แพ็คเกจฤดูหนาวล่าแสงเหนือ 9 วันในไอซ์แลนด์ เดินทางด้วยรถมินิบัสบนถนนวงแหวนพร้อมไกด์

ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไอซ์แลนด์ เมื่อคุณเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเคฟราวิก (Keflavík) คุณจะได้ขึ้นรถรับ-ส่งสนามบินเพื่อที่จะนำคุณเดินทางผ่านทุ่งลาวากว้างใหญ่ของคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes) เพื่อไปยังเมืองเรคยาวิก (Reykjavík). ก่อนที่จะเข้าเมืองคุณสามารถเลือกที่จะแวะบลูลากูนก่อนได้ โดยทราเวลเอเจ้นท์จะเลือกหาเวลาจองให้ตามตารางตั๋วเครื่องบินของคุณ. ระหว่างทางจากสนามบินไปยังเมืองหลวงเป็นที่ตั้งของบลูลากูนอันโด่งดัง สปาพลังงานใต้พิภพที่มีน้ำสีฟ้าใสเต็มไปด้วยแร่ธาตุอย่างซิลิกาและซัลเฟอร์ การได้แช่ในสปาถือเป็นประสบการณ์การผ่อนคลายและการพักผ่อนจากการเดินทางได้อย่างดีเยี่ยม.

ขึ้นอยู่กับเวลาในการเดินทาง เพราะหากคุณมีเวลาคุณสามารถทำการสำรวจตัวเมืองเรคยาวิกที่งดงามนี้ ที่เต็มไปด้วยคาเฟ่, ร้านอาหาร, ร้านค้า และพิพิธภัณฑ์.

คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ในที่พักในตัวเมืองเรคยาวิก.

ในวันที่สี่คุณจะได้เดินทางต่อไปตามเส้นทางชายฝั่งทางใต้ไปจนถึงทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ที่นี่มีความงดงามของภูเขาน้ำแข็งที่แตกออกจากวัทนาโจกุล (Vatnajökull) ได้ล่องลอยอยู่ในทะเลสาบสีฟ้า.

แนวชายหาดสีดำที่ทอดยาวอยู่ใกล้ๆมีชื่อเต็มที่เรียกว่าไดมอนด์บีช (Diamond Beach) จากก้อนน้ำแข็งที่ลอยมาจากทะเลสาบได้มารวมตัวกันและส่องประกายเหมือนอัญมณีภายใต้แสงอาทิตย์. คุณสามารถเดินไปบนทุ่งก้อนน้ำแข็ง ที่ตั้งตระหง่านตัดกับสีของชายหาดสีดำบนพื้น.

ในวันนี้คุณจะได้มีโอกาสพิเศษในการสำรวจหนึ่งในถ้ำน้ำแข็งที่งดงามที่สุดในเส้นทางชายฝั่งทางใต้ หากคุณเดินทางท่องเที่ยวระหว่างช่วงเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมีนาคม คุณจะได้ทำการสำรวจถ้ำน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ด้านล่างของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล แต่หากคุณไม่ได้เดินทางมาในช่วงเดือนดังกล่าว คุณจะได้เดินทางไปชมถ้ำน้ำแข็งที่อยู่ด้านล่างของธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลแทน ซึ่งถ้ำน้ำแข็งทั้งสองแห่งถือเป็นความมหัศจรรย์ในโลกนี้อย่างแท้จริง.

อุโมงค์สีฟ้าที่ส่องประกายเหล่านี้เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ชื่นชอบธรรมชาติและนักถ่ายภาพ เพื่อที่จะได้ชมความน่ามหัศจรรย์ของการก่อตัวของธารน้ำแข็ง คุณจะได้ตื่นตากับเฉดสีฟ้าที่อยู่ด้านใน รวมถึงประติมากรรมน้ำแข็งที่สลับซับซ้อนและลวดลายด้านในเช่นกัน.

สุดท้ายในวันนี้คุณจะเข้าพักในที่พักท้องถิ่นบริเวณชายฝั่งทางใต้.

ในวันที่ห้าของการผจญภัย คุณจะได้ซอกแซกผ่านแนวป่าและฟยอร์ดที่โดดเดี่ยวของทางตะวันออก ที่นี่เป็นที่ตั้งของธรรมชาติที่สมบูรณ์ แนวภูเขาและหน้าผาตามแนวชายฝั่งที่ดูแหลมคม.

ความลึกลับที่คุณจะรู้สึกได้เมื่อเดินทางไปถึงยังบริเวณนี้ เป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้คนที่ต้องการจะมาสัมผัสกับประเทศไอซ์แลนด์อย่างแท้จริง การหยุดแวะจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และการตัดสินใจของไกด์ที่มากประสบการณ์ของคุณที่จะเลือกสถานที่ที่ดีที่สุดบนเส้นทางที่แปลกใหม่นี้.

หลังจากการขับรถผ่านป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ที่ชื่อว่า ฮวานนาดาลส์ฮนูคูร์ (Hallormstaðarskógur) นี้แล้ว จุดหมายปลายทางสุดท้ายในวันนี้ ได้แก่ เอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir) เมืองที่ประชากรดูเป็นมิตรตั้งอยู่ตรงแนวชายฝั่งของทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljót) ที่ถูกกล่าวว่าเป็นบ้านของสัตว์ทะเลในตำนานของสัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ (Loch Ness) ของชาวสก็อตแลนด์.

คุณจะได้ใช้เวลาในคืนนี้ในหมู่บ้านที่น่ารักของไอซ์แลนด์ตะวันออก หากคุณพอจะมีเวลาอีกหน่อย เราแนะนำให้คุณไปเที่ยวชมสระว่ายน้ำท้องถิ่นหรือลองชิมอาหารในร้านอาหารสักแห่งของเมือง.

ในเช้าวันที่หก คุณจะได้เดินทางออกจากฟยอร์ดทางตะวันออก และเดินทางตรงไปทางเหนือ จุดหมายปลายทางของวันนี้ได้แก่ ทะเลสาบมิวาท์น (Mývatn) ที่มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมาย.

พื้นที่บริเวณรอบๆทะเลสาบเต็มไปด้วยกิจกรรมของพลังงานใต้พิภพ และสถานที่เหล่านี้มีทั้งโคลนเดือดซัลเฟอร์บริเวณทางออกเนามาส์การ์ด (Námaskarð), ป้อมหินลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) และปล่องภูเขาไฟเทียมที่งดงามสกูตูสตาดากีการ์ (Skútustaðagígar).

หากส่วนใดส่วนหนึ่งของสวรรค์ใต้พิภพนี้ดูคุ้นตา นั่นอาจจะเป็นฉากหนึ่งเป็นป่าของเรื่องมหาศึกชิงบัลลังก์ (Game of Thrones) ของทางช่อง HBO ที่นี่อาจเป็นที่กล่าวถึงเช่นเดียวกันในภาพยนต์แฟนตาซีและวิทยาศาสตร์ เพราะสถานที่นี้เคยถูกใช้แทนพื้นผิวของต่างดาวในการลงจอดบนผิวดาวอังคารในยุค 60s.

วันนี้คุณจะได้มีโอกาสในการเข้าใจถึงพลังงานใต้พิภพของบริเวณนี้และผ่อนคลายในน้ำที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่อ่างอาบน้ำธรรมชาติมิทวาท์น เอนหลังในทะเลที่สงบและชมทิวทัศน์ของที่ราบสูงโดยรอบ.

ระหว่างทางไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) คุณจะได้หยุดแวะที่น้ำตกที่น่าตื่นตาที่ชื่อว่า โกดาฟอสส์ (Goðafoss) ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สวยงามเหมือนกับธรรมชาติของที่นั่น เมื่อประเทศไอซ์แลนด์ได้ประกาศตนว่าเป็นประเทศคริสเตียนอย่างเป็นทางการ ผู้นำกฎหมายท้องถิ่นได้โยนสัญลักษณ์นอกศาสนาลงในน้ำตกแห่งนี้.

ขณะที่คุณเดินทางขึ้นบนยอดเขา ทิวทัศน์เมืองอาคูเรย์ริจะอยู่อีกฝั่งของอ่าว ทำการสำรวจถนนที่สวยงาม, ร้านเสื้อผ้า, พิพิธภัณฑ์, คาเฟ่และเฉลิมฉลองในร้านอาหารหรือเข้าชมสระว่ายน้ำสาธารณะที่หรูหราบนเนินเขา เมืองอาคูเรย์ริเป็นเมืองที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่มากที่สุดในทางเหนือซึ่งอยู่ใกล้กับลานสกีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ.

คุณจะได้ใช้เวลาคืนนี้ในตัวเมืองอาคูเรย์ริ.

ในวันที่ 8 คุณจะมีอิสระที่จะเพลิดเพลินกับเรคยาวิกเมืองหลวงที่งดงามของประเทศไอซ์แลนด์ หรือคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส เนื่องจากเรคยาวิกเป็นศูนย์กลางของศิลปะ ร้านค้า และกิจกรรมนันทนาการ ดังนั้นในเมืองจึงมีตัวเลือกให้คุณนับไม่ถ้วน

หากเลือกจองบัตรเรคยาวิกซิตี้การ์ด คุณจะสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และใช้บริการสระว่ายน้ำมากมายได้ฟรี หรือในราคาลดพิเศษ ซึ่งช่วยให้คุณเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมได้มากขึ้น นอกจากนี้คุณยังจะได้รู้จักกับเมืองหลวงแห่งนี้ดียิ่งขึ้นหากคุณจองทัวร์เดินเที่ยวที่พาคุณไปเดินชิมของว่างแบบดั้งเดิมของชาวไอซ์แลนด์

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและเหมาะสำหรับเพิ่มเข้าไปในวันนี้คือการไปแช่น้ำร้อนที่สกายลากูน (Sky Lagoon) สปาพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งนี้มีสระว่ายน้ำอินฟินิตี้และซาวน่าที่มองเห็นวิวทะเลสวยสดงดงาม และโดดเด่นด้วยขั้นตอนปรนนิบัติเพื่อความผ่อนคลาย 7 ขั้นตอน

สำหรับผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมแนวแอกชั่นกันต่อก็มีทัวร์อีกมากมายที่ให้คุณเข้าร่วมในวันนี้ กิจกรรมแรกคือการชมวาฬในกรณีที่คุณยังไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ในวันก่อนหน้า อ่าวฟาซาโฟลอิ (Faxaflói) มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นแหล่งอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับวาฬและโลมา ทำให้ที่นี่เหมาะกับการมาถ่ายภาพและชมชีวิตของพวกมัน

อีกตัวเลือกหนึ่งคือเดย์ทัวร์ที่พาไปดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลที่รอยแยกซิลฟรา (Silfra) ในอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) ซึ่งคุณจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์ใต้น้ำที่สวยงามในขณะที่แหวกว่ายอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกสองแผ่น

หรือคุณอาจจะใช้เวลาทั้งหมดของวันนี้ในการสำรวจคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสอันงดงามที่อยู่ในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ก็ได้ ซึ่งมีทั้งภูเขาและชายหาดที่สวยงาม ตลอดจนสัตว์โลกและลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าประทับใจให้ชมมากมาย

คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติสไนล์เฟลล์โจกุล (Snaefellsjokull) ที่อยู่บนธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์โจกุลด้วย ซึ่งที่นี่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนและศิลปินจำนวนมากและยังมียอดเขาสองยอดที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีด้วย

ส่วนแฟนๆ ซีรีส์เกมออฟโธรนส์นั้นน่าจะยิ่งชื่นชอบการผจญภัยบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส เนื่องจากภูเขาเคิร์กจูเฟลล์ (Kirkjufell) ที่อยู่ที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ "ภูเขาที่มีรูปทรงคล้ายหัวลูกศร" ในซีซั่นหลังๆ