วันนี้เป็นวันที่คุณจะได้ทำอะไรที่ตื่นเต้นมากขึ้น โดยเรามีสามตัวเลือกที่น่าสนใจในไอซ์แลนด์ให้คุณเลือกตามความพอใจว่าคุณอยากไปเห็นหรือทำอะไร
ตัวเลือกที่ 1 คือการเดินทางไปกับทัวร์แบบส่วนตัวบนเส้นทางวงกลมทองคำ ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ตลอดเส้นทางนี้คุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่หลากหลายของไอซ์แลนด์ ทริปนี้ใช้เวลา 7 ชั่วโมง และคุณจะได้ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) อันสวยงามซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแผ่นเปลือกโลกของ 2 ทวีป (อเมริกาเหนือและยูเรเชียน) อุทยานฯ แห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ มีน้ำตก ทะเลสาบ และรอยแยกซิลฟรา (Silfra) ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นจุดดำน้ำลึกและดำน้ำตื้นที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องการลงไปดำน้ำในรอยแยกระหว่างสองทวีป
ถัดมาคุณจะมุ่งหน้าไปยังพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพไกเซอร์ (Geysir geothermal area) ที่นี่คุณจะได้เดินเล่นท่ามกลางปล่องไอน้ำร้อน บ่อโคลนเดือด และน้ำพุร้อน ซึ่งภายในบริเวณนี้จะอบอวลไปด้วยม่านหมอกและกลิ่นควันของพลังงานความร้อนจากใต้พิภพ ไฮไลต์ของที่นี่คือน้ำพุร้อนหรือไกเซอร์พ่นน้ำที่ชื่อสโทรคูร์ (Strokkur) ซึ่งด้วยพลังที่เหลือล้นของธรรมชาติ ทำให้น้ำพุร้อนแห่งนี้พ่นน้ำเดือดขึ้นฟ้าสูงถึง 20 เมตรในทุกๆ 5-10 นาที ดังนั้นอย่าลืมเตรียมกล้องของคุณให้พร้อม!
จุดแวะสุดท้ายสำหรับทัวร์เส้นทางวงกลมทองคำคือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) น้ำตกอันยิ่งใหญ่และงดงามแห่งนี้มีน้ำจากธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) คอยหล่อเลี้ยงโดยไหลผ่านแม่น้ำฮวิทเอา (Hvita) และกลายเป็นน้ำตกที่มีความสูง 32 เมตร ไหลลดหลั่นเป็นสองชั้นลงสู่หุบเขาด้านล่าง และหากคุณโชคดี ในขณะที่คุณกำลังชมน้ำตกและปล่อยให้ละอองน้ำปะทะเข้ากับใบหน้าอยู่นั้น คุณจะได้เห็นรุ้งกินน้ำพาดผ่านน้ำตกด้วย
ตัวเลือกที่ 2 คือการเดินทางไปกับทัวร์แบบส่วนตัวบนชายฝั่งทางใต้ที่น่ามหัศจรรย์ของไอซ์แลนด์ สำหรับทัวร์ระยะเวลา 10 ชั่วโมงนี้คุณจะเดินทางผ่านทั้งภูเขา ธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ น้ำตก และหาดทรายสีดำ
โดยไกด์ส่วนตัวจะไปรับคุณจากที่พักและพาคุณเดินทางออกจากเมืองและมุ่งหน้าสู่ธรรมชาติแบบชนบทของไอซ์แลนด์ พร้อมกับให้คำตอบในทุกเรื่องที่คุณสนใจอยากรู้ สถานที่แรกที่คุณจะแวะชมคือน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ที่งดงามและมองเห็นได้จากบนถนน และน้ำตกแห่งนี้ยังมีความพิเศษตรงที่คุณสามารถเดินเข้าไปชมที่ด้านหลังของน้ำตกซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำได้ด้วย
จากนั้นคุณจะมุ่งหน้าไปยังน้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ซึ่งคุณสามารถเข้าไปชมน้ำตกในระยะใกล้ๆ หรือจะปีนบันไดที่อยู่ด้านข้างน้ำตกเพื่อขึ้นไปชมวิวจากด้านบนก็ได้ น้ำตกสโกกาฟอสส์นั้นยังเต็มไปด้วยเรื่องราว เชื่อกันว่าบริเวณหลังม่านน้ำตกที่ไหลแรงนั้นเป็นสถานที่ซ่อนสมบัติล้ำค่ามากมาย
หลังจากนั้นคุณจะไปเที่ยวที่หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) ที่สวยงามแบบอึมครึม การเดินเล่นอยู่ที่บริเวณหาดแห่งนี้ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในโลกแห่งความฝันเนื่องจากทิวทัศน์โดยรอบนั้นมีความแปลกประหลาด ทั้งโขดหินบะซอลต์เรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ที่สูงตระหง่านอยู่กลางทะเลก็มีเรื่องเล่าว่าแท้จริงแล้วเป็นโทรลล์ 2 ตนที่กลายร่างเป็นหินเพราะออกไปสำรวจเรือที่อับปางอยู่กลางทะเลแล้วดันหาที่กำบังตัวไม่ทันเมื่อยามที่พระอาทิตย์ขึ้น นอกจากนี้คุณยังต้องไปดูถ้ำภูเขาไฟที่มีเสาหินบะซอลต์ทรงหกเหลี่ยมเรียงรายอยู่มากมายตามริมหาดด้วย บริเวณนี้มีนกมาทำรังมากมายและมีเกลียวคลื่นซัดสาดกระทบฝั่งเสียงครืนๆ ดังสนั่นตลอดเวลา
ตัวเลือกที่ 3 คือการเดินทางไปกับทัวร์แบบส่วนตัวบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสที่มีธรรมชาติหลากหลายรูปแบบให้คุณได้เห็น เนื่องจากภูมิประเทศและแลนด์มาร์คบนคาบสมุทรแห่งนี้มีความแตกต่างหลากหลาย ที่นี่จึงได้รับฉายาว่าเป็น "ไอซ์แลนด์ย่อส่วน" และยังได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่แสนโรแมนติกสำหรับหลีกหนีชีวิตในเมืองใหญ่อย่างเรคยาวิกด้วย
เมื่อไกด์ส่วนตัวไปรับคุณจากที่โรงแรม คุณจะเดินทางมุ่งหน้าไปทางตะวันตก ผ่านเมืองบอร์การ์เนส (Borgarnes) ที่สวยแปลกตาและเดินทางต่อไปทางใต้ของคาบสมุทรเพื่อไปชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติในหมู่บ้านประมงริมชายฝั่งที่มีชื่อว่าหมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) และอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) โดยคุณสามารถไปเดินเล่นอยู่ริมชายฝั่งและริมขอบหน้าผาเพื่อชมหินรูปร่างพิลึกที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวไหลผ่าน จนทำให้เกิดเป็นหินภูเขาไฟที่มีลวดลายสวยงามแปลกตา
เมื่อรถวิ่งไปจนสุดปลายคาบสมุทร คุณจะผ่านธารน้ำแข็งสไนล์เฟลล์โจกุล (Snaefellsjokull) อันยิ่งใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนจุดที่สูงสุดของคาบสมุทรแห่งนี้ และใกล้ๆ กันนั้นคุณสามารถออกนอกเส้นทางหลักเพื่อไปเที่ยวถ้ำวาทน์เฮลลิร์ (Vatnshellir) ได้ด้วย โดยคุณจะได้เข้าไปชมความงามภายในถ้ำลาวาที่เต็มไปด้วยสีสันและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจในทางธรณีวิทยา
ต่อจากนั้นคุณจะไปที่ภูเขาเคิร์กจูแฟลล์ (Kirkjufell) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรใกล้ๆ กับหมู่บ้านกรุนดาร์ฟยอร์ดูร์ (Grundarfjordur) และแม้ว่าชื่อของเขาลูกนี้จะแปลว่า "ภูเขาโบสถ์" แต่ปัจจุบันนั้นรู้จักกันทั่วไปว่าเป็น "ภูเขาที่มีรูปทรงเหมือนหัวลูกศร" จากเกมออฟโธรนส์ ซีรีส์ยอดฮิตทางช่อง HBO ภูเขาเคิร์กจูแฟลล์ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างจากภูเขาลูกอื่นๆ แต่มีน้ำตกเล็กๆ ชื่อเคิร์กจูเฟลล์ฟอสส์ (Kirkjufellsfoss) อยู่เคียงข้าง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าภูเขาเคิร์กจูแฟลล์นั้นเป็นภูเขาที่มีคนสนใจอยากถ่ายรูปมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์
ไม่ว่าคุณจะเลือกตัวเลือกไหน ในวันนี้คุณก็จะได้ท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานท่ามกลางธรรมชาติที่น่าทึ่งของไอซ์แลนด์ และในช่วงท้ายของวันคุณจะเดินทางไปที่บลูลากูน ซึ่งเป็นสปาสุดหรูหราที่คุณจะใช้เวลาอีกสองคืนถัดไปที่นี่ และก่อนที่จะปิดทริปในวันนี้คุณจะได้ไปรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่ห้องอาหารชื่อ Lava หรือไม่ก็ห้องอาหาร Moss ภายในบลูลากูน