คู่มือท่องเที่ยว ดาลวิก

ดาลวิก (Dalvík) เป็นหมู่บ้านในเขตเทศบาล Dalvíkurbyggð ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ มีประชากรประมาณ 1,400 คน

ภาพด้านบนจาก Wikimedia, Creative Commons โดย Hansueli Krapf ไม่มีการแก้ไขใดๆ

เทศบาลเมืองดาลวิกูร์บิกด์ตั้งอยู่บนคาบสมุทรโทรลลาสกากิและทางตะวันตกของฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ ดาลวิกเป็นหมู่บ้านหลักของบริเวณนี้ แต่ในพื้นที่เทศบาลยังประกอบด้วยเขตชนบทอย่าง Svarfaðardalur และ Árskógar

สำรวจเมืองนี้ขณะขับรถเที่ยวเองในประเทศไอซ์แลนด์

ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

ดาลวิกเป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อกว่าศตวรรษที่ผ่านมาเล็กน้อย ก่อนหน้านั้นพื้นที่บริเวณนี้ประกอบด้วยโรงนาที่ตั้งกระจัดกระจายและอาคารสองสามหลังที่ทำขึ้นเพื่อการประมง ซึ่งเกษตรกรมักทำควบคู่ไปกับการเกษตรทั่วไป

เมื่อชาวประมงนอร์เวย์เริ่มแห่กันไปที่บริเวณนี้เพราะมีปลาแฮร์ริ่งที่อุดมสมบูรณ์ในช่วงเปลี่ยนสู่ศตวรรษที่ 20 หมู่บ้านแห่งนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็กลายเป็นเมืองท่าปลาแฮร์ริ่งที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ เทศกาล Fiskidagurinn mikli หรือ วันปลาใหญ่ ยังคงจัดขึ้นทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองยุคทอง

การเฉลิมฉลองที่สำคัญในเทศกาลนี้ยังรวมถึงการแสดงดนตรีสดและดอกไม้ไฟ และมีบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลฟรี โดยผู้ผลิตปลาในท้องถิ่นเป็นผู้สนับสนุนวัตถุดิบ ในขณะที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคทรัพยากรและมาช่วยกันทำอาหารให้กับชุมชน

ในปี 1934 แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ได้ทำลายหมู่บ้านไปเป็นจำนวนมาก และทำให้ผู้คนประมาณ 200 คนไม่มีบ้าน แผ่นดินไหวครั้งนี้รู้จักกันในชื่อ Dalvíkurskjálftinn และมีรายงานว่ารู้สึกได้ทั่วทั้งไอซ์แลนด์เหนือ

หมู่บ้านนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Byggðasafnið Hvoll ซึ่งมีส่วนเกี่ยวกับแผ่นดินไหวในประวัติศาสตร์และผลกระทบที่มีต่อเมือง

กิจกรรมและสิ่งแวดล้อม

การเล่นสกีเป็นกีฬายอดนิยมในดาลวิก และลานสกี Böggvisstaðafjall ก็เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วประเทศ หมู่บ้านแห่งนี้ได้ให้กำเนิดนักสกีที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายคน โดยบางคนเคยเป็นตัวแทนของไอซ์แลนด์ในโอลิมปิกฤดูหนาวและการแข่งขันระดับนานาชาติขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น การแข่งขันฟุตบอลโลกและการแข่งขันชิงแชมป์โลก

นอกชายฝั่งดาลวิกคือเกาะกริมซีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศไอซ์แลนด์ เรือเฟอร์รี่ Sæfari จอดเทียบท่าที่ Dalvíkurhöfn ท่าเรือของเมือง ซึ่งทำให้ชาวกริมซีย์สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นๆ ของไอซ์แลนด์ได้