คู่มือท่องเที่ยว เรคยาเนส

เรคยาเนส (Reykjanes) เป็นคาบสมุทรทางตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ที่นี่โดดเด่นด้วยทุ่งลาวาขนาดมหึมา ภูเขาไฟและกิจกรรมความร้อนใต้พิภพที่เพิ่มสูงขึ้น

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับภูมิภาคนี้คือเดินทางท่องเที่ยวแบบไม่ต้องเร่งรีบด้วยทัวร์ขับรถเที่ยวเอง และคุณยังสามารถเลือกดูทัวร์เที่ยวเรคยาเนสที่เราคัดสรรมาเพื่อการสำรวจพื้นที่นี้

กิจกรรมของภูเขาไฟและความร้อนใต้พิภพ 

คาบสมุทรเรคยาเนสทอดยาวไปตามรอยแยกกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งแผ่นเปลือกโลกยูเรเชียและอเมริกาเหนือเคลื่อนตัวออกจากกัน เนื่องจากลักษณะทางธรณีวิทยาดังกล่าวว พื้นที่บนคาบสมุทรทั้งหมดจึงมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นมากมายและเต็มไปด้วยด้วยทุ่งลาวาที่ปกคลุมด้วยมอสส์และภูเขารูปทรงกรวย

แม้จะตั้งอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกสองแผ่น แต่ 800 ปีที่ผ่านมายังไม่มีประวัติการปะทุของภูเขาไฟ อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อภูเขาไฟฟากราดาลสฟยาลล์ (Fagradalsfjall) ระเบิดในเดือนมีนาคม 2021 การปะทุกินเวลานาน 6 เดือนและดึงดูดผู้คนหลายพันคนให้เดินทางมาที่ภูเขาไฟเพื่อชมลาวาร้อนสีแดงที่พวยพุ่งออกมาอย่างสวยงาม 

ในเดือนสิงหาคม ปี 2022 ภูเขาไฟฟากราดาลสฟยาลล์ปะทุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าการปะทุครั้งก่อนไม่ใช่ความบังเอิญ และในวันที่ 10 กรกฎาคม 2023 การปะทุครั้งที่สามเริ่มขึ้นในพื้นที่ฟากราดาลสฟยาลล์ โดยครั้งนี้จุดปะทุอยู่ใกล้กับภูเขาลิทลิ-ฮรูตูร์ (Litli-Hrutur) ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

การปะทุของภูเขาไฟที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ชาวไอซ์แลนด์เปลี่ยนมุมมองต่อคาบสมุทรเรคยาเนสใหม่ จากยักษ์ที่หลับใหลไปสู่แหล่งกิจกรรมทางธรณีวิทยา

นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังกลายเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ในปี 2001 แผ่นดินไหวใต้ทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์ (Kleifarvatn) ทำให้พื้นที่ผิวทะเลสาบลดลง 25% และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา น้ำพุร้อนก็ผุดขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ

พื้นที่ความร้อนใต้พิภพหลักของเรคยาเนส ได้แก่ กุนนูฮแวร์ (Gunnuhver) ครีซูวิก (Krysuvik) และสวาร์ทเซงกิ (Svartsengi) กุนนูฮแวร์มีบ่อโคลนและฟูมาโรลหลายแห่ง ในขณะที่คริซูวิกโดดเด่นด้วยน้ำพุร้อนและบ่อโคลนที่แร่ธาตุเปลี่ยนดินเป็นสีแดงทับทิม สีน้ำเงินไพลิน และสีเหลืองบุษราคัม ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟสีเขียวกราเอนาวาทน์ (Graenavatn) ก็มีทัศนียภาพที่น่าประทับใจเช่นกัน

สวาร์ทเซงกิ เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ผลิตไฟฟ้าได้ 76.5 เมกะวัตต์จากน้ำอุณหภูมิ 90°C ที่พุ่งออกมาจากพื้นโลกจำนวน 475 ลิตรต่อวินาที น้ำอุดมด้วยแร่ธาตุส่วนที่เหลือใช้จากที่นี่ที่ได้เข้าไปเติมเต็มสปาบลูลากูน (Blue Lagoon Spa)

ธรรมชาติและสัตว์ป่า

หน้าผาของเรคยาเนสเต็มไปด้วยนกนานาพันธุ์ ฝูงนกที่รู้จักกันดีที่สุดอาศัยอยู่ในครีซูวิกคูร์บียาร์ก (Krysuvikurbjarg) ซึ่งเป็นที่ทำรังของนกทะเลประมาณแปดหมื่นตัว แม้ว่าจะไม่พบนกพัฟฟินที่นี่ แต่ก็เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยมในการชมนกกาน้ำ นกฟูลมาร์ และนกชนิดอื่นๆ

ทางเหนือของครีซูวิกคูร์บียาร์กคือเคลฟาร์วาทน์ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรและเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ลึกที่สุดในไอซ์แลนด์ ส่วนที่ใจกลางคาบสมุทรคือทะเลสาบดยูพาวาทน์ (Djupavatn) ซึ่งเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการตกปลา

เรคยาเนสถูกซัดสาดด้วยคลื่นหัวแตก (Breaker waves) ที่น่าทึ่งที่สุดในโลก ขับรถไปไม่ไกลจากครีซูวิกก็จะถึงเซลโวกูร์ (Selvogur) ซึ่งคุณสามารถชมคลื่นยักษ์ที่ซัดกระทบโขดหินที่บริเวณเรคยาเนสตา (Reykjanesta) ซึ่งเป็นปลายสุดทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทร เป็นที่รู้กันว่าคลื่นสูงถึง 30 เมตร

ด้วยเหตุนี้ การกัดเซาะชายฝั่งจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เรคยาเนส และถ้าไม่ใช่เพราะการปะทุทำให้เกิดผืนแผ่นดินใหม่ คาบสมุทรก็อาจจะแคบลงมากหรือจมหายไปในทะเล

ด้านเหนือของคาบสมุทรมีหมู่บ้านชาวประมงและเมืองต่างๆ กระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคฟลาวิก (Keflavik) แซนด์แกร์ดิ (Sandgerdi)  การ์ดูร์ (Gardur) และโวการ์ (Vogar) เมืองกรินดาวิค (Grindavik) ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทางใต้ของคาบสมุทร เมื่อรวมกันแล้ว เมืองเหล่านี้และเมืองนยาร์ดวิก (Njardvik) ฮาฟนิร์ (Hafnir) และอาสบรู (Asbru) รวมกันเป็นเทศบาลเรคยาเนสไบร์ (Reykjanesbaer) ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 19,600 คน ทำให้เป็นเทศบาลที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในไอซ์แลนด์

มิดเนเซดิ (Midnesheidi)

ใกล้กับเคฟลาวิกคือทุ่งมิดเนเซดิ (Midnesheidi Heath) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางเข้ามายังไอซ์แลนด์ต้องเข้ามาทางนี้

สปาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ทางตอนใต้สุดของคาบสมุทรมีสปาความร้อนใต้พิภพบลูลากูน ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและแช่น้ำ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในไอซ์แลนด์