คู่มือท่องเที่ยว อาสยา

อาสยา (Askja) เป็นปล่องภูเขาไฟในพื้นที่ไฮแลนด์ตอนกลางของไอซ์แลนด์ ทางเหนือของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล ที่นี่เป็นที่รู้จักดีที่สุดจากการปะทุครั้งใหญ่ รวมถึงสถานที่ฝึกซ้อมสำหรับนักบินอวกาศอะพอลโล เนื่องจากมีภูมิประเทศแตกต่างจากที่อื่นในโลกโดยคล้ายกับบนดวงจันทร์

เลือกดูทัวร์ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ที่มีหลากหลาย

---

ภาพด้านบนจาก Wikimedia, Creative Commons, by Ilya Grigorik ไม่มีการแก้ไขใดๆ

---

จุดสูงสุดของภูเขาที่ก่อตัวเป็นปล่องภูเขาไฟอยู่ที่ความสูง 1,510 เมตร (4.954 ฟุต) ซึ่งถือว่าสูงอย่างน่าทึ่งสำหรับยอดเขาในไอซ์แลนด์

อาสยา เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินป่า โดยมีกระท่อมบนภูเขาให้พัก แม้ว่าจะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะในฤดูร้อนด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น

การปะทุครั้งใหญ่ที่อาสยา

อาสยาไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์ มันเพิ่งได้รับความสนใจอย่างมากในปี 1875 เมื่อปะทุด้วยพลังมหาศาล และปล่อยเถ้าพิษปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของฟยอร์ดตะวันออก และเถ้าถ่านนี้ยังไปไกลถึงโปแลนด์ด้วย

ผลกระทบของการปะทุเป็นหายนะสำหรับคนในท้องถิ่น เนื่องจากปศุสัตว์และพืชผลเหี่ยวเฉาและตายไป สิ่งนี้ส่งผลให้มีการอพยพครั้งใหญ่จากประเทศไอซ์แลนด์ไปยังสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และหลายเมืองบนชายฝั่งตะวันออกมีประชากรลูกหลานชาวไอซ์แลนด์จำนวนมาก โดยเฉพาะเมืองกิมลีของแคนาดา

แม้ว่านี่จะดูเหมือนเป็นครั้งแรกที่อาสยาเป็นที่รู้จักจากการส่งผลกระทบในระดับนานาชาติ แต่อันที่จริงเมื่อ 11,000 ปีก่อน เทฟราหรือชิ้นส่วนจากภูเขาไฟปะทุนั้นไปไกลถึงโรมาเนีย

อาสยาปะทุครั้งสุดท้ายในปี 1961 แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นก็ตาม อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้นมาก็มีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ในปี 2010 และไม่มีน้ำแข็งปกคลุมในเดือนเมษายนปี 2012 ซึ่งบ่งบอกว่ามีความร้อนใต้ยอดเขา

วิกิมีเดีย, ครีเอทีฟคอมมอนส์, เครดิตภาพ: Ulrich Latzenhofer ไม่มีการแก้ไขใดๆ

ทะลสาบเอิสค์จูวาทน์

อาสยายังเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นที่ตั้งของทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศไอซ์แลนด์ ทะเลสาบเอิสค์จูวาทน์ (Öskjuvatn) ซึ่งเป็นรองแค่เพียงทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่

ทะเลสาบเอิสค์จูวาทน์อยู่ใต้ระดับหลักของพื้นปล่องภูเขาไฟประมาณ 50 เมตร (164 ฟุต) และมีความลึกสูงสุดถึง 220 เมตร (722 ฟุต)

ทะเลสาบแห่งนี้ก่อตัวขึ้นหลังจากการปะทุในปี 1875 และครอบคลุมพื้นที่สิบสองตารางกิโลเมตร (ประมาณห้าตารางไมล์) พื้นที่นี้จะเป็นน้ำแข็งเกือบตลอดทั้งปี และหากน้ำแข็งละลายนอกฤดูกาล อาจเป็นสัญญาณที่น่ากังวลว่าอาจเกิดการปะทุ

วิทยาศาสตร์และอาสยา

อาสยาตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า 'เงาฝน' ของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลอันยิ่งใหญ่ ซึ่งหมายความว่าพื้นที่นี้แห้งอย่างน่าทึ่ง โดยมีปริมาณฝนเพียง 450 มิลลิเมตรต่อปี หรือประมาณครึ่งหนึ่งของปริมาณฝนที่ตกในเมืองเรคยาวิก นอกจากนี้ ยังมีอากาศหนาวเป็นพิเศษด้วย เนื่องจากอยู่สูงและอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็ง

เงื่อนไขเหล่านี้หมายความว่ารอบๆ อาสยาแทบจะไม่มีพืชพรรณใดๆ เลย ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักบินอวกาศของยานอะพอลโลในการปรับตัวให้ชินกับสภาพแวดล้อมของดวงจันทร์ แม้ว่าสถานที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เช่น คาบสมุทรเรคยาเนส ก็ถูกนำมาใช้เช่นกัน แต่สภาพแวดล้อมของอาสยาถือว่าเหมือนภูมิทัศน์ของดวงจันทร์มากที่สุด

นักวิทยาศาสตร์ของอะพอลโลไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มาที่อาสยา แต่ที่นี่ดึงดูดทั้งนักอุตุนิยมวิทยา นักธรณีวิทยา และนักภูเขาไฟวิทยามานานหลายทศวรรษ ก่อนที่นักบินอวกาศจะมาถึง อาสยาได้คร่าชีวิตคนสองคนที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ไปแล้ว

ในปี 1907 ขณะที่นักวิทยาศาสตร์สองคนจากเยอรมนี Walter von Knebel และ Max Rudloff กำลังศึกษาภูเขาไฟนี้ และนั่งเรือเดินทางออกไปยังพื้นผิวของทะเลสาบเอิสค์จูวาทน์ พวกเขาไม่ได้กลับมาอีก และไม่พบร่องรอยใดๆ ของพวกเขาอีกเลย แม้ว่า Ina von Grumbkow คู่หมั้นของ von Knebel จะค้นหาอย่างละเอียดเพียงใดก็ตาม

สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาถือเป็นปริศนาที่คงอยู่ ซึ่งคำตอบที่เป็นไปได้นั้นถูกค้นพบในที่สุดในปี 2014

การศึกษาที่ดำเนินการในปีนั้นในปล่องภูเขาไฟเผยให้เห็นว่า ดินถล่มมีผลกระทบต่อทะเลสาบอย่างไร เมื่อดินที่ถล่มลงมากระทบพื้นผิวน้ำ ทำให้เกิดคลื่นสูง 30 เมตร (98 ฟุต) ซึ่งเรือลำเล็กที่ขวางทางคงจะพังยับเยิน จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมไม่มีใครพบร่องรอยของเรือเหล่านั้น