คู่มือท่องเที่ยว กรานดิ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ท่าเรือกรานดิ (Grandi) ได้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอีกแห่งของเมืองเรคยาวิก อดีตย่านประมงแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ ซึ่งได้เติมชีวิตชีวาให้กับชีวิตในตัวเมือง ขณะเดียวกันก็แสดงความเคารพต่อรากฐานของการประมงที่ทำให้เมืองเล็กๆ แห่งนี้เติบโตขึ้นเป็นเมืองหลวงของไอซ์แลนด์

นอกจากบรรยากาศทะเลที่มีเสน่ห์แล้ว บริเวณท่าเรือกรานดิยังมีวิวสวยๆ ของทั้งภูเขาเอสยาที่มองเห็นเมืองเรคยาวิก และวิวอ่าวฟาซาโฟลอิ 

ค้นพบทุกสิ่งที่บริเวณนี้นำเสนอด้วยการใช้บริการทัวร์เที่ยวเรคยาวิก

ร้านอาหาร

ก่อนที่จะออกไปสำรวจแกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ และร้านค้าหลายแห่งในกรานดิ ให้ลองแวะที่ Kaffivagninn อันเก่าแก่เพื่อรับประทานอาหารเช้าแบบไอซ์แลนด์ดั้งเดิมแสนอร่อย ร้านอาหารแห่งนี้มีมาตั้งแต่ปี 1935 โดยเดิมทีเปิดมาเพื่อให้บริการแก่กะลาสีเรือก่อนจะออกไปเผชิญความยากลำบากในทะเล โดยทางร้านยังคงเลือกใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุดเพื่อให้ตอบสนองความต้องการรับประทานอาหารดีๆ ของลูกค้า แต่สำหรับผู้ที่สนใจร้านอาหารประเภทฟาร์มทูเทเบิ้ล Coo Coo's Nest เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยม โดยมีเมนูอาหารวีแกนและอาหารมังสวิรัติตามฤดูกาลมากมาย

สำหรับมื้อเที่ยง แนะนำให้แวะที่ร้าน Búrið Delicatessen ร้าน The Icelandic Pantry ซึ่งเป็นร้านขายชีสแหวกแนวที่ขายแยม เนื้อหมัก มะกอก ชัทนีย์และอาหารทานเล่นอื่นๆ และสำหรับที่ร้าน Búrið นั้นยังมีการจัดคลาสเกี่ยวกับไวน์และชีสเป็นระยะๆ

Marshall Restaurant ซึ่งตั้งอยู่ภายใน Marshall Húsið ให้บริการอาหารมื้อสาย อาหารกลางวัน และอาหารเย็นที่น่ารับประทาน โดยร้านจะตั้งอยู่ภายในโรงงานทำปลาอัปไซเคิล ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเป็นพื้นที่แสดงศิลปะและร้านอาหาร รวมถึงสตูดิโอของ Ólafur Elíasson ศิลปินด้านสิ่งแวดล้อมชื่อดังชาวไอซ์แลนด์

Bergsson RE เปิดให้บริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน และบรันช์ ที่นี่เป็นที่รู้จักจากเมนูที่อร่อยและมีการหมุนเวียนไม่ซ้ำ และยังได้รับการขนานนามว่าเป็น "อาหารกลางวันที่ดีที่สุดในเมือง" ด้วย ในทำนองเดียวกัน Matur og Drykkur เป็นร้านยอดนิยมในท้องถิ่นที่มีบรรยากาศดี โดยนำเสนอเมนูใหม่จากอาหารไอซ์แลนด์แบบดั้งเดิม เช่น สตูว์ปลา หัวแกะ และปลาคอดสดๆ รวมถึงฮอทด็อกนวัตกรรมใหม่ ("pylsa") พร้อมด้วยท็อปปิ้งต่างๆ ส่วน Bryggjan Brugghús เป็นโรงเบียร์และร้านอาหารพื้นที่กว้างขวาง มีบริการทัวร์โรงเบียร์ด้วยนอกเหนือจากอาหารสไตล์บิสโทรแสนอร่อยและคราฟต์เบียร์แบบแท็ป

ขนมหวานและขนมอบ

สำหรับผู้ที่ชอบของหวาน แนะนำให้ไปเยี่ยมชมโรงงานช็อกโกแลต Omnom ที่นั่นคุณสามารถทัวร์ชมดินแดนมหัศจรรย์แห่งการทำช็อกโกแลต พร้อมตัวอย่างผลงานสร้างสรรค์อันแสนอร่อยมากมายไม่รู้จบ

ชาวไอซ์แลนด์กินไอศกรีมตลอดทั้งปี และ Valdís เป็นสถานที่ยอดนิยมในท้องถิ่นที่สนองความอยากทานไอศกรีมรสแปลกใหม่ นอกจากรสชาติแบบดั้งเดิมแล้ว Valdís ยังมีรสชาติต่างๆ ให้เลือก เช่น Tyrkisk Peber ลาเวนเดอร์ และเบียร์อีกด้วย

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ร้านเค้กและทาร์ต 17 Sortir เป็นร้านขนมกินเล่นที่หรูหราสำหรับผู้ที่เดินทางไปยังบริเวณท่าเรือ ที่นี่มีคัพเค้ก มัฟฟิน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้รักขนมไม่ควรพลาด 

พิพิธภัณฑ์

การเดินทางไปยังไอซ์แลนด์จะไม่สมบูรณ์หากไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และบริเวณท่าเรือกรานดิก็มีพิพิธภัณฑ์มากมาย พิพิธภัณฑ์ซากา ทำประวัติศาสตร์ให้มีชีวิตผ่านนิทรรศการไวกิ้ง พร้อมด้วยหุ่นขี้ผึ้งในชุดโบราณ อาวุธ และสิ่งของในชีวิตประจำวันที่ทำด้วยมือโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิม

พิพิธภัณฑ์การเดินเรือเรคยาวิก ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของโรงงานแปรรูปปลา (เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อรากฐานของมัน) ทำให้ผู้มาเยี่ยมชมได้สัมผัสกับเสาหลักทางเศรษฐกิจที่มีมายาวนานของชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งก็คือ อุตสาหกรรมการประมง นิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑ์คือ Fish & Folk 150 ปีแห่งการประมง จะนำคุณไปสู่ประวัติศาสตร์การประมงของไอซ์แลนด์ตั้งแต่สมัยที่เรือพายแบบเปิดโล่งไปจนถึงเรือที่มีความซับซ้อนมากขึ้น จนทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในศตวรรษแห่งอุตสาหกรรมและความเจริญรุ่งเรือง

ในทำนองเดียวกัน พิพิธภัณฑ์วาฬแห่งไอซ์แลนด์ ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ผู้มาเยือนเกี่ยวกับวาฬที่เปราะบางและสวยงามที่ว่ายอยู่ในน่านน้ำรอบๆ ไอซ์แลนด์ นิทรรศการในปัจจุบันมีทั้งแบบจำลองปลาวาฬขนาดเท่าของจริง ทัวร์พร้อมเสียงที่ดาวน์โหลดได้ และชายหาดที่ผ่อนคลายซึ่งคุณสามารถหาอะไรกินได้ พร้อมเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใต้น้ำของสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่เหล่านี้

ปิดท้ายการเดินทางของคุณในพื้นที่นี้ที่ศูนย์แสงเหนือ หรือพิพิธภัณฑ์ออโรร่า ซึ่งมีการแสดงแสงเหนือแบบอินเทอร์แอคทีฟ พร้อมด้วยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ รวมถึงการเล่าขานอย่างสร้างสรรค์ของนิทานพื้นบ้านที่อยู่รอบตัว ที่ศูนย์แห่งนี้ยังมีหลักสูตรการถ่ายภาพออโรร่าเบื้องต้นอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถจับคู่รวมกับทัวร์แสงเหนือที่แนะนำได้ระหว่างที่คุณอยู่ในไอซ์แลนด์

มุมศิลปะ

ผู้ที่ทำงานด้านศิลปะและผู้สนใจงานแนวนี้จะต้องเพลิดเพลินไปกับการเยี่ยมชม Marshall Húsið อย่างแน่นอน สถาบันแห่งนี้ไม่ได้เป็นที่ตั้งของพื้นที่ศิลปะเพียงแห่งเดียว แต่มีพื้นที่ศิลปะถึงสามแห่ง รวมถึง Living Art Museum (Nýlistasafnið) สตูดิโอของ Ólafur Elíasson (ผู้ที่ทำงานร่วมกับอากาศ แสงสว่าง และดินเพื่อออกแบบงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ของเขา) และ Kling & Bang แกลเลอรี ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแนะนำศิลปินหน้าใหม่ให้เป็นที่ยอมรับสู่สาธารณะ

ชอปปิ้ง

ท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นย่านริมน้ำอย่างแท้จริง ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าและเสื้อผ้าจากดีไซเนอร์ โดยมีแบรนด์ Farmers Market แบรนด์ดีไซเนอร์สัญชาติไอซ์แลนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเสื้อผ้าขนสัตว์ และยังมีกางเกงขายาวและเครื่องประดับทันสมัยเพื่อเติมเต็มลุคในการแต่งกายด้วย สไตล์การออกแบบของพวกเขามีเอกลักษณ์และมีความเชื่อมโยงระหว่างชนบทและเมือง

แต่ย่านชอปปิ้งของกรานดิไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสื้อผ้าขนสัตว์เท่านั้น ดีไซเนอร์ชาวไอซ์แลนด์ STEiNUNN และ Krínólin เชี่ยวชาญด้านเสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ โดยแบรนด์หลังจะนำเสนอเฉพาะแฟชั่นสำหรับผู้หญิงเท่านั้น STEiNUNN ยังจำหน่ายของใช้ในบ้านที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี่จากทางแบรนด์ซึ่งไปออกงานนิทรรศการศิลปะและแฟชั่นเป็นประจำ

เมื่อคุณซื้อเสื้อสเวตเตอร์แสนสบายไว้อ่านหนังสือแล้ว ให้เดินไปที่ Forlagið Bókabúð ซึ่งเป็นโกดังร้านหนังสือของสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ร้านหนังสือแห่งนี้มีทิวทัศน์อันงดงามของชายฝั่งและมีหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไอซ์แลนด์ และภาษาอื่นๆ อีกสองสามภาษา