ทัวร์ขับรถเที่ยวฤดูหนาวหนึ่งสัปดาห์ ถนนวงแหวนรอบไอซ์แลนด์ & วงกลมทองคำ

ทริปขับรถเที่ยวด้วยตัวเองรอบเกาะไอซ์แลนด์ในฤดูหนาว 8 วันของคุณจะเริ่มต้นทันทีที่เดินทางมาถึงไอซ์แลนด์

เมื่อถึงสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก คุณจะรับรถเช่าและออกเดินทางสู่กรุงเรคยาวิก ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 50 กิโลเมตรนี้ คุณจะผ่านทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์บนคาบสมุทรเรคยาเนส ตลอดเส้นทางคุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันเหนือจริงของไอซ์แลนด์เป็นครั้งแรก เสมือนการเปิดฉากของการผจญภัยครั้งนี้

คาบสมุทรเรคยาเนสเป็นดินแดนที่ถูกหล่อหลอมด้วยพลังภูเขาไฟ มีทั้งเนินเขาโล่งเตียน พื้นที่ความร้อนใต้พิภพที่มีไอน้ำพวยพุ่ง พื้นที่กว้างใหญ่ที่ปกคลุมด้วยลาวา และหน้าผาหินที่ขรุขระ ในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่พฤศจิกายนถึงมีนาคม ดินแดนที่ดูเหนือจริงแห่งนี้จะถูกแต้มด้วยหิมะ กลายเป็นโลกอีกใบที่สวยงามชวนหลงใหล หากมีเวลา คุณสามารถแวะชมพื้นที่ความร้อนใต้พิภพกุนนูฮแวร์ ทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์ หรือสปาน้ำร้อนจากใต้พิภพชื่อดังอย่างบลูลากูน

การแช่ตัวที่บลูลากูนคือประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนสำหรับการเริ่มต้นเที่ยวไอซ์แลนด์ น้ำสีฟ้าเข้มและโคลนที่อุดมด้วยแร่ซิลิกา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสุดหรู ทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงระดับโลก เมื่อแช่ตัวลงไปในน้ำอุ่นสีฟ้าน้ำนม ท่ามกลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์ คุณจะสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายที่หาไม่ได้จากที่อื่น

ที่บลูลากูน คุณสามารถเลือกแพ็คเกจเข้าใช้บริการแบบคอมฟอร์ท ซึ่งรวมค่าบัตรผ่านเข้าสปา มาส์กโคลนซิลิกา ผ้าเช็ดตัว และเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว หรือเลือกแพ็คเกจเข้าใช้บริการแบบพรีเมียมที่เพิ่มเสื้อคลุม ได้มาส์กหน้าเพิ่มเติม และสิทธิ์ในการจองโต๊ะอาหารล่วงหน้าที่ห้องอาหารของสปา

หากคุณต้องการเริ่มทริปด้วยการแวะบลูลากูน เราจะจัดเวลาให้เหมาะกับตารางบินของคุณ แต่หากวันนี้เวลาไม่พอ ที่ปรึกษาการเดินทางของคุณสามารถจองให้ในวันอื่นๆ แทนได้

หรือหากคุณอยากได้ตัวเลือกสปาความร้อนใต้พิภพแห่งอื่น คุณสามารถไปที่สกายลากูนในเรคยาวิก ซึ่งมีวิวชายฝั่งที่สวยงาม แพ็คเกจเข้าใช้บริการแบบมาตรฐานของที่นี่ รวมการใช้บริการขั้นตอนการอาบน้ำแบบสคโยล์แล้ว ส่วนแพ็คเกจเข้าใช้บริการแบบพรีเมียมที่เรียกว่า “Sær” จะมีห้องเปลี่ยนเสื้อส่วนตัวให้คุณใช้ เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น

หลังจากแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายเรียบร้อยแล้ว คุณจะเดินทางต่อไปยังกรุงเรคยาวิกเพื่อเข้าที่พักในคืนนี้ หากยังมีเวลาเหลือ ลองออกไปเดินเล่นชมร้านอาหาร คาเฟ่ และสถานที่ทางวัฒนธรรมของเมืองนี้ได้เช่นกัน

วันที่สองของทัวร์ฤดูหนาวนี้จะพาคุณไปยังวงกลมทองคำ ซึ่งมีระยะทางรวม 300 กิโลเมตร เป็นเส้นทางขับรถที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ และครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โด่งดังที่สุดสามแห่ง

จุดแวะเที่ยวแห่งแรกคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ที่นี่เป็นสถานที่ที่ชาวไวกิ้งก่อตั้งรัฐสภาอัลธิงกิ (Althingi) ในปี ค.ศ. 930 นอกจากนี้ อุทยานฯ ยังตั้งอยู่ในหุบเขาแยกที่แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและยูเรเชียนที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากกัน ทำให้ภูมิประเทศโดยรอบเต็มไปด้วยรอยแยก รอยแตก และทุ่งลาวาขรุขระ

หนึ่งในรอยแยกเหล่านั้นคือซิลฟรา หุบเขารอยแยกใต้น้ำที่เต็มไปด้วยน้ำใสบริสุทธิ์ที่ละลายมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล หากคุณพร้อมที่จะผจญภัย คุณสามารถเลือกไปดำน้ำตื้นในซิลฟราได้ คุณจะได้ล่องลอยอยู่ระหว่างสองทวีปในผืนน้ำที่ใสที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นับเป็นประสบการณ์ที่หาทำได้ยากยิ่ง

จุดหมายต่อไปคือ พื้นที่ธรณีความร้อนไกเซอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ น้ำพุร้อนสโทรคูร์จะพ่นน้ำเดือดสูงถึง 20 เมตร ขึ้นสู่อากาศทุกๆ 5-10 นาที แสดงให้เห็นถึงพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของไอซ์แลนด์

จากนั้น เดินทางไปยังน้ำตกกุลล์ฟอสส์ หนึ่งในน้ำตกที่งดงามตระการตาที่สุดของไอซ์แลนด์ ณ ที่แห่งนี้ สายน้ำจากธารน้ำแข็งจากแม่น้ำฮวิทเอาไหลลงสู่หุบเขาลึก 32 เมตร ก่อให้เกิดน้ำตกอันน่าตื่นตะลึง ในฤดูหนาว ละอองน้ำตกจะปกคลุมหน้าผา และจับตัวเป็นประติมากรรมน้ำแข็งระยิบระยับ สร้างความมหัศจรรย์ให้กับน้ำตกมากยิ่งขึ้น

หากคุณต้องการเพิ่มความตื่นเต้นให้กับวันนี้ คุณสามารถจองทัวร์เพิ่มเติมได้ โดยทัวร์นี้คุณจะไปขึ้นรถซูเปอร์จี๊ปจากน้ำตกกุลล์ฟอสส์เพื่อไปยังธารน้ำแข็งลางโจกุล ซึ่งคุณจะได้ขับรถสโนว์โมบิลข้ามที่ราบหิมะอันกว้างใหญ่

หากคุณพอมีเวลา ลองขับออกนอกเส้นทางจากแถวน้ำตกกุลล์ฟอสส์ เพื่อไปชมปล่องภูเขาไฟเคริดที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 45 นาที แอ่งภูเขาไฟแห่งนี้มีขอบทางลาดลงหลุมเป็นสีแดงและส้มสดใส เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและเหมาะแก่การถ่ายรูป

หลังจากเที่ยวชมสถานที่และผจญภัยมาทั้งวันแล้ว คุณจะเดินทางไปยังที่พักในทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ โปรแกรมท่องเที่ยวฤดูหนาวนี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการชมแสงเหนือ โดยเลือกที่พักที่ตั้งอยู่ในทำเลเหมาะสม หากท้องฟ้าแจ่มใส อย่าลืมออกไปข้างนอกเป็นระยะเพื่อดูว่ามีแสงออโรร่าปรากฏบนท้องฟ้าหรือไม่

วันที่สามของการผจญภัยฤดูหนาวของคุณเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของไอซ์แลนด์ เตรียมตัวให้พร้อมกับการไปชมน้ำตก ชายหาดทรายดำ และธารน้ำแข็งอันงดงาม

เริ่มต้นด้วยการขับรถไปยังน้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์ น้ำตกสูง 60 เมตรที่ไหลลงมาจากหน้าผาโค้งเว้า ทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเดินไปด้านหลังม่านน้ำตกได้ ในช่วงฤดูหนาว เส้นทางด้านหลังน้ำตกอาจปิดเพื่อความปลอดภัย แต่ทิวทัศน์ด้านหน้าก็ยังงดงามและตระการตา 

จากนั้นไปยังน้ำตกสโคกาฟอสส์ ซึ่งมีขนาดกว้างและทรงพลังด้วยรูปแบบที่คลาสสิก ไปยืนอยู่เบื้องล่างของน้ำตกและสัมผัสไอเย็นที่พัดมาบนใบหน้าเมื่อสายน้ำพุ่งลงมา

ต่อจากนั้น ระหว่างการขับรถ ธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่หลายแห่งของไอซ์แลนด์จะปรากฏอยู่บนเส้นขอบฟ้า ภูเขาไฟธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุล และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่กว่าที่ห่มคลุมอยู่อย่างมิร์ดาลสโจกุล โดดเด่นอยู่เบื้องหน้าให้เห็นจากระยะไกล หากต้องการสัมผัสธารน้ำแข็งเหล่านี้อย่างใกล้ชิด คุณสามารถเข้าร่วมทริปไฮกิ้งแบบมีไกด์บนธารน้ำแข็งแห่งใดแห่งหนึ่งที่เป็นธารน้ำแข็งที่แตกออกมาจากมิร์ดาลสโจกุล ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำบนผืนน้ำแข็งที่มีมาตั้งแต่โบราณ

ก่อนที่จะเดินทางต่อไป ให้คุณแวะไปที่ดิร์โฮลาเอย์ แหลมขนาดย่อมที่มีวิวพาโนรามาของชายฝั่ง เหมาะแก่การถ่ายภาพ

ใกล้ๆ กันคือหมู่บ้านวิก หมู่บ้านชายฝั่งที่น่ารักแห่งนี้อยู่ใกล้กับชายหาดทรายดำเรย์นิสฟยาราที่ล้อมรอบด้วยเสาหินบะซอลต์มากมาย หากคุณมองออกไปในทะเล คุณจะเห็นกองหินเรย์นิสดรังการ์โผล่ขึ้นมาจากเกลียวคลื่น เพิ่มบรรยากาศลึกลับให้กับพื้นที่นี้

จากวิก คุณจะขับต่อไปทางตะวันออกสู่ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ระหว่างทางคุณจะพบกับฟยาดราร์กยูฟูร์ หุบเขาแคนยอนที่งดงามคุ้มค่ากับการแวะเข้าไปชม แคนยอนแห่งนี้ถูกกัดเซาะโดยแม่น้ำธารน้ำแข็งมาหลายพันปี กำแพงที่ปกคลุมด้วยมอสส์และสายน้ำที่คดเคี้ยวสร้างทิวทัศน์ที่เหมือนอยู่ในเทพนิยาย

จุดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลคือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ที่นี่คุณสามารถไปชมภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แตกออกมาจากธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล และลอยออกสู่ทะเล ในฤดูหนาว แมวน้ำจำนวนมากมารวมตัวกันบริเวณปากทะเลสาบเพื่อหาปลา หรือพักผ่อนบนภูเขาน้ำแข็ง คุณยังสามารถจองทัวร์ล่องเรือเพื่อเข้าไปชมภูเขาน้ำแข็งแบบใกล้ชิดได้อีกด้วย

เดินจากทะเลสาบไปไม่ไกลคือชายหาดไดมอนด์ ก้อนน้ำแข็งที่ถูกคลื่นขัดเกลาจะลอยมาเกยบนหาดทรายและเปล่งประกายเหมือนอัญมณี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหาดแห่งนี้

เมื่อฟ้ามืด อย่าลืมแหงนมองท้องฟ้าเพื่อชมแสงเหนือ ปรากฏการณ์เหนือจริงที่สุดในฤดูหนาวของไอซ์แลนด์

คืนนี้ คุณจะพักคืนในที่พักสะดวกสบายในพื้นที่ททางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์

ในวันที่สี่ของทริปขับรถเที่ยวฤดูหนาวในไอซ์แลนด์ คุณจะได้สำรวจหมู่บ้านชายฝั่งที่น่ารักของอีสต์ฟยอร์ด เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่อยู่ไกลจากเรคยาวิกมากที่สุด อีสต์ฟยอร์ดจึงมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย มอบประสบการณ์ที่เงียบสงบ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เดียวในไอซ์แลนด์ที่คุณอาจพบกวางเรนเดียร์

ก่อนออกเดินทางบนถนนต่อ ลองใช้เวลาเพื่อสำรวจทิวทัศน์อันตระการตาของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลเพิ่มเติม หากคุณมาเที่ยวระหว่างเดือนตุลาคมถึงมีนาคม อย่าพลาดโอกาสในการเข้าไปชมถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติสร้าง

ถ้ำน้ำแข็งเหล่านี้เป็นความมหัศจรรย์ในฤดูหนาวที่หาชมได้ยาก เพราะทุกๆ หน้าร้อนถ้ำเหล่านี้จะหายไปเมื่อถูกน้ำจากน้ำแข็งที่ละลายไหลเข้าท่วม การจองทัวร์มีไกด์นำทางจะทำให้คุณได้ก้าวเข้าสู่โลกของน้ำแข็งสีฟ้าใส ที่ซึ่งอุโมงค์แข็งและรูปทรงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาสร้างทิวทัศน์อันน่าตื่นตา

ไกด์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่กับคุณตลอดการเที่ยวชมถ้ำน้ำแข็งเพื่อความปลอดภัย รวมถึงมีอุปกรณ์ธารน้ำแข็งให้สวมใส่ เช่น หมวกนิรภัย และแครมปอน

จากนั้น คุณจะมุ่งหน้าสู่อีสต์ฟยอร์ด ซึ่งเป็นภูมิภาคที่งดงามและแทบไม่ได้รับการแตะต้อง เส้นทางขับรถจะพาคุณผ่านยอดเขาสุดโดดเด่นอย่างเวสตราฮอร์น และเอสตราฮอร์น ซึ่งเป็นจุดที่ช่างภาพโปรดปราน ในวันที่อากาศดี เงาของภูเขาที่ขรุขระจะสะท้อนลงบนผืนน้ำทะเลเป็นภาพที่งดงาม

ระหว่างทางที่คุณขับลัดเลาะไปตามฟยอร์ดต่างๆ คุณจะผ่านภูเขาสูง ปากทางเข้าฟยอร์ดที่ไม่มีผู้คน และหมู่บ้านชาวประมงสุดสงบ โดยมีธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลเป็นฉากหลัง นอกจากนี้ คุณยังจะได้พบกับหมู่บ้านชายฝั่งน่ารักๆ อย่างดยูปิโวกูร์ เอสกิฟยอร์ดูร์ และเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ 

หากขับออกนอกเส้นทางไปอีกนิด คุณจะไปถึงสตุดลากอิลแคนยอน ซึ่งเป็นอัญมณีลับที่มีเสาหินบะซอลต์โดดเด่นเรียงรายตามลำธาร หุบเขานี้ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ลับที่ดีที่สุดของไอซ์แลนด์ และเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด

จุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันนี้คือเมืองเอกิลสตาดีร์ 

ก่อนเข้าที่พัก คุณสามารถเลือกแวะสปาน้ำร้อนเวิกบาธส์ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบอูร์ริดาวาทน์ การแช่น้ำอุ่นที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการฟื้นพลังหลังการขับรถยาวๆ ด้วยสระลอยน้ำและวิวทะเลสาบที่สวยงาม เวิกบาธส์มอบความสงบและผ่อนคลายก่อนออกเดินทางกับโร้ดทริปหน้าหนาวกันต่อ

หากท้องฟ้าแจ่มใส คุณอาจได้ชมปรากฏการณ์แสงเหนืออันน่าทึ่งจากเอกิลสตาดีร์ หากคุณอยากพักผ่อนในเมืองมากกว่าขับรถไปหาดูแสงออโรร่า ก็สามารถใช้เวลายามค่ำคืนอย่างสบาย พร้อมอาหารมื้ออร่อยที่ร้านอาหารชั้นนำของเมือง

หลังจากวันที่น่าตื่นเต้นอีกวัน คุณจะพักค้างคืนที่ที่พักในภาคตะวันออกของไอซ์แลนด์

วันที่ห้าของทริปฤดูหนาวในไอซ์แลนด์ คุณจะได้ออกสำรวจความงดงามอันบริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติของดินแดนทางตะวันออกและภาคเหนือของประเทศ

เริ่มต้นที่ฮัลลอร์มสตาดาสโกกูร์ ป่าที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ ใกล้เมืองเอกิลสตาดีร์ ป่าแห่งนี้มีเส้นทางเดินป่ามากมายที่พาคุณไปพบกับน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ ลำธารคดเคี้ยว หน้าผาสูง ทุ่งโล่งกว้าง และอ่าวอันสงบ เป็นภาพที่แตกต่างจากภูมิประเทศภูเขาไฟที่คุณได้เห็นมาตลอดสี่วันที่ผ่านมา

คุณยังสามารถเดินไปยังทะเลสาบลาการ์ฟยอตที่เล่าขานกันว่ามีสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนมังกรอาศัยอยู่ใต้น้ำ ว่ากันว่าเป็นญาติของสัตว์ประหลาดล็อกเนสในสกอตแลนด์

หลังจากสำรวจฝั่งตะวันออกแล้ว การเดินทางจะพาคุณขึ้นเหนือ สู่ทิวทัศน์อันโดดเด่นรอบทะเลสาบมิวาทน์ ดินแดนที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ มีทั้งเสาหินลาวาและปล่องภูเขาไฟเทียมที่ทำให้ภูมิประเทศดูแปลกตา พื้นที่นี้เกิดจากการระเบิดเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน ทิ้งไว้ซึ่งภูมิทัศน์ไม่เหมือนที่ใด

ระหว่างทาง แวะที่ดิมมูบอร์กีร์ ทุ่งลาวากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยหน้าผาและหินรูปร่างประหลาด เกิดเป็นภูมิทัศน์ราวกับเขาวงกต ไม่ไกลกันคือพื้นที่นามาฟยาลล์ ที่มีบ่อโคลนเดือดและไอน้ำร้อนพวยพุ่ง แสดงให้เห็นพลังงานความร้อนใต้พิภพของไอซ์แลนด์

หลังจากการเดินทางทั้งวัน แวะไปผ่อนคลายร่างกายในน้ำอุ่นอุดมแร่ธาตุของมิวาทน์เนเชอร์บาธส์ ความอบอุ่นของสระน้ำร้อนธรรมชาติจะช่วยให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และหากฟ้าโปร่ง คุณอาจได้เห็นแสงเหนือพาดผ่านท้องฟ้าขณะกำลังแช่น้ำ

คืนนี้คุณจะพักผ่อนในที่พักสะดวกสบายทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันถัดไป

เริ่มต้นวันของคุณด้วยอาหารเช้าดีๆ เพราะวันที่ 6 เต็มไปด้วยการผจญภัยน่าตื่นเต้น! วันนี้คุณจะได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติในไอซ์แลนด์ตอนเหนือ ทั้งน้ำตกสุดตระการตา พิพิธภัณฑ์แปลกตา และเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ อย่าลืมชาร์จแบตกล้องไว้ให้พร้อม เพราะตลอดเส้นทางมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายภาพไม่ขาดสาย!

เริ่มต้นวันในเมืองฮูสาวิก ริมอ่าวสกาลฟานดิ ซึ่งเป็นมีวาฬและโลมาอาศัยอยู่มากถึง 23 สายพันธุ์ ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมวาฬอันดับหนึ่งของไอซ์แลนด์ คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ล่องเรือชมวาฬ หรือเลือกไปที่พิพิธภัณฑ์วาฬฮูสาวิก เพื่อเรียนรู้เรื่องราวน่าทึ่งเกี่ยวกับสัตว์ทะเลเหล่านี้ก็ได้

ระหว่างขับรถจากฮูสาวิกสู่เมืองอาคูเรย์ริ คุณสามารถแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อหลายแห่งในไอซ์แลนด์เหนือ จุดแรกคือพิพิธภัณฑ์ยานยนต์อีสตาเฟลล์ ที่คนรักรถไม่ควรพลาด ภายในจัดแสดงรถโบราณบูรณะสวยงามจำนวนมาก รวมทั้ง “สุสานรถ” ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ยานยนต์ของประเทศ

ต่อด้วยการแวะชมน้ำตกโกดาฟอสส์ หนึ่งในน้ำตกที่โด่งดังที่สุดของไอซ์แลนด์เหนือ สูงถึง 30 เมตร สวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เล่ากันว่าผู้นำชาวไอซ์แลนด์เคยทิ้งรูปเคารพนับถือศาสนาเดิมลงในน้ำตกแห่งนี้ เมื่อประเทศเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ในปี ค.ศ. 1000

ก่อนถึงอาคูเรย์ริ ลองแวะที่ “บ้านคริสต์มาส” ที่นี่เหมือนเป็นช่วงคริสต์มาสตลอดทั้งปี คุณจะได้เรียนรู้ประเพณีวันหยุดของชาวไอซ์แลนด์ เช่น เรื่องเล่าของยูลแลดส์และยักษ์หญิงกรีลา รวมถึงเลือกซื้อของตกแต่งหรือของฝากในบรรยากาศแสนอบอุ่น

หลังจากแวะเที่ยวสถานที่ต่างๆ เหล่านี้แล้ว เดินทางต่อไปในทริปขับรถเที่ยวในฤดูหนาวที่ไอซ์แลนด์ และขับรถไปที่อาคูเรย์ริ เมืองที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ตอนเหนือ ซึ่งมีการผจญภัยรอคุณอยู่อีกมากมาย

ระหว่างทางคุณยังสามารถเลือกแวะที่ป่าคยาร์นาสโคกูร์ ป่าอันเงียบสงบที่อยู่นอกเมือง พื้นที่ป่าไม้อันงดงามแห่งนี้มีเส้นทางเดินป่าพร้อมไฟส่องสว่างยาว 7 กิโลเมตร เหมาะสำหรับการเดินเล่นยามเย็นหรือปั่นจักรยาน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าแบบแบ็กคันทรีมากมายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย

หากอยากผ่อนคลายส่งท้ายวันนี้ ลองไปที่ “ฟอเรสต์ ลากูน” สปาน้ำพุร้อนท่ามกลางเนินเขานอกเมืองอาคูเรย์ริ ซึ่งรายล้อมด้วยป่าไม้เขียวชอุ่มและวิวฟยอร์ดอันงดงาม ที่นี่เหมาะที่สุดสำหรับการพักผ่อนหลังวันท่องเที่ยวที่ยาวนาน

เมื่อพร้อมจะพักผ่อนแล้ว ให้เดินทางเข้าที่พักในไอซ์แลนด์เหนือกันได้เลย บริเวณนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือ เพราะอยู่ใกล้กับเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล อย่าลืมออกมาเงยหน้ามองท้องฟ้าเป็นระยะ เผื่อโชคดีได้เห็นออโรราเต้นระบำอยู่เหนือศีรษะ!

วันสุดท้ายที่คุณยังมีเวลาเต็มวันของทริปขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ในฤดูหนาวครั้งนี้ คุณจะขับครบรอบเส้นทางถนนวงแหวน และมุ่งหน้ากลับสู่เรคยาวิก แม้เส้นทางวันนี้จะยาวกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ทิวทัศน์จากทั้งไอซ์แลนด์เหนือและตะวันตกจะทำให้การเดินทางไม่น่าเบื่อแน่นอน

เริ่มต้นวันในเมืองอาคูเรย์ริ ลองใช้เวลาสำรวจเมืองสักหน่อยก่อนออกเดินทาง คุณสามารถขับรถหรือเดินเล่นริมท่าเรือ เพื่อชมวิวอันงดงามของฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ ฟยอร์ดที่ยาวที่สุดในไอซ์แลนด์ เมื่อพร้อมแล้วค่อยขึ้นรถและออกเดินทางต่อ

ระหว่างข้ามทุ่งฮอลตาวอร์ดูเฮดิ มันคุ้มค่าที่จะขับออกนอกเส้นทางเพื่อเข้าเขตบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกสองแห่งที่มีเสน่ห์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง น้ำตกบาร์นาฟอสสส์ ไหลเชี่ยวผ่านร่องหินแคบคดเคี้ยวอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เฮิร์นฟอสซาร์ ไหลรวยรินลงมาจากลาวาหินดำเป็นสายเล็กๆ สร้างภาพตัดกันอย่างน่าหลงใหล ในฤดูหนาว เมื่อหิมะปกคลุมและเส้นทางมีน้ำแข็ง ยิ่งทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยมนต์ขลัง และคู่ควรกับการใช้เวลาเดินชม

ขับต่อไปอีกเล็กน้อย คุณจะถึงเดลดาร์ทุงกุฮแวร์ น้ำพุร้อนที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป ที่นี่มีน้ำเดือดพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินมากถึง 180 ลิตรต่อวินาที รายล้อมด้วยไอน้ำและหินสีแดงสด พลังงานใต้พิภพนี้ไม่เพียงสร้างภูมิทัศน์อันน่าทึ่ง แต่ยังถูกนำไปใช้ผลิตพลังงานความร้อนเพื่อหล่อเลี้ยงเมืองใกล้เคียง เช่น อคราเนสและบอร์การ์เนส แสดงให้เห็นถึงการใช้พลังงานธรรมชาติของไอซ์แลนด์อย่างชาญฉลาด

หากมีเวลา ลองแวะที่หมู่บ้านเรคโฮลท์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านของสนอร์รี สตูร์ลูสัน บุคคลสำคัญในยุคกลางของไอซ์แลนด์ ทั้งในฐานะนักประวัติศาสตร์ กวี และนักการเมือง เขาอาศัยอยู่ที่นี่จนกระทั่งถูกลอบสังหารในปี ค.ศ. 1241 ปัจจุบันยังคงเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวรรณกรรมของประเทศ

จากนั้นเดินทางต่อกลับสู่เรคยาวิก โรงแรมในคืนสุดท้ายของการผจญภัยครั้งนี้ในไอซ์แลนด์อยู่ในเมืองเรคยาวิก