แพ็คเกจล่าแสงเหนือฤดูหนาวหนึ่งสัปดาห์ รวมเที่ยวถ้ำน้ำแข็งและอุทยานแห่งชาติ

ในวันที่สาม คุณจะออกเดินทางจากเรคยาวิกสู่การผจญภัยที่น่าประทับใจบนชายฝั่งทางใต้อันงดงามของไอซ์แลนด์ พร้อมโปรแกรมค้างคืนหนึ่งคืน เตรียมตัวพบกับน้ำตกสุดตระการตา ชายหาดทรายดำชื่อดัง และ ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon Glacier Lagoon) สถานที่ที่ได้รับสมญาว่า “อัญมณีแห่งไอซ์แลนด์”

เส้นทางชายฝั่งทางใต้เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ โดดเด่นด้วยภูมิประเทศดิบแบบธรรมชาติ ระหว่างเดินทาง คุณจะเห็นทุ่งลาวา หน้าผาสูงตระหง่าน วิวทะเลแอตแลนติก และธารน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ทอดยาวสุดสายตา ไกด์ท้องถิ่นผู้เชี่ยวชาญจะพาคุณเดินทางอย่างปลอดภัยและให้ข้อมูลตลอดเส้นทาง

จุดหมายแรกของคุณคือน้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์ (Seljalandsfoss) และสโคกาฟอสส์ (Skogafoss) สองน้ำตกสูงราว 60 เมตรที่ให้ประสบการณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เซลยาแลนด์สฟอสส์ไหลเป็นเส้นนุ่มนวลและมีทางเดินให้เดินลอดด้านหลังน้ำตก ส่วนสโคกาฟอสส์มีสายน้ำกว้างและทรงพลัง จนเสียงกระหน่ำของน้ำสะท้อนก้องไปทั่วพื้นที่

จุดแวะถัดไปคือชายหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara Black Sand Beach) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก สัมผัสคลื่นทะเลอันทรงพลังซัดเข้าหาฝั่ง พร้อมชมความงามตัดกันของทรายสีดำกับหิมะสีขาว คุณสามารถเดินเล่นบนชายหาดและชมเสาหินทะเลเรย์นิสแดรงการ์ (Reynisdrangar) ที่ตั้งตระหง่านอยู่ห่างออกไป แต่ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากคลื่น “สนีกเกอร์เวฟ” อาจซัดเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ควรรักษาระยะห่างจากแนวคลื่นเพื่อความปลอดภัย

จากนั้นจะมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟล (Skaftafell Nature Reserve) ภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล สกัฟตาเฟลล์เดิมเคยเป็นอุทยานแห่งชาติแยกต่างหาก ก่อนจะรวมเข้ากับวัทนาโจกุลในปี 2008 ที่นี่เต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่าท่ามกลางป่าไม้อันเงียบสงบ พร้อมวิวของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป

คุณยังสามารถเลือกเข้าร่วมทัวร์ถ้ำน้ำแข็งภายในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลได้อีกด้วย

ฤดูหนาวปีนี้มีการค้นพบถ้ำน้ำแข็งที่สวยงามถึงสองแห่ง ได้แก่ ถ้ำน้ำแข็งฝั่งตะวันตก และถ้ำน้ำแข็งฝั่งตะวันออก โดยไกด์ผู้เชี่ยวชาญจะพาคุณไปยังถ้ำที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพอากาศและทัศนวิสัยในวันนั้น คุณจะมีเวลาประมาณ 45 นาทีในการสำรวจและถ่ายรูปภายในถ้ำสีฟ้าใสราวอัญมณี

ไฮไลต์ของวันคือทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน หนึ่งในสถานที่งดงามที่สุดในไอซ์แลนด์ ชมภูเขาน้ำแข็งยักษ์แตกตัวออกจากธารน้ำแข็งเบรดาแมร์คูร์โจกุล (Breidamerkurjokull) ลอยเอื่อยอยู่ในทะเลสาบก่อนเคลื่อนสู่ทะเล น้ำแข็งบางก้อนเผยให้เห็นสีน้ำเงินเข้มภายในที่ไม่โดนแสงยูวีมาก่อน สร้างภาพที่น่าหลงใหล บางครั้งคุณอาจเห็นแมวน้ำและนกทะเลว่ายเล่นอยู่ในทะเลสาบด้วย

หากท้องฟ้าเปิดและสภาพอากาศเอื้ออำนวย คุณอาจได้เห็นแสงเหนือเต้นรำเหนือผืนน้ำที่มีน้ำแข็งในค่ำคืนนี้

หลังจากเต็มอิ่มกับทิวทัศน์ระดับโลก คุณจะเข้าพักในโรงแรมชนบทย่านไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับการผจญภัยในวันถัดไป

ในวันที่สี่ของการผจญภัยหนึ่งสัปดาห์ คุณจะได้สำรวจถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติในวัทนาโจกุล และสัมผัสความงดงามของทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ก่อนเดินทางกลับสู่เรคยาวิก

หากคุณเลือกเข้าร่วมทัวร์ถ้ำน้ำแข็งในวันนี้ หลังอาหารเช้าคุณจะกลับมารวมกลุ่มและออกเดินทางด้วยซูเปอร์จี๊ป รถดัดแปลงพิเศษสำหรับเส้นทางออฟโรดของไอซ์แลนด์ มุ่งหน้าสู่ธารน้ำแข็งที่การผจญภัยสุดตื่นเต้นกำลังรออยู่

จากลานจอดรถ มีการเดินเท้าระยะสั้นไปยังปากถ้ำ ควรสวมรองเท้าปีนเขาที่หุ้มข้อ เพื่อเพิ่มความมั่นคงและป้องกันเท้าเปียกจากพื้นน้ำแข็ง

ทุกปี ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำน้ำแข็งจะสำรวจธารน้ำแข็งเพื่อค้นหาถ้ำที่ปลอดภัยสำหรับการเข้าชม เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายและก่อตัวใหม่อยู่เสมอ ลักษณะภายในถ้ำจึงเปลี่ยนแปลงได้เร็ว ทำให้ทุกการเข้าชมมีความพิเศษและไม่ซ้ำกัน

ฤดูหนาวปีนี้ มีการค้นพบถ้ำน้ำแข็งที่งดงามถึงสองแห่งในวัทนาโจกุล ได้แก่ ถ้ำน้ำแข็งฝั่งตะวันตก และถ้ำน้ำแข็งฝั่งตะวันออก ไกด์ผู้เชี่ยวชาญจะเลือกถ้ำที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพอากาศและทัศนวิสัยของวันนั้น เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ภายในถ้ำ คุณจะได้ชื่นชมความงดงามของน้ำแข็งสีน้ำเงินใสราวคริสตัล ลวดลายน้ำแข็งละเอียดเหมือนลายลูกไม้ และมีประติมากรรมน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ เงยหน้ามองปลายน้ำแข็งย้อยแหลมที่ห้อยอยู่เต็มเพดานถ้ำ คุณจะมีเวลาประมาณ 45 นาทีในการสำรวจและถ่ายภาพอย่างเต็มอิ่ม

หลังจากออกจากถ้ำน้ำแข็ง คุณจะเดินทางกลับไปยังทะเลสาบโจกุลซาร์ลอนอีกครั้ง เพื่อชมทิวทัศน์ยามกลางวันที่แตกต่างออกไป ก่อนมุ่งหน้ากลับเรคยาวิกตามเส้นทางชายฝั่งทางใต้

หากระหว่างเดินทางกลับ หากท้องฟ้าโปร่งและแสงเหนือปรากฏขึ้น ไกด์จะจอดรถให้คุณได้ลงไปชมความงามของออโรร่าโบเรียลิส  และเก็บภาพความประทับใจ แสงสีเขียวม่วงที่พลิ้วไหวบนท้องฟ้าเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

เมื่อเดินทางถึงเรคยาวิกในช่วงค่ำ คุณจะมีเวลาสำหรับมื้อเย็นเบาๆ ในย่านใจกลางเมือง ก่อนกลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน เตรียมตัวสำหรับการผจญภัยในวันถัดไป

ออกเดินทางทัวร์สองวันเพื่อค้นพบ “ไอซ์แลนด์ฉบับย่อ” บนคาบสมุทรสไนแฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) และดินแดนทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ ทริปสุดพิเศษนี้จะพาคุณชมทั้งน้ำตก ธารน้ำแข็ง หาดทรายสีดำ เทือกเขา และบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ

การผจญภัยเริ่มต้นเมื่อคุณพบกับไกด์และออกเดินทางจากเรคยาวิกเป็นกลุ่มเล็ก ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่เป็นกันเองและใกล้ชิด คุณจะมุ่งหน้าไปทางเหนือสู่บอร์การ์เนส (Borgarnes) ก่อนมุ่งหน้าทางตะวันตกไปตามชายฝั่งตอนใต้ของคาบสมุทรสไนแฟลซเนส จุดแวะแรกคือชายหาดอิทริ-ทุงกา (Ytri-Tunga Beach) ชายหาดแห่งนี้มีทรายสีทองซึ่งแตกต่างจากหาดอื่นๆ ในไอซ์แลนด์ และยังเป็นจุดที่มักพบแมวน้ำออกมานอนอาบแดดบนโขดหินอีกด้วย

จากนั้นคุณจะเยี่ยมชมหมู่บ้านประมงอาร์นาร์สตาปิ (Arnarstapi) และเฮลล์นาร์ (Hellnar) เส้นทางเดินป่าเลียบชายฝั่งมีทิวทัศน์มหาสมุทรอันงดงามจากหน้าผา ใช้เวลาสำรวจเส้นทางที่สวยงามนี้อย่างเต็มที่ก่อนเดินทางต่อไป

ต่อไป คุณจะเข้าสู่อุทยานแห่งชาติสไนเฟลล์สโจกุล (Snaefellsjokull National Park) ที่ตั้งของภูเขาไฟรูปทรงกรวยคู่ยอดสไนเฟลล์สโจกุลที่ปกคลุมด้วยธารน้ำแข็ง ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากเรคยาวิกในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ภูเขาแห่งนี้ยังเป็นฉากสำคัญในนิยาย Journey to the Center of the Earth ของ Jules Verne อีกด้วย คุณสามารถสำรวจพื้นที่ภายในอุทยาน หรือเพิ่มความตื่นเต้นด้วยการจองทัวร์ลงไปในถ้ำลาวาวาทน์เชลลิร์ (Vatnshellir Lava Cave) ถ้ำภูเขาไฟอายุประมาณ 7,000 ปี ที่จะพาคุณลงไปสัมผัสโลกใต้พื้นดิน

จากนั้น คุณจะเดินทางต่อไปยังชายหาดดยูปาลอนส์ซานดูร์ (Djupalonssandur) ซึ่งมีทรายสีดำและก้อนหินลาวาก้อนใหญ่รูปทรงแปลกตา อีกทั้งยังมีซากเรือประมงที่ถูกพายุพัดแตกเมื่อหลายสิบปีก่อน หาดแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องก้อนกรวดกลมมนและภูมิทัศน์ริมทะเลที่สวยสะกดสายตา

เมื่อจบวัน คุณจะเข้าพักในโรงแรมบรรยากาศอบอุ่นบนคาบสมุทรสไนแฟลซเนสหรือในเมืองบอร์การ์เนส ขึ้นอยู่กับตัวเลือกที่พักของคุณ

หากคุณพักที่บอร์การ์เนส ไกด์จะพาแวะภูเขาคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) เป็นจุดสุดท้ายของวัน ภูเขารูปทรงกรวยอันโดดเด่นนี้ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ แต่หากคุณพักบนคาบสมุทรสไนแฟลซเนส คุณจะมีโอกาสไปเยี่ยมชมภูเขาคิร์กจูเฟลล์ในเช้าวันถัดไปแทน

ในวันสุดท้ายของคุณในไอซ์แลนด์ ใช้เวลาสักครู่ดื่มด่ำกับเสน่ห์ของกรุงเรคยาวิกก่อนมุ่งหน้าไปสนามบิน หากมีเวลา ลองเดินเล่นชมร้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของเมือง แวะจิบกาแฟอุ่นๆ ในคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ และเลือกซื้อของฝากชิ้นสุดท้ายเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำของการเดินทางครั้งนี้

หากไฟลท์ออกช่วงบ่ายหรือเย็น และอยากปิดท้ายทริปด้วยประสบการณ์ผ่อนคลายอีกหนึ่งครั้ง แนะนำให้แวะบลูลากูนก่อนเดินทางกลับ แช่น้ำอุ่นที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ผ่อนคลายพร้อมทบทวนภาพของธรรมชาติอันงดงามที่คุณได้สัมผัสตลอดทริป และปล่อยให้ความสงบรายล้อมเป็นครั้งสุดท้าย

หากมีเวลาเหลือ คุณยังสามารถเลือกทำกิจกรรมเสริมได้อีกหลายแบบ

ทัวร์เดินชมเมืองแบบกลุ่มเล็กจะพาคุณไปเรียนรู้ประวัติและวัฒนธรรมของเรคยาวิกอย่างใกล้ชิด

ส่วนทัวร์อาหารก็เปิดโอกาสให้คุณได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นแบบต้นตำรับ หรือจะเลือกทัวร์ชิมเบียร์และสแนปส์ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

สำหรับใครที่อยากเพิ่มความตื่นเต้นก่อนเดินทางกลับ ทริปดูปลาวาฬเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ได้รับความนิยม หรือหากอยาก “บินชมไอซ์แลนด์” โดยไม่ต้องออกนอกเมือง ก็สามารถเลือกประสบการณ์ฟลายโอเวอร์ (FlyOver Iceland) ได้ นอกจากนี้ยังมีทัวร์เครื่องบินชมทุ่งลาวาภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุครั้งล่าสุดบนคาบสมุทรเรคยาเนส 

ยังมีพิพิธภัณฑ์ให้เลือกชมอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์เพอร์ลัน (Perlan Museum) ที่จัดแสดงนิทรรศการสิ่งมหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ (Wonders of Iceland) ศูนย์แสงเหนือ (Aurora Reykjavik) หรือพิพิธภัณฑ์วาฬแห่งไอซ์แลนด์ (Whales of Iceland)

เมื่อถึงเวลาเดินทาง รถชัตเทิลบัสจะมารับคุณไปยังสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก หรือหากต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ก็สามารถเลือกบริการรถรับส่งส่วนตัวได้เช่นกัน

เราหวังว่าการเดินทางของคุณในไอซ์แลนด์ครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความประทับใจ และหวังว่าจะได้ต้อนรับคุณอีกครั้งในทริปถัดไป!