เวิร์คช็อปถ่ายภาพแสงเหนือฤดูหนาว 8 วันในไอซ์แลนด์ พร้อมถ้ำน้ำแข็งและน้ำตก
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
พิชิตความหนาวไปด้วยกันกับเวิร์กช็อปถ่ายภาพ 8 วัน ที่จะพาคุณร่วมสัมผัสและบันทึกภาพไฮไลต์สำคัญของฤดูหนาวที่ไอซ์แลนด์อย่างถ้ำน้ำแข็งและแสงออโรรา บอเรลลิส
ทริปนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ ช่างภาพที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว หรือผู้ที่อยากจะได้ภาพแสงเหนือที่งดงามสมบูรณ์แบบ เพราะในทริปนี้ทุกท่านจะได้งัดเอาทักษะการถ่ายภาพออกมาใช้กันอย่างเต็มที่ ภายใต้การนำทริปโดยไกด์มืออาชีพซึ่งเป็นเจ้าของรางวัลจำนวนหลายท่าน
ไอซ์แลนด์เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสุดพิเศษแห่งหนึ่งของโลกสำหรับการถ่ายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวอันสวยงามที่ดินแดนแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาสีขาวโพลน
ใน 8 วันนี้ คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามหลากหลายและเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ที่ผู้คนชื่นชอบเป็นอย่างมากหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) และวงกลมทองคำ ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม
ไม่ต้องคิดแล้ว! รีบจองตอนนี้เลยเพื่อที่คุณจะได้เดินทางไปถ่ายภาพฤดูหนาวในไอซ์แลนด์กับเวิร์กช็อป 8 วัน ตรวจสอบจำนวนที่ว่างได้โดยการเลือกวันที่ที่คุณต้องการเดินทาง
รวมในแพ็คเกจ
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
แผนการเดินทางรายวัน
วัน 1 - เดินทางมาถึงที่ไอซ์แลนด์
ขอต้อนรับเข้าสู่ดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ เวิร์กช็อปถ่ายภาพ 8 วันที่คุณจะได้พัฒนาฝีมือในฐานะช่างภาพสายแลนด์สเคปด้วยการเก็บภาพภูมิทัศน์และธรรมชาติสวยๆ ไปด้วยกันกับเรากำลังจะเร่ิมต้นขึ้นแล้ว วันนี้จะเป็นวันที่คุณเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกบนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes Peninsula) จากนั้นคุณจะเดินทางด้วยรถบัสเข้าไปยังเรคยาวิก (Reykjavík) เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์
เมื่อเดินทางถึงที่พักและเช็กอินเก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถใช้เวลาในช่วงเย็นพักผ่อนได้ตามอัธยาศัยก่อนที่จะไปพบปะกับเพื่อนรวมคณะและไกด์ที่ล็อบบี้ หลังจากแนะนำตัวสร้างความคุ้นเคยกันเป็นที่เรียบร้อยทุกท่านจะเดินทางไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านในเมือง เพื่อชิมอาหารไอซ์แลนด์และพูดคุยเกี่ยวกับแผนการสนุกๆ สำหรับอีก 7 วันข้างหน้านี้
วัน 2 - ชายฝั่งทางตอนใต้
ความสนุกตื่นเต้นเริ่มขึ้นในวันนี้ รถบัสพิเศษจะมารับคุณจากที่พักในเรคยาวิกและพาออกเดินทางไปบนชายฝั่งทางใต้อันสวยงาม เมื่อได้เห็นคุณจะเข้าใจในทันทีว่าทำไมเส้นทางนี้จึงเป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของไอซ์แลนด์ ทั้งน้ำตกที่ยิ่งใหญ่อลังการ ชายฝั่งเว้าแหว่ง และเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา ทุกอย่างช่างสวยงามลงตัวไปเสียหมด
จุดหมายปลายทางแรกที่คุณจะแวะในวันนี้ คือ น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) อันโด่งดัง เซลยาแลนศ์ฟอสส์เป็นน้ำตกสูง 63 เมตร รูปทรงแคบและมีถ้ำที่สามารถเข้าไปด้านได้ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเห็นภาพสวยๆ จากบริเวณด้านหลังม่านน้ำตกได้ด้วย ส่วนสโกกาฟอสส์เป็นน้ำตกที่มีรูปทรงกว้างกว่าและมีม่านน้ำทรงพลังที่ไหลตกลงไปกระทบกับหินด้านล่างอย่างแรงทำให้เกิดเป็นละอองน้ำปกคลุมไปทั่วบริเวณ ซึ่งเมื่อถ่ายภาพออกมาจะสวยมากเพราะมักจะเห็นรุ้งกินน้ำด้วย
นอกจากนี้คุณยังจะได้ไปที่ดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) ซึ่งเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเลเผยให้เห็นวิวชายฝั่งทางใต้ได้กว้างขึ้น จุดนี้เหมาะสำหรับถ่ายภาพโชว์ธรรมชาติที่น่าทึ่งของไอซ์แลนด์ รวมถึงภาพของหินโค้งดิร์โอลาเอย์ที่มีชื่อเสียงด้วย
จุดต่อไปคือหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากในฐานะที่เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในโลกที่ไม่ใช่หาดเมืองร้อน บริเวณหาดแห่งนี้มีองค์ประกอบที่โดดเด่นทั้งกรวดภูเขาไฟสีดำสนิท เสาหินบะซอลต์ และเสาหินเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ในทะเล ทำให้เป็นอีกจุดหนึ่งที่บรรดาช่างภาพต่างต้องการมาเยือน
คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในวิก (Vík) หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ติดกับหาดเรย์นิสฟยารา
วัน 3 - อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล I
เช้านี้คุณจะออกเดินทางไปบนชายฝั่งทางใต้มุ่งหน้าไปที่อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) พร้อมกับชมทิวทัศน์ที่สวยงามหลากหลายรูปแบบไปตลอดเส้นทาง เมื่อไปถึงคุณจะพบว่าบริเวณนี้มีลักษณะแปลกตาไม่เหมือนกับที่ใดในประเทศไอซ์แลนด์เลย อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลนั้นสวยราวกับภาพที่ถูกฉีกออกมาจากหน้าหนังสือแฟนตาซีเสียมากกว่าที่จะเป็นสถานที่จริง!
ช่วงแรกของวันคุณจะใช้เวลากับการถ่ายภาพธรรมชาติทั่วไปภายในอุทยาน ทั้งทุ่งที่เต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ กลาเซียทังก์ ทะเลทรายสีดำ และน้ำตกอันงดงาม
ส่วนครึ่งหลังของวันคุณจะโฟกัสที่โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) เป็นหลักซึ่งทะเลสาบแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น “มงกุฎอัญมณีแห่งไอซ์แลนด์” และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ โจกุลซาลอนมีความงดงามเหนือคำบรรยาย ผู้ที่ไปเยือนทะเลสาบแห่งนี้จะเพลิดเพลินกับการชมความสวยแปลกตา รวมทั้งสนุกกับการถ่ายภาพภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาจำนวนมากที่สะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับในขณะที่พวกมันลอยเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ อยู่บนผิวน้ำ บางท่านที่ตาไวหน่อยอาจจะมีโอกาสได้ภาพแมวน้ำที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบโจกุลซาลอนแห่งนี้มาอวดด้วยก็เป็นได้
ถัดจากทะเลสาบไปอีกราว 5 นาที คุณจะได้ถ่ายภาพหาดไดมอนด์บีชด้วย ซึ่งบริเวณนี้เป็นทางผ่านที่ภูเขาน้ำแข็งจากในทะเลสาบต้องลอยออกทะเล ดังนั้นจึงมีน้ำแข็งบางส่วนที่ถูกน้ำพัดขึ้นมาเกยอยู่บนหาด ภาพถ่ายที่องค์ประกอบมีความคอนทราสกันระหว่างหาดทราย เกลียวคลื่น และภูเขาน้ำแข็งบนหาดแห่งนี้เป็นภาพที่ใครเห็นก็ต้องลืมไม่ลงอย่างแน่นอน
หลังจากเก็บภาพบนหาดไดมอนด์บีชเสร็จแล้ว ไกด์จะประเมินสภาพความเหมาะสมในการเกิดแสงเหนืออีกทีว่าเหมาะแก่การย้อนกลับไปถ่ายภาพแสงเหนือที่ทะเลสาบหรือไม่ และคืนนี้คุณจะเข้าพักในที่พักซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้
วัน 4 - อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล II
เช้านี้คุณต้องตื่นแต่เช้ากันหน่อยเพื่อที่จะไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนและหาดไดมอนด์บีช ซึ่งในช่วงเช้าแสงในบริเวณนี้มีความสมบูรณ์แบบมากโดยทั่วทั้งบริเวณจะมีแสงเรืองรองเหมาะสำหรับเป็นฉากในภาพเป็นอย่างยิ่ง
วันนี้ไฮไลต์ของเราจะเป็นการถ่ายภาพถ้ำน้ำแข็งที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajökull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป อุโมงค์น้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าเหล่านี้จะทำให้ภาพถ่ายของคุณมีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อและสื่อให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดีด้วย ถ้ำน้ำแข็งเป็นปรากฎการณ์ที่หาชมได้ยากดังนั้นครั้งนี้จึงนับว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตสำหรับคุณเลยก็ว่าได้
คืนนี้ที่พักของคุณอยู่ในบริเวณโจกุลซาลอน
วัน 5 - อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล III
วันนี้คุณจะกลับลงไปที่หาดไดมอนด์บีชกันอีกครั้งเพื่อถ่ายภาพน้ำแข็ง เกลียวคลื่น และชายฝั่งท่ามกลางแสงสีส้มทองของรุ่งอรุณ
หลังจากเก็บภาพยามเช้าเสร็จแล้ว คุณจะเดินทางมุ่งหน้าทางทิศตะวันออกเพื่อไปยังคาบสมุทรสต็อกเนส (Stokknes Peninsula) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn) หรือที่เรียกกันว่า “ภูเขาแบทแมน” เพราะมีรูปทรงกว้างและมียอดแหลมอยู่ตรงกลางคล้ายค้างคาว บริเวณนี้เป็นอีกจุดหนึ่งในไอซ์แลนด์ที่ช่างภาพนิยมมาถ่ายรูปกันมากที่สุด
คุณจะใช้เวลาที่จุดนี้นานหน่อยเพื่อให้มั่นใจว่าเก็บภาพภูเขาได้สวยงามและดีที่สุด ตอนที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ภูเขาลูกนี้จะมีเฉดสีสวยแปลกตามาก เหมาะสำหรับถ่ายภาพเก็บไว้อวดในพอร์ตโฟลิโอเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ไม่แน่คุณอาจจะมีโอกาสได้ถ่ายภาพเด็ดที่มีภูเขาเวสตราฮอร์นใต้แสงเหนือเป็นแบ็คกราวด์ก็ได้
วัน 6 - เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์และหมู่บ้านวิก
วันที่ 6 ของทริป คุณจะโฟกัสที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell Nature Reserve) ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าอันงดงามที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ต่อมาภายหลังเมื่อปี 2008 ได้ถูกรวมเข้ากับเขตของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล
วันนี้ส่วนใหญ่แล้วคุณจะได้ถ่ายรูปตามบริเวณต่างๆ ภายในเขตอนุรักษ์ฯ ซึ่งมีทั้งกลาเซียร์ทังก์ แม่น้ำ น้ำตก และหินรูปทรงสวยงามที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (ยังไม่รวมถึงวิวพาโนรามาอันงดงามที่คุณจะได้เห็นกันตลอดทั้งวัน)
หลังจากเสร็จจากเขตอนุรักษ์ฯ แล้วคุณจะเริ่มออกเดินทางกลับไปบนชายฝั่งทางใต้อีกครั้งและจะไปแวะจุดสุดท้ายที่หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) เพื่อเก็บภาพบรรยากาศในตอนกลางคืน ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้แสงเหนือหรือแสงดาว หาดเรย์นิสฟยาราแห่งนี้ก็มีบรรยากาศอึมครึมและให้ความรู้สึกวังเวงได้ตลอดเวลา ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับภาพที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
วัน 7 - วงกลมทองคำ
ว่ากันว่าวงกลมทองคำเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว บนเส้นทางนี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอยู่ 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir National Park) ทุ่งน้ำพุร้อนเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur Geothermal Valley) และน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall)
ธิงเวลลีร์ เป็นหนึ่งในมรดกโลกของ UNESCO ที่อยู่ในไอซ์แลนด์ มีหลายเหตุผลที่ทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลก อย่างแรกเลยคือที่นี่เป็นเพียงสถานที่เดียวในโลกที่มีทั้งแผ่นเปลือกทวีปยูเรเซียนและแผ่นเปลือกทวีปอเมริกาเหนือโผล่พ้นดินออกมาให้เห็น อย่างที่สองคือที่นี่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเคยเป็นที่ตั้งของอัลธิงกิ (Aþingi) ซึ่งเป็นรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
จุดหมายปลายทางแห่งที่สองของวันนี้ คือ ทุ่งน้ำพุร้อนเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur Geothermal Valley) ในบริเวณนี้มีนำ้พุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) และน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir) อันยิ่งใหญ่ ซึ่งแม้ว่าไกเซอร์จะสงบไม่พ่นน้ำแล้ว แต่ก็ยังมีความสำคัญเพราะไกเซอร์เป็นน้ำพุร้อนต้นแบบที่ผู้คนนำชื่อของมันไปใช้เรียกน้ำพุร้อนแห่งอื่นทั่วโลก ส่วนสโทรคูร์นั้นยังคงพ่นน้ำสูงขึ้นไปราว 20 เมตรในอากาศในทุกๆ 5-10 นาที ซึ่งนั่นหมายความว่าเมื่อมาถึงที่นี่ยังไงคุณก็ไม่มีทางพลาดเห็นสโทรคูร์พ่นน้ำเลย
จุดหมายปลายทางแห่งสุดท้ายสำหรับวันนี้ คือ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หรือ “น้ำตกทอง” ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายสำหรับเวิร์กช็อปถ่ายภาพครั้งนี้เช่นกัน น้ำตกแห่งนี้เป็นหนึ่งในน้ำตกที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ โดยมีความสูง 32 เมตรและมีมวลน้ำที่มีพละกำลังรุนแรงถาโถมผ่านผาหินสองชั้นก่อนที่จะตกลงสู่หุบเหวด้านล่าง นับว่าเป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้
ในบริเวณน้ำตกมีจุดชมวิวอยู่หลายแห่ง ซึ่งคุณจะได้ชื่นชมน้ำตกในมุมที่แตกต่างกัน และถ้าโชคดีคุณอาจจะได้ปิดทริปเวิร์กช็อปถ่ายภาพครั้งนี้ด้วยภาพแสงเหนือที่ปรากฎอยู่เหนือน้ำตกอันแสนมหัศจรรย์แห่งนี้ก็เป็นได้
หลังจากที่เวลาในการท่องเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำได้หมดลงแล้ว คุณจะมุ่งหน้ากลับเข้าเมืองหลวงและอาจจะยังมีเวลาเหลือในช่วงเย็นไว้ให้คุณได้เที่ยวอีกเล็กน้อยตามใจชอบอีกด้วย
วัน 8 - วันเดินทางกลับ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเวิร์กช็อปถ่ายภาพในไอซ์แลนด์แล้ว เมื่อได้เวลาคุณจะนั่งรถบัสเพื่อเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก พร้อมกับนำทักษะการถ่ายภาพใหม่ๆ ที่ได้เรียนรู้และภาพถ่ายสวยๆ อีกเป็นจำนวนมากกลับไปประดับพอร์ตโฟลิโอของคุณด้วย
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
สภาพอากาศที่ไอซ์แลนด์นั้นไม่สามารถคาดเดาได้และอาจส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงแผนการเที่ยวในนาทีสุดท้ายได้เสมอ
ช่างภาพมืออาชีพ/ไกด์เป็นผู้ดูแลทัวร์
วันเดินทาง: 1-8 พ.ย. 2564, 10-17 พ.ย. 2564, 19-26 พ.ย. 2564, 7-14 ธ.ค. 2564, 16-23 ธ.ค. 2564, 14-21 ม.ค. 2565, 31 ม.ค.-7 ก.พ. 2565, 8-15 ก.พ. 2565, 28 ก.พ.-7 มี.ค. 2565, 9-16 มี.ค. 2565
ทัวร์ที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด