ทัวร์ขับรถดูแสงเหนือหน้าหนาว 8 วันทางตะวันตกและทางใต้ของไอซ์แลนด์ พร้อมเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง

ขอต้อนรับสู่ความสนุกตื่นเต้นสุดเร้าใจ! ทันทีที่เดินทางออกจากสนามบิน ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของไอซ์แลนด์คุณสามารถเลือกแวะที่ Blue Lagoon สปาที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านการบำบัดน้ำสีฟ้าสดใสและการบำบัดที่หรูหรา มันตั้งอยู่กลางทุ่งลาวาที่ปกคลุมไปด้วยมอสทำให้มันมีบรรยากาศโลกอื่น หากคุณเพิ่ม Blue Lagoon มันจะถูกจัดเรียงตามเที่ยวบินของคุณ หากไม่มีเวลาไปเที่ยวทะเลสาบวันนี้สามารถเพิ่มไปอีกวันที่โดยปรึกษาด้านการเดินทางของคุณจะสามารถจัดการเรื่องนี้ให้คุณได้

จากนั้นคุณจะเดินทางเข้าไปในเมืองซึ่งคุณจะได้ซึมซับกับความมืดมิดท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับของฤดูหนาว คุณจะไปเดินเล่นชมบรรยากาศในดาวน์ทาวน์ หรือจิบช็อกโกแลตร้อนๆ สักแก้วก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมแหงนหน้าสำรวจบนท้องฟ้าด้วย คุณอาจโชคดีได้เจอกับแสงเหนือในคืนนี้ก็เป็นได้!

วันที่สองเป็นวันที่คุณเริ่มออกเดินทางในไอซ์แลนด์ คุณจะออกจากเมืองและมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes) ที่บางครั้งถูกเรียกว่า “ไอซ์แลนด์ฉบับมินิ” เนื่องจากมีความหลากหลายทางธรณีวิทยามากเหลือเกิน สถานที่อันสวยงามแห่งนี้มีความคาบเกี่ยวระหว่างโลกแห่งความจริงและเทพนิยายด้วย เพราะว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยนิทานปรัมปรา เรื่องที่เล่าขานต่อกันมา และตำนานต่างๆ มากมาย

โดยมีเรื่องเล่าว่าบนภูเขาไฟธารน้ำแข็งสไนล์เฟลส์โจกุล (Snæfellsjökull) ซึ่งปกคลุมพื้นที่ของผืนทรายสีดำอันสวยงามที่ตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) และเสาหินโลนตรังการ์ (Lóndrangar) มีการค้นพบช่องทางสู่ใจกลางของโลกด้วย เมื่อเดินทางต่อไปอีก คุณก็จะได้เห็นภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) ตั้งตระหง่านและมีหมู่บ้านชาวประมงขนาดย่อมหลายแห่งตั้งกระจัดกระจายอยู่ตามชายฝั่ง

หากคุณต้องการเข้าร่วมกับกิจกรรมในวันนี้ คุณมีทางเลือก 2 แบบด้วยกัน กิจกรรมแรกเป็นทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากสไนล์แฟลซเนส การออกผจญภัยกับทัวร์นี้คุณมีโอกาสได้เห็นโลมา นกทะเล และบางทีอาจจะได้เห็นวาฬ เช่น วาฬหลังค่อมและวาฬสเปิร์มด้วย

ส่วนอีกกิจกรรมหนึ่งคือการไปฟื้นฟูความสดชื่นคืนความกระปรี้กระเป่าที่สปาเครยมา (Krauma Spa) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ จากสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพนี้สามารถมองเห็นวิวเดลตาร์ทุงกุแควร์ (Deildartunghver) ซึ่งเป็นน้ำพุร้อนที่มีอัตราการไหลของน้ำแรงที่สุดในทวีปยุโรป

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส และตอนกลางคืนอย่าลืมออกมาล่าแสงเหนือด้วย

วันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำ บนเส้นทางนี้มีที่สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุด 3 แห่งของไอซ์แลนด์ ระหว่างทางคุณจะผ่านบริเวณบอร์การ์ฟอย์ดูร์ (Borgarfjörður) ซึ่งทราบกันดีว่าแถวนั้นมีถ้ำลาวาและอุโมงค์ลาวาหลายแห่ง และคุณจะเข้าไปชมหนึ่งในนั้นที่วิดเกลมิร์ (Víðgemir)

เมื่อคุณขับไปถึงวงกลมทองคำ จุดหมายปลายทางแรกที่จะแวะคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir) หุบเขารอยแยกขนาดใหญ่ระหว่างสองทวีปที่ตั้งอยู่สุดปลายทุ่งลาวา ที่นี่ได้รับการแต่งตั้งจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเนื่องจากชาวไอซ์แลนด์ในอดีตได้ก่อตั้งรัฐสภาแห่งแรกขึ้นในบริเวณนี้เมื่อปี 930 นอกจากมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์แล้ว ธิงเวลลีร์ยังมีความสำคัญในทางธรณีวิทยาด้วยเพราะภายในอุทยานฯ แห่งนี้ยังมีสถานที่พิเศษอีกหลายอย่าง เช่น รอยแยกซิลฟรา (Silfra) หุบเขาอัลมานายอง จอร์เก (Almannagjá) และน้ำตกอ๊อกซาร่าฟอสส์ (Öxarárfoss)

ในธิงเวลลีร์คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมทัวร์ไปสำรวจหุบเขาและดำน้ำตื้นระหว่างสองทวีปที่รอยแยกซิลฟราได้ด้วย ซึ่งน้ำในบริเวณนั้นขึ้นชื่อว่าใสราวกับกระจก

ต่อไปคุณจะแวะที่ทุ่งน้ำพุร้อนเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur) ซึ่งโด่งดังจากน้ำพุร้อนไกเซอร์อันยิ่งใหญ่ ไกเซอร์แห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของคำว่าไกเซอร์ที่ผู้คนหยิบยืมไปใช้เรียกน้ำพุร้อนแบบที่สามารถพ่นน้ำสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าทั่วโลกถึงแม้ว่าพวกมันจะมีขนาดเล็กกว่าไกเซอร์ต้นแบบมากก็ตาม แถวทุ่งน้ำพุร้อนมีสถานที่สวยๆ ให้เที่ยวชมหลายแห่งและลึกลงไปใต้พิภพในบริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง

สถานที่สุดท้ายของวันนี้คือน้ำตกกุลฟอสส์ (Gullfoss) ในแม่น้ำธารน้ำแข็งฮวิทเอา (Hvítá) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) น้ำจากน้ำตกขนาดมหึมาแห่งนี้ไหลถาโถมอย่างรุนแรงเป็นสองชั้นก่อนตกลงสู่หุบเหวด้านล่างส่งเสียงกึกก้องไปทั่วบริเวณหน้าผา

แต่ถ้าหากคุณไม่ได้ไปดำน้ำตื้น คุณก็สามารถไปร่วมกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิลที่น่าตื่นเต้นแทนได้ โดยทัวร์นี้จะออกเดินทางจากน้ำตกกุลล์ฟอสส์และพาขึ้นไปบนธารน้ำแข็งลางโจกุล และเป็นกิจกรรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้นโลดโผนเป็นอย่างมาก 

หรือคุณอาจจะเลือกเป็นทัวร์เที่ยวถ้ำลาวาวิดเกลมิร์ (Vidgelmir) ที่จะพาคุณไปรู้จักกับโลกมหัศจรรย์ใต้ภูมิประเทศที่สวยงามของประเทศไอซ์แลนด์ 

ที่พักของคุณในคืนนี้อยู่ในบริเวณเบลาสโกกาบีกด์ (Bláskógabyggð) ซึ่งห่างออกไปอีกไม่ไกล

สำหรับการเดินทางในวันนี้คุณจะมุ่งหน้าไปทางโลว์แลนด์และเส้นทางบนชายฝั่งทางทิศใต้ ถัดจากนั้นเมื่อคุณขับรถต่อไปอีก คุณก็จะผ่านน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ตระการตาอีก 2 แห่ง คือน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) คุณจะขับผ่านภูเขาไฟธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjalajökull) และธารน้ำแข็งรุ่นพี่อย่างมิร์ดาลสโจกุล (Mýrdalsjökul) ด้วย ไม่แน่ว่าเห็นแล้วคุณอาจนึกครึ้มอยากปีนกลาเซียร์ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งถ้าคุณอยากเข้าถึงประสบการณ์บนธารน้ำแข็งอย่างเต็มรูปแบบคุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมเสริมปีนกลาเซียร์ที่บริเวณเชิงของผืนน้ำแข็งขนาดยักษ์แห่งนี้เข้าไปในทริปวันนี้ด้วยก็ได้ หรือว่าคุณจะอยากขี่สโนว์โมบิลขึ้นธารน้ำแข็งมิร์ดาลส์โจกุล์ พร้อมกับชมธรรมชาติที่สวยงามและดื่มดำอิสระภาพบนพื้นที่สีขาวก็ได้

ต่อมาคุณจะเดินทางไปที่หมู่บ้านวิก (Vík) บนหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) หาดทรายดำที่โด่งดังที่สุดในไอซ์แลนด์ หาดแห่งนี้มีโขดทะเลขนาดยักษ์คอยปกปักษ์คุ้มครองอยู่ เชื่อกันว่าหินสองก้อนนี้แท้จริงแล้วเป็นยักษ์โทรลล์ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหินคอยดูแลหาดตลอดไป และชายหาดบริเวณนี้มีคลื่นยักษ์กำลังรุนแรงถาโถมซัดสาดกระทบชายฝั่งอย่างไม่ขาดสาย รับรองว่าคุณจะต้องตื่นตาตื่นใจกับพละกำลังอันมหาศาลของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนืออย่างแน่นอน 

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนในหมู่บ้านวิก (Vík)

สำหรับวันนี้คุณจะเดินทางผ่านหาดทรายดำสเกรดาร์เอาซานดูร์ (Skeiðarársandur) เพื่อไปที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ซึ่งตั้งแต่ทิศเหนือ ตะวันออก และตะวันตกนั้นมีธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatajökull) ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปล้อมรอบอยู่ สกัฟตาเฟลล์มีเส้นทางเดินเขาที่มีชื่อเสียงอยู่หลายเส้นทางซึ่งเหมาะสำหรับนักเดินเขาทุกระดับ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องการปีนกลาเซียร์ด้วย หากคุณอยากผจญภัยในวันนี้ คุณอาจจะเลือกไปเข้ากลุ่มกับนักปีนกลาเซียร์ที่มีประสบการณ์บนธารน้ำแข็ง เพื่อร่วมเดินทางขึ้นไปชมทิวทัศน์อันงดงามบนผืนน้ำแข็งที่แยกตัวออกมาก็ได้

หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเลือกไปกับทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ถ้ำเหล่านี้อยู่บนธารน้ำแข็งและเป็นปรากฏการณ์ที่งดงามและหาชมได้ยากมาก ซึ่งบนโลกมีถ้ำน้ำแข็งอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปชมด้านในได้

ตัวเลือกที่สามเป็นทัวร์รถบักกี้ที่จะพาคุณสัมผัสความตื่นเต้นบนหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ก่อนที่คุณจะออกจากวิก 

จากนั้นในระหว่างที่เดินทางไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) คุณจะขับรถผ่านยอดเขาฮวานนาดาลส์ฮนูคูร์ (Hvannadalshnjúkur) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่ทะเลสาบโจกุลซาลอนมีภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาลอยเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ อยู่บนผิวน้ำ พวกมันค่อยๆ เดินทางจากธารน้ำแข็งจนออกสู่ทะเลในที่สุด และเมื่อออกสู่ทะเลภูเขาน้ำแข็งบางส่วนจะถูกพัดขึ้นไปบนฝั่งที่หาดไดมอนด์บีชในทางทิศใต้ของทะเลสาบ ซึ่งเมื่ออยู่บนผืนทรายสีดำของหาดแห่งนี้ ก้อนน้ำแข็งจะดูสะดุดตาราวกับเป็นอัญมณีที่กระจัดกระจายอยู่เต็มบริเวณ

ถัดจากบริเวณนี้ไปทางทิศตะวันออกอีกเล็กน้อยก็จะถึงเมืองเฮิฟน์ (Höfn) สถานที่ที่คุณจะพักค้างคืนเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น

เริ่มต้นวันด้วยการไปเที่ยวที่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากภูเขาน้ำแข็งในทะเลสาบ ใช้เวลาชื่นชมน้ำแข็งสีฟ้าสวยให้ชื่นใจ และอย่าลืมสังเกตบริเวณโดยรอบให้ดีเผื่อว่าคุณจะได้พบกับแมวน้ำตัวหรือสองตัวออกมาว่ายน้ำเล่น

คุณสามารถเข้าร่วมกับทัวร์ที่พาล่องเรือลัดเลาะชมภูเขาน้ำแข็งแบบใกล้ชิดได้ด้วย เพื่อดื่มด่ำกับประสบการณ์ในสถานที่งดงามแห่งนี้อย่างเต็มที่

และหากคุณเดินทางมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม คุณยังจะมีโอกาสได้เที่ยวถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าในบริเวณนี้ด้วย ซึ่งถ้ำน้ำแข็งตรงนี้เป็นถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajökull) หากคุณต้องการเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง ให้คุณเลือกเข้าร่วมกับทัวร์ซูเปอร์จี๊ปที่จะพาคุณไต่ขึ้นไปบนกลาเซียร์จนถึงตัวถ้ำที่ซ่อนอยู่ในผืนน้ำแข็งด้านบนเลย

ถ้ำน้ำแข็งเป็นอุโมงค์ว่างเปล่าซึ่งเกิดจากการที่แม่น้ำใต้ดินแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นจึงสามารถเข้าชมได้แค่ช่วงฤดูหนาวเมื่อน้ำจากน้ำแข็งที่ละลายในช่วงหน้าร้อนแข็งตัวดีแล้วเท่านั้น ไกด์ของคุณมีความรู้เกี่ยวกับกลาเซียร์เป็นอย่างดี ดังนั้นทัวร์ครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีให้คุณได้จดจำไปตลอดอย่างแน่นอน

ถ้าคุณไม่ได้มาเยือนในช่วงเวลาดังกล่าวและต้องพลาดถ้ำน้ำแข็งก็ไม่เป็นไร เพราะในบริเวณทะเลสาบธารน้ำแข็งยังมีอะไรอย่างอื่นให้ดูให้ชมอีกมากมาย ที่แน่ๆ คุณควรไปที่หาดไดมอนด์บีช ซึ่งอยู่ติดกับทะเลสาบ เพราะบริเวณนี้เป็นจุดที่ก้อนภูเขาน้ำแข็งจะลอยออกสู่มหาสมุทร และภูเขาน้ำแข็งบางส่วนก็จะขึ้นมาเกยอยู่บนหาดทรายสีดำตามแนวชายฝั่งมองดูเหมือนเป็นอัญมณีเม็ดงาม

ระหว่างที่คุณเดินทางกลับเข้าเรคยาวิก คุณจะมีโอกาสได้เก็บตกสถานที่ที่คุณอาจจะพลาดเมื่อตอนขามา (ถ้ามี) ก่อนที่จะไปพักค้างคืนกันในเมืองหลวงที่หนาวที่สุดในโลกในคืนนี้

เมืองเรคยาวิกที่เต็มไปด้วยคาเฟ่อันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และบ้านเรือนที่ทำจากสังกะสีลูกฟูกสีสันสดใสจนเห็นแล้วต้องอมยิ้ม มีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับทุกคน และวันนี้คุณมีเวลาหนึ่งวันเต็มในการทำความรู้จักกับเมืองเรคยาวิกให้มากขึ้น

คุณอาจจะเดินเที่ยวในดาวน์ทาวน์และทำตัวเป็นคาเฟ่ฮอปเปอร์ชิมกาแฟตามคาเฟ่ต่างๆ เสียหน่อย (ชาวเมืองที่นี่จริงจังกับการดื่มกาแฟมากทีเดียว) หรือจะไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์เพื่อหาความรู้เกี่ยวกับชาวไวกิงที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในดินแดนแห่งนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยคุณจะได้รับส่วนลดพิเศษเมื่อใช้บัตรเรคยาวิกซิตี้การ์ดเพื่อเข้าชมหอศิลป์และเข้าใช้บริการสระว่ายน้ำในเมือง หากต้องการบัตรนี้ คุณสามารถกดเลือกเพิ่มบัตรได้ระหว่างที่คุณจองแพ็คเกจนี้

และคุณอาจจะเลือกไปชมนิทรรศการเกี่ยวกับปลาวาฬในไอซ์แลนด์ และไปสนุกที่ฟลายโอเวอร์ไอซ์แลนด์ (FlyOver Iceland) ด้วยก็ได้ นิทรรศการเกี่ยวกับปลาวาฬนั้นจัดแสดงโมเดลปลาวาฬ โลมา และพอร์พอยส์ทุกสายพันธุ์ที่พบในไอซ์แลนด์ในขนาดเท่าของจริง และมีข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์น้ำเหล่านี้ให้ศึกษาหาความรู้มากมาย

ส่วนที่ฟลายโอเวอร์ไอซ์แลนด์มีเครื่องเล่นที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับว่าตัวคุณได้ทะยานขึ้นเหนือหน้าจอที่แสดงภาพทิวทัศน์ที่สวยงามของประเทศไอซ์แลนด์พร้อมกับเอฟเฟกต์พิเศษทั้งลมและกลิ่น

นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณสูบฉีดมากขึ้นอีก อย่างการขี่ม้าชมภูมิประเทศที่งดงามในชนบท ทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากท่าเรือ และทัวร์เฮลิคอปเตอร์ที่พาไปลงจอดให้ชมวิว

และในวันนี้คุณยังสามารถจองทัวร์ล่องเรือล่าแสงเหนือสำหรับช่วงหัวค่ำเพื่อออกไปชมแสงออโรร่าจากในทะเลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนกลับได้ด้วย

หมดเวลาสนุกแล้วและวันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริป ผู้ที่มีเที่ยวบินในช่วงสายสามารถเลือกไปเที่ยวบลูลากูนในวันนี้ได้ เพื่อปิดทริปแบบผ่อนคลายก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน ซึ่งบลูลากูนเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมาแช่น้ำแร่ร้อนให้ร่างกายหายเมื่อยล้าในขณะที่นึกย้อนไปถึงประสบการณ์การผจญภัยสนุกๆ ที่คุณเพิ่งสัมผัสมาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ หากเที่ยวบินของคุณออกในช่วงเย็นหรือค่ำ คุณก็ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำในเรคยาวิกได้อีกมาก แต่หากเที่ยวบินของคุณอยู่ในช่วงเช้า เราก็ขอให้คุณเดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข และเมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน คุณจะนำรถไปส่งคืนที่สนามบินก่อนแล้วค่อยขึ้นเครื่องไปพร้อมกับความทรงจำดีๆ มากมายที่ไอซ์แลนด์