ทัวร์ขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ฤดูร้อน 8 วัน เที่ยวฟยอร์ดทางตะวันตก & คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

รถของคุณจะรออยู่ที่สนามบินในเคฟลาวิก ดังนั้นคุณจึงสามารถเริ่มต้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ได้ทันที!

คุณอาจต้องการเริ่มต้นด้วยการเที่ยวชมพื้นที่ที่สวยงามบางส่วนของคาบสมุทรเรคยาเนส ซึ่งมีหมู่บ้านชาวประมงที่สวยงาม ความร้อนใต้พิภพ และแนวชายฝั่งที่ขรุขระ

ทางตอนเหนือของคาบสมุทรเรคยาเนส คุณจะพบกับเมืองเคฟลาวิก ซึ่งอยู่ห่างจากเรคยาวิกประมาณ 47 กิโลเมตร และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โลกไวกิ้งและพิพิธภัณฑ์ร็อคแอนด์โรลไอซ์แลนด์

นอกจากนี้ ในพื้นที่เดียวกันยังมีแซนด์แกร์ดี หมู่บ้านชาวประมงที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์ชีววิทยาทางทะเลสำหรับนักศึกษาและนักวิจัย

ในวันแรกนี้คุณอาจจะสามารถไปใช้บริการบลูลากูนได้ ซึ่งบลูลากูนอยู่ระหว่างทางเข้าไปเรคยาวิกและใช้เวลาขับรถไม่นานจากสนามบิน การแช่ตัวในทะเลสาบแห่งนี้จะทำให้รู้สึกสดชื่นมากหลังจากที่นั่งเครื่องบิน

น้ำในทะเลสาบมีคุณสมบัติในการฟื้นฟู เนื่องจากประกอบด้วยซิลิกาและซัลเฟอร์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคผิวหนังต่างๆ ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ย 98 ถึง 102 F (37 ถึง 39 C) บลูลากูนจึงมอบความรู้สึกสบายและผ่อนคลายทั้งในบริเวณว่ายน้ำและอาบน้ำ

หลังจากเช็คอินที่โรงแรมของคุณในเรคยาวิกแล้ว ใช้โอกาสจากการพักในทำเลใจกลางเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการออกไปชมเมืองที่น่าตื่นเต้นที่สุดของยุโรป สำรวจพิพิธภัณฑ์ ถนนช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และร้านกาแฟ

หากคุณต้องการเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของเมือง ให้คุณมุ่งหน้าไปยังเพอร์ลานบนเนินเขาออสก์จูฮลิด เพอร์ลาน หรือ "The Pearl" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการออกแบบเป็นเอกลักษณ์ มีการจัดแสดงโดมแก้วที่หมุนได้ ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดในเมืองเรคยาวิก

คุณยังสามารถเยี่ยมชมฮัลล์กริมสคิร์กยาอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีโครงสร้างสูงตระหง่านที่น่าทึ่งด้วยความสูง 74.5 เมตร การออกแบบของโบสถ์ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของประเทศไอซ์แลนด์ เช่น ภูเขา ธารน้ำแข็ง และเสาหินบะซอลต์หกเหลี่ยมที่ล้อมรอบน้ำตกสวาร์ติฟอสส์

คุณยังสามารถเยี่ยมชมถนนสายหลักและช้อปปิ้งได้ที่ถนนเลยกาแวกูร์ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการช้อปปิ้ง หากคุณหิว คุณจะพบกับร้านอาหารและร้านกาแฟมากมายบนเลยกาแวกูร์

คุณยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่ออกเดินทางจากเมืองหลวงได้ด้วย เช่น ขี่ม้าหรือดูปลาวาฬ

คุณจะได้ใช้เวลาช่วงเย็นวันแรกในที่พักอันแสนสะดวกสบายของเมืองเรคยาวิก

ในวันที่สอง คุณจะเดินทางไปยังฟยอร์ดทางตะวันตกซึ่งมีสิ่งต่างๆ ให้ชมระหว่างทางมากมาย

ไอซ์แลนด์ตะวันตกมีชื่อเสียงในด้านสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมทั้งนิทรรศการเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของไอซ์แลนด์ในบอร์การ์เนส ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟ 2 นิทรรศการ ได้แก่ Age of Settlement and Viking และกวี Egil Skallagrimsson จากซากาเรื่อง Egils 

ที่นี่ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการค้นพบประเทศไอซ์แลนด์และการที่ผู้ตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกมาถึงที่นี่ สิ่งที่น่าสนใจคือพิพิธภัณฑ์ใช้การจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟเพื่อให้สิ่งต่างๆ น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับเด็ก

นอกจากนี้ ในไอซ์แลนด์ตะวันตกคุณจะได้เห็นน้ำพุร้อนเดลดาร์ทุงกุฮแวร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป น้ำพุร้อนเดลดาร์ทุงกุฮแวร์ตั้งอยู่ในเรคฮอลต์สดาลูร์และมีอัตราการไหลที่รวดเร็วถึง 380 ไพนต์ (180 ลิตร) ต่อวินาที น้ำมีอุณหภูมิคงที่ที่ 207 F (97 C) ซึ่งเป็นอันตรายเมื่อคุณเข้าใกล้เกินไป

นอกจากนี้เรายังแนะนำให้ไปชมน้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ที่น่าหลงใหล ซึ่งน้ำตกทั้งสองนั้นสวยงามในตัวของมันเอง น้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์และน้ำตกบาร์นาฟอสส์ตั้งอยู่ติดกัน โดยห่างกันประมาณ 15 เมตร น้ำตกเฮิร์นฟอซซาร์เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากทุ่งลาวาฮัลล์มุนดาร์เฮิร์น นอกจากนี้น้ำตกยังไหลจากหิ้งหินในลาวาและไหลลงสู่แม่น้ำฮวิทเอา ในทางกลับกัน บาร์นาฟอสส์เป็นน้ำตกที่ไหลเชี่ยวซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและนิทานพื้นบ้านที่น่าสนใจ

หากคุณเป็นคนรักประวัติศาสตร์ คุณอาจสนุกกับการเยี่ยมชมสนอร์ราสโทฟา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยยุคกลางในเรคโฮลท์ ที่ซึ่งสนอร์รี สตูร์ลูซัน ผู้ตั้งถิ่นฐานในยุคแรกอาศัยระหว่างเขียนซากาเรื่องเฮมสกริงลาในศตวรรษที่ 13

ระหว่างทางจากเมืองหลวง คุณสามารถแวะชมฟอสซาตุน ซึ่งเป็นน้ำตกที่กล่าวกันว่ามีหญิงโทรลล์ชื่อดริฟาคอยปกป้องอยู่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถไปชมอุโมงค์ลาวาในถ้ำวิดเกลมีร์หรือสำรวจความน่าทึ่งภายในธารน้ำแข็งลางโจกุลผ่านอุโมงค์ที่มนุษย์สร้างขึ้น

เมื่อคุณเดินทางเข้าไปในภูมิประเทศที่ลึกลับของฟยอร์ดทางตะวันตกแล้ว คุณจะได้เยี่ยมชมหมู่บ้านโฮลมาวิก เมืองนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เวทมนตร์และเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อมดหมอผีอันน่าทึ่ง

ที่นี่ คุณจะได้ดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ของชาวไอซ์แลนด์ยุคแรก เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาใช้ไม้เท้าและคาถาเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น และทำลายเพื่อนบ้านของพวกเขา

สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ฟยอร์ดตะวันตก ซึ่งคืนนี้คุณจะพักในแถบนี้

ในวันที่สาม คุณจะผ่านฟยอร์ดอันน่าทึ่งระหว่างทางไปยังเมืองอีสาฟยอร์ดูร์ ซึ่งตั้งอยู่บนฟยอร์ดสกูตุลส์ฟยอร์ดูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ เมืองอีสาฟยอร์ดูร์ถือเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคฟยอร์ดทางตะวันตก

อีสาฟยอร์ดูร์เป็นเมืองหลวงของฟยอร์ดตะวันตก และเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา การพาณิชย์ และการบริการ ขณะที่คุณสำรวจพื้นที่ คุณจะเห็นวิวอันงดงามของภูเขาและท้องทะเล 

เมืองนี้มีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการประมงและการค้าในช่วงศตวรรษที่ 16 แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่อีสาฟยอร์ดูร์ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของพื้นที่ที่เน้นเรื่องทะเล นอกจากนี้ ที่นี่มีร้านอาหารทะเลชั้นเยี่ยมหลายแห่ง

คุณอาจจะลองแวะไปที่ร้านอาหาร Tjoruhusid ที่ว่ากันว่ามีอาหารทะเลที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ด้วยก็ได้

เมืองนี้ยังมีสถานที่ทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา พร้อมด้วยแกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมตลอดทั้งปี อย่าลืมไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มรดกฟยอร์ดตะวันตก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และความสำคัญทางวัฒนธรรมของฟยอร์ดตะวันตก

นอกจากนี้ คุณยังจะพบว่ามีพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมอีสาฟยอร์ดูร์ภายในอาคารที่เคยเป็นโรงพยาบาลอีกด้วย ภายใน คุณจะพบกับการจัดแสดงโบราณวัตถุของโรงพยาบาลและห้องสมุดสาธารณะของเมือง นอกจากอาคารเก่าแก่แล้ว คุณยังจะได้เห็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงกลางศตวรรษที่ 18 

หากคุณชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง อีสาฟยอร์ดูร์ก็มีตัวเลือกมากมายให้คุณเลือก คุณสามารถเดินป่าบนเส้นทางต่างๆ หรือพายเรือคายัคได้ในกรณีที่คุณมาเยือนในช่วงฤดูร้อน หากคุณเดินทางในฤดูหนาว ให้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด

อีกทางเลือกหนึ่งคือมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อดยูปาวิก หมู่บ้านแห่งนี้และสถานีปลาแฮร์ริ่งถูกทิ้งร้างหลายครั้งเนื่องจากสถานที่ตั้งที่หลบอยู่ในหลืบเขา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคุณจะพบบ้านแปดหลัง โรงแรม และสนามบิน

หากขับรถต่อไปอีก 45 นาที คุณจะมาสุดถนนและจะพบสระน้ำร้อนริมทะเลที่เรียกว่าครอสเนสเลยก์ ที่นี่เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนและผ่อนคลายหลังจากเหน็ดเหนื่อยและผจญภัยมาทั้งวัน

หลังจากเติมความสดชื่นให้กับร่างกายและจิตใจในครอสเนสเลยก์แล้ว คุณจะได้พักค้างคืนในฟยอร์ดทางตะวันตก

ในวันที่สี่ คุณจะยังคงอยู่ในเมืองอีสาฟยอร์ดูร์ จากที่นี่ คุณสามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านที่น่าสนใจในไอซ์แลนด์ได้หลายแห่ง ซึ่งหมู่บ้านเหล่านี้เต็มไปด้วยเรื่องเล่าขานและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันน่าทึ่ง

แนะนำให้แวะที่โบลุงการ์วิก ซูดูเรย์รี และฟลาเทย์รี โบลุงการ์วิกเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฟยอร์ดทางตะวันตกและเป็นที่ตั้งของสถานีประมงที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์

คุณจะพบกับภูเขาชายฝั่งขนาดใหญ่และพื้นที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูนก การเดินป่า และการขี่ม้า อย่าลืมไปเยี่ยมชมภูเขาโบลาฟยาลล์เมื่อมาเยือนในช่วงฤดูร้อน และคุณยังสามารถไปตกปลากลางแจ้งหรือไปชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติได้

ในขณะเดียวกัน ซูดูเรย์รีก็เป็นหมู่บ้านห่างไกลที่ตั้งอยู่บนปลายสุดของฟยอร์ดซูกานดาฟยอร์ดูร์ ซูดูเรย์รีเคยถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยวเนื่องจากมีภูเขาสูง อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการสร้างอุโมงค์ขึ้นในปี 1996 เพื่อให้นักเดินทางสามารถขับรถผ่านภูเขาได้

ในซูดูเรย์รี คุณจะเห็นว่าชาวบ้านผสมผสานการท่องเที่ยวเข้ากับประเพณีการตกปลาอันยาวนานของพวกเขาได้อย่างไร คุณสามารถไปลองชิมอาหารที่ร้าน Fishermen Kitchen ซึ่งเสิร์ฟอาหารท้องถิ่นที่ปรุงจากปลาสดจากทะเล

นอกจากนี้ ซูดูเรย์รียังมีสระว่ายน้ำชั้นเยี่ยมและโบสถ์เก่าแก่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม

สำหรับฟลาเทย์รีนั้น มีประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งเกี่ยวกับการล่าวาฬและการเป็นศูนย์กลางการค้าขาย  นอกจากนี้ยังเคยมีเหตุการณ์หิมะถล่มครั้งใหญ่หลายแห่งและเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในฟยอร์ดโอนันดาร์ฟยอร์ดูร์

ผู้มาเยือนเดินทางมาที่ฟลาเทย์รีเพื่อชมภูเขาโต๊ะที่มียอดราบเรียบและพิพิธภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คุณสามารถสำรวจเส้นทางเดินป่าหรือขับรถไปที่หาดทรายขาวใกล้หมู่บ้านและเพลิดเพลินกับทะเล

อย่าพลาดพิพิธภัณฑ์อีกแห่งของหมู่บ้านที่เรียกว่า "ร้านหนังสือเก่า" เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีจำหน่ายหนังสือมือสองหายากด้วย

อีสาฟยอร์ดูร์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์การเดินเรือออสวอร์ ซึ่งจัดแสดงวิถีชีวิตของชาวประมงไอซ์แลนด์ในอดีต

หากคุณกำลังมองหาการผจญภัยเพิ่มเติม ทัวร์พายเรือคายัคจะทำให้คุณได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของฟยอร์ดอันงดงามของภูมิภาคนี้อย่างไม่มีใครเทียบได้ หากคุณอยากที่จะประหลาดใจกับนกทะเล หรือบางทีอาจจะเป็นแมวน้ำ ปลาวาฬ และโลมา คุณไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้

แต่หากคุณกำลังมองหาสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง คุณอาจจะเดินทางไปยังฮอร์นสตรานดิด้วยก็ได้ ที่นี่เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สามารถเข้าถึงได้จากอีสาฟยอร์ดูร์เท่านั้น

หลังจากวันอันแสนวุ่นวาย คุณจะได้ใช้เวลาอีกคืนในฟยอร์ดทางตะวันตก

หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยในช่วงเช้าของวันที่ห้าแล้ว ก็ถึงเวลามุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของฟยอร์ดตะวันตก

โดยจะใช้เส้นทางที่จะไปยังดิราฟยอร์ดูร์และสวนพฤกษศาสตร์สครูดูร์ที่สวยงาม ซึ่งคุณจะได้ตามรอยของ Gisli Sursson วีรบุรุษแห่งไวกิ้งซากาและตัวเอกของเทพนิยาย Gisla ซึ่งเขียนขึ้นก่อนกลางศตวรรษที่ 13

เขาเป็นกวีนอกรีตที่ถูกลงโทษจากการไปล้างแค้นให้กับน้องชายบุญธรรมของเขา ว่ากันว่าเทพนิยาย Gisla มีหลายบทที่ Gisli เขียนเอง

ในขณะเดียวกันสคูรดูร์ก็เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ก่อตั้งในปี 1909 มีคอลเลกชั่นดอกไม้ พืช และต้นไม้มากมาย ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสบรรยากาศที่สดชื่นและเงียบสงบ

หลังจากชื่นชมความงามของสคูรดูร์แล้ว ให้เดินทางต่อไปยังเมืองเก่าชื่อฮราฟน์เซย์รี ซึ่งคุณสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับวีรบุรุษอีกหนึ่งท่าน ซึ่งก็คือ Jon Sigurdsson ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเอกราชของไอซ์แลนด์จากเดนมาร์กในช่วงทศวรรษที่ 1940

สิ่งที่น่าสนใจคือพิพิธภัณฑ์ Jon Sigurdsson ตั้งอยู่ภายในอาคารหญ้าเทิร์ฟแบบดั้งเดิมของไอซ์แลนด์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ที่นี่เคยเป็นบ้านหลังเก่าของ Sigurdsson และเป็นที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับชีวิตของ Sigurdsson รวมถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ ภาพถ่าย และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ

จากที่นั่น มุ่งหน้าไปยังน้ำตกดินยานดิที่ส่งเสียงดังสนั่น ดินยานดิเป็นน้ำตกที่มีความสูงกว่า 100 เมตร ทำให้เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เมื่อคุณมองไปที่น้ำตกคุณจะสังเกตเห็นน้ำที่ตกลงมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู

หลังจากดื่มด่ำกับความงดงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้แล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังหน้าผาลาทราบียาร์กที่ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 444 เมตร และเป็นจุดตะวันตกสุดของยุโรป ที่นี่ คุณจะได้ใกล้ชิดกับนกทะเลหลายชนิดที่ทำรังในประเทศไอซ์แลนด์ รวมถึงนกพัฟฟินด้วย

คุณจะแปลกใจเมื่อรู้ว่าที่พักพิงริมหน้าผาของนกเหล่านี้ ทำให้ลาทราบียาร์กเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์สำหรับการดูนก แต่ระวังอย่าเข้าใกล้นกมากเกินไป เพราะนกพัฟฟินมักจะทำรังบนหน้าผาซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นไถล

นอกจากนี้ นกพัฟฟินเหล่านี้ยังชอบขุดโพรง ทำให้พื้นผิวขอบหน้าผาไม่มั่นคง นอกจากนกพัฟฟินแล้ว ยังมีสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ เช่น นกกิลเลอมอต นกนางนวลอาร์คติก เป็ดไอเดอร์ และนกสคัวอยู่มากมายในบริเวณนี้

หลังจากอีกวันที่เต็มไปด้วยกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมหัศจรรย์ คุณจะได้พักค้างคืนในฟยอร์ดทางตะวันตก

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเยี่ยมชมหาดทรายสีแดงทองที่เรยดิซานดูร์ หรือแช่ตัวในสระน้ำร้อนธรรมชาติในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติวาทน์สฟยอร์ดูร์ เรยดิซานดูร์เป็นชายหาดในฟยอร์ดตะวันตกที่ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายสีแดงและสีทอง คุณลักษณะนี้มีความพิเศษเนื่องจากชายหาดส่วนใหญ่ของประเทศไอซ์แลนด์มีทรายสีดำ

ชายหาดเรยดิซานดูร์ยังอยู่ใกล้กับลาทราบียาร์ก ซึ่งเป็นหน้าผาดูนกที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย ทำให้คุณได้เห็นนกพัฟฟินและนกสายพันธุ์อื่นๆ บินเหนือมหาสมุทร

ในทางกลับกัน เขตอนุรักษ์ธรรมชาติวาทน์สฟยอร์ดูร์เป็นพื้นที่แห้งแล้งและเป็นหิน โดยมีที่ราบลุ่มที่ปกคลุมไปด้วยป่าเบิร์ช และยังมีนกประมาณ 20 ชนิดอาศัยอยู่ในบริเวณนี้

นอกจากนี้ คุณยังจะได้เห็นมิงค์และสุนัขจิ้งจอกวิ่งเล่นไปรอบๆ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ และยังสามารถเห็นแมวน้ำว่ายอยู่ในมหาสมุทรอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์หลักของวาทน์สฟยอร์ดูร์คือบ่อน้ำพุร้อนใต้พิภพและสระว่ายน้ำที่คุณสามารถลงเล่นน้ำได้

หลังจากผ่อนคลายในสระน้ำความร้อนใต้พิภพแล้ว คุณสามารถขับรถไปยังบริยานสไลคูร์ในฟยอร์ดทางตะวันตกฝั่งตรงข้ามอ่าวเบรดาฟยอร์ดูร์ จากนั้นคุณจะได้นั่งเรือเฟอร์รีบัลดูร์ที่จะพาคุณไปยังหมู่บ้านสติกกิชโฮลมูร์บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือตั๋วเรือเฟอร์รี่รวมอยู่ในทัวร์นี้แล้ว!

จากที่นั่น คุณสามารถสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพื้นที่ รวมถึงธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์สโจกุลในอุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลล์สโจกุล คุณยังสามารถเยี่ยมชมชายหาดสีดำดยูปาโลนส์ซานดูร์ อ่าวดริวิก และหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์อย่างอาร์นาร์สตาปิ เฮลล์นาร์ และบูดิร์  

หากคุณมีเวลา คุณสามารถนั่งสโนว์แคทขึ้นไปบนยอดสไนล์เฟลล์สโจกุลได้ กิจกรรมเพิ่มเติมนี้เริ่มต้นในเมืองกรุนดาร์ฟยอร์ดูร์ ซึ่งไกด์จะพาคุณไปที่เชิงเขาเพื่อไปขึ้นยานพาหนะที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อรับมือกับภูมิประเทศที่เป็นน้ำแข็งขรุขระของประเทศไอซ์แลนด์

เมื่อไปถึงที่นั่น คุณจะเปลี่ยนไปนั่งสโนว์แคทและขึ้นไปยังธารน้ำแข็ง น้ำแข็งอันงดงามนี้ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟอายุ 7,000 ปี ซึ่งปรากฏอยู่ในนวนิยายของ Jules Verne เรื่อง "Journey to the Center of the Earth"

หลังจากแวะชมความสวยงามเหล่านี้แล้ว คุณจะได้พักค้างคืนในพื้นที่สไนล์แฟลซเนส

วันนี้ คุณสามารถใช้เวลาเพิ่มเติมในการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสได้

คุณสามารถไปล่องเรือซูชิไวกิ้ง ซึ่งคุณจะได้ลองชิมอาหารทะเลที่จับกันบนเรือ อาหารทะเลที่สดใหม่ที่สุดที่คุณสามารถลิ้มลองได้ ได้แก่ ปู เม่น และหอยเชลล์ เป็นต้น

ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครนี้จะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับทะเลเปิดและทิวทัศน์อันน่าทึ่งของพื้นที่ขณะลิ้มลองอาหารทะเลหลากหลายชนิด

คุณยังสามารถเลือกที่จะสำรวจถ้ำลาวาวาทน์เฮลลิร์ได้อีกด้วย อุโมงค์ลาวาที่นี่ก่อตัวขึ้นหลังจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 8,000 ปีที่แล้ว

เมื่อคุณเข้าไปในถ้ำ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาและนิทานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์ ตำนานโบราณกล่าวว่าโทรลล์ใช้ถ้ำเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัย

หากคุณไม่สนใจถ้ำลาวา คุณสามารถเดินป่าระหว่างเฮลล์นาร์และหมู่บ้านชาวประมงอาร์นาร์สตาปิได้ เฮลล์นาร์เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่เคยเป็นหนึ่งในสถานีประมงที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

เฮลนาร์เป็นที่ตั้งของกลุ่มหินที่น่าทึ่งตามแนวชายฝั่ง อย่าลืมไปเยี่ยมชมวาลาสนอส หน้าผาที่ยื่นออกมาซึ่งเปลี่ยนสีตามสภาพอากาศ ช่วงเวลาของวัน และการเคลื่อนไหวของทะเล

เมื่อคุณสำรวจอาร์นาร์สตาปิ คุณจะเห็นชายหาดที่มีกัตเคลตตูร์ ซึ่งเป็นซุ้มหินทรงกลมที่ถูกกัดเซาะ จุดนี้เป็นสถานที่โปรดของช่างภาพ เนื่องจากแสงแดดกระทบกับคลื่นอันตระการตา ทำให้เกิดภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ

คุณยังสามารถใช้เวลาดื่มด่ำไปกับการถ่ายภาพบริเวณหน้าผาได้อีกด้วย หน้าผามาลาร์ริฟเป็นมรดกที่หลงเหลือจากการปะทุของภูเขาไฟสไนล์เฟลล์สโจกุลที่มีชื่อเสียง และที่นั่นคุณจะได้พบกับชั้นหินทะเลที่น่าประทับใจอย่างโลนดรังการ์

หินทะเลโลนดรังการ์เป็นหน้าผาหินบะซอลต์ ซึ่งเป็นเศษซากของปล่องภูเขาไฟเก่า หน้าผามีเสาสองต้นสูง 75 เมตร และสูง 200 ฟุต (61 เมตร) ตามลำดับ

สิ่งที่น่าสนใจคือบริเวณนี้เต็มไปด้วยตำนานและนิทานพื้นบ้าน เกษตรกรแถวนี้เลือกที่จะไม่ใช้พื้นที่ที่อยู่รอบๆ หน้าผาหินบะซอลต์ โดยเชื่อว่ามีเอลฟ์อาศัยอยู่ที่นั่น

เมื่อคุณเพลิดเพลินกับคาบสมุทรอย่างเต็มที่แล้ว ให้มุ่งหน้ากลับลงใต้ไปยังเมืองเรคยาวิก และใช้เวลาสำรวจเมืองหลวงของไอซ์แลนด์อีกสักหน่อย

หลังจากผ่านวันอันแสนวุ่นวาย คืนนี้คุณจะพักในเมืองเรคยาวิก

ออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกในวันสุดท้ายของคุณ หลังจากที่ได้สัมผัสประสบการณ์สถานที่ท่องเที่ยวมากมายของประเทศไอซ์แลนด์ หากตารางเที่ยวบินของคุณเอื้ออำนวย คุณอาจมีเวลาไปแช่น้ำเพื่อการบำบัดของสปาบลูลากูนในวันนี้ได้

น้ำในบลูลากูนให้ความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย ในขณะที่คุณหวนนึกถึงการผจญภัยอันเหลือเชื่อที่คุณเพิ่งสัมผัสในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง

หากคุณเคยไปบลูลากูนมาแล้ว คุณสามารถใช้เวลานี้สำรวจเมืองเรคยาวิกและชอปปิ้งในนาทีสุดท้ายหรือเที่ยวชมคาบสมุทรเรคยาเนสเพิ่มได้

เราหวังว่าคุณจะมีความสุขกับทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ครั้งนี้และจะกลับมาอีกในเร็วๆ นี้!