ทัวร์ขับรถชมแสงเหนือด้วยตนเองหนึ่งสัปดาห์ในไอซ์แลนด์ใต้ & ตะวันตก พร้อมถ้ำน้ำแข็ง

ขอต้อนรับสู่การผจญภัยขับรถเที่ยวฤดูหนาวหลายวันในไอซ์แลนด์ ที่คุณจะไม่มีวันลืม

หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก คุณจะรับรถเช่าคันที่จองไว้และเริ่มต้นทัวร์ขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง จุดหมายแรกคือเมืองเรคยาวิก เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร

ทันทีที่ขับออกจากสนามบิน คุณจะได้สัมผัสกับภูมิประเทศอันเป็นเอกลักษณ์ของไอซ์แลนด์—ทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียวบนคาบสมุทรเรคยาเนส ซึ่งเกิดจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ยังคุกรุ่นอยู่ใต้พื้นดิน

หากคุณต้องการแวะพักผ่อนก่อนเข้าเมือง หนึ่งในสถานที่ยอดนิยมคือบลูลากูน สปากลางแจ้งชื่อดังระดับโลกที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำสีฟ้าน้ำนม แร่ธาตุที่ดีต่อผิว และบริการสุดหรู ท่ามกลางฉากหลังเป็นลาวาสีดำตัดกับมอสส์เขียวที่สร้างบรรยากาศไม่เหมือนใคร

หากคุณเลือกแวะบลูลากูน โปรแกรมจะถูกจัดให้เหมาะสมกับเวลาเที่ยวบินของคุณ และหากวันนี้ยังไม่สะดวกแวะ ก็สามารถย้ายไปวันอื่นได้โดยที่ปรึกษาการเดินทางของคุณจะช่วยดูแลให้ หลังจากนั้นก็ได้เวลาเข้าสู่เมืองเรคยาวิกเพื่อสัมผัสแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนท่ามกลางฤดูหนาว

ถ้าคุณไม่ได้เลือกไปบลูลากูน ยังมีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจไม่แพ้กันอย่างสกายลากูนในเมืองโคปาโวกูร์ ใกล้เรคยาวิก สปาแห่งนี้มีสระอินฟินิตี้พร้อมวิวทะเลสุดตระการตา และพิธีผ่อนคลายแบบ 7 ขั้นตอนที่เรียกว่า Skjol Ritual

หลังจากเดินทางมาทั้งวัน คุณอาจมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือก่อนเข้าพักผ่อนในที่พักในเมืองเรคยาวิก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดในโลกในการชมปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์นี้ อย่าลืมเงยหน้ามองฟ้าทันทีที่ท้องฟ้ามืดลง

หากยังไม่เหนื่อยเกินไป คุณสามารถออกไปเดินเล่นยามค่ำในตัวเมืองเรคยาวิกเพื่อสัมผัสบรรยากาศแบบคนเมืองนี้ ร้านอาหารใกล้ที่พักมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเมนูพื้นเมืองและอาหารนานาชาติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับปิดท้ายวันแรกของการเดินทางด้วยมื้อค่ำแสนสบาย

วันที่สองถือเป็นการเริ่มต้นการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์นอกเมืองหลวง คุณจะมุ่งหน้าไปทางเหนือสู่คาบสมุทรสไนแฟลซเนส ซึ่งอยู่ห่างจากเรคยาวิก 136 กิโลเมตร และถูกเรียกว่า "ไอซ์แลนด์ในรูปแบบย่อส่วน" เนื่องจากมีภูมิประเทศที่หลากหลายบนพื้นที่ขนาดเล็ก

สถานที่แห่งนี้งดงามราวกับอยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและจินตนาการ ด้วยภูมิทัศน์อันน่าพิศวงที่โอบล้อมด้วยตำนานและเรื่องเล่าขานเหนือกาลเวลา เบื้องหน้าคือธารน้ำแข็งภูเขาไฟสไนเฟลล์สโจกุลอันเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งเคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยาย Journey to the Center of the Earth ของ Jules Verne

บนชายฝั่งทางใต้ของสไนแฟลซเนส หาดทรายสีดำที่สวยงามของดยูปาลอนส์ซานดูร์และชั้นหินลอนดรังการ์จะคอยต้อนรับคุณ คลื่นแอตแลนติกเหนือที่ซัดเข้าหาบริเวณชายฝั่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดภาพทิวทัศน์วังเวงชวนหลงใหล

บริเวณใกล้เคียงคือเฮลล์นาร์และอาร์นาร์สตาปิ ซึ่งเป็นหมู่บ้านริมชายฝั่งสองแห่งที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์การประมงอันยาวนาน คุณสามารถเยี่ยมชมชุมชนเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อสำรวจบ้านและร้านกาแฟที่มีเสน่ห์ นี่เป็นโอกาสของคุณที่จะได้พบกับคนท้องถิ่นที่เป็นมิตรและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของพวกเขา

ระหว่างทาง อย่าลืมแวะหมู่บ้านบูดิร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องโบสถ์ไม้สีดำบูดาคิร์กยาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบของไอซ์แลนด์ ใกล้กันคือชายหาดอิทรี ทุงกา ที่มีหาดทรายสีทองและฝูงแมวน้ำแสนซุกซนมานอนอาบแดด เป็นสถานที่ลับที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางชายหาดสีดำชื่อดังของประเทศนี้

เมื่อเดินทางต่อไปทางเหนือ คุณจะได้พบกับภูเขาคิร์กจูเฟลล์อันเป็นสัญลักษณ์ และเมืองชาวประมงเล็กๆ สีสันสดใสอย่างสติกกิชโฮลมูร์ ภูเขาคิร์กจูเฟลล์สูง 463 เมตร และถือเป็นหนึ่งในภูเขาที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ส่วนเมืองสติกกิชโฮลมูร์ก็มีเสน่ห์ในแบบเรียบง่ายของหมู่บ้านริมทะเล

ระหว่างวัน คุณสามารถเลือกกิจกรรมพิเศษได้สองแบบที่ต่างก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน—อย่างแรกคือการล่องเรือออกจากเมืองโอลาฟสวิกเพื่อชมวาฬ ท่ามกลางท้องทะเลที่เต็มไปด้วยโลมา นกทะเล และบางครั้งอาจโชคดีเห็นวาฬหลังค่อมหรือวาฬสเปิร์มตัวใหญ่

อีกทางเลือกคือการแวะผ่อนคลายที่เครยมาสปาในไอซ์แลนด์ตะวันตก สปาแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำพุร้อนเดลดาร์ทุงกุฮแวร์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีปริมาณน้ำไหลมากที่สุดในยุโรป

หลังจากเต็มอิ่มกับกิจกรรมตลอดทั้งวัน ก็ได้เวลาพักผ่อนบนคาบสมุทรสไนแฟลซเนส หากท้องฟ้าเปิด อย่าลืมออกไปชมฟ้าเผื่อจะได้เห็นแสงเหนือระยิบระยับเหนือขอบฟ้าอีกคืนหนึ่ง

ในวันที่สามของทัวร์ขับรถฤดูหนาวนี้ คุณจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเที่ยวเส้นทางชื่อดังอย่างโกลเด้นเซอร์เคิล หรือวงกลมทองคำ ซึ่งมีสถานที่สำคัญที่สุดสามแห่งของไอซ์แลนด์

ก่อนถึงโกลเด้นเซอร์เคิล คุณจะผ่านเขตบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องถ้ำลาวาและอุโมงค์ใต้ดินที่น่าทึ่ง คุณสามารถเลือกเข้าร่วมทัวร์ผจญภัยในถ้ำลาวาวิดเกลมิร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในถ้ำลาวาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

การเดินสำรวจถ้ำลาวาแห่งนี้จะพาคุณเข้าสู่โลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยหินรูปร่างแปลกตา แท่งน้ำแข็งห้อยลงมาจากเพดาน และเรื่องราวทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจของไอซ์แลนด์ ทัวร์นี้มีไกด์ผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอดเส้นทาง เพื่อให้คุณได้ทั้งความปลอดภัยและความสนุก

เมื่อเดินทางต่อไป จุดแวะแรกของโกลเด้นเซอร์เคิลคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ในหุบเขารอยแยกของเปลือกโลก และยังเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งแรกของไอซ์แลนด์ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 930 ไฮไลต์ของที่นี่คือรอยแยกซิลฟรา แคนยอนอัลมานนากยา และน้ำตกออกซาราร์ฟอสส์

สำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมแอดเวนเจอร์ มีตัวเลือกให้ดำน้ำตื้นในรอยแยกซิลฟรา ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำจืดที่น้ำใสที่สุดในโลก ผู้เข้าร่วมต้องว่ายน้ำเป็น และจะมีชุดกันน้ำแบบเทอร์มอลให้ใส่เพื่อป้องกันความหนาวขณะดื่มด่ำกับโลกใต้น้ำที่ไม่เหมือนที่ไหน

จากนั้นคุณจะไปต่อยังหุบเขาพลังงานความร้อนใต้พิภพเฮยคาดาลูร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไกเซอร์ ต้นกำเนิดของคำว่า “ไกเซอร์” ที่เราใช้เรียกน้ำพุร้อนทั่วโลก แม้ไกเซอร์จะหยุดพ่นน้ำแล้วในปัจจุบัน แต่สโทรคูร์ที่อยู่ใกล้กันยังคงพ่นน้ำเดือดขึ้นฟ้าทุก 5-10 นาที สูงถึง 20 เมตร

จุดสุดท้ายของเส้นทางคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งตั้งอยู่ในแม่น้ำฮวิทเอาโดยมีต้นน้ำมาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล น้ำตกแห่งนี้ไหลตกลงมาสองชั้นอย่างรุนแรงสู่หุบเขาเบื้องล่าง ส่งเสียงกระหึ่มก้องไปทั่วหน้าผาโดยรอบ

หากมีเวลา คุณสามารถขับรถอ้อมไปชมปากปล่องภูเขาไฟเคริด ซึ่งเป็นทะเลสาบกลางปล่องภูเขาไฟที่มีน้ำสีฟ้าเข้มตัดกับผืนดินสีแดงและดำ สร้างภาพงดงามตัดกับหิมะสีขาวในฤดูหนาว

หากคุณไม่ได้ดำน้ำที่ซิลฟรา อีกทางเลือกที่น่าตื่นเต้นคือการนั่งสโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งลางโจกุลจากจุดเริ่มต้นที่น้ำตกกุลล์ฟอสส์ และแล่นทะยานผ่านลานน้ำแข็งกว้างใหญ่ ท่ามกลางวิวเทือกเขาหิมะและผืนน้ำแข็งระยิบระยับ

เมื่อจบทริปในวันนี้ คุณจะเข้าพักที่ที่พักใกล้เส้นทางโกลเด้นเซอร์เคิล และถ้าท้องฟ้าเปิด อย่าลืมออกมาชมท้องฟ้าเผื่อจะได้เห็นแสงเหนือมาเยือนเป็นของขวัญปิดท้ายวันที่แสนพิเศษนี้

ในวันที่สี่ของทัวร์ขับรถฤดูหนาว คุณจะออกเดินทางสู่พื้นที่ลุ่มทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อชายฝั่งทางใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ด้วยภูมิทัศน์อันน่าทึ่งและระยะทางที่ไม่ไกลจากเมืองหลวง

การผจญภัยในวันนี้เริ่มต้นด้วยการชมความงดงามของน้ำตกสองแห่งที่เรียงรายอยู่ไม่ไกลกัน ซึ่งก็คือเซลยาแลนด์สฟอสส์และสโคกาฟอสส์ ทั้งสองแห่งมีความสูงกว่า 60 เมตร และในฤดูหนาวจะกลายเป็นภาพที่ชวนตะลึง ท่ามกลางม่านน้ำแข็งและหิมะที่โอบล้อม

ไม่ไกลจากน้ำตก ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติให้ชมอีก คุณจะขับรถต่อไปใต้ร่มเงาของภูเขาไฟธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุล และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ชื่อมิร์ดาลสโจกุลที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ของภูมิภาค

บริเวณมิร์ดาลสโจกุลนั้น คุณสามารถเลือกออกเดินเท้าสำรวจธารน้ำแข็งแบบใกล้ชิด บนโซลเฮมาโจกุล ซึ่งเป็นหนึ่งในแขนงของธารน้ำแข็งหลัก คุณจะได้เดินผ่านร่องน้ำแข็งที่ลึก พื้นน้ำแข็งสีขาวโพลน และผนังน้ำแข็งขนาดมหึมา—เป็นประสบการณ์ที่ได้สัมผัสธรรมชาติแบบลึกซึ้ง

อีกหนึ่งทางเลือกที่เร้าใจไม่แพ้กันคือการขับสโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล โลดแล่นบนพื้นน้ำแข็งกว้างใหญ่ ท่ามกลางทิวทัศน์ฤดูหนาวของไอซ์แลนด์ การขับขี่สโนว์โมบิลไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็สามารถร่วมกิจกรรมได้อย่างสนุกสนาน

หลังจากกิจกรรมกลางแจ้งสุดมันส์ คุณจะเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านวิก หรือวิก อี มิร์ดาล หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงจากหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา ซึ่งมีหน้าผาหินบะซอลต์และแท่งหินกลางทะเลเป็นฉากหลัง พร้อมคลื่นมหาสมุทรแอตแลนติกซัดกระทบฝั่ง สร้างภาพที่ทั้งสวยงามและทรงพลัง

ก่อนเข้าที่พัก คุณสามารถเดินเที่ยวในหมู่บ้านและแวะขึ้นไปยังโบสถ์ท้องถิ่นบนเนินเขา เพื่อชมวิวมุมสูงของภูมิประเทศโดยรอบ และถ้าฟ้าเปิด คืนนี้อาจเป็นอีกค่ำคืนที่คุณมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือบนท้องฟ้า

หลังจากวันแห่งการผจญภัยที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและทิวทัศน์งดงาม ก็ได้เวลาพักผ่อนในที่พักแถบชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์อย่างสบายใจ

วันที่ห้าของทัวร์ขับรถหน้าหนาวนี้ คุณจะได้เดินทางลึกเข้าสู่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างวัทนาโจกุล

ก่อนออกจากหมู่บ้านวิก คุณสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมขี่ม้าสุดเร้าใจริมชายฝั่งสีดำทะมึนของไอซ์แลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์น่าจดจำสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสธรรมชาติในมุมที่แตกต่าง

หลังออกจากวิก คุณจะขับผ่านพื้นทรายสีดำลึกลับของสเกดาราร์ซานดูร์ ก่อนเข้าสู่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล 

หากคุณชอบความท้าทาย การไฮกิ้งบนธารน้ำแข็งแบบมีไกด์จะพาคุณลัดเลาะผ่านแนวหิมะ รอยแยก และผนังน้ำแข็งอันน่าตื่นตา พื้นที่นี้ยังมีเส้นทางเดินป่าหลายระดับ เหมาะกับนักผจญภัยทุกระดับประสบการณ์

ในฤดูหนาวปีนี้มีการค้นพบถ้ำน้ำแข็งสองแห่งในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ได้แก่ ถ้ำฝั่งตะวันตกและถ้ำฝั่งตะวันออก คุณสามารถเลือกจองทัวร์เพื่อเข้าไปชมถ้ำน้ำแข็งได้ โดยจะได้ไปชมถ้ำที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพอากาศของแต่ละวัน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การชมถ้ำน้ำแข็งที่ดีที่สุด

คุณสามารถเลือกเดินทางไปถ้ำน้ำแข็งได้ทั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ หรือเลือกเก็บไว้เป็นไฮไลต์ของวันรุ่งขึ้นก็ได้ โดยคุณสามารถเลือกปรับแต่งการผจญภัยให้เหมาะกับแผนของคุณ พร้อมดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอันน่าทึ่ง

หลังจากกิจกรรมบนธารน้ำแข็ง คุณจะขับรถผ่านยอดเขาฮวานนาดาลชนูกูร์ ยอดเขาที่สูงที่สุดของไอซ์แลนด์ และมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ลอยไปสู่ทะเล ก่อนที่คลื่นจะพัดพวกมันขึ้นไปอยู่ฝั่งอย่างงดงาม

หากยังไม่อิ่มกับการผจญภัย คุณสามารถเลือกขึ้นไปสำรวจถ้ำน้ำแข็งที่อยู่ด้านบนของธารน้ำแข็งได้อีก ถ้ำน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติหายากระดับโลก และเป็นโอกาสพิเศษที่คุณจะได้เดินทางเข้าไปสู่ "หัวใจของธารน้ำแข็ง" ท่ามกลางผนังน้ำแข็งสีน้ำเงินระยิบระยับ นี่คือประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่นๆ

หากคุณไม่มีเวลาไปเยี่ยมชมถ้ำน้ำแข็งในวันนี้ ไม่ต้องกังวล เพราะคุณยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปสัมผัสประสบการณ์นี้ในวันพรุ่งนี้

หลังจบวันสุดตื่นตาตื่นใจ คุณจะเข้าพักในที่พักแสนสบายในทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันถัดไป หากคืนนี้ท้องฟ้าเปิด ก็อย่าลืมออกไปชมแสงเหนือที่อาจปรากฏให้เห็นเหนือขอบฟ้า

วันที่เจ็ดของทริปในไอซ์แลนด์จะสบายๆ กว่าทุกวันก่อนหน้า เพราะวันนี้คุณจะได้พักจากการขับรถระยะไกล และใช้เวลาอยู่ในเรคยาวิก เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเสน่ห์เฉพาะตัว

เรคยาวิกโดดเด่นด้วยคาเฟ่แปลกตา บ้านสีสันสดใสที่ทำจากแผ่นเหล็กลอนลูกฟูก ศิลปะบนกำแพง และวัฒนธรรมอาหารที่น่าค้นหา—ทุกมุมของเมืองมีเรื่องราวให้คุณได้สัมผัส ลองเดินเล่นในย่านดาวน์ทาวน์และค้นหาร้านกาแฟที่ถูกใจ เพราะชาวไอซ์แลนด์จริงจังกับการดื่มกาแฟมาก การได้จิบกาแฟร้อนๆ ยังช่วยคลายหนาวในช่วงฤดูหนาวได้ดีอีกด้วย และอย่าลืมแวะชิมฮอตดอกเจ้าดังที่แผง Bæjarins Beztu ซึ่งขึ้นชื่อว่าอร่อยติดอันดับโลก

ถ้าคุณชอบพิพิธภัณฑ์ เรคยาวิกก็มีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับยุคไวกิ้งไปจนถึงศิลปะร่วมสมัย หากคุณซื้อบัตรเรคยาวิกซิตี้การ์ด คุณจะได้รับส่วนลดหรือเข้าใช้บริการสถานที่บางแห่งได้ฟรี เช่น แกลเลอรี สระว่ายน้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

สำหรับประสบการณ์แปลกใหม่ ลองไปที่นิทรรศการวาฬแห่งไอซ์แลนด์ ซึ่งจัดแสดงแบบจำลองปลาวาฬขนาดเท่าตัวจริงให้คุณได้ชมอย่างใกล้ชิด หรือสัมผัสความตื่นเต้นกับฟลายโอเวอร์ไอซ์แลนด์ เครื่องเล่นเสมือนจริงที่พาคุณ “เหินฟ้า” เหนือภูมิประเทศที่สวยงามของไอซ์แลนด์พร้อมเอฟเฟกต์สมจริง

หากอยากเพิ่มความผจญภัย คุณสามารถจองกิจกรรมขี่ม้าบนทุ่งหญ้ากลางธรรมชาติ ออกไปดูปลาวาฬจากท่าเรือ หรือเลือกนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปชมบ่อน้ำพุร้อนพร้อมลงจอดบนลานภูเขาไฟ และในช่วงค่ำ คุณอาจเลือกจบทริปด้วยการล่องเรือออกไปชมแสงเหนือกลางมหาสมุทร เป็นฉากสุดท้ายที่งดงามและน่าประทับใจ

ไม่ว่าคุณจะเลือกกิจกรรมแบบไหน วันสุดท้ายในเรคยาวิกก็จะเต็มไปด้วยความสุขและความทรงจำที่ไม่รู้ลืม ก่อนกลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนหลังจากผจญภัยทั่วไอซ์แลนด์อย่างเต็มอิ่ม