ทัวร์หน้าร้อน 1 สัปดาห์ เที่ยวรอบถนนแหวนและสไนแฟลซเนส

ในวันที่ 2 ของทัวร์ถนนวงแหวนและสไนแฟลซเนส 8 วัน เตรียมตัวสำหรับการเดินทางอันน่าทึ่งในขณะที่คุณนั่งรถชมวิวไปตามชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ตลอดเส้นทางคุณจะได้ชมทิวทัศน์อันน่าทึ่ง ภูเขาสูงตระหง่านและธารน้ำแข็งสีขาวเป็นประกายทอดตัวอยู่ทางด้านซ้าย ขณะที่คลื่นสีน้ำเงินของมหาสมุทรแอตแลนติกซัดกระทบฝั่งทางด้านขวา

สิ่งที่คุณจะได้เห็นเป็นอย่างแรกระหว่างทางคือน้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์และสโคกาฟอสส์ แม้ว่าทั้งสองจะตกลงมาจากที่สูงเท่ากัน แต่แต่ละแห่งก็มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

น้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์เป็นสายธารน้ำตกแคบๆ แต่ไฮไลต์อยู่ที่เส้นทางซึ่งพาให้คุณเดินไปด้านหลังม่านน้ำตก มอบมุมมองสุดพิเศษของชายฝั่งทางใต้ที่ทั้งทะเลและผืนดินทอดยาวสุดสายตา

ในทางกลับกัน น้ำตกสโคกาฟอสส์กว้างใหญ่และทรงพลัง น้ำที่กระแทกลงหินเบื้องล่างก่อให้เกิดละอองหมอกฟุ้งกระจาย และเมื่อแสงแดดส่องกระทบ ก็มักจะเกิดเป็นรุ้งที่สวยงามราวกับภาพในฝัน เป็นฉากที่สะท้อนความงดงามอันดิบแท้ของไอซ์แลนด์

เดินทางต่อไปตามแนวชายฝั่ง ในไม่ช้าคุณจะไปถึงหาดทรายสีดำสนิทที่เรย์นิสฟยารา หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามราวกับโลกมหัศจรรย์ เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในอดีต

ที่นี่คุณจะได้ชื่นชม เสาหินบะซอลต์ที่ตั้งตระหง่าน และแท่งหินเรนิสดรังการ์ที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลสูงถึง 66 เมตร ตามตำนานพื้นบ้านของไอซ์แลนด์ แท่งหินเหล่านี้คือร่างที่แข็งกลายเป็นหินของเหล่ายักษ์โทรล เพิ่มเสน่ห์แห่งความลึกลับให้กับทิวทัศน์

สำหรับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์ล้ำลึกยิ่งขึ้น สามารถไปสำรวจถ้ำน้ำแข็งคัทลา ก้าวเข้าสู่โลกน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยลวดลายและพื้นผิวอันเป็นเอกลักษณ์ ราวกับธรรมชาติได้แกะสลักไว้ด้วยฝีมืออันประณีต

เมื่อวันใกล้สิ้นสุดลง คุณจะเดินทางมาถึงหมู่บ้านชายทะเลวิกอันมีเสน่ห์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของไอซ์แลนด์ และระหว่างทางคุณยังอาจได้เห็นความยิ่งใหญ่ของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย

ใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นในวิก แวะชมร้านค้าและคาเฟ่เล็กๆ ในท้องถิ่น หรือเดินเล่นบนหาดทรายดำเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศอันสงบสุข เมืองเล็กๆ แห่งนี้โอบล้อมด้วยธารน้ำแข็งด้านหนึ่งและมหาสมุทรอีกด้านหนึ่ง เป็นสถานที่ที่สวยงามสำหรับการพักผ่อน

พักค้างคืนในเมืองวิก ท่ามกลางความอบอุ่นของชุมชนและความงดงามของธรรมชาติ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันถัดไป

วันที่ 3 เป็นการเดินทางข้ามทะเลทรายสีดำโซลเฮมาซานดูร์ ดินแดนกว้างใหญ่เงียบสงัดและแปลกตาที่นำไปสู่สิ่งมหัศจรรย์ที่รออยู่เบื้องหน้า

เมื่อเข้าใกล้อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล คุณจะเห็นความยิ่งใหญ่ของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล แผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ตัดกับภูมิประเทศภูเขาไฟที่ขรุขระ เป็นหนึ่งในภาพที่น่าตื่นตะลึงที่สุดของไอซ์แลนด์

จุดหมายแรกของวันนี้คือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนที่ได้รับสมญาว่า “อัญมณีแห่งไอซ์แลนด์” ที่นี่ภูเขาน้ำแข็งแตกตัวออกจากธารน้ำแข็งเบรดาแมร์คูร์โจกุล และลอยละล่องอย่างสงบบนผืนน้ำที่นิ่งใสดุจกระจก

ภูเขาน้ำแข็งมหึมาเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า เสียงแตกและครางเบาๆ ภายในน้ำแข็งยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้กับบรรยากาศ คุณอาจได้เห็นแมวน้ำว่ายน้ำเล่นอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้ ทิวทัศน์โดยรอบช่วยเสริมความขลัง ทำให้สถานที่แห่งนี้ทั้งสงบและเหนือจริงในเวลาเดียวกัน

หากคุณมาเยือนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม คุณจะมีโอกาสล่องเรือในทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน การนั่งเรือสะเทินน้ำสะเทินบกลัดเลาะท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง มอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ให้คุณได้ใกล้ชิดกับน้ำแข็งโบราณอายุนับพันปี

ทัวร์ล่องเรือนี้เหมาะทั้งสำหรับครอบครัว กลุ่มใหญ่ หรือใครก็ตามที่อยากสัมผัสความตื่นเต้นในการเข้าไปอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง

ที่นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่งดงามจนดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์จากทั่วโลก ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนเคยปรากฏในภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังหลายเรื่อง

หลังจากทัวร์ล่องเรือ คุณจะเดินทางต่อไปยังหาดไดมอนด์บีชที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งเป็นชายหาดที่ช่างภาพทั่วโลกต่างใฝ่ฝัน ที่นี่ ก้อนน้ำแข็งจากทะเลสาบลอยมาเกยฝั่งบนทรายภูเขาไฟสีดำ แสงที่สะท้อนจากน้ำแข็งสีใสตัดกับหาดดำมืด สร้างภาพที่สวยงามราวกับภาพในจินตนาการ

ต่อมา คุณจะได้ไปเยือนเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกาฟตาเฟลล์ ซึ่งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล และขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์อันหลากหลาย ทั้งธารน้ำแข็ง พืชพรรณเขียวชอุ่ม และวิวกว้างสุดสายตาของภูเขารอบด้าน

ไฮไลต์คือการเดินบนธารน้ำแข็ง คุณจะได้สวมอุปกรณ์และก้าวเดินบนพื้นน้ำแข็ง สำรวจร่องรอยและลวดลายธรรมชาติของธารน้ำแข็ง พร้อมชมวิวสุดอลังการ ประสบการณ์นี้ทำให้คุณได้สัมผัสพลังและความงดงามของธารน้ำแข็งไอซ์แลนด์อย่างใกล้ชิด

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในพื้นที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ทำเลที่เหมาะที่สุดในการนั่งระลึกถึงความงดงามตามธรรมชาติที่ได้พบเจอ และเตรียมพร้อมสำหรับบทต่อไปของการผจญภัยในไอซ์แลนด์

อีสต์ฟยอร์ดส์ตั้งอยู่ไกลจากเรคยาวิกที่สุด และเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดของไอซ์แลนด์ แต่ด้วยความงดงามอันโดดเด่นที่รายล้อมไปด้วยภูเขายอดแหลมสีเข้ม ชายฝั่งทะเลขรุขระ และสัตว์ป่านานาชนิด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ซ่อนอยู่

ระหว่างการเดินทางไปตามเส้นทางลับแห่งนี้ มัคคุเทศก์จะบอกเล่าเรื่องราวน่าสนใจและเคล็ดลับจากคนท้องถิ่น พร้อมพาคุณแวะสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพื่อสัมผัสความงามของธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์แท้จริงของไอซ์แลนด์

ไฮไลต์สำคัญของวันนี้คือทะเลสาบลาการ์ฟยอท หนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์ ผิวน้ำใสสะท้อนภาพภูเขาที่โอบล้อมรอบด้านสร้างภาพถ่ายที่สมบูรณ์แบบ

ตามตำนานเล่าว่า ใต้ผืนน้ำแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตลึกลับคล้ายมังกร คล้ายกับเนสซีแห่งสกอตแลนด์ อย่าลืมจับตาดูผืนน้ำ และดื่มด่ำไปกับตำนานพื้นบ้านที่น่าหลงใหลของที่นี่

สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์น่าจดจำยิ่งขึ้น ยังมีทัวร์เสริมสุดพิเศษสองแบบให้เลือกเพิ่มเข้าไปในวันนี้ได้ โดยทั้งสองกิจกรรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

เพิ่มกิจกรรมขี่ม้าไอซ์แลนด์ เพื่อสัมผัสการผจญภัยสุดพิเศษท่ามกลางภูมิทัศน์ที่งดงามของอีสต์ฟยอร์ด ม้าไอซ์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องความสงบและความแข็งแรง เป็นวิธีที่ทั้งสนุกและไม่เหมือนใครในการสำรวจภูมิภาคนี้

อีกกิจกรรมคือการผ่อนคลายที่โวกบาธส์ในเมืองเอกิลสตาดีร์ สปาน้ำร้อนจากความร้อนใต้พิภพแห่งนี้กำลังเป็นที่นิยม คุณจะได้แช่น้ำอุ่นที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุพร้อมชมวิวสุดตระการตารอบตัว

เมื่อสิ้นสุดวัน คุณจะได้พักผ่อนในอ้อมกอดของอีสต์ฟยอร์ภายในที่พักแสนสบาย ทบทวนสิ่งที่ได้ค้นพบ และดื่มด่ำกับบรรยากาศสงบเงียบของภูมิภาคอันห่างไกลและงดงามแห่งนี้ ตื่นเช้ามาพร้อมความสดใสเพื่อเริ่มต้นการผจญภัยครั้งต่อไป

เตรียมพร้อมสำหรับวันอันน่าตื่นเต้นเมื่อออกสำรวจเส้นทางไดมอนด์เซอร์เคิล ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางตะวันออกเฉียงเหนือที่เปรียบได้กับโกลเดนเซอร์เคิลอันโด่งดัง เส้นทางนี้ผสมผสานทั้งสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ที่สวยงามอย่างลงตัว

ก่อนจะอำลาภาคตะวันออก คุณจะได้พบกับโอกาสอันน่าตื่นเต้นในการไปเยือนแคนยอนสตูดลากิล หุบเขาอันน่าทึ่งที่ประดับด้วยเสาหินบะซอลต์สูงตระหง่านและสายน้ำสีฟ้าใสสะดุดตา ทิวทัศน์ที่งดงามนี้จะทำให้คุณแทบหยุดหายใจ ใช้เวลาเดินเล่นไปตามเส้นทาง พร้อมเก็บภาพถ่ายอันน่าจดจำเพื่อบันทึกความงามของธรรมชาติของสถานที่แห่งนี้ไว้ตลอดไป

จากนั้นคุณจะได้ไปชมน้ำตกเดตติฟอสส์ที่ได้รับฉายาว่า “The Beast” ด้วยความสูง 44 เมตร น้ำตกทรงพลังแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์ แต่ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรปอีกด้วย

เดตติฟอสส์โด่งดังมากขึ้นหลังจากปรากฏในภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Prometheus ของผู้กำกับริดลีย์ สก็อตต์ ในวันที่อากาศแจ่มใส คุณสามารถมองเห็นละอองน้ำที่ฟุ้งกระจายของน้ำตกนี้ได้จากระยะไกล ยิ่งเพิ่มความยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามให้กับทิวทัศน์

จากนั้น เดินทางต่อไปยังทะเลสาบมิวาทน์ที่ระยิบระยับ ทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อราว 2,300 ปีก่อน

ด้วยพื้นที่กว่า 37 ตารางกิโลเมตร ผืนทะเลสาบล้อมรอบด้วยภูมิประเทศหินสีเข้มและขรุขระสลับกับพื้นที่ชุ่มน้ำเขียวชอุ่ม ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์ของนกนานาชนิด ใช้เวลาสักครู่เพื่อชื่นชมความลงตัวขององค์ประกอบธรรมชาติที่ทำให้บริเวณนี้เป็นที่พำนักทั้งของมนุษย์และสัตว์ป่า

ระหว่างการสำรวจภูมิภาคนี้ คุณยังจะได้ไปเยือนพื้นที่ความร้อนใต้พิภพที่ช่องเขานามาสการ์ด หุบเขาลึกลับที่ดูราวกับฉากในภาพยนตร์ไซไฟ เต็มไปด้วยแท่งไอน้ำพุ่งสูง แอ่งโคลนเดือด และพื้นทรายสีแดงจัด ทิวทัศน์เหนือจริงนี้มักถูกเปรียบเปรยว่าเหมือนพื้นผิวดาวอังคาร และเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด

ระหว่างทางไปยังเมืองน่ารักอย่างอาคูเรย์รี คุณจะแวะที่น้ำตกโกดาฟอสส์ หรือน้ำตกแห่งทวยเทพ น้ำตกอันยิ่งใหญ่นี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่ซึ่งไอซ์แลนด์ประกาศนับถือศาสนาคริสต์อย่างเป็นทางการเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน ถือเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการย้อนรำลึกถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศ และบทบาทของน้ำตกแห่งนี้ในการหล่อหลอมประวัติศาสตร์

สุดท้ายคุณจะเดินทางถึงอาคูเรย์รี เมืองหลวงแห่งแดนเหนือ เมืองเล็กๆ ริมฟยอร์ดที่รายล้อมด้วยทิวทัศน์สวยงาม ผสมผสานทั้งความงดงามทางธรรมชาติ ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม และการต้อนรับที่อบอุ่น เข้าที่พักและเตรียมพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนเป็นมิตรของเมืองงดงามแห่งนี้

บอกลาเมืองทางเหนืออย่างอาคูเรย์ริ แล้วออกเดินทางสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่จะเต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่และทิวทัศน์อันน่าตื่นตา จุดหมายแรกคือพื้นที่เฮยกาเนสอันงดงาม ตั้งอยู่ในฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ที่สวยสะกดสายตา

หมู่บ้านเล็กแห่งนี้มีประชากรราว 140 คน กับบรรยกาศที่สงบและเปี่ยมด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ลองเดินเล่นชิลๆ บนชายหาดทรายดำ ปล่อยใจไปกับเสียงคลื่นซัดฝั่งเป็นจังหวะราวกับบทเพลงธรรมชาติ ระหว่างทางเดินไปยังท่าเรือมีเรือประมงลอยลำอยู่บนน้ำใสสะอาด เป็นภาพที่ผ่อนคลายและน่าประทับใจ

เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยดูวาฬสุดพิเศษ ที่เรือจะพาแล่นไปในทะเลเปิดเพื่อตามหาสัตว์ยักษ์แห่งมหาสมุทรที่งดงามที่สุดในโลก

เฮยกาเนสขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในทะเล โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่มักพบวาฬหลังค่อมโผล่มาอวดโฉมในฟยอร์ด คุณจะตะลึงเมื่อเห็นวาฬยักษ์เหล่านี้โผล่ขึ้นผิวน้ำและดำดิ่งลงไป สร้างช่วงเวลาอันตราตรึงใจจากความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

นอกจากวาฬหลังค่อมแล้ว คุณยังอาจพบกับโลมาขี้เล่น พอร์พอยส์ที่ปราดเปรียว และนกทะเลนานาชนิด รวมถึงนกพัฟฟินสุดน่ารัก หากโชคดี คุณอาจได้เห็นวาฬออร์กา (หรือวาฬเพชฌฆาต) และวาฬสีน้ำเงินที่หายาก ซึ่งเป็นสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้

หลังจากประสบการณ์ดูวาฬที่น่าตื่นเต้น คุณจะเดินทางต่อไปยังบริเวณบอร์การ์เนส ซึ่งเป็นที่พักสำหรับค่ำคืนนี้ เมืองเงียบสงบที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์สวยงามแห่งนี้ เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเติมพลังก่อนออกผจญภัยต่อในวันถัดไปของทริปถนนวงแหวนในไอซ์แลนด์

วันที่ 7 เตรียมตัวออกเดินทางสำรวจคาบสมุทรสไนแฟลซเนส ซึ่งได้รับสมญาว่า “ไอซ์แลนด์ฉบับย่อ” เพราะมีความงามอันหลากหลายของธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของไอซ์แลนด์รวมไว้ในที่เดียว

หนึ่งในสัญลักษณ์อันโดดเด่นของคาบสมุทร คือ ภูเขาคิร์กจูเฟลล์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ภูเขาหัวลูกศร” หรือ “ภูเขาโบสถ์” ภูเขาอันสง่างามแห่งนี้โด่งดังไปทั่วโลกจากการปรากฏตัวในซีรีส์ Game of Thrones ทาง HBO

ภูเขาคิร์กจูเฟลล์ตั้งตระหง่านบนชายฝั่งด้านเหนือของคาบสมุทร สูง 463 เมตร อยู่เคียงคู่กับน้ำตกคิร์กจูเฟลสฟอสส์ ด้วนรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์และวิวทิวทัศน์แสนงดงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็นภูเขาที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ และเป็นเป้าหมายสำคัญของนักถ่ายภาพและนักเดินทางทั่วโลก

จากนั้นคุณจะได้แวะชมหาดดยูปาลอนส์ซานดูร์ที่มีทรายสีดำขลับและอยู่ที่บริเวณเชิงธารน้ำแข็งสไนเฟลล์สโจกุล เมื่อก่อนดยูปาลอนส์ซานดูร์เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงและท่าเรือที่คึกคัก แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นพื้นที่โดดเดี่ยวและเงียบ

ที่หาดแห่งนี้ มีหินทดสอบกำลังในตำนาน ที่ในอดีตเคยใช้เป็นอุปกรณ์ทดสอบความแข็งแกร่งของชาวประมง ลองยกมันขึ้นมา แล้วลองจินตนาการถึงความเหนื่อยยากของผู้คนที่ต้องพึ่งพาอาศัยท้องทะเลในการดำรงชีพ ก่อนกลับที่พัก คุณอาจแวะชมถ้ำวาทน์เชลลิร์ก็ได้

เมื่อเสร็จสิ้นการเดินทางในวันนี้ คุณจะได้กลับไปพักผ่อนในที่พักแถวบอร์การ์เนส ความงามของคาบสมุทรสไนแฟลซเนสได้รวบรวบความเป็นไอซ์แลนด์ไว้ให้เห็นทั้งหมด ตั้งแต่ภูเขายิ่งใหญ่ไปจนถึงชายหาดสงบเงียบ และจะเป็นความทรงจำที่คุณประทับใจ

แม้ว่าวันที่ 7 จะนำคุณไปยังใจกลางคาบสมุทรที่สวยงามแห่งนี้ แต่วันพรุ่งนี้จะรับประกันการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นในขณะที่คุณสำรวจไอซ์แลนด์ตะวันตกต่อไป

ในวันสุดท้ายของการผจญภัยรอบไอซ์แลนด์ เตรียมตัวออกสำรวจภูมิประเทศอันงดงามและประวัติศาสตร์อันรุ่มรวยของไอซ์แลนด์ตะวันตก ที่เต็มไปด้วยสถานที่น่าทึ่งและเรื่องราวชวนค้นหา

สำหรับผู้ที่อยากเพิ่มความตื่นเต้น คุณสามารถเลือกทัวร์เสริม (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) เพื่อผจญภัยในถ้ำลาวาวิดเกลมิร์ หนึ่งในถ้ำลาวาที่ใหญ่และน่าหลงใหลที่สุดของไอซ์แลนด์

ถ้ำลับแห่งนี้มอบโอกาสพิเศษให้คุณได้สัมผัสโลกใต้ดินที่ก่อร่างมาจากการปะทุของภูเขาไฟโบราณ เพลิดเพลินไปกับการชมการก่อตัวของหินงอกหินย้อยสุดตระการตา ระหว่างที่คุณเดินลึกเข้าไปในใต้พิภพ ได้สัมผัสอีกแง่มุมหนึ่งของไอซ์แลนด์ที่น้อยคนจะได้เห็น

จากนั้นคุณจะออกจากเมืองบอร์การ์เนส มุ่งหน้าสู่หุบเขาเรคโฮลท์สดาลูร์อันน่าหลงใหล พื้นที่แห่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังมหาศาลของพลังงานความร้อนใต้พิภพที่หล่อหลอมไอซ์แลนด์มาตลอดหลายศตวรรษ

หัวใจสำคัญของหุบเขาแห่งนี้คือบ่อน้ำพุร้อนเดลดาตุงกูแวร์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำพุร้อนที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป น้ำเดือดพลุ่งพล่านพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินในปริมาณมหาศาล แสดงให้เห็นพลังงานดิบที่เป็นขุมกำลังของภูมิประเทศไอซ์แลนด์ ไอร้อนที่ลอยคลุ้งสร้างบรรยากาศลึกลับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพ

ต่อไป คุณจะได้เยี่ยมชมหมู่บ้านเรคโฮลต์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ ที่นี่เคยเป็นบ้านของสนอร์รี สตูร์ลูสัน กวี นักประวัติศาสตร์ และนักกฎหมายชื่อดังในยุคกลาง ผู้มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมและสืบสานตำนานนอร์สโบราณและบทกวีซากา

ผลงานของสนอร์รีมีคุณค่ามหาศาล เพราะช่วยเปิดประตูสู่ความเข้าใจตำนานนอร์สและภาษาเก่าแก่ รักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไอซ์แลนด์ไว้ให้คนรุ่นหลัง

คุณยังจะได้แวะชมน้ำตกบาร์นาฟอสส์และเฮิร์นฟอสซาร์ด้วย เฮิร์นฟอสซาร์เป็นความอัศจรรย์ทางธรรมชาติที่สายน้ำใสสะอาดค่อยๆ ไหลรินผ่านชั้นหินลาวาที่พรุน กลายเป็นม่านน้ำตกอันงดงามราวงานศิลป์ของธรรมชาติ

ไม่ไกลกัน น้ำตกบาร์นาฟอสส์ไหลเชี่ยวตัดผ่านช่องเขาแคบๆ สร้างภาพที่น่าตื่นตาและตราตรึงใจ

ในที่สุด ทัวร์ 8 วันบนถนนวงแหวนและสไนแฟลซเนสของคุณก็สิ้นสุดลง คุณจะเดินทางกลับสู่เรคยาวิก และถึงในช่วงบ่ายแก่ๆ การเดินทางของทัวร์นี้จบลงที่เรคยาวิก จากนั้นคุณสามารถออกไปสำรวจเมืองได้ตามอัธยาศัย