ทัวร์ชายฝั่งทางใต้ 3 วัน วงกลมทองคำและโจกุลซาลอน
คำอธิบาย
สรุป
คำอธิบาย
คุณกำลังมองหาความสนุกตื่นเต้นอยู่ใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะทัวร์ 3 วันแพ็คเกจนี้รวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจบนวงกลมทองคำและชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ รวมถึงทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง แมวน้ำ และนกน้อยน่ารักเอาไว้ในทริปนี้ครบหมดแล้ว
ทัวร์กรุ๊ปเล็กจะเริ่มออกเดินทางโดยพาคุณไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามจนยากจะลืมเลือนบนเส้นทางวงกลมทองคำอย่างอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir) หนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก ที่นี่มีภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยลาวาที่ถูกหญ้ามอสขึ้นปกคลุม และมีทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่งดงามมาก จากบริเวณนี้คุณจะมุ่งหน้าไปยังทุ่งนำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir) สถานที่ตั้งของน้ำพุร้อนสโทรคูร์ (Strokkur) ที่รออวดความยิ่งใหญ่ของพลังงานความร้อนจากใต้ดินของไอซ์แลนด์ด้วยการพ่นน้ำสูงขึ้นไปบนฟ้าเต็มกำลัง
ถัดมาเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่ไหลลดหลั่นลงสามชั้นนั้น เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เพื่อให้แน่ใจว่าวันนี้จะเป็นวันที่สมบูรณ์แบบ คุณยังจะได้ไปดูปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerið) และไปชิมไอศกรีมโฮมเมดกันถึงในฟาร์มของชาวไอซ์แลนด์ด้วย
ในวันที่สองชายฝั่งทางใต้พร้อมด้วยน้ำตกอันงดงามต่างตั้งตารอให้คุณไปเชยชม เริ่มจากน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) น้ำตกแห่งนี้มีความโดดเด่นตรงที่คุณสามารถเข้าไปเดินชมจากหลังม่านน้ำตกได้เลย ต่อมาเป็นน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) ซึ่งมีความสูงถึง 60 เมตร และเป็นต้นกำเนิดของละอองน้ำหนาทึบที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ และถ้าวันไหนมีแสงแดดแถวนี้จะมีรุ้งกินน้ำปรากฏออกมาให้เห็นด้วย น้ำตกแห่งนี้ยังมีความท้าทายอีกอย่างตรงที่มีบันไดจำนวน 527 ขั้นที่บริเวณด้านข้างของน้ำตก เส้นทางไฮกิ้งนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแอดเวนเจอร์ โดยคุณจะได้รับรางวัลเป็นวิวสวยๆ จากจุดชมวิวที่ด้านบน
การผจญภัยของคุณในวันที่สองยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะคุณจะไฮกิ้งขึ้นไปบนธารน้ำแข็งกันด้วย โดยไกด์ที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจะคอยช่วยเหลือให้คุณสวมใส่อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการปีนกลาเซียร์ อันได้แก่ หมวกกันน็อก ชุดสายรัดลำตัว รองเท้าตะปู และขวานน้ำแข็ง เมื่อมีอุปกรณ์เหล่านี้ครบแล้วคุณจะขึ้นไปเดินอยู่บนน้ำแข็งเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อเพลิดเพลินกับธรรมชาติสวยๆ จากด้านบน
จุดต่อไปคือหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) อันโด่งดัง ซึ่งมีคลื่นจากมหาสมุทรแอตแลนติกสาดกระทบชายฝั่งและหน้าผาเสาหินบะซอลต์อย่างแรง โดยคลื่นพวกนั้นเป็นอะไรที่ไว้ใจไม่ได้และคุณเองก็ห้ามเข้าไปใกล้อย่างเด็ดขาด เพราะถ้าคุณเผลอมันจะกระชากเอาคุณออกทะเลไปแบบไม่รู้ตัว หาดทรายดำแห่งนี้อยู่ใกล้กับหน้าผาดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) ซึ่งเป็นเหมือนสวรรค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดูนกในหน้าร้อนเพราะว่าบนหน้าผาแถวนี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคมจะมีนกพัฟฟินมาทำรัง
ในวันสุดท้ายคุณจะไปเที่ยวทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) และหาดไดมอนด์บีชที่อยู่อีกฝั่งของถนนด้วย ซึ่งบนหาดแห่งนี้มีภูเขาน้ำแข็งที่มองดูแล้วเหมือนเพชรกระจายอยู่บนหาดทรายสีดำมากมาย ดีไม่ดีคุณจะได้เห็นแมวน้ำออกมาวิ่งเล่นอยู่บนก้อนภูเขาน้ำแข็งด้วยดังนั้นแนะนำให้คุณเตรียมกล้องติดมือไว้ให้พร้อมตลอดเวลา
คุณสามารถนำกระเป๋าเดินทางที่มีขนาดไม่เกิน 24 นิ้ว (61 เซนติเมตร) มาด้วยได้หนึ่งชิ้น
คุณยังต้องรออะไรอยู่อีก ประสบการณ์ในการเที่ยวไอซ์แลนด์แบบสุดยอดนี้จัดขึ้นสำหรับกรุ๊ปขนาดเล็กและมีไกด์ประสบการณ์สูงคอยดูแล เลือกวันที่ที่ต้องการเดินทางแล้วจองทริปแอดเวนเจอร์ของคุณวันนี้เลย!
รวมในแพ็คเกจ
แผนที่
สถานที่ท่องเที่ยว
กิจกรรม
แผนการเดินทางรายวัน
วัน 1 - สถานที่ท่องเที่ยวบนวงกลมทองคำ
เมื่อออกเดินทางจากเรคยาวิก (Reykjavik) คุณจะมุ่งหน้าไปบนเส้นทางวงกลมทองคำเพื่อไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกถึงสามแห่งด้วยกัน
สถานที่แรกคืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Þingvellir) บนแผ่นดินใหญ่ของไอซ์แลนด์และจุดนี้เป็นสถานที่มรกดโลกของยูเนสโกด้วย โดยอุทยานฯ ตั้งอยู่บนดินแดนที่อยู่ตรงกลางระหว่างแผ่นเปลือกทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งมีความน่าสนใจตรงที่มีธรรมชาติแบบดิบๆ และมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าตื่นตาตื่นใจ บริเวณนี้ยังเคยถูกใช้เป็นที่ตั้งของรัฐสภาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หรืออัลธิงกิ (Alþingi) ซึ่งสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 930 แต่ปัจจุบันนี้รัฐสภาได้ถูกย้ายไปไว้ในเมืองเรคยาวิกแล้ว
คุณจะได้ไปเห็นปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerið) ซึ่งมีประวัติความเป็นมาในทางธรณีวิทยาที่น่ามหัศจรรย์ บางคนเชื่อว่าปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ก่อตัวขึ้นเมื่อตอนที่มีการระเบิดครั้งใหญ่ ในขณะที่ทฤษฎีอื่นๆ เชื่อว่ามันเกิดขึ้นมาจากกรวยภูเขาไฟที่ถล่มลงไปในโถงแมกมาด้านในหลังจากที่เกิดการระเบิดของภูเขา
ต่อไปเป็นทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ ซึ่งมีสโทรคูร์ (Strokkur) พ่นน้ำร้อนขึ้นฟ้าสูง 30 เมตรในทุกๆ ไม่กี่นาที ใกล้ๆ กันเป็นเดอะเกรทไกเซอร์ (Great Geysir) ที่แม้ว่าทุกวันนี้ส่วนใหญ่มันจะไม่แอคทีฟแล้ว แต่นานๆ ทีก็ยังสร้างเซอร์ไพรส์พ่นน้ำขึ้นฟ้าได้สูงกว่าสโทรคูร์เสียอีก รอบๆ บริเวณแถวนี้ยังมีหินสีสันสดใสสวยงามและเมื่อรวมกับไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินแล้วถือว่าเป็นองค์ประกอบที่งดงามอย่างน่ามหัศจรรย์
สถานที่สุดท้ายบนเส้นทางนี้คือน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หรือ “น้ำตกทอง” ซึ่งแม่น้ำฮวิทเอา (Hvítá) ไหลลดหลั่นเป็นสองชั้นตกกระแทกลงในหุบเหวแคบๆ ส่งเสียงกึกก้องเสนาะหู ในวันที่มีแดดเจิดจ้า คุณจะได้เห็นสายรุ้งพาดอยู่เหนือหุบเหวด้วย เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานกันอย่างลงตัวของพละกำลังอันมหาศาลกับสีสันของธรรมชาติ
ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะว่าในวันนี้คุณจะไปแวะเติมความสดชื่นกันต่อด้วยการชิมไอศกรีมโฮมเมด ที่ฟาร์มโคนมซึ่งเป็นธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัว และจะได้ไปชมชีวิตสัตว์ในฟาร์มก่อนที่จะเข้าไปพักผ่อนในโรงแรมกันในช่วงเย็น
วัน 2 - ชายฝั่งทางใต้ ธารน้ำแข็ง และน้ำตก
วันนี้คุณจะได้พบกับธรรมชาติที่หลากหลาย ได้เห็นน้ำตกสวยงามตระการตาอย่างน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) รวมถึงหาดทรายดำ และธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล (Sólheimajökull) และมิร์ดาลส์โจกุล (Mýrdalsjökull)
สำหรับในสถานที่แรกของวันนี้นั้นคุณอาจจะต้องหยิบเสื้อกันฝนออกมาสวม เพราะการไปเที่ยวน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์และเข้าไปเดินที่ด้านหลังน้ำตกนั้นคุณจะได้สัมผัสกับละอองน้ำที่พัดมาจากน้ำตกอันยิ่งใหญ่แห่งนี้แบบเต็มๆ แต่ที่นี่คุณจะได้ภาพสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน
จากตรงนี้คุณจะมุ่งหน้าไปต่อกันที่น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) น้ำตกทรงพลังสูง 60 เมตร ถ้าคุณอยากไฮกิ้งออกแรงกันเล็กน้อยก็สามารถเดินขึ้นบันไดที่อยู่ด้านข้างของน้ำตกไปชมวิวสวยๆ ที่จุดชมวิวด้านบนได้ ในวันที่อากาศแจ่มใสคุณจะมองเห็นชายฝั่งและอาจจะเห็นไปถึงธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) เลยทีเดียว
จากนั้นก็ได้เวลาไปดูธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajökull) ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปกันแล้ว ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลนั้นตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) และคุณจะไปปีนธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่แห่งนี้กัน โดยในขณะที่เตรียมตัวอยู่ที่บริเวณฐานของธารน้ำแข็งด้านล่าง คุณจะต้องสวมใส่อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่างๆ เช่น หมวกกันน็อก รองเท้าตะปู สายรัดลำตัว และขวานน้ำแข็งให้เรียบร้อยกันก่อน
เมื่อพร้อมแล้วคุณจะใช้เวลาประมาณ 90 นาทีในการไฮกิ้งไปบนโครงสร้างของธรรมชาติอันตระการตา ซึ่งวิวที่สวยจนแทบจะทำให้คุณลืมหายใจนั้นโด่งดังมากจนได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดและรายการทีวีอีกมากมาย เช่น เกมออฟโธรนส์ และเจมส์ บอนด์ และคุณเองก็กำลังจะเดินตามรอยดาราดังเหล่านี้ขึ้นไปบนธารน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ใครก็ไม่อยากลืมเลย
เมื่อสิ้นสุดวันคุณจะเข้าพักในโรงแรมที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ซึ่งที่นี่มีความแอดเวนเจอร์รอคุณอยู่มากมายในวันพรุ่งนี้
วัน 3 - ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนและหาดไดมอนด์บีช
ในวันสุดท้ายนี้คุณจะเดินทางไปยังสถานที่ไฮไลต์อีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ นั่นก็คือทะเลสาบธารน้ำแข็งที่โจกุลซาลอน (Jökulsárlón) และหาดไดมอนด์ที่อยู่ติดกัน
ทะเลสาบแห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งที่แตกตัวออกมาจากธารน้ำแข็งเปรียดาร์แมร์คูร์โจกุล (Breiðamerkurjökull) และพวกมันก็ลอยตัวมุ่งหน้าไปทางชายฝั่งเพื่อหาทางออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก น้ำในทะเลสาบนั้นเป็นสีฟ้าสวยและมีภูเขาน้ำแข็งในนั้นจำนวนหนึ่งก็จะลอยไปเกยตื้นบนหาดทรายดำ และที่บนหาดทรายสีดำขลับเมื่อน้ำแข็งเหล่านี้สัมผัสกับแสงแดด พวกมันจะส่องประกายมองดูคล้ายกับเป็นเพชรล้ำค่าหลากหลายขนาดและรูปทรง
ถ้าคุณต้องการนั่งเรือออกไปในทะเลสาบก็สามารถทำได้ และจะทำให้คุณได้เห็นภูเขาน้ำแข็งและธารน้ำแข็งบนทะเลสาบแบบใกล้ชิดมากขึ้นด้วย ซึ่งการนั่งเรือในทะเลสาบแห่งนี้จะทำให้คุณยิ่งประทับใจกับช่วงเวลาในไอซ์แลนด์
จากนั้นคุณจะเดินทางกลับเข้าเมืองเรคยาวิก ในขากลับนี้ระหว่างทางคุณสามารถเลือกไปร่วมกับทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งที่คัทลา (Katla) ในธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Mýrdalsjökull) ด้วยก็ได้ และที่ในถ้ำน้ำแข็งคุณจะได้เห็นการก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างสวยสดงดงามของน้ำแข็งและขี้เถ้าที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟตลอดระยะที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์
ก่อนหมดวันนี้คุณยังจะได้ไปเที่ยวที่หาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) บริเวณนี้มีเสาหินบะซอลต์หน้าตาแปลกประหลาดและมีคลื่นยักษ์กระทบเข้ากับชายหาดทำให้หาดแห่งนี้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ที่นี่คุณจะได้สัมผัสถึงพละกำลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
เมื่อหมดวันทัวร์นี้จะไปสิ้นสุดที่ในเรคยาวิกพอดี
สิ่งที่ควรนำไป
สิ่งที่ควรรู้
• ลำดับและตัวเลือกของสถานที่ที่พาเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศและสภาพท้องถนน ตัวอย่างเช่นทัวร์ปีนกลาเซียร์และทัวร์ถ้ำน้ำแข็งอาจต้องมีการสลับวันกัน
• อนุญาตให้ผู้โดยสารนำกระเป๋าเดินทางติดตัวไปได้เพียงท่านละหนึ่งใบและต้องมีขนาดไม่เกิน 24” (61 ซม.)
• เราอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาให้สอดคล้องกับชั่วโมงที่มีแสงแดดด้วย และเราจะพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
• รถจะออกไปรับตามสถานที่ต่างๆ ในเมืองเรคยาวิก ไม่มีบริการไปรับที่สนามบินเคฟลาวิก หรือบริเวณนอกเมืองหลวง
• คุณสามารถกดดูสถานที่นัดรับในเมืองเรคยาวิกได้จากเมนูดร็อปดาวน์เมื่อทำการจอง
• คุณสามารถนำขนมและเครื่องดื่มติดตัวไปรับประทานได้
• แนะนำให้คุณนำรองเท้าสำหรับปีนเขาแบบที่มีพื้นกันลื่นติดไปด้วยถ้าคุณเดินทางมาในช่วงหน้าหนาว ทั้งนี้ เรามีบริการให้เช่ารองเท้าปีนเขาให้เลือกด้วยเมื่อคุณทำการจอง
• ถ้ำน้ำแข็งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ละปีจะมีถ้ำน้ำแข็งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเกิดขึ้นในบริเวณต่างๆ บนธารน้ำแข็ง และทัวร์นี้เราจะพาคุณเข้าไปชมถ้ำน้ำแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วย รูปภาพที่แสดงเป็นภาพที่ถ่ายในฤดูนี้ แต่ถ้ำและโครงสร้างอื่นๆ ที่คุณจะได้เห็นอาจจะแตกต่างออกไป เพราะธรรมชาติของน้ำแข็งทำให้ถ้ำพวกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
วิดีโอ
ทัวร์ที่คล้ายกัน
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด