ทัวร์ขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง 9 วัน ชมแสงเหนือรอบถนนวงแหวนไอซ์แลนด์ พร้อมแวะน้ำตกและบ่อน้ำพุร้อน

ทัวร์ขับรถฤดูหนาวของคุณจะเริ่มต้นทันทีเมื่อเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์ หลังจากรับรถเช่าที่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกแล้ว คุณก็พร้อมออกเดินทางสู่โรดทริป 9 วันสุดพิเศษรอบถนนวงแหวนสายหลักของประเทศ

จากสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก คุณจะขับรถผ่านภูมิประเทศที่ดูราวกับดวงจันทร์ของคาบสมุทรเรคยาเนสระหว่างทางเข้าสู่เมืองเรคยาวิก บนเส้นทางนี้ คุณสามารถแวะสถานที่ต่างๆ เพื่อสัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ภูเขาไฟของไอซ์แลนด์

หากต้องการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง คุณสามารถแวะบลูลากูน สปาระดับโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ แช่ตัวในน้ำสีฟ้าน้ำนมที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ท่ามกลางทัศนียภาพของลาวาโบราณที่ปกคลุมด้วยมอสเขียวขจี

หากคุณเลือกเพิ่มบลูลากูนลงในแผนการเดินทาง ทางเราจะจัดตารางให้เหมาะกับเวลาที่คุณมาถึง หากไม่สะดวกในวันแรก เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการเดินทางจะช่วยจัดตารางให้ในวันอื่นแทน

เมื่อเดินทางถึงเมืองเรคยาวิกแล้ว เช็คอินเข้าที่พักตามที่จัดไว้ คุณอาจเลือกพักผ่อนแต่หัวค่ำ หรือใช้เวลาสำรวจเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งนี้ ชื่นชมอาคารกระจกสะท้อนแสงของหอแสดงดนตรีฮาร์ปา สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์กยา และร้านอาหารหรือร้านค้าต่างๆ บนถนนเลยกาแวกูร์

หากคุณไม่ได้จองบลูลากูนไว้ สกายลากูนใกล้เรคยาวิกก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยม ที่นี่มีบริการแช่น้ำแร่ธรรมชาติพร้อมพิธีกรรมบำบัดเจ็ดขั้นที่เรียกว่า “Skjol bathing ritual” เพื่อฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ

หลังจากเดินทางมายาวนาน ก็ถึงเวลาพักผ่อนในที่พักแสนสบายในเรคยาวิก เตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยตลอด 9 วันที่กำลังจะเริ่มขึ้น!

ในวันที่สอง คุณจะได้ขับรถไปตามเส้นทางท่องเที่ยวชื่อดังที่สุดของไอซ์แลนด์ที่เรียกว่า “โกลเด้นเซอร์เคิล” หรือวงกลมทองคำ เส้นทางสายสวยงามนี้มีระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร และรวมแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสามแห่งของประเทศไว้ด้วยกัน

จุดแวะแรกคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลิร์ ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโกและเป็นสถานที่ที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและอเมริกาเหนือแยกห่างออกจากกัน ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งแรกของโลก และเคยถูกใช้เป็นฉากในซีรีส์ Game of Thrones ในตอน “The Bloody Gate”

หากต้องการผจญภัยมากขึ้น คุณสามารถเลือกทัวร์ดำน้ำสน็อกเกิลที่รอยแยกซิลฟราภายในอุทยานฯ โดยผู้ร่วมกิจกรรมจะสวมชุดดรายสูทและลอยตัวอยู่ระหว่างทวีปทั้งสองเหนือผืนน้ำใสเย็นยะเยือก ผู้เข้าร่วมต้องว่ายน้ำได้และมีความมั่นใจในน้ำ

จากนั้นขับรถต่อไปยังพื้นที่น้ำพุร้อนไกเซอร์ ในหุบเขาเฮยคาดาลูร์ ที่ซึ่งคุณจะได้เห็นธารน้ำพุร้อนและหินรูปร่างแปลกตามากมาย ไฮไลต์อยู่ที่น้ำพุร้อนสโทรคูร์ ซึ่งจะพุ่งน้ำสูงถึง 20 เมตรทุกๆ 5–10 นาที

จุดหมายที่สามคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ น้ำตกที่เป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพยอดนิยมของไอซ์แลนด์ ชมสายน้ำอันทรงพลังที่ไหลเป็นสองชั้นลงสู่หุบเขาหินอย่างน่าตื่นตา

จากกุลล์ฟอสส์ คุณสามารถเลือกเข้าร่วมทริปขับสโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งลางโจกุล ทริปนี้มีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชุดกันหนาวและหมวกกันน็อค ก่อนออกตะลุยผืนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่

หรือหากคุณต้องการกิจกรรมแบบสงบๆ ลองขี่ม้าไอซ์แลนด์ไปตามหุบเขาหิมะ ม้าไอซ์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและอัธยาศัยดี เหมาะกับทั้งผู้เริ่มต้นและนักขี่ม้าที่มีประสบการณ์

ก่อนจบวัน คุณอาจเลือกแวะที่สปาเลยการ์วาทน์ฟอนทานา เพื่อแช่น้ำอุ่นริมทะเลสาบ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายหลังจากกิจกรรมตลอดทั้งวัน

เมื่อเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวของวันแล้ว คุณจะเข้าพักที่โรงแรมใกล้วงกลมทองคำ หากท้องฟ้าโปร่งในตอนกลางคืน อย่าลืมออกไปชมแสงเหนือที่อาจปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

วันที่สามของทริปขับรถหน้าหนาวรอบไอซ์แลนด์จะพาคุณออกเดินทางสู่ชายฝั่งทางใต้ที่สวยงามตระการตา พื้นที่นี้เต็มไปด้วยน้ำตกอันยิ่งใหญ่ ชายหาดทรายสีดำ ธารน้ำแข็งขนาดมหึมา และภูมิทัศน์สุดอลังการ

จุดหมายแรกของวันคือ “น้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์” ที่คุณสามารถเดินอ้อมไปด้านหลังของม่านน้ำสูง 60 เมตรได้อย่างน่าตื่นตา ในฤดูหนาว น้ำตกแห่งนี้ยิ่งดูมีมนตร์ขลังเมื่อห่มคลุมด้วยหิมะสีขาว เป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพที่งดงามที่สุดของไอซ์แลนด์

จากนั้นมุ่งหน้าไปยัง “น้ำตกสโคกาฟอสส์” ที่มีความกว้างถึง 25 เมตร ชมละอองน้ำที่พวยพุ่งขึ้นเมื่อสายน้ำตกกระทบพื้น หากโชคดี คุณอาจได้เห็นรุ้งคู่พาดผ่านท้องฟ้า เพิ่มความพิเศษให้กับทิวทัศน์เบื้องหน้า

ต่อด้วยการแวะที่ “หาดเรย์นิสฟยารา” ชายหาดทรายดำอันน่าหลงใหล ที่โอบล้อมด้วยหน้าผาหินบะซอลต์สูงชัน สัมผัสพลังของคลื่นมหาสมุทรแอตแลนติกที่ซัดเข้าฝั่งอย่างรุนแรง และชมแท่งหินเรย์นิสดรังการ์ที่โผล่ขึ้นจากทะเลในบริเวณใกล้กับหาดอย่างน่าทึ่ง

หากคุณมองหากิจกรรมผจญภัย ลองเลือกไปปีนธารน้ำแข็งโซลเฮมาโจกุล เดินบนผืนน้ำแข็งที่ส่งเสียงกรอบแกรบใต้ฝ่าเท้า และเรียนรู้เกี่ยวกับพลังของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและภูเขาไฟที่หล่อหลอมภูมิประเทศของไอซ์แลนด์

วิวจากด้านบนงดงามและเหมาะกับการถ่ายรูปอย่างยิ่ง ไม่ต้องกังวลหากคุณไม่เคยเดินบนธารน้ำแข็งมาก่อน เพราะไกด์ผู้เชี่ยวชาญจะดูแลคุณอย่างใกล้ชิดตลอดทาง

อีกทางเลือกสำหรับการผจญภัยคือเข้าร่วมทัวร์ “ถ้ำเฮลลา” ที่จะพาคุณสำรวจอุโมงค์ใต้ดินที่มนุษย์สร้างขึ้นในยุคโบราณ และค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นดินไอซ์แลนด์

หากคุณสนใจทัวร์ถ้ำน้ำแข็งสุดตื่นเต้น ก็สามารถเลือกเข้าร่วมทัวร์ “ถ้ำน้ำแข็งคัทลา” ในวันนี้ หรือเก็บไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ก็ได้เช่นกัน

เมื่อเสร็จสิ้นการผจญภัยตลอดทั้งวัน คุณจะเข้าพักในที่พักบริเวณภาคใต้ของไอซ์แลนด์ หากท้องฟ้าเปิดในช่วงกลางคืน อย่าลืมออกไปชมแสงเหนือก่อนจะเข้านอนเพื่อปิดท้ายวันแห่งความประทับใจ

วันที่สี่ของทริปขับรถหน้าหนาวนี้ คุณจะได้สำรวจดินแดนน้ำแข็งในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องธารน้ำแข็งสีน้ำเงินเรืองแสง และสถานที่ไฮไลต์อย่างเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน และหาดไดมอนด์บีช 

เริ่มต้นวันด้วยกิจกรรมแสนสนุกอย่างการปีนธารน้ำแข็งพร้อมไกด์ที่สกัฟตาเฟลล์ เดินบนผืนน้ำแข็งที่งดงาม และชมวิวมุมสูงของภูมิทัศน์ขาวโพลนแบบไอซ์แลนด์

หากคุณไม่ต้องการปีนธารน้ำแข็ง สามารถเลือกเดินเท้าระยะสั้นเพื่อชม “น้ำตกสวาร์ติฟอสส์” ได้เช่นกัน น้ำตกที่รายล้อมด้วยแท่งหินบะซอลต์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้สถาปนิกออกแบบโบสถ์ฮัลล์กรีมสคิร์กยาในใจกลางเมืองเรคยาวิก

เมื่อสำรวจสกัฟตาเฟลล์เรียบร้อยแล้ว เดินทางต่อไปยังทะเลสาบโจกุลซาร์ลอน ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในไอซ์แลนด์ โดยมีความลึกถึง 200 เมตร

ขณะเดินชมบริเวณนี้ คุณอาจคุ้นตากับฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่าง Die Another Day, Lara Croft: Tomb Raider และ Batman Begins อย่าลืมมองหาแมวน้ำที่นอนอาบแดดบนก้อนน้ำแข็ง หรือว่ายน้ำอย่างสง่างามในทะเลสาบ

หากคุณเดินทางมาในเดือนกันยายน สามารถเลือกลงเรือสะเทินน้ำสะเทินบกหรือเรือยางโซดิแอก เพื่อชมภูเขาน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด ซึ่งบางลูกสูงเท่าตึกสองชั้น สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม

ถัดไปไม่ไกลคือ “หาดไดมอนด์บีช” ชายหาดทรายดำที่ประดับประดาด้วยน้ำแข็งที่ซัดเกยฝั่งราวกับอัญมณีบนผืนทราย ความงามอันตัดกันของน้ำแข็งใสกับทรายดำทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์

หากคุณมองหาความตื่นเต้นเพิ่มเติม ลองเพิ่มทัวร์ขี่สโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งเข้าในแผนการเดินทาง คุณมีตัวเลือกมากมายให้เลือก ทั้งทัวร์ที่ธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลและวัทนาโจกุล ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์

หากคุณต้องการเพลิดเพลินกับวัทนาโจกุลให้มากขึ้น โปรดทราบว่ากิจกรรมบางอย่างจะเปิดให้บริการเฉพาะในบางเดือนหรือบางฤดูกาลของปีเท่านั้น

ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมีนาคม คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติภายในธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์หายากที่พบได้ไม่กี่แห่งบนโลก หนึ่งในนั้นคือไอซ์แลนด์

ในฤดูหนาวนี้ วัทนาโจกุลมีถ้ำน้ำแข็งสองแห่งที่สามารถเข้าชมได้ ได้แก่ ถ้ำน้ำแข็งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก โดยไกด์จะเลือกถ้ำที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพอากาศและทัศนวิสัยในวันนั้น เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ถ้ำน้ำแข็งที่ดีที่สุด

เมื่อสิ้นสุดวันแห่งความตื่นตา คุณจะกลับเข้าพักในที่พักบริเวณไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงใต้ หากท้องฟ้าโปร่งในตอนค่ำ ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการออกไปตามล่าแสงเหนืออย่างน่าตื่นเต้น

วันที่ห้าของทริปนี้ เตรียมตัวออกเดินทางสู่ “อีสต์ฟยอร์ด” หรือฟยอร์ดตะวันออก หนึ่งในภูมิภาคที่ห่างไกลและงดงามที่สุดของไอซ์แลนด์ แม้เส้นทางจะยาว แต่เต็มไปด้วยจุดแวะพักที่น่าสนใจและหมู่บ้านเล็กๆ อันเปี่ยมเสน่ห์

เมื่อออกเดินทางจากเมืองเฮิฟน์ คุณจะผ่านคาบสมุทรสตอกส์เนสที่มีทิวเขาริมทะเลอันโดดเด่น โดยเฉพาะ “ภูเขาเวสตราฮอร์น” สูง 454 เมตร ซึ่งดูยิ่งใหญ่เป็นพิเศษเมื่อถูกปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหยุดถ่ายภาพระหว่างทาง

เมื่อขับต่อไปตามเส้นทางสู่อีสต์ฟยอร์ด ภูมิประเทศจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแนวเขาสูงชันสลับกับวิวมหาสมุทรสุดลูกหูลูกตา หากคุณโชคดี อาจได้เห็นกวางเรนเดียร์ป่า แมวน้ำ หรือฝูงนกนานาชนิดออกมาเดินเล่นริมถนนวงแหวนสายหลัก

ความงดงามที่ซ่อนอยู่ของอีสต์ฟยอร์ดคือธรรมชาติอันสงบเงียบและไร้สิ่งรบกวน ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่าภาคอื่นๆ คุณจะได้สัมผัสไอซ์แลนด์ในมุมที่บริสุทธิ์และเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย

ระหว่างทาง คุณสามารถแวะเยี่ยมชมหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเอกลักษณ์ เช่น ดยูปิโวกูร์ เอสกิฟยอร์ดูร์ และเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ แต่ละแห่งเผยให้เห็นวัฒนธรรมท้องถิ่นและนิทานพื้นบ้านของชาวไอซ์แลนด์ พร้อมโอกาสในการเดินเล่นตามถนนสายงาม และพูดคุยกับชาวบ้านอัธยาศัยดี

ที่ดยูปิโวกูร์ อย่าลืมแวะชมผลงานศิลปะ “Eggin í Gleðivík” หรือ “ไข่แห่งอ่าวเมอร์รี่” ประติมากรรมไข่นก 34 ฟองที่ตั้งเรียงรายริมท่าเรือ เพื่อแสดงถึงนกนานาชนิดที่มาทำรังบริเวณนี้

จากนั้น ขับต่อไปยังเอสกิฟยอร์ดูร์ หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมประมง ก่อนจะเดินทางสู่เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ เมืองเล็กสีสันสดใสริมฟยอร์ด ที่ขึ้นชื่อเรื่องถนนสายรุ้งนำสู่โบสถ์สีฟ้า และบรรยากาศศิลปะที่อบอวลอยู่ทั่วเมือง

จากหมู่บ้านเล็กๆ ทางฝั่งตะวันออก มุ่งหน้าขึ้นเหนือผ่านป่า “ฮัลลอร์มสตาดาสโคกูร์” ซึ่งเป็นผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ แล้วแวะที่เมือง “เอกิลสตาดีร์” ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำลาการ์ฟยอต เมืองแห่งนี้ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันเขียวขจี และมีเส้นทางเดินเขา แหล่งประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คุณได้ค้นหา

หลังจากการเดินทางยาวนานทั้งวัน ผ่อนคลายร่างกายที่ “โวกบาธส์” สปาริมทะเลสาบที่ให้คุณแช่ตัวในน้ำพุร้อนท่ามกลางวิวธรรมชาติอันเงียบสงบ ปิดท้ายวันอย่างสมบูรณ์แบบ

และเมื่อถึงที่พักในไอซ์แลนด์ตะวันออก อย่าลืมแหงนมองฟ้าค่ำคืน เผื่อจะได้พบกับแสงเหนืออันลึกลับที่กำลังเต้นรำอยู่บนฟากฟ้า

วันที่หกของทริปขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ในฤดูหนาว คุณจะออกเดินทางจากฝั่งตะวันออกมุ่งหน้าสู่ไอซ์แลนด์ตอนเหนือ เพื่อไปสำรวจทะเลสาบมิวาทน์และพื้นที่รอบๆ ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาและแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายแบบไม่ซ้ำใคร

ทะเลสาบมิวาทน์ หนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ โอบล้อมด้วยภูเขาสูงชัน แนวลาวาหินดำ และปล่องภูเขาไฟเทียมซึ่งเกิดจากการระเบิดของไอน้ำใต้พื้นดิน ทิวทัศน์ในฤดูหนาวยิ่งสวยงามขึ้นเมื่อพื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวราวภาพวาด เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและเดินเล่นเล็กๆ น้อยๆ

ไม่ไกลจากทะเลสาบคือทุ่งลาวาดิมมูบอร์กิร์ หรือ “ป้อมปราการแห่งความมืด” ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อราว 2,300 ปีก่อน ก่อให้เกิดก้อนหินลาวารูปร่างแปลกตาสูงตระหง่านตัดกับฉากหลังสีขาวของฤดูหนาวอย่างสวยงาม

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดคือช่องเขานามาสการ์ด แหล่งความร้อนใต้พิภพที่เต็มไปด้วยสีสันแปลกตา ทั้งแดง น้ำเงิน เขียว และเหลือง จากแร่ธาตุต่างๆ ที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน พื้นที่นี้ยังมีบ่อน้ำโคลนเดือดและไอน้ำพวยพุ่งจากใต้ดิน ซึ่งสร้างภาพที่ตัดกับหิมะได้อย่างน่าทึ่ง

หลังจากเที่ยวชมธรรมชาติอันหลากหลายตลอดวัน ผ่อนคลายร่างกายที่ “มิวาทน์เนเชอร์บาธส์” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “บลูลากูนแห่งภาคเหนือ” แช่ตัวในน้ำแร่ธรรมชาติอุ่นสบาย พร้อมชมท้องฟ้าที่เปลี่ยนสีเป็นโทนอ่อนในช่วงเย็น และหากโชคดี คุณอาจได้เห็นแสงเหนือระยิบระยับกลางคืน

คืนนี้คุณจะพักผ่อนในที่พักแสนสบายทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ และอย่าลืมออกมาชมท้องฟ้าในยามค่ำคืน เพราะอาจได้พบกับปรากฏการณ์แสงเหนือที่สวยงามจับใจอีกครั้งหนึ่ง

วันที่เจ็ดของการผจญภัยฤดูหนาวในไอซ์แลนด์ คุณจะขับรถสู่เมืองอาคูเรย์รี เมืองหลวงแห่งไอซ์แลนด์ตอนเหนือ ระยะทางในวันนี้อาจสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับจำนวนจุดแวะระหว่างทางที่คุณต้องการแวะชม

จุดแวะแรกที่ไม่ควรพลาดคือโกดาฟอสส์ หรือ “น้ำตกแห่งเหล่าทวยเทพ” น้ำตกสูง 12 เมตรแห่งนี้มีเรื่องเล่าว่า หัวหน้าชนเผ่าในอดีตได้โยนรูปปั้นเทพเจ้านอร์สลงน้ำ เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนศาสนา น้ำตกแห่งนี้กลายเป็นภาพมหัศจรรย์ในฤดูหนาว เมื่อสายน้ำไหลพุ่งผ่านหน้าผาน้ำแข็งอย่างอลังการ

ก่อนเข้าสู่ตัวเมือง คุณสามารถแวะที่ป่าคยาร์นาสโคกูร์ ซึ่งเป็นป่าเพื่อการพักผ่อนที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ มีต้นไม้มากกว่าหนึ่งล้านต้น แม้ในฤดูหนาวก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่กว่า 800 เฮกตาร์นี้ได้

เมื่อมาถึงอาคูเรย์รี ลองใช้เวลาผ่อนคลาย เดินเล่นในย่านใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยร้านบูติก คาเฟ่ และบาร์ รวมถึงฉากศิลปะและดนตรีที่มีชีวิตชีวาตลอดทั้งปี เมืองเล็กแต่มีเสน่ห์แห่งนี้เป็นที่รู้จักในเรื่องบรรยากาศอบอุ่นและผู้คนเป็นมิตร

หากคุณสนใจการผจญภัยทางทะเล อย่าพลาดทัวร์ชมปลาวาฬจากอาคูเรย์รี อ่าวเอยาฟยอร์ดูร์ที่เมืองนี้ตั้งอยู่เป็นแหล่งที่พบปลาวาฬหลังค่อมจำนวนมาก ไกด์ท้องถิ่นที่เชี่ยวชาญจะพาคุณออกตามหาปลาวาฬ โลมา และพอร์พอยส์ท่ามกลางธรรมชาติที่น่าทึ่ง โดยทัวร์ส่วนใหญ่มีโอกาสพบสัตว์เหล่านี้สูงมาก

หากคุณมีเวลาเพิ่มเติม ขับรถต่อไปอีกประมาณ 30 นาทีสู่หมู่บ้านอาร์สโกสซานดูร์ เพื่อแวะที่สปาเบียร์บียอร์บอดิน สถานที่ที่คุณสามารถแช่อ่างเบียร์อุ่นๆ พร้อมจิบเบียร์สดไปด้วยในเวลาเดียวกัน เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครในการปิดท้ายวัน

คืนนี้คุณจะพักผ่อนในที่พักแสนอบอุ่นทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ และถ้าท้องฟ้าแจ่มใส อาจได้ชมแสงเหนือระยิบระยับเหนือฟากฟ้าก่อนเข้านอนอย่างประทับใจอีกคืนหนึ่ง

วันที่แปดของทริปฤดูหนาวนี้ คุณจะขับรถปิดท้ายการเดินทางรอบไอซ์แลนด์ผ่านถนนวงแหวนสายหลัก หรือถนนหมายเลข 1 เพื่อกลับสู่เมืองเรคยาวิก ก่อนกลับเข้าสู่เมืองหลวง คุณยังมีโอกาสแวะสำรวจขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันตกของประเทศ

หลังดื่มด่ำกับบรรยากาศทางตอนเหนือ ก็ถึงเวลาขับรถลัดเลาะลงใต้ เส้นทางนี้เต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงาม ทั้งยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เมืองเงียบสงบ และโขดหินรูปทรงแปลกตา เหมาะสำหรับแวะพักถ่ายรูปหรือเดินเล่นระหว่างทาง

ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ คุณสามารถขับออกนอกเส้นทางหลักไปยังโฮลาร์ อี ฮยาล์ตาดาล แหล่งประวัติศาสตร์ยุคกลางอันเก่าแก่ที่เคยเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและการศึกษา จากนั้นขับต่อไปยังเมืองเบลินดูโอส เมืองเงียบสงบท่ามกลางฉากหลังของขุนเขาที่ขาวโพลนด้วยหิมะ

อีกหนึ่งจุดน่าสนใจคือบอร์การ์วิร์กิ ป้อมหินบะซอลต์โบราณซึ่งให้วิวมุมสูงสวยงามของภูมิประเทศโดยรอบ ไม่ไกลจากนั้นคือฮวิตแซร์คูร์ แท่งหินสูง 15 เมตรที่โผล่พ้นน้ำทะเลอย่างโดดเด่น บางคนบอกว่ามันดูเหมือนช้างกำลังดื่มน้ำ

เมื่อขับเข้าสู่ฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ คุณจะผ่านเมืองเรคโฮลท์และบอร์การ์เนส สองเมืองเล็กที่ตั้งอยู่ใกล้อ่าวบอร์การ์ฟยอร์ดูร์ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แนะนำให้แวะที่หมู่บ้านบอร์กามิรุม ซึ่งมีโบสถ์เก่าแก่และฟาร์มแบบดั้งเดิมให้ชม

เช่นเดียวกับพื้นที่อื่น ๆ ของไอซ์แลนด์ บริเวณนี้มีน้ำตกมากมาย น้ำตกสองแห่งที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ เฮิร์นฟอสซาร์ และบาร์นาฟอสส์เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม สายน้ำตกเฮิร์นฟอสซาร์ที่ไหลเอื่อยนั้นงดงาม ส่วนบาร์นาฟอสส์ที่รายล้อมด้วยทุ่งลาวาก็เป็นภาพที่งดงามน่าประทับใจ

เมื่อเดินทางกลับถึงเรคยาวิกและเช็กอินเข้าที่พักแล้ว คุณสามารถใช้เวลาช่วงค่ำเดินเล่นในเมือง หรือหาร้านอาหารท้องถิ่นอร่อยๆ เพื่อสัมผัสรสชาติแท้ๆ แบบไอซ์แลนด์ หรือหากอยากผ่อนคลาย ลองหาบาร์บรรยากาศอบอุ่นนั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมทบทวนความทรงจำตลอดแปดวันที่ผ่านมา

ถ้ายังไม่พอสำหรับค่ำคืนนี้ ลองจองทัวร์ล่าแสงเหนือที่พาออกจากเรคยาวิก โดยไกด์ท้องถิ่นจะพาคุณขับออกไปยังจุดที่ท้องฟ้าเปิดโล่ง หรือหากคุณมีรถ ลองขับไปชมที่ประภาคารโกรทตา ซึ่งเป็นจุดชมแสงเหนือยอดนิยม และหากอยากสัมผัสวิถีคนท้องถิ่นให้ครบสูตร อย่าลืมแวะซื้อไอศกรีมมาทานระหว่างทาง แม้จะเป็นฤดูหนาว แต่ชาวไอซ์แลนด์ก็นิยมไอศกรีมตลอดทั้งปี!