แพ็คเกจฤดูร้อน 8 วัน เต็มอิ่มกับกิจกรรมในไอซ์แลนด์ พร้อมไกด์นำเที่ยวรอบถนนวงแหวน

ในวันที่สองของทริปแปดวันในช่วงฤดูร้อนของคุณที่ไอซ์แลนด์ คุณจะได้ออกสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวชื่อดังอย่างวงกลมทองคำ พร้อมแวะเยี่ยมชมสามสถานที่สำคัญ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ พื้นที่ความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ และน้ำตกกุลล์ฟอสส์ 

ไกด์ท้องถิ่นจะมารับคุณแต่เช้าเพื่อเริ่มต้นการเดินทางหกวันรอบชนบทของไอซ์แลนด์

จุดหมายแรกคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณสามารถเดินระหว่างสองทวีปได้ อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขารอยแยกระหว่างแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียและอเมริกาเหนือ

ทิวทัศน์อันงดงามของอุทยานแห่งนี้สะท้อนถึงตำแหน่งที่ตั้งอันโดดเด่น เพราะการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกทำให้เกิดรอยแยกและรอยร้าวมากมายตลอดทั้งหุบเขา

นอกจากนี้ ธิงเวลลีร์ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง เพราะเป็นสถานที่ก่อตั้งรัฐสภาอัลธิงกิ (Althingi) ซึ่งเป็นรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 930 การผสมผสานระหว่างความงามทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งนี้ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด

จากนั้นคุณจะเดินทางไปยังพื้นที่ความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนสโทรกคูร์ ที่พ่นน้ำขึ้นสูงถึง 20 เมตรทุกๆ ไม่กี่นาที การถ่ายภาพเซลฟี่กับสโทรคูร์ถือเป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่อมาเยือนไอซ์แลนด์ อย่าลืมเตรียมกล้องให้พร้อม

จุดสุดท้ายคือการไปชมน้ำตกกุลล์ฟอสส์ น้ำตกอันยิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำฮวิทเอา ทันทีที่คุณก้าวลงจากรถมินิบัส คุณจะได้ยินเสียงน้ำกระทบโขดหินกึกก้อง ขณะที่สายน้ำเย็นจัดจากธารน้ำแข็งไหลลงสู่หุบเขาโบราณที่ความสูง 32 เมตร

น้ำตกกุลล์ฟอสส์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่งดงามที่สุดของไอซ์แลนด์ รับรองได้ว่าจะทำให้คุณประทับใจอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ คุณยังจะแวะที่ฟาร์ม Efstidalur ซึ่งเป็นฟาร์มโคนมที่ดำเนินกิจการโดยครอบครัวและมีคาเฟ่ในตัว คุณสามารถพักผ่อน ยืดเส้นยืดสาย หาอะไรทาน และลองชิมไอศกรีมที่ทำจากนมวัวสดๆ ของฟาร์ม

หลังจากจบวันแรกของการเดินทาง คุณจะเข้าพักในที่พักในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์

ในวันที่สามของแพ็คเกจสำรวจถนนวงแหวน คุณจะได้สัมผัสเสน่ห์ของชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นธารน้ำแข็ง น้ำตก และชายหาดทรายดำ

หลังจากเพลิดเพลินกับอาหารเช้าในที่พัก ก็ถึงเวลาที่จะออกเดินทางต่อ

จุดหมายแรกของวันนี้คือเอยาฟยาลลาโจกุล ซึ่งเป็นภูเขาไฟธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ ใกล้กันนั้นคือน้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์ น้ำตกสูงและแคบที่ไหลตกลงมาจากหน้าผาเหนือถ้ำ

ถ้ำแห่งนี้เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เดินลอดไปด้านหลังสายน้ำตกเพื่อชมวิวอันแปลกตาของสายน้ำและทิวทัศน์ชนบทโดยรอบ

จากนั้น คุณจะเดินทางต่อไปยังน้ำตกสโคกาฟอสส์ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากเซลยาแลนด์สฟอสส์อย่างสิ้นเชิง แต่ความงดงามไม่แพ้กัน น้ำตกแห่งนี้กว้างและทรงพลังมากกว่า และไหลลงสู่พื้นราบ ทำให้สามารถเดินเข้าไปใกล้สายน้ำได้อย่างใกล้ชิด

วันนี้คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในการเข้าไปชมถ้ำน้ำแข็ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มักพบได้เฉพาะในฤดูหนาว แต่ถ้ำน้ำแข็งที่คุณจะไปเยี่ยมชมในวันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่สามารถเข้าชมได้ในช่วงฤดูร้อน

ภายในถ้ำน้ำแข็งเหล่านี้จะมีผนังน้ำแข็งที่เกิดลวดลายเหมือนหินอ่อนเป็นริ้วสีฟ้าและขาว ถ้ำแต่ละแห่งมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีที่ใดเหมือนกัน และเนื่องจากถ้ำน้ำแข็งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทิวทัศน์ที่คุณเห็นในวันนี้จะไม่เหมือนกับของผู้มาเยือนคนอื่นๆ

อีกจุดแวะที่สำคัญของวันนี้คือซุ้มหินทะเลดิร์โฮลาเอย์ ซึ่งเป็นแนวหินขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปในทะเล พื้นที่นี้เป็นแหล่งอาศัยของนกท้องถิ่นและยังเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์อันงดงาม

ก่อนเดินทางไปยังที่พักที่อยู่ในหมู่บ้านวิกหรือใกล้ๆ แถวนั้น คุณจะแวะที่ชายหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา ซึ่งโดดเด่นด้วยทรายสีดำสนิท หน้าผาหินบะซอลต์รูปทรงหกเหลี่ยม และเสาหินขนาดมหึมาที่โผล่ขึ้นจากทะเล นอกจากนี้ ยังมีนกทะเลอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มากมายหลายสายพันธุ์

คอยสังเกตนกพัฟฟินให้ดี เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าพวกมันจะมาทำรังในช่วงฤดูร้อน

หลังจากอีกหนึ่งวันอันยอดเยี่ยม คุณจะได้พักผ่อนในที่พักของคุณในไอซ์แลนด์ใต้

ในวันที่สี่ของแพ็คเกจท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ คุณจะได้สำรวจอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลและเยี่ยมชมทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนที่สวยงาม

ทะเลสาบเงียบสงบแห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดที่น่าตื่นตาที่สุดของไอซ์แลนด์ ในน้ำเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แตกตัวออกมาจากธารน้ำแข็งใกล้เคียง ภูเขาน้ำแข็งสีฟ้าและสีขาวเหล่านี้ระยิบระยับภายใต้แสงอาทิตย์ในฤดูร้อน ขณะที่พวกมันลอยออกสู่มหาสมุทร

คุณสามารถเพิ่มความตื่นเต้นให้กับวันของคุณด้วยการล่องเรือในทะเลสาบลากูนแห่งนี้ได้ หากคุณมาเยือนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม

การล่องเรือสะเทินน้ำสะเทินบกเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการถ่ายภาพภูเขาน้ำแข็งและแมวน้ำ ซึ่งมักจะว่ายน้ำอยู่ในทะเลสาบ

จากทะเลสาบ เดินไปอีกเพียงเล็กน้อยก็จะถึงไดมอนด์บีช ซึ่งเป็นที่ที่ภูเขาน้ำแข็งจากทะเลสาบถูกซัดขึ้นมาบนชายฝั่ง ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้เรียงรายบนผืนทรายภูเขาไฟสีดำ เปล่งประกายราวกับเพชร จึงเป็นที่มาของชื่อชายหาดแห่งนี้ ความแตกต่างระหว่างน้ำแข็งสีฟ้าสดใสกับผืนทรายสีมืดทะมึนสร้างทัศนียภาพที่เหนือจริง ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายยอดนิยมของทั้งช่างภาพและผู้รักธรรมชาติ

คุณยังจะได้เยี่ยมชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล พื้นที่คุ้มครองแห่งนี้เต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่า พืชพรรณเขียวชอุ่ม และน้ำตกที่สวยงาม

จุดเด่นของที่นี่คือธารน้ำแข็งสกัฟตาเฟลล์สโจกุล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นน้ำแข็งวัทนาโจกุล คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ไฮกิ้งเดินบนธารน้ำแข็งที่น่าจดจำ

ไกด์ผู้เชี่ยวชาญจะเตรียมอุปกรณ์นิรภัยและให้คำแนะนำอย่างละเอียด ก่อนที่คุณจะออกเดินทางขึ้นไปบนแผ่นน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่ราวกับเป็นนักสำรวจขั้วโลกอาร์กติก เมื่อขึ้นไปถึงยอดด้านบน คุณจะมีเวลาเต็มที่ในการดื่มด่ำกับวิวโดยรอบ

คุณยังจะได้เห็นผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างใกล้ชิด สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งเหล่านี้ไว้ให้คนรุ่นหลัง

วันนี้จะสิ้นสุดลงในที่พักแสนสบายใกล้ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน

ในวันที่ห้าของแพ็คเกจท่องเที่ยวฤดูร้อนของคุณ คุณจะได้เดินทางไปยังหนึ่งในภูมิภาคที่มีผู้เยี่ยมชมน้อยที่สุดของไอซ์แลนด์ นั่นคืออีสต์ฟยอร์ด หรือฟยอร์ดตะวันตก

ไอซ์แลนด์ตะวันตกเป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวไปเยือนน้อย เนื่องจากไม่ใช่เพราะขาดความสวยงาม แต่เป็นเพราะมันตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงอย่างเรคยาวิก ลักษณะเด่นของพื้นที่นี้คือฟยอร์ดที่งดงามและทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ ไอซ์แลนด์ตะวันออกยังเป็นการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างความสวยงามทางธรรมชาติและหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็ก

ทัศนียภาพของวันนี้ประกอบไปด้วยภูเขาสูงที่มีหน้าผาหยึกหยักทางทิศตะวันตก และมหาสมุทรแอตแลนติกที่ป่าเถื่อนทางทิศตะวันออก ถนนจะพาคุณไปยังหมู่บ้านชาวประมงที่ห่างไกลเพื่อสัมผัสชีวิตดั้งเดิมของชาวไอซ์แลนด์

ไกด์ท้องถิ่นจะพาคุณแวะชมสถานที่โปรดของพวกเขาในไอซ์แลนด์ตะวันออกและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และตำนานที่น่าตื่นเต้นของพื้นที่นี้

หนึ่งในสถานที่ที่คุณจะไปเยี่ยมชมคือเมืองเล็กๆ อย่างดยูปิโวกูร์ ในเมืองที่เงียบสงบแห่งนี้ คุณจะได้เยี่ยมชมคอลเลกชั่นการสะสมหินที่ Audun's Rock Collection ซึ่งเป็นการจัดแสดงอัญมณีและหินมีค่าอันงดงามจากทั่วทั้งพื้นที่

คอลเลกชันหินที่นี่ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถันและแสดงตัวอย่างทางธรณีวิทยาที่แตกต่างกันของไอซ์แลนด์ตะวันออก

เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะมาถึงเมืองเอกิลสตาดีร์ ซึ่งเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ตะวันออก เอกิลสตาดีร์เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการค้า วัฒนธรรม และบริการในพื้นที่นี้

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณอาจสังเกตเห็นว่าไอซ์แลนด์มีต้นไม้น้อยมาก เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าไอซ์แลนด์มีป่าไม้ไม่มาก แต่ใกล้ๆ กับเมืองเอกิลสตาดีร์ คุณจะเห็นป่าหนึ่งแห่ง

ฮาลลอร์มสตาดาสโคกูร์คือป่าที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีต้นไม้ประมาณ 85 ชนิด

ป่านี้ยังใกล้กับทะเลสาบลาการ์ฟยอตที่มีชื่อเสียงด้านความงามตามธรรมชาติและตำนานที่น่าสนใจ

หากคุณต้องการ คุณสามารถเพิ่มกิจกรรมทัวร์ขี่ม้าเข้าไปในแผนการเดินทางวันนี้ได้ ม้าของไอซ์แลนด์เป็นที่รู้จักในเรื่องลักษณะนิสัยที่เป็นมิตรและการเดินที่มีเอกลักษณ์เรียกว่า "tolt" ซึ่งช่วยให้การเดินทางในภูมิประเทศที่ขรุขระของไอซ์แลนด์เป็นไปอย่างราบรื่น

หลังจากสำรวจป่าและทะเลสาบลาการ์ฟยอต คุณจะมุ่งหน้าไปยังที่พักที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อพักผ่อนในช่วงกลางคืน

ในวันที่หกของแพ็คเกจท่องเที่ยวฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ คุณจะมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือเพื่อสำรวจพื้นที่ทะเลสาบมิวาทน์และเมืองอาคูเรย์ริ

ก่อนที่คุณจะออกจากไอซ์แลนด์ตะวันออก คุณสามารถไปแช่น้ำแร่ร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่เวิกบาธส์ ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลสาบและล้อมรอบด้วยภูเขา

จุดแวะถัดไปของวันนี้คือน้ำตกเดตติฟอสส์ น้ำตกนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลกหลังจากที่ปรากฏในฉากเปิดของภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Prometheus ของ Ridley Scott

น้ำตกนี้ยังถือว่าเป็นน้ำตกที่มีพลังมากที่สุดในยุโรป และเสียงกัมปนาทจากน้ำตกจะดังก้องในหูของคุณขณะเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป

คุณจะหยุดแวะชมหุบเขาแคนยอนอาสบิร์กิ ซึ่งเคยเชื่อกันว่าเกิดขึ้นจากการกระทืบเท้าของสเลย์ปนีร์ ม้าแปดขาของเทพโอดิน โดยที่นี่เป็นหน้าผาสูงถึง 100 เมตร ล้อมรอบพื้นที่ป่าเขียวขจีในแคนยอนรูปเกือกม้า

จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปยังฮูสาวิก หมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบที่ซึ่งคุณสามารถสำรวจท่าเรือเก่า หรือเดินเล่นในย่านใจกลางหมู่บ้านที่มีบ้านเรือนสีสันสดใสและบรรยากาศที่เป็นมิตร

คุณสามารถเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น โบสถ์ไม้ฮูสาวิก ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1907 ส่วนประวัติศาสตร์ทางทะเลของเมืองนี้ได้รับการกล่าวถึงที่พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬฮูสาวิก ซึ่งจัดแสดงคอลเลกชันวัตถุทางทะเลที่น่าประทับใจ

คุณจะได้ไปสำรวจช่องเขาเนามาสการ์ด ซึ่งเป็นพื้นที่ความร้อนใต้พิภพในบริเวณทะเลสาบมิวาทน์ ทิวทัศน์แปลกตาของที่นี่เต็มไปด้วยฟูมาโรล (ช่องระบายไอร้อน) และหม้อโคลนเดือด ซึ่งทำให้ดูเหมือนมันอยู่ในโลกอื่น

ต่อไป คุณจะไปชมเมืองอาคูเรย์ริ ซึ่งบางครั้งถูกเรียกว่าเมืองหลวงของภาคเหนือ

ระหว่างทาง คุณจะแวะชมน้ำตกโกดาฟอสส์ ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "น้ำตกของพระเจ้า" แลนด์มาร์คอันน่าอัศจรรย์นี้ยังเป็นสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการหันมาเริ่มนับถือศาสนาคริสต์ของไอซ์แลนด์เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1000 ด้วย

คุณจะพักค้างคืนในที่พักสะดวกสบายในอาคูเรย์ริ

ในวันที่เจ็ดของแพ็คเกจทัวร์นำเที่ยวถนนวงแหวนของไอซ์แลนด์ คุณจะกลับไปยังเรคยาวิก โดยระหว่างทางจะแวะที่จุดท่องเที่ยวที่น่าทึ่งหลายแห่ง รวมถึงเมืองเฮยกาเนส และจะได้เข้าร่วมทัวร์ดูวาฬ ซึ่งรวมอยู่ในราคาของแพ็คเกจนี้เรียบร้อยแล้ว

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว บอกลาเมืองอาคูเรย์ริและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชาวประมงเฮยกาเนสที่สวยงามทางภาคเหนือ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนฟยอร์ดเอฟยาฟยอร์ดูร์ ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่ยาวที่สุดในไอซ์แลนด์เหนือ  ขณะอยู่ที่นั่น คุณสามารถเดินเล่นและสัมผัสบรรยากาศของหมู่บ้านและวัฒนธรรมของท้องถิ่น

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบชีวิตทางทะเล ทัวร์ดูวาฬรวมอยู่ในการผจญภัยครั้งนี้ คุณจะขึ้นเรือที่ท่าเรือที่มีเสน่ห์ในเฮยกาเนส และมุ่งหน้าออกไปในฟยอร์ดเพื่อค้นหายักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเลที่มีนิสัยอ่อนโยน

ทัวร์นี้มีโอกาสสูงในการพบเห็นวาฬหลายชนิด เช่น วาฬหลังค่อม วาฬมิงค์ และวาฬออร์ก้า ทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาที่มีหิมะปกคลุมและชายฝั่งที่ขรุขระจะเพิ่มเสน่ห์ให้กับประสบการณ์นี้

เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมดูวาฬในเฮยกาเนสแล้ว คุณจะมุ่งหน้าสู่หินฮวิตแซร์คูร์ โขดหินบะซอลต์นี้มีตำนานโด่งดัง

โดยเป็นตำนานเกี่ยวกับยักษ์โทรลล์นิสัยเกเรที่เดินผ่านมาบริเวณชายฝั่ง แต่มันดันลืมสังเกตเวลาและเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น มันจึงก็กลายร่างเป็นหินและติดอยู่ที่นั่นตลอดกาล

ปัจจุบันนี้หินฮวิตแซร์คูร์กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่มีคนถ่ายรูปมากที่สุดในส่วนนี้ของประเทศ และคุณจะได้เห็นว่าทำไม หลายคนเชื่อว่ารูปร่างของมันคล้ายกับมังกรหรือไดโนเสาร์ที่ดื่มน้ำจากทะเล ซึ่งเพิ่มความลึกลับและเสน่ห์ให้กับมัน อย่าลืมเตรียมกล้องของคุณเพื่อถ่ายภาพของหินที่น่าทึ่งนี้และบรรยากาศโดยรอบที่งดงาม

หลังจากเสร็จสิ้นการชมชายฝั่ง คุณจะมุ่งหน้ากลับไปที่เรคยาวิก หากคุณไปถึงเมืองทันเวลา คุณสามารถออกไปเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารในร้านอาหารท้องถิ่นได้

คืนนี้คุณจะพักในที่พักสะดวกสบายในเรคยาวิก

ในวันที่แปดและวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับบ้าน และคุณจะมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยมจากการเดินทางและภาพถ่ายที่น่าทึ่งที่จะนำไปอวดเพื่อนๆ เมื่อคุณกลับถึงบ้าน

หากคุณมีเที่ยวบินเช้า คนขับรถจะไปส่งคุณที่ท่าอากาศยานนานาชาติเคฟลาวิกหลังจากทานอาหารเช้าในที่พัก โดยมีเวลาเหลือให้คุณโหลดสัมภาระและเช็คอินก่อนที่จะผ่านการตรวจความปลอดภัย 

เมื่อผ่านการตรวจความปลอดภัยแล้ว คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารหรือเครื่องดื่มในบาร์ขณะรอขึ้นเครื่อง

สำหรับผู้ที่มีเที่ยวบินช่วงท้ายวันและต้องการไปเยือนสปาความร้อนใต้พิภพในวันนี้ คุณจะได้ใช้เวลาผ่อนคลายก่อนเดินทางไปสนามบิน สปาความร้อนใต้พิภพบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดในการผ่อนคลายขณะแช่ตัวในน้ำแร่ธรรมชาติที่อบอุ่นและนึกทบทวนถึงความทรงจำเกี่ยวกับการผจญภัยที่น่าทึ่งในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง

หากคุณต้องการสัมผัสกับวัฒนธรรมไอซ์แลนด์เพิ่มเติมก่อนกลับ คุณสามารถไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ในเรคยาวิกได้หนึ่งหรือสองแห่ง

เรคยาวิกเต็มไปด้วยสถานที่ทางวัฒนธรรมที่เฉลิมฉลองประวัติศาสตร์อันยาวนานและศิลปะร่วมสมัยที่มีชีวิตชีวา พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอาร์ไบร์เปิดโอกาสให้คุณย้อนเวลากลับไปชมบ้านแบบดั้งเดิมของไอซ์แลนด์และชมการสาธิตงานหัตถกรรมและประเพณีเก่า

ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะจะต้องชื่นชอบพิพิธภัณฑ์ศิลปะเรคยาวิก ซึ่งประกอบด้วยสถานที่ 3 แห่งแยกกันในเมือง โดยแต่ละแห่งจะจัดแสดงด้านต่างๆ ของทัศนศิลป์ของไอซ์แลนด์

ด้วยตัวเลือกเหล่านี้และอีกมากมาย คุณจึงมีสถานที่หลากหลายให้สำรวจวัฒนธรรมหลายด้านของไอซ์แลนด์

เมื่อถึงเวลาที่จะต้องออกเดินทาง คุณจะขึ้นรถบัสซึ่งจะพาคุณเดินทางผ่านทุ่งลาวาที่ขรุขระของคาบสมุทรเรคยาเนสไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเคฟลาวิก เราขอให้คุณเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพและหวังว่าจะได้พบคุณอีกในเร็วๆ นี้