แพ็คเกจ 9 วันในไอซ์แลนด์ รวมทัวร์ถนนวงแหวนพร้อมไกด์

วันที่สองของการเดินทางเริ่มต้นด้วยไกด์มารับคุณจากที่พัก จากนั้นไกด์จะพามุ่งหน้าออกจากเมืองไปทางทิศตะวันออก จุดหมายแรกคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ มรดกโลกขององค์การยูเนสโก ซึ่งเป็นสถานที่ที่แผ่นเปลือกโลกของยุโรปและอเมริกามาบรรจบกัน ทำให้เกิดแนวผาหินสูงและหุบเขาที่เต็มไปด้วยลาวาอันน่าตื่นตา

คุณยังจะได้แวะชมฟาร์มโคนมของครอบครัวหนึ่ง ฟาร์ม Efstidalur ให้บรรยากาศแบบชนบทของไอซ์แลนด์แท้ๆ หนึ่งในไฮไลต์ของที่นี่คือคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่น ที่คุณสามารถแวะพักจิบกาแฟหรือทานของว่างพลางชมวิวชนบทอันเงียบสงบ อย่าพลาดลองไอศกรีมโฮมเมดที่ทำจากนมวัวสดๆ จากฟาร์ม ไม่แน่นี่อาจจะเป็นไอศกรีมที่สดใหม่ที่สุดที่คุณเคยลิ้มลอง

สถานที่ที่ไม่ควรพลาดยังรวมถึงน้ำตกอ็อกซาราร์ฟอสส์ และรอยแยกซิลฟรา ซึ่งมีน้ำใสจนสามารถมองเห็นโลกใต้ผืนน้ำที่อยู่ระหว่างสองทวีปได้อย่างชัดเจน สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่ที่ชาวไอซ์แลนด์ก่อตั้งรัฐสภาแห่งแรกของประเทศ ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นระบบประชาธิปไตยที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลกกว่า 1,000 ปี

จากนั้นเดินทางต่อไปยังหุบเขาเฮยคาดาลูร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำพุร้อนไกเซอร์ แม้ว่าปัจจุบันไกเซอร์จะไม่ค่อยปะทุแล้ว แต่ใกล้ๆ กันมีน้ำพุร้อนสโทรคูร์ ที่ยังคงพ่นน้ำขึ้นสูงกว่า 20 เมตรทุกๆ 5 ถึง 10 นาที

ไม่ไกลจากจุดนั้น แม่น้ำฮวิทเอาที่ไหลมาจากธารน้ำแข็งจะไหลผ่านแคนยอนลึกในรูปแบบของน้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งมีสองชั้น น้ำไหลเชี่ยวกรากปะทะโขดหิน ส่งละอองน้ำฟุ้งกระจาย สร้างภาพอันยิ่งใหญ่ชวนให้นักท่องเที่ยวตื่นตะลึง

วันแห่งการผจญภัยจะจบลงด้วยการพักค้างคืนในเขตโกลเด้นเซอร์เคิล ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของไอซ์แลนด์ที่รายล้อมอยู่รอบตัวคุณ

วันที่สามของการเดินทาง คุณจะออกเดินทางแต่เช้า มุ่งหน้าตามแนวชายฝั่งทางใต้สู่เขตอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล ระหว่างทาง คุณจะได้แวะชมทิวทัศน์ที่น่าทึ่งที่สุดของชายฝั่งทางใต้ในไอซ์แลนด์

เริ่มต้นวันด้วยการแวะน้ำตกเซลยาแลนด์สฟอสส์ที่มีจุดเด่นคือถ้ำเล็กๆ ด้านหลังม่านน้ำตก ซึ่งสามารถเดินเข้าไปชมได้อย่างใกล้ชิด ถัดจากนั้นคุณจะได้ชมความงดงามของน้ำตกสโคกาฟอสส์ น้ำตกกว้างอลังการที่ได้รับน้ำมาจากธารน้ำแข็งของภูเขาไฟเอยาฟยาลลาโจกุล ซึ่งเคยปะทุจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก

จากนั้นเดินทางต่อไปยังซุ้มโขดหินกลางทะเลดิร์โฮลาเอย์ที่ยื่นตัวออกไปกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซุ้มหินธรรมชาตินี้เป็นจุดชมวิวสุดพิเศษที่คุณจะได้มองเห็นชายฝั่งทรายดำอันกว้างไกล ที่ราบโล่ง และแนวภูเขาไกลสุดสายตา

ถัดมา คุณจะได้สัมผัสความงามของชายหาดเรย์นิสฟยาราที่มีทรายดำละเอียดและวิวของแท่งหินเรย์นิสดรังการ์ ซึ่งตั้งตระหง่านกลางทะเลราวกับยักษ์โทรลล์ในตำนานที่กลายเป็นหิน

หากคุณต้องการประสบการณ์ที่น่าจดจำไม่รู้ลืม ยังสามารถเลือกเข้าชมน้ำแข็งถ้ำน้ำแข็งธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการละลายและก่อตัวใหม่ของธารน้ำแข็งตามฤดูกาล ถ้ำน้ำแข็งแต่ละแห่งมีลักษณะเฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน เปรียบเสมือนลายนิ้วมือของธรรมชาติ การได้เดินเข้าไปภายในถ้ำน้ำแข็งเหล่านี้จะเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม

วันแห่งการผจญภัยจะจบลงที่หมู่บ้านชายฝั่งสุดน่ารักอย่างวิก ซึ่งคุณจะได้พักผ่อนและค้างคืนท่ามกลางบรรยากาศสงบของเมืองเล็กริมทะเล

ในวันที่ 4 ของการเดินทาง คุณจะมุ่งหน้าเข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล เพื่อเยือนทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “อัญมณีแห่งไอซ์แลนด์” ที่นี่ ธารน้ำแข็งยักษ์จากปลายลิ้นธารน้ำแข็งเบรดาแมร์คูร์โจกุลจะค่อยๆ แตกตัวและลอยผ่านน่านน้ำสีฟ้านิ่งสงบ สร้างภาพที่สวยงามจนแทบหยุดหายใจ

หากคุณเดินทางในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม จะสามารถล่องเรือชมธารน้ำแข็งได้อย่างใกล้ชิด ไกด์จะอธิบายเรื่องราวทางธรณีวิทยาและประวัติของทะเลสาบแห่งนี้ และถ้าโชคดี คุณอาจได้เห็นแมวน้ำว่ายน้ำเล่นอยู่บริเวณนั้นด้วย

หลังจากนั้น เดินเล่นต่อไปยังชายหาดไดมอนด์บีชซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน จุดนี้เป็นชายหาดทรายดำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งใสสะท้อนแสงแดดระยิบระยับราวเพชร น้ำแข็งเหล่านี้เป็นเศษของธารน้ำแข็งที่ลอยผ่านทะเลสาบก่อนจะถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่ง เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมที่ทั้งนักเดินทางและช่างภาพต่างหลงรัก

วันนี้คุณยังจะได้แวะชมเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุลเช่นกัน กิจกรรมไฮไลต์คือการไฮกิ้งบนธารน้ำแข็ง คุณจะได้รับอุปกรณ์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหมวกนิรภัย แครมปอนที่มีฟันเหล็กเกาะน้ำแข็ง และขวานน้ำแข็ง เมื่อพร้อมแล้ว ไกด์จะพาคุณเดินขึ้นสู่ธารน้ำแข็งเพื่อชมวิวกว้างสุดสายตาของธรรมชาติทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์

วันแห่งการผจญภัยจะจบลงด้วยการพักค้างคืนในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ท่ามกลางภูมิประเทศอันงดงามที่รายล้อมอยู่รอบตัวคุณ

ในวันที่ห้าของการเดินทาง คุณจะได้สำรวจเขตตะวันออกอันห่างไกลของไอซ์แลนด์ หรือที่เรียกว่าอีสต์ฟยอร์ดส ดินแดนแห่งภูเขาสูงตระหง่าน แม่น้ำสายคดเคี้ยว และธรรมชาติอันน่าทึ่ง ตลอดการเดินทาง ไกด์จะเลือกจุดแวะต่างๆ ตามความสนใจของกลุ่มที่ตอนนี้เริ่มรู้จักกันดีแล้ว

หนึ่งในจุดหมายพิเศษของวันนี้คือเมืองชายฝั่งสุดน่ารักอย่างดยูปิวอกูร์ ที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะท้องถิ่นและธรณีวิทยา คุณจะได้ชมคอลเลกชันหินแร่และอัญมณีขัดมันจากพื้นที่โดยรอบที่จัดแสดงอย่างสวยงามในพิพิธภัณฑ์ Audun’s Rock Collection ซึ่งดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชม

คุณยังจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชนบทของไอซ์แลนด์ โดยการแวะตามเมืองเล็กๆ และหมู่บ้านที่เงียบสงบในภูมิภาคนี้ รวมถึงการแวะยังเมืองเอกของอีสต์ฟยอร์ดสอย่างเอกิลสตาดิร์ 

ใกล้เมืองนี้คือป่าที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ ฮัลลอร์มสตาดาสโคกูร์ และทะเลสาบลึกลับลาการ์ฟยอต ซึ่งมีตำนานเล่าว่ามีสัตว์ประหลาดลึกลับอาศัยอยู่ในน้ำ มีผู้คนอ้างว่าพบเห็นมาตั้งแต่ศตวรรษก่อนๆ ซึ่งทำให้บางคนเปรียบเทียบกับเนสซีแห่งสกอตแลนด์ แต่ตำนานที่ลาการ์ฟยอตนี้เก่าแก่กว่ามาก

หากคุณเลือกไว้ตั้งแต่ตอนจองทริป วันนี้คุณสามารถเข้าร่วมกิจกรรมขี่ม้าชมทัศนียภาพงดงามของอีสต์ฟยอร์ดสได้อีกด้วย

คืนนี้คุณจะพักค้างคืนที่เมืองเอกิลสตาดิร์ หากมีเวลา อาจแวะลงแช่สระน้ำร้อนท้องถิ่น หรือเดินเล่นริมทะเลสาบอย่างเงียบสงบเพื่อปิดท้ายวันแห่งความประทับใจ

เส้นทางไดมอนด์เซอร์เคิลซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางคลาสสิกควบคู่กับโกลเด้นเซอร์เคิล จะพาคุณผ่านภูมิประเทศอันงดงามของทะเลสาบมิวาทน์ ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญของวันที่หกของการเดินทาง

ก่อนออกเดินทาง คุณสามารถผ่อนคลายร่างกายด้วยการแช่น้ำร้อนที่โวกบาธส์ สปาธรรมชาติที่ตั้งอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์อันสวยงาม น้ำพุร้อนที่นี่มีแร่ธาตุธรรมชาติและบรรยากาศแสนสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง

การผจญภัยวันนี้จะเริ่มต้นที่น้ำตกเดตติฟอสส์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ในแคนยอนโจกุลซาร์กยูฟูร์ ภายในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล

จากนั้นเดินทางต่อไปยังแคนยอนอาสบิร์กิ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายเกือกม้า และเต็มไปด้วยพืชพรรณเขียวขจี ตามตำนานเล่าว่าเกิดจากรอยเท้าของสเลปนีร์ ม้าแปดขาของเทพโอดินที่เหยียบลงบนพื้นดิน

หลังชมธรรมชาติอันน่าทึ่งแล้ว คุณจะเดินทางไปยังเมืองเล็กๆ แสนน่ารักอย่างฮูสาวิก เมืองริมทะเลที่มีเอกลักษณ์ด้วยบ้านสีสันสดใส โบสถ์ไม้เก่าแก่ และท่าเรือบรรยากาศอบอุ่น

ต่อจากนั้นคุณจะได้นั่งรถผ่านทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียวรอบทะเลสาบมิวาทน์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีพลังงานความร้อนใต้พิภพสูงมาก จุดเด่นอีกแห่งคือพื้นที่เนามาสการ์ดที่เต็มไปด้วยแอ่งโคลนเดือดและไอน้ำพวยพุ่งจากปล่องระบายไอน้ำที่ผืนดิน

ถัดไปคือการแวะชมน้ำตกโกดาฟอสส์ที่ทั้งสวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะสถานที่แห่งนี้เคยเป็นจุดที่ชาวไอซ์แลนด์ตัดสินใจรับศาสนาคริสต์เมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน

วันของคุณจะสิ้นสุดที่เมืองอาคูเรย์ริ เมืองหลวงแห่งภาคเหนืออันมีชีวิตชีวา ซึ่งคุณจะได้พักผ่อนค้างคืนในบรรยากาศผ่อนคลายของเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ของคุณ รถรับส่งจะมารับคุณจากเรคยาวิกและพาคุณย้อนผ่านทุ่งลาวาสีดำอีกครั้ง มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติเคฟลาวิกให้ทันเวลาเครื่องบินออกเดินทาง

เราหวังว่าคุณจะมีช่วงเวลาแสนประทับใจ และหวังว่าจะได้ต้อนรับคุณกลับมาเยือนไอซ์แลนด์อีกครั้งในไม่ช้า!