แพ็คเกจ 8 วันช่วงฤดูหนาว | ถนนวงแหวนของประเทศไอซ์แลนด์เป็นกลุ่มเล็ก

ในวันแรกที่ คุณจะต้องบินมายังสนามบินนานาชาติเคฟราวิก และใช้เวาเชอร์ที่เราส่งให้ไปรับตั๋วรถบัส และหากคุณมีเวลาในวันนี้ คุณสามารถเลื่อนการเดินทางเข้าเมืองเพื่อที่จะอ้อมไปยังบลูลากูนก่อน สำหรับคนที่มีเที่ยวบินช่วงเย็นและอยากที่จะไปชมบลูลากูน คุณจะได้ท่องเที่ยวทุกสถานที่ก่อนออกเดินทางไปสนามบิน. นี่คือสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนขณะที่คุณอาบน้ำในน้ำอุ่นและน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยเมื่อคุณมองย้อนกลับไปในการผจญภัยที่เหลือเชื่อที่คุณเพิ่งมีในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง หากเที่ยวบินของคุณออกช่องเย็นมีหลายสิ่งให้ทำในเรคยาวิก หากคุณมีเที่ยวบินช่วงเช้ากลับบ้านเราหวังว่าคุณจะเดินทางอย่างสะดวกสบาย ที่นี่เป็สถานที่ที่เหมาะสมมากสำหรับการผ่อนคลายหลังจากเที่ยวบินของคุณ การแช่น้ำสีฟ้าใสและฟื้นฟูผิวของคุณด้วยการพอกซิลิกา (Silica) และราคาค่าเข้าได้รวมอยู่ในแพ็คเกจแล้ว หากคุณเดินทางมาถึงช้า คุณสามารถเลื่อนที่จะไปในวันสุดท้ายของการเดินทาง. ทันทีที่คุณเดินทางมาถึงเมืองเรคยาวิก (Reykjavík) คุณสามารถเดินทางเข้าที่พักและออกสำรวจพิพิธภัณฑ์, ร้านค้า, บาร์และร้านอาหารของเมืองหลวงที่น่าหลงใหลของประเทศไอซ์แลนด์นี้.

ในวันที่สอง คุณจะได้เริ่มการเดินทางท่องเที่ยวทั้งหกวันของคุณในวันนี้ รถจะไปรับคุณจากที่พักในเมืองเรคยาวิกแต่เช้า และออกมุ่งหน้าไปยังเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอซ์แลนด์ที่เรียกว่า วงกลมทองคำ (Golden Circle).

หากคุณเลือกทำกิจกรรมวันนี้ระหว่างทำการจอง คุณจะได้เริ่มต้นวันด้วยการทัวร์ขี่ม้าในชนบทของประเทศไอซ์แลนด์ ก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังวงกลมทองคำ คุณจะได้เดินทางไปยังคอกม้า ที่นั่นคุณจะได้พบกับม้าและขี่ม้าสายพันธุ์ไอซ์แลนด์ที่เป็นมิตร หลังจากนั้นคุณจะได้เริ่มต้นท่องเที่ยวไปยังเส้นทางวงกลมทองคำ.

สถานที่ที่น่ามหัศจรรย์สามแห่งทำให้เส้นทางนี้มีชื่อเสียง สถานที่แรก ได้แก่ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีย์ (Þingvellir) ที่เป็นหนึ่งในสามอุทยานแห่งชาติในประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นสถานที่เดียวที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลก เพราะ ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของรัฐสภาแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่าอัลธิงกิ (Alþing) ที่ถูกค้นพบในปีคริสตศักราช 930.

สถานที่ที่งดงามแห่งนี้ตั้งอยู่ตรงในกลางของรอยแยกแอตแลนติก (Atlantic) หรือรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่น และส่งผลให้เกิดพื้นที่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกที่ถูกดึงออกจากกันเป็นหุบเขาที่งดงามและภูมิประเทศที่น่ามหัศจรรย์.

หลังจากได้เพลิดเพลินกับที่นี่แล้ว คุณจะได้เดินทางต่อไปยังสถานที่ถัดไปที่เรียกว่า บริเวณทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของไกเซอร์ที่ยังมีการปะทุอยู่ที่เรียกว่า สโทรคูร์ (Strokkur) ที่เกิดการปะทุขึ้นบ่อยและสามารถปะทุสูงขึ้นได้ถึงยี่สิบเมตร ที่นี่ยังล้อมรอบด้วยน้ำพุร้อนและพุก๊าซ ทำให้คุณได้สัมผัสกับกิจกรรมพลังงานใต้พิภพของประเทศไอซ์แลนด์ที่ยังไม่ได้หลับใหล.

สุดท้ายของวันนี้ คุณจะได้เดินทางไปยังน้ำตกกุลล์ฟอสส์ หนึ่งในสถานที่ที่คลาสสิคที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ลักษณะของม่านน้ำตกนี้ไหลลงด้านล่างเป็นสองชั้นอย่างงดงามไปยังหุบเขาโบราณ และในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะถูกล้อมรอบไปด้วยประกายของน้ำแข็งบนก้อนหิน. หลังจากตื่นตากับพลังงานและความงดงามของน้ำตกนี้แล้ว คุณจะได้ตรงไปยังที่พักในทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์.

และคุณจะต้องไม่ลืมที่จะเฝ้ามองไปบนท้องฟ้าเพื่อที่จะได้มีโอกาสในการชมแสงเหนือก่อนที่คุณจะได้พักผ่อนในคืนนี้.

ในการเดินทางในวันที่สาม คุณจะได้เริ่มต้นการเดินทางข้ามไปยังชายฝั่งทางใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ ยังบริเวณที่มีชื่อเสียงด้านความหลากหลายของทัศนียภาพ และเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่หาชมได้ไม่ไกลจากถนนสายหลัก.

สถานที่แรกคุณจะได้เดินทางไปชมสองน้ำตกที่ชื่อว่า น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) น้ำตกทั้งสองไหลลงมาจากหน้าผาที่อยู่ใกล้ชายฝั่งที่มีความสูงถึง 60 เมตร แต่มีขนาดใหญ่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง น้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์มีลักษณะที่แปลกตาเพราะหน้าผาด้านหลังมีช่อง และหากพื้นน้ำตกไม่เปียกหรือเต็มไปด้วยน้ำแข็งมากเกินไป คุณจะสามารถเดินอ้อมไปด้านหลังน้ำตกได้. ขณะเดียวกันน้ำตกสโกการ์ฟอสส์มีพลังงานมหาศาลและงดงามและมีความกว้างถึงยี่สิบเมตร.

ขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณใช้ที่น้ำตกทั้งสองแห่งนี้ คุณจะได้เดินทางต่อไปยังธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล (Sólheimajökull). ในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งสีฟ้าใส ทำให้ที่นี่ดูงดงามพอๆกับความน่าตื่นเต้นที่คุณกำลังจะได้รับ หากคุณได้เลือกกิจกรรมไว้ระหว่างทำการจอง คุณจะได้ลองปีนธารน้ำแข็งขึ้นไปบนอีกพื้นที่หนึ่ง และตื่นตากับรอยแยก, สันเขา, การก่อตัวและชมอีกมุมหนึ่งที่น่าทึ่ง.

และก่อนที่คุณจะเดินทางต่อไปยังบริเวณวิก อี มิร์ดาล์ (Vík í Mýrdal) ที่คุณจะเข้าพักในคืนนี้ คุณจะได้หยุดแวะยังชายหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) เพื่อที่จะได้ชื่นชมชั้นหินทะเลรูปร่างแปลกตาที่ชื่อว่า เรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdranga) และซุ้มประตูหินดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey).

ในวันที่สี่ของการเดินทางคุณจะได้จบการเดินทางข้ามชายฝั่งทางใต้ และเที่ยวชมหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่คุณก็รู้จัก แม้ว่าในทัวร์จะมีการรับรองว่าคุณจะได้รับความประทับใจทุกวัน แต่มั่นใจได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินได้มากที่สุดแห่งหนึ่ง.

คุณจะได้เดินทางผ่านไปยังผืนทรายขนาดใหญ่ของที่ราบธารน้ำแข็งสเกรดาร์เอาซานดูร์ (Skeiðarársandur) ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังศูนย์อนุรักษ์สกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) เพื่อผ่านไปใต้ยอดเขาที่สูงที่สุดที่ชื่อว่าภูเขาฮวานนาดาลส์ฮนูคูร์ (Hvannadalshnjúkur) จากนั้นคุณจะเดินทางไปถึงยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ที่เป็นจุดหมายปลายทางของคุณ.

สำหรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมายังประเทศไอซ์แลนด์ ที่นี่เปรียบเสมือนอัญมณียอดมงกุฏของประเทศ คุณจะได้ร่วมชื่นชมทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ ที่ล่องลอยมาจากธารน้ำแข็งเพื่อไหลออกไปยังมหาสมุทร บริเวณนี้ยังเป็นเหมือนบ้านของบรรดาแมวน้ำ และนั่นทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงมากขึ้นท่ามกลางผู้ที่ชื่นชอบสัตว์ป่า.

คุณจะได้ไปชมชายฝั่งที่อยู่บริเวณใกล้เคียงด้วย ที่นี่มักถูกเรียกว่า "ไดมอนด์บีช". บนชายหาดที่ทอดยาวนี้ภูเขาน้ำแข็งได้ถูกซัดขึ้นมาบนชายฝั่งและทำให้เกิดสีที่ตัดกันอย่างงดงามกับฟองคลื่นและทรายสีดำ.

หากสถานที่แห่งนี้ไม่ดึงดูดคุณเพียงพอ คุณสามารถเพิ่มความตื่นเต้นของวันนี้ด้วยการสำรวจถ้ำน้ำแข็ง ถ้ำเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่แห่ง ภายใต้ข้อจำกัดที่เหมาะสม ดังนั้นนี่จะเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณจริงๆ. หากคุณเดินทางมาเที่ยวในเดือนพฤศจิกายน คุณจะได้เริ่มต้นวันด้วยการสำรวจถ้ำในธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล หรือคุณอาจจะใช้เวลาในช่วงบ่ายในการชมธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล.

คุณจะได้พักผ่อนคืนนี้ในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ.

ในการเดินทางวันที่ห้า คุณจะได้เดินทางออกจากชายฝั่งทางใต้และเริ่มต้นกับการสำรวจพื้นที่ห่างไกลและงดงามของฟยอร์ดทางตะวันออก (Eastfjords). มีเพียงไม่กี่คนที่จะมีโอกาสในการเดินทางไปถึงส่วนนี้ของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาว ดังนั้นคุณสามารถคาดหวังได้เลยว่าจะได้ชมจุดหมายปลายทางที่พิเศษและปราศจากผู้คนมากมาย.

คุณจะได้หยุดแวะระหว่างการเดินทางเพื่อที่จะได้ชื่นชมและถ่ายรูปฟยอร์ดที่น่าเหลือเชื่อนี้ที่มีทั้งภูเขาขนาดใหญ่, ผืนทะเลที่งดงามและหมู่บ้านชาวประมงที่แปลกตา. ที่นี่คุณจะยังได้เฝ้าชมบรรดาสัตว์ป่าที่หลากหลายที่อยู่รอบๆด้วย.

การเดินทางของคุณจะผ่านไปยังพื้นที่บริเวณภูเขาที่คุณจะได้รับข้อมูลจากไกด์ของคุณ ที่อาจจะทำการหยุดแวะในบางสถานที่ที่ถูกซ่อนไว้และอัญมณีที่น้อยคนจะรู้จัก ขึ้นอยู่กับสถานที่ไหนเหมาะสมกับระยะเวลาการเดินทางและสภาพอากาศ.

คุณจะได้ใช้เวลาพักผ่อนคืนนี้ในที่พักเมืองที่มีเสน่ห์ของฟยอร์ดทางตะวันออก.

ในวันที่หก คุณจะได้เดินทางตรงไปยังทางเหนือของทะเลสาบมิวาท์น (Mývatn) ที่บริเวณนี้มีความน่าตื่นตาทางธรณีวิทยาและกิจกรรมทางธรณีวิทยา ทำให้เกิดความหลากหลายของสถานที่ที่คุณจะได้เพลิดเพลิน.

ในวันนี้มีสถานที่มากมายให้คุณได้ชม เช่น คุณจะได้ตรงไปยังดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) หรือมักถูกเรียกในชื่อเล่นว่า "ป้อมปราการสีดำ" เนื่องจากขนาด สีสันและการก่อตัวของหินลาวาของที่นี่.

คุณจะยังได้ชมบริเวณทุ่งน้ำพุร้อนเนามาส์การ์ด (Námaskarð) พร้อมทั้งทิวทัศน์ของน้ำพุร้อนและพุก๊าซ. ทะเลสาบมิวาท์นมีความงดงามและพิเศษเนื่องจากมีการก่อตัวของแนวหินบะซอลต์ที่ขึ้นมาจากน้ำด้วย.

คุณสามารถเลือกกิจกรรมแช่อ่างน้ำร้อนมิวาท์นระหว่างทำการจอง อ่างน้ำแห่งนี้จะเป็นคำตอบของทางเหนือเหมือนกับบลูลากูนเพราะน้ำที่นี่เต็มไปด้วยแร่ธาตุและมีสีฟ้าใสที่งดงาม.

คุณจะได้นั่งรถต่อไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ตลอดการเดินทางคุณจะได้หยุดแวะเพื่อชมน้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) ที่สวยงาม.

โกดาฟอสส์มีความหมายว่า "น้ำตกแห่งพระเจ้า" และชื่อนี้ได้มาจากเมื่อคริสตศักราชที่ 1000 ในตอนที่ประเทศไอซ์แลนด์ได้ประกาศตัวว่าเป็นประเทศคริสเตียนอย่างเป็นทางการ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ผู้ประกาศกฎหมายท้องถิ่นโยนรูปปั้นนอกศาสนาลงในน้ำตกเพื่อให้เป็นการแสดงออกที่เป็นสัญลักษณ์. น้ำตกโกดาฟอสส์เป็นสถานที่ทางธรรมชาติที่น่าสนใจที่มีม่านน้ำตกลงมาจากที่สูงถึง 12 เมตรลงไปในแม่น้ำวนด้านล่าง มีจุดชมวิวหลายจุดให้คุณได้มีโอกาสถ่ายภาพที่นี่ และหากคุณต้องการไกด์ก็สามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ด้วย.

คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ในเมืองอาคูเรย์ริ.

วันนี้ถือว่าเป็นวันที่น่าเศร้าเนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางบนถนนสายนี้ แต่ทัวร์ครั้งนี้ยังไม่จบ เพราะคุณจะเริ่มต้นวันนี้ด้วยการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นหรืออาจจะเป็นการพักผ่อน คุณจะเริ่มต้นที่หมู่บ้านที่สงบสุขที่ชื่อว่าเฮยกาเนส (Haugarnes). บริเวณที่ดูแปลกตาแห่งนี้มีทิวทัศน์ของชีวิตชายฝั่งทะเลที่งดงามสำหรับการถ่ายภาพ ความเงียบสงบของที่นี่ถูกคั่นด้วยหาดทรายสีดำและท่าเรือของเฮยกาเนส ผืนน้ำที่เฮยกาเนสยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมชมวาฬด้วย.

จากที่นี่คุณสามารถเลือกทัวร์ชมวาฬได้ คุณจะได้ลงเรือและตรงไปยังท่าเรือเพื่อมองหายักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเล. แมวน้ำก็เป็นสัตว์อีกชนิดที่มีชื่อเสียงที่นี่ ดังนั้นคุณอาจจะมีโอกาสได้ชมบรรดาแมวน้ำเต้นรำหรือนอนขี้เกียจอยู่บนชายฝั่งที่นี่ด้วย.

เพียง 5 กิโลเมตรจากเฮยกาเนส มีสปาที่แสนพิเศษ. สปาเบียร์นี้ถือเป็นแนวคิดที่น่าทึ่งที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2017. ที่นี่คุณสามารถผ่อนคลายและพักผ่อนในอ่างน้ำอุ่นที่มีเบียร์และยีสต์สด อ่างเบียร์ส่วนตัวยังมีถังมีส่วนตัวด้วย ดังนั้นคุณสามารถจิบเครื่องดื่ืมเบียร์เย็นๆระหว่างการแช่น้ำได้.

จุดแวะถัดไปเป็นการก่อตัวของหินที่โดดเด่นที่ชื่อว่า ฮวิทแซร์คูร์ (Hvítserkur) หรือเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "โทรล" แห่งตะวันตกเฉียงเหนือ. แนวหินบะซอลต์ที่มีความสูง 15 เมตรนี้ตั้งอยู่ทางนอกอ่าว ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของบรรดานกประจำถิ่นและเป็นสถานที่โปรดปรานของช่างภาพอีกด้วย.

คุณจะได้เดินทางต่อเพื่อตรงกลับไปยังเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่าเรคยาวิก ทันทีที่ไปถึงที่นั่นคุณจะได้มีโอกาสในการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น และหากคุณยังมีพลังงานเหลือ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้เดินไปรอบๆเมืองและเที่ยวชมร้านค้า, คาเฟ่และบาร์มากมาย.

คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ในที่พักภายในเมืองเรคยาวิก.

ในวันที่แปดนี้ คุณสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ต่างๆในเมืองเรคยาวิกจนถึงเวลารถออกเดินทางเพื่อที่จะกลับไปยังสนามบิน สำหรับคนที่มีเที่ยวบินช่วงเย็นและอยากที่จะไปชมบลูลากูน คุณจะได้ท่องเที่ยวทุกสถานที่ก่อนออกเดินทางไปสนามบิน. นี่คือสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนขณะที่คุณอาบน้ำในน้ำอุ่นและน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยเมื่อคุณมองย้อนกลับไปในการผจญภัยที่เหลือเชื่อที่คุณเพิ่งมีในดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง หากเที่ยวบินของคุณออกช่องเย็นมีหลายสิ่งให้ทำในเรคยาวิก หากคุณมีเที่ยวบินช่วงเช้สกลับบ้านเราหวังว่าคุณจะเดินทางอย่างสะดวกสบาย

คุณสามารถใช้ตั๋วคุณในวันนี้และแช่ในน้ำน้ำที่งดงามพร้อมกับการพักผ่อนก่อนที่คุณจะเดินทางกลับ.