเมื่อคุณอยู่ในบริเวณนี้ คุณยังสามารถไปร่วมกับทัวร์เที่ยวถ้ำวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) หรือไปแช่น้ำร้อนผ่อนคลายที่สปาพลังงานความร้อนใต้พิภพเครยมา (Krauma) ได้ด้วย

เมื่อคุณไปถึงที่อาคูเรย์ริจะมีอะไรให้คุณทำมากมาย เช่น ชมโบสถ์ที่เป็นสัญลักษณ์อยู่ใจกลางเมือง ช้อปปิ้งตามร้านรวงในเมือง ไปว่ายน้ำ เที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ หรือกินไอศกรีมที่ร้านไอศกรีม Brynja ซึ่งได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในไอซ์แลนด์ ทางใต้ของเมืองก็มีป่าและภูเขาที่สวยงามมากมายให้คุณได้ไปสำรวจกัน

วิธีเที่ยวชมธรรมชาติที่ดีที่สุดสำหรับแถวนี้คือการไปร่วมกับทัวร์ขี่ม้า คุณจะได้ทำความรู้จักกับม้าไอซ์แลนด์และได้เรียนรู้ถึงท่วงท่าในการเดินที่ไม่เหมือนม้าพันธุ์อื่นในระหว่างที่คุณขี่หลังพวกมันเที่ยวชมภูมิประเทศสวยๆ ของประเทศไอซ์แลนด์บนเส้นทางที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวรู้จัก

คืนนี้คุณจะพักอยู่ในใจกลางเมืองอาคูเรย์ริ

ในวันที่สามคุณมีตัวเลือกอยู่หลายแบบ ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากขับรถไกลขนาดไหน

วันนี้เป็นวันที่ดีมากสำหรับการเที่ยวบนเส้นทางชายฝั่งอาร์กติก หรือ The Arctic Coast Way แนะนำให้คุณออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อไปเพลิดเพลินกับการเที่ยวชมภูมิประเทศในดินแดนที่อยู่ห่างไกลในทางเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ คุณสามารถแวะที่สวาลบาร์ดเซย์ริ (Svalbardseyri) หมู่บ้านประมงอันเงียบสงบที่มีหาดทรายสีดำและประภาคารสีส้มอันโดดเด่น จากนั้นมุ่งหน้าสู่เกรนิวิก (Grenivik) และที่นั่นคุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เมืองเล็กๆ แห่งนี้และท่าเรือที่อยู่ติดกับเมืองสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเอยาฟยอร์ดูร์ (Eyjafjordur) และสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักและไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนด้วย จึงเป็นโอกาสที่คุณจะได้เข้าถึงพื้นที่ห่างไกลของไอซ์แลนด์อย่างแท้จริง

ส่วนอีกตัวเลือกเป็นเส้นทางวงแหวนเพชร หรือ Diamond Circle ซึ่งเป็นที่นิยมมากสำหรับนักท่องเที่ยว มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านฮูสาวิค (Husavik) ซึ่งอยู่ทางเหนือและได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป คุณสามารถเลือกไปเข้าร่วมกับทัวร์ล่องเรือดูวาฬที่นี่ เพื่อออกไปสูดลมทะเลที่สดชื่นในระหว่างที่ค้นหาครีบหางของเจ้าวาฬที่แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่น!

ที่นี่คุณยังสามารถไปแช่น้ำทะเลร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่จีโอซี (Geosea) เพื่อผ่อนคลายร่างกายได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดของไอซ์แลนด์รอให้คุณไปเยี่ยมชมอีกหลายแห่ง เช่น หุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) ซึ่งเป็นป่าเขียวท่ามกลางหุบเขาลึกที่เต็มไปด้วยต้นเบิร์ชและต้นวิลโลว์ และน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนแถวมิวาทน์

วันนี้คุณจะเพลิดเพลินกับการสำรวจพื้นที่ในแถบทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) ซึ่งมีวิวงดงามของทะเลสาบและพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพ หนึ่งในสถานที่ที่น่าประทับใจที่สุดคือทุ่งลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) ที่แปลว่า "ป้อมปราการแห่งความมืดมิด" ลาวาในบริเวณนี้มีรูปร่างแปลกมหัศจรรย์ บ้างก็ดูเหมือนปราสาท เหมือนป้อมปราการ บ้างก็มีรูปทรงเหมือนหอคอย และกำแพง

หรือคุณจะเลือกไปเข้าร่วมกับเดย์ทัวร์ที่พาไปอาสยา (Askja) เพื่อไปชมภูมิประเทศอีกแบบหนึ่งของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับบนดวงจันทร์

ในตอนช่วงท้ายของวัน คุณจะได้ผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ซึ่งอยู่ในบริเวณนี้ด้วย

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนแถวมิวาทน์

ในวันที่ห้าคุณจะขับรถไปยังเซยดาร์โครคูร์ (Saudarkrokur) และแวะเที่ยวชมสถานที่น่าสนใจตามรายทาง เราแนะนำให้ไปคาบสมุทรโทรลลาสกากิ (Trollaskagi) ด้วยเพราะว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายฝั่งอาร์กติกมากมาย

วิธีเริ่มต้นวันนี้ที่ดีที่สุดคือการไปที่สปาเบียร์และลงแช่เบียร์ในอ่างไม้กัมบาลาที่บรรจุส่วนผสมของน้ำ ฮอปส์ และยีสต์เอาไว้ และแวะไปที่เฮยกาเนส (Hauganes) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งที่นั่นคุณสามารถไปร่วมกับทัวร์ดูวาฬที่พาไปล่องเรือในเอยาฟยอร์ดูร์ (Eyjafjordur) ก่อน แล้วจากนั้นค่อยออกเดินทางต่อไปยังแนวชายฝั่งอาร์กติกกันต่อได้

ที่ปลายคาบสมุทรโทรลล์คุณจะเจอกับหมู่บ้านสิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ซึ่งหมู่บ้านนี้เคยเป็นศูนย์กลางการทำประมงปลาแฮร์ริ่งของไอซ์แลนด์มาก่อน ดังนั้นการไปแวะไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era Museum) จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งหากคุณต้องการทราบว่าอุตสาหกรรมการประมงมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมและเศรษฐกิจของไอซ์แลนด์อย่างไร โดยพิพิธภัณฑ์นี้เป็นพิพิธภัณฑ์เพียงแห่งเดียวในไอซ์แลนด์ที่ได้รับรางวัล European Museum Award

ในขณะที่คุณเดินทางรอบคาบสมุทร คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามและธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ด้วย และเมื่อเดินทางไกลออกไปทางทิศใต้คุณจะพบกับหมู่บ้านโฮฟซอส (Hofsos) ซึ่งที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินกับภูมิทัศน์รอบๆ หมู่บ้านไปพร้อมๆ กับการแช่น้ำร้อนเพื่อผ่อนคลายร่างกายอยู่ในสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ที่ได้รับความร้อนมาจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ

คืนนี้พักค้างคืนในเซยดาร์โครคูร์

วันนี้คุณจะขับรถกลับไปยังเมืองเรคยาวิกแล้ว แต่ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวตามแนวชายฝั่งอาร์กติกให้คุณแวะชมระหว่างทางมากมาย

ขับอ้อมออกนอกเส้นทางไปเล็กน้อยคุณก็จะเจอกับหินฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) ซึ่งเมื่อมองจากมุมที่ถูกต้องพอดีคุณจะเห็นว่าหินนี้ดูเหมือนช้างยืนอยู่บนผิวน้ำ และคุณอาจจะไปเดินเล่นริมหาดด้วยก็ได้ซึ่งมักจะมีแมวน้ำออกมาเล่นสนุกให้เห็น

หลังจากที่กลับไปถึงเรคยาวิกแล้ว คุณสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานให้เต็มที่ด้วยการไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพที่สวยงามของไอซ์แลนด์ หรือไม่งั้นก็อาจจะไปร่วมกับทัวร์ที่พาชมภายในโถงแมกมาของภูเขาที่สงบแล้วแทนก็ได้

หลังจากวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมตื่นเต้น คืนสุดท้ายนี้คุณจะพักค้างคืนอยู่ในเรคยาวิก

ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข

อย่าลืมเดินทางไปถึงสนามบินให้ตรงเวลาเพื่อส่งคืนรถเช่าของคุณและขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน