ทัวร์ไอซ์แลนด์เหนือ 1 สัปดาห์

ยินดีต้อนรับสู่ไอซ์แลนด์! ได้เวลาออกสำรวจสภาพแวดล้อมแบบดิบๆ ที่เต็มไปด้วยภูมิประเทศตะปุ่มตะป่ำตามแบบฉบับของดินแดนแห่งภูเขาไฟ และไปชื่นชมกับธรรมชาติที่งดงามของดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งกันแล้ว

โดยคุณจะไปรับรถเช่าของคุณที่สนามบินเคฟลาวิกก่อนจากนั้นก็เริ่มต้นออกเดินทางได้เลย

ระหว่างที่ขับรถเข้าไปยังเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ คุณสามารถเลือกแวะที่บลูลากูน (Blue Lagoon) ก่อนได้ สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา สปาแห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสส์ทำให้มีบรรยากาศแปลกตา หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนเข้าไปในทริป กิจกรรมนี้จะถูกจัดเข้าในโปรแกรมการเดินทางให้สอดคล้องกับเที่ยวบินของคุณ หากคุณยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปในวันนี้ ก็ยังสามารถไปในวันอื่นได้ โดยที่ปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้ ซึ่งหากคุณยังพอมีเวลาเหลือในวันนี้ในเรคยาวิกและคาบสมุทรเรคยาเนสก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมมากมายรอคุณอยู่

คุณสามารถขับรถมุ่งหน้าเข้าเรคยาวิกเมืองหลวงเพื่อไปเก็บข้าวของและพักผ่อนเล็กน้อยก่อนได้ จากนั้นค่อยออกมาสำรวจเมืองกัน ซึ่งในเมืองมีพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ ร้านอาหาร คาเฟ่ แลนด์มาร์คสำคัญๆ สระว่ายน้ำ และร้านค้าแฟชั่นให้เที่ยวชมได้มากมายตามแต่รสนิยมของคุณ

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในที่พักที่อยู่ในเมืองเรคยาวิก

วันนี้คุณจะเดินทางขึ้นไปทางเหนือตามถนนวงแหวนที่โด่งดังของไอซ์แลนด์เพื่อไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์เหนือ

ระหว่างทางในวันนี้มีสถานที่น่าสนใจให้แวะชมมากมาย คุณควรไปเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunguhver) ซึ่งเป็นที่ตั้งของแหล่งน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป และควรไปดูน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆ กันด้วย ได้แก่ น้ำตกเฮรินฟอซซ่าร์ (Hraunfossar) ที่มีความสวยงามมาก และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ (Barnafoss) ที่มีน้ำแรงกว่ามาก

สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ แนะนำว่าไม่ควรพลาดไปที่เรค์คอร์ค (Reykholt) เพราะหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เคยเป็นบ้านของสนอร์ริ สตูร์ลูซัน (Snorri Sturluson) กวีเอกในยุคแรกสมัยที่มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไอซ์แลนด์ ซึ่งสนอร์ริเป็นผู้ที่แต่งซากาเฮมสคริงลา (Heimskringla) ขึ้นในศตวรรษที่ 13

นอกจากนี้ยังแนะนำให้ไปแวะที่น้ำตกฟอซซาตุน (Fossatun) ด้วย ซึ่งตามตำนานบอกว่ามีนางโทรลล์ชื่อดรีฟา (Drifa) คอยปกปักษ์รักษาน้ำตกแห่งนี้อยู่ แต่ถ้าคุณยังอยากได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตและตำนานเก่าแก่พื้นบ้านมากกว่านี้อีก คุณน่าจะต้องไปที่เดอะเซ็ทเทิลเมนต์เซ็นเตอร์ (Icelandic Settlement Center) ในบอร์การ์เนส (Borgarnes) อีกแห่ง ซึ่งคุณจะได้ศึกษาเรื่องราวของอียิล (Egill) วีรบุรุษผู้เป็นที่รักของชาวไอซ์แลนด์อีกท่านหนึ่ง

ในขณะที่อยู่ในภูมิภาคนี้ คุณยังสามารถไปแช่น้ำผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่อ่างน้ำร้อนพลังงานความร้อนใต้พิภพเครยมา (Krauma) หรือจะเลือกไปเข้าร่วมกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์อย่างทัวร์เที่ยวถ้ำวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) แทนก็ได้เช่นกัน

หลังจากที่คุณเดินทางไปถึงอาคูเรย์ริ คุณควรจะไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญที่เป็นแลนด์มาร์คของเมือง เช่น โบสถ์ที่ตั้งอยู่โดดเด่นในใจกลางเมือง ร้านแฟชั่น แกลเลอรี่ที่จัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ และสวนพฤกษศาสตร์ที่สวยงามและเงียบสงบ ที่สำคัญห้ามพลาดลองชิมไอศกรีมของร้าน Brynja ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในร้านที่มีไอศกรีมที่อร่อยที่สุดในไอซ์แลนด์ด้วย

การเข้าร่วมกับทัวร์ขี่ม้าเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมธรรมชาติในแถบนี้ ซึ่งคุณจะได้เดินทางเที่ยวชมทัศนียภาพของไอซ์แลนด์เหนืออย่างมีสไตล์และสะดวกสบายไม่เหมือนใครด้วยการขี่ม้าไอซ์แลนด์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและมีจังหวะการเดินที่แตกต่างไปจากม้าพันธุ์อื่นๆ

คืนนี้ที่พักของคุณอยู่ในใจกลางเมืองอาคูเรย์ริ

ในวันที่สามของทริปนี้คุณมีตัวเลือกสองอย่างขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากจะขับรถระยะทางไกลแค่ไหน สำหรับผู้ที่ชอบขับรถระยะไกลคุณสามารถเลือกเดินทางบนเส้นทางชายฝั่งอาร์กติก (Arctic Coast Way) แต่คุณต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อที่จะได้มีเวลาเพียงพอ

ในทริปนี้คุณจะไปเยี่ยมชมสวาลบาร์ดเซย์ริ (Svalbardseyri) หมู่บ้านประมงที่เงียบสงบเป็นแห่งแรก ที่นี่โดดเด่นด้วยสีสันที่ขัดแย้งของหาดทรายสีดำและประคารสีส้ม

จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปที่เกรนิวิก (Grenivik) เมืองเล็กๆ กับทัศนียภาพที่งดงามที่สุดของฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ (Eyjafjordur) โดยคุณอาจจะอ้อยอิ่งเที่ยวเล่นไปรอบๆ เมืองเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ สำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพ เมืองนี้ถือว่าเหมาะมาก

หมู่บ้านทั้งสองนี้เป็นสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักจึงยังไม่ค่อยอยู่ในแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ดังนั้นคุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศได้แบบไม่ต้องเบียดเสียด

แต่สำหรับผู้ที่ต้องการย่นระยะทางขับรถและอยากไปเห็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหลืออีกมากมาย คุณอาจจะต้องข้ามสองเมืองนี้และมุ่งหน้าตรงไปยังเส้นทางวงแหวนเพชรเลย

อย่างแรก คุณจะต้องเดินทางข้ามฟยอร์ดจากอาคูเรย์ริและทางเหนือไปยังเมืองฮูสาวิค (Husavik) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากสำหรับการเข้าร่วมกับทัวร์ที่จะพาคุณออกไปดูวาฬแหวกว่ายอย่างงดงามในทะเลลึกด้วยตาของคุณเอง

ต่อจากนั้นคุณจะขับรถไปยังหุบเขาเอาส์บิร์กิ (Asbyrgi) หุบเขารูปทรงเกือกม้าขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการที่ม้าแปดขา (Sleipnir) ของโอดินในตำนานเทพปกรณัมนอร์สกระทืบเท้าลงบนผืนดิน ไกลออกไปอีกเล็กน้อยบนเส้นทางเดียวกันนี้ คุณจะพบกับน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป ซึ่งสร้างชื่อเสียงมาจากภาพยนตร์เรื่องโพรมีธีอุส

หลังจากเดินทางเที่ยวเหนื่อยมาทั้งวัน คืนนี้ที่พักของคุณจะอยู่แถวทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn)

ในวันที่สี่คุณจะได้ไปสำรวจพื้นที่ภูเขาไฟแถวทะเลสาบมิวาทน์ (Myvatn) ซึ่งฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากเนื่องจากหิมะและน้ำแข็งนั้นละลายหายไปและเผยให้เห็นทัศนียภาพที่น่าประทับใจของทะเลสาบและภูมิประเทศโดยรอบที่เต็มไปด้วยฝูงนกที่อพยพมาทำรังในหน้าร้อน

หนึ่งในจุดที่สวยงามควรค่าแก่การไปชมมากที่สุดในบริเวณนี้คือทุ่งลาวาดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) ชื่อของมันแปลว่า "ป้อมปราการแห่งความมืดมิด" และแม้ว่าที่นี่จะไม่ได้เป็นป้อมปราการจริงๆ แต่ลาวาในบริเวณนี้ก็ก่อตัวเป็นรูปทรงที่น่าสนใจมากมาย บ้างมองดูคล้ายกับปราสาท บ้างก็เหมือนป้อมปราการและหอคอย แต่อาจจะทำให้บรรยากาศดูอึมครึมไปหน่อยจนคนในสมัยก่อนเชื่อกันว่าแถวนี้เป็นประตูสู่นรกภูมิ

นอกจากนี้พื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพเนามาสการ์ด (Namaskard) ที่อยู่ในช่องเขาก็น่าสนใจเช่นกัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดเหลือเชื่อของบริเวณมีทั้งช่องระบายไอน้ำร้อนและก๊าซพิษและถือว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาด

สำหรับตัวเลือกกิจกรรมเสริมในวันนี้ คุณสามารถไปเข้าร่วมกับเดย์ทัวร์ที่พาไปชมภูเขาไฟอาสยา (Askja) ซึ่งคุณจะได้เห็นภูมิประเทศแปลกประหลาดของไอซ์แลนด์ที่คล้ายกับคุณกำลังอยู่บนดวงจันทร์มากกว่าที่จะเป็นสถานที่บนโลกใบนี้ เมื่อได้ไปเห็นคุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไมที่นี่จึงถูกเลือกให้เป็นพื้นที่ทดสอบสำหรับปฏิบัติการบนดาวอังคารที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้

หลังจากที่คุณดื่มด่ำกับความสวยงามของดินแดนแห่งภูเขาไฟในทางเหนือของไอซ์แลนด์มาทั้งวันแล้ว คุณจะไปพักผ่อนและผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพให้สบายตัวที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ที่อยู่ใกล้ๆ ท่ามกลางแสงสว่างของพระอาทิตย์เที่ยงคืน และคืนนี้คุณยังพักค้างคืนอยู่ในที่พักในแถบทะเลสาบมิวาทน์อีกหนึ่งคืน

วันที่ห้านี้คุณจะขับรถไปยังเซยดาร์โครคูร์ (Saudarkrokur) พร้อมกับแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่งมากมายตลอดทาง ซึ่งเราแนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าคุณควรขับรถไปตามคาบสมุทรโทรลลาสกากิ (คาบสมุทรโทรลล์) ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวชายตามเส้นทางเลียบชายฝั่งอาร์กติกอยู่มากมาย ตัวอย่างสถานที่น่าสนใจ ได้แก่ เมืองดาลวิก (Dalvik) และสิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjordur) สระว่ายน้ำอินฟินิตี้พูลที่โฮฟซอส (Hofsos) และสปาเบียร์สุดแปลกที่อยู่นอกเมืองอาร์สกอกสซานดูร์ (Arskogssandur)

การไปสปาเบียร์ถือว่าเป็นการเริ่มต้นวันที่น่าสนใจ คุณจะได้แช่ตัวในอ่างไม้กัมบาลาที่บรรจุเบียร์เอาไว้ ซึ่งการลงแช่น้ำฮอปส์และยีสต์แบบนี้พร้อมกับจิบเบียร์เย็นๆ ไปด้วยนั้นน่าผ่อนคลายแบบสุดๆ ไปเลย (แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถไม่สามารถดื่มได้นะ!)

หากการไปสปาเบียร์นั้นไม่เหมาะกับคุณ คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากหมู่บ้านเฮยกาเนส (Hauganes) แทนได้ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปตามเส้นทางชายฝั่งอาร์กติก ซึ่งก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

ที่ปลายคาบสมุทรโทรลสกากิ หลังจากที่ขับรถลอดอุโมงค์ที่เดินรถทางเดียวแล้วคุณจะมาถึงหมู่บ้านประมงสิกลูฟยอร์ดูร์ที่มีความงดงามและได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการทำประมงของไอซ์แลนด์ แนะนำให้คุณเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ยุคแฮร์ริ่ง (Herring Era Museum) ด้วย เพื่อศึกษาเกี่ยวกับความสำคัญของอุตสาหกรรมประมงในประเทศไอซ์แลนด์ ตลอดจนผลกระทบของอุตสาหกรรมนี้ต่อเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแห่งนี้ทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

หลังจากนั้นคุณจะเดินทางไปทางฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโฮฟซอส ที่นี่คุณจะได้ผ่อนคลายในสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้พูลที่โด่งดังพร้อมกับตื่นตาตื่นใจไปกับภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาและฟยอร์ดที่รายล้อมอยู่รอบตัวคุณ

หลังจากที่เดินทางเที่ยวรอบส่วนนี้ของไอซ์แลนด์จนทั่วแล้ว คุณจะพักค้างคืนในที่พักในเซยดาร์โครคูร์

วันนี้คุณจะเดินทางกลับไปยังเรคยาวิก ซึ่งระหว่างทางก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่นอกเส้นทางรอให้คุณไปแวะชมได้อีกมากมาย เช่น คุณสามารถขับออกจากถนนวงแหวนเพื่อไปเยือนคาบสมุทรวาทน์สเนส (Vatnsnes) โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่คนนิยมไปกันมากที่สุดคือฮวิทแซร์กูร์ (Hvitserkur) หินรูปร่างแปลกประหลาดนี้เป็นเศษซากที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของภูเขาไฟที่สงบแล้ว และในปัจจุบันเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาช่างภาพด้วยรูปร่างที่แปลกตาท่ามกลางโลเคชั่นที่สวยงาม ซึ่งคำถามยอดฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวคือตกลงหินนี้เหมือนช้างกำลังกินน้ำหรือเหมือนมังกรกันแน่

หากคุณยังเดินทางเพื่อชมรอบคาบสมุทรแห่งนี้กันต่อ คุณจะพบว่ามีสถานที่ที่เหมาะสำหรับแวะถ่ายภาพหลายแห่ง ที่โดดเด่นที่สุดอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกใกล้กับชุมชนเล็กๆ ที่ชื่ออิลลูกัสตาดิร์ (Illugastadir) ซึ่งคุณมีโอกาสได้ภาพของฝูงแมวน้ำท่ามกลางฉากหลังที่มีฟยอร์ดตะวันตกของไอซ์แลนด์อยู่ไกลลิบ จากนั้นขับไปอีกไม่ไกล คุณจะผ่านเมืองเล็กๆ ชื่อฮวามสตางกิ (Hvammstangi) และจะไปเจอกับถนนวงแหวนซึ่งเป็นทางกลับเข้าสู่เมืองเรคยาวิก

สำหรับผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมสนุกตื่นเต้นในวันนี้ คุณสามารถเลือกเพิ่มทัวร์เฮลิคอปเตอร์ที่พาบินเหนือพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพอันกว้างใหญ่ของไอซ์แลนด์ ทัวร์นี้ออกเดินทางจากสนามบินในประเทศในเรคยาวิก

หรือถ้าหากคุณเดินทางมาถึงเรคยาวิกในเวลาที่เหมาะสม คุณสามารถไปเข้าร่วมกับทัวร์ที่พาชมโถงแมกมาของภูเขาไฟทรีฮนูคาร์กีกูร์ (Thrihnukagigur) บนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) ได้เช่นกัน

หลังจากวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมและการท่องเที่ยวสนุกสนานตื่นเต้น คืนสุดท้ายในไอซ์แลนด์นี้คุณจะพักอยู่ในเมืองเรคยาวิก

ในวันที่เจ็ดคุณจะขับรถไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเพื่อไปส่งคืนรถเช่าและขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน สำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายหน่อย คุณยังมีเวลาเหลือให้เที่ยวอยู่ในเรคยาวิกและไปชมสถานที่ที่คุณยังไม่ได้ไปเยือนในวันแรกได้อีก ซึ่งวันนี้เป็นโอกาสดีที่จะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านและสวยงาม เช่น คาบสมุทรเซลท์จาร์นาร์เนส (Seltjarnarnes) ที่มีประภาคารโกรททา (Grotta) สปาควิกา (Kvika) สปาเท้าที่แสนจะผ่อนคลายด้วยพลังงานความร้อนใต้พิภพ และทางเดินเลียบชายฝั่งเวสเทอร์แบร์ (Vesturbaer) ทางฝั่งตะวันตกของเมือง

หรือคุณจะใช้เวลาในวันนี้สำหรับเลือกซื้อของฝากก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามบินก็ได้ แต่ถ้าหากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ และหวังว่าคุณจะกลับมาเที่ยวที่ไอซ์แลนด์อีกครั้ง