คู่มือท่องเที่ยว เซย์ดิสฟยอร์ดูร์

ภาพจาก Wikimedia, Creative Commons, by Joe DeSousa. ไม่มีการแก้ไขใดๆ

เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seydisfjordur) เป็นเมืองที่มีประชากรประมาณ 668 คน ตั้งอยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันออก โดยอยู่ที่มุมด้านในของฟยอร์ดที่มีชื่อเดียวกัน

สำรวจภูมิภาคนี้ด้วยทัวร์ขับรถเที่ยวเองในประเทศไอซ์แลนด์ และหากคุณวางแผนที่จะพักในเมืองที่มีเสน่ห์แห่งนี้ อย่าลืมจองที่พักที่เซย์ดิสฟยอร์ดูร์

ล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำตก แลนด์มาร์คที่เป็นสถานที่ธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ ภูเขา Bjólfur (1,085 ม.) ทางทิศตะวันตก และ Strandartindur (1,010 ม.) ในทางทิศตะวันออก ซึ่งทั้งสองแห่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินป่าเจ็ดยอดเขาของประเทศไอซ์แลนด์

เศรษฐกิจ

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเศรษฐกิจหลักของเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมการประมง แต่ก็มีการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมืองนี้มีท่าเรือขนาดใหญ่ และมีเรือข้ามฟาก Norraena ให้บริการจากที่นี่ โดยแล่นไปยังสแกนดิเนเวีย

เซย์ดิสฟยอร์ดูร์มีบริการมากมายสำหรับนักเดินทาง รวมถึงตัวเลือกที่พัก และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในเทศกาลศิลปะ LungA ประจำปี

วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

การตั้งถิ่นฐานของเซย์ดิสฟยอร์ดูร์เริ่มพัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าในปี 1848 เมื่อชาวเมืองค้นพบความมั่งคั่งใน "เงินแห่งท้องทะเล" ซึ่งก็คือปลาแฮร์ริ่ง ฟยอร์ดที่มีแนวป้องกันทอดยาวทำให้ชาวประมงในเซย์ดิสฟจฃยอร์ดูร์ได้เปรียบเหนือเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ที่นี่เติบโตเป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในไอซ์แลนด์ตะวันออก อาคารไม้หลากสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้เซย์ดิสฟยอร์ดูร์เป็นที่รู้จักนั้น ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้โดยพ่อค้าและนักล่าวาฬชาวนอร์เวย์ ซากปรักหักพังของปฏิบัติการล่าวาฬที่เวสต์ดาลเซรียังคงสามารถเยี่ยมชมได้ตามแนวชายฝั่งเซย์ดิสฟยอร์ดูร์

ในยุคใหม่ขึ้นมากว่านั้น เซย์ดิสฟยอร์ดูร์เคยเป็นฐานทัพของกองกำลังพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตามบันทึกมีการโจมตีนอกชายฝั่งของไอซ์แลนด์ครั้งหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นกับเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ El Grillo (“คริกเก็ต”) ซึ่งทอดสมออยู่ในฟยอร์ด หลังจากถูกโจมตีอย่างหนักโดยทหารชาวเยอรมันที่ประจำการอยู่ในนอร์เวย์ กัปตันของ El Grillo จึงตัดสินใจสละเรือ เรือ El Grillo จมโดยไม่มีผู้เสียชีวิต และตอนนี้ก็ยังอยู่ที่ด้านล่างที่ก้นฟยอร์ด ปัจจุบันซากเรือกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมในหมู่นักดำน้ำ

โรงไฟฟ้าที่เก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเซย์ดิสฟยอร์ดูร์

เมืองนี้มีฉากทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา มีบ้านหลังหนึ่งในเมืองที่อุทิศให้กับศิลปิน Dieter Roth โดยตรง นอกจากนี้ เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ยังมีสตูดิโอศิลปะ พิพิธภัณฑ์โทรคมนาคม ศูนย์ศิลปะ โรงภาพยนตร์หนึ่งในสองแห่งในไอซ์แลนด์ตะวันออก และเทศกาล LungA ประจำปี ตามที่กล่าวไว้

ภาพโดย Midorie Villeneuve Chassé

เทศกาลศิลปะ LungA จัดขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม เป็นการเฉลิมฉลองศิลปะของเยาวชน ชื่อของเทศกาลคือการผสมผสานระหว่างคำภาษาไอซ์แลนด์ที่แปลว่าศิลปะ (lista) และคำว่าหนุ่ม (ungur) ในงานมีเวิร์กช็อป นิทรรศการ แฟชั่นโชว์ และคอนเสิร์ต โดยมีนักดนตรีชั้นนำของไอซ์แลนด์หลายคนได้เข้าร่วมในเทศกาลนี้

ธรรมชาติและบริเวณโดยรอบ

เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันน่าทึ่ง ทั้งภูเขา น้ำตก และวิวทะเลที่สวยงาม ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร (10.5 ไมล์) คือเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกาลาเนส (Skalanes) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสำรวจทางวิทยาศาสตร์และศูนย์รวมของนักอนุรักษ์ เขตอนุรักษ์นี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,200 เฮกตาร์มีชื่อเสียงในด้านสัตว์ป่านานาชนิด โดยมีนก 47 สายพันธุ์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไอซ์แลนด์ 4 สายพันธุ์ และพืชมากกว่า 150 สายพันธุ์

กวางเรนเดียร์เดินเตร่ไปทั่วบริเวณนี้ รวมถึงมีแมวน้ำ และมีปลาโลมาปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งตามชายฝั่ง อีกทั้งยังมีแหล่งโบราณคดีกว่า 90 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสงครามที่กล่าวถึงข้างต้นสามารถพบได้ที่นี่ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งนี้ยังมีเกสต์เฮาส์ที่มีเสน่ห์อีกด้วย

มีสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายอาศัยในเขตสงวน ซึ่งมีพื้นที่ชุ่มน้ำน้ำจืด น้ำขึ้นน้ำลง หน้าผา ทุ่งหญ้า และบริเวณนี้เป็นที่สนใจของนักวิจัยจากต่างประเทศ ทำให้สกาลาเนสเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความร่วมมือระหว่างประเทศและทางวิชาการ การพัฒนาที่เกิดขึ้นจากสกาลาเนสครอบคลุมในสาขาวิชาที่กว้างขวาง เช่น โบราณคดี มานุษยวิทยา ภาษาศาสตร์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และอีกมากมาย

ภูมิศาสตร์

หุบเขาที่สูงชันของเซย์ดิสฟยอร์ดูร์ทำให้เมืองนี้เสี่ยงต่อการเกิดหิมะถล่ม หิมะถล่มในปี 1885 คร่าชีวิตผู้คนไป 24 ราย ถือเป็นโศกนาฏกรรมหิมะถล่มที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศเล็กๆ นี้ ปัจจุบันอนุสรณ์สถานผู้เสียชีวิตตั้งอยู่ในเมือง สร้างขึ้นจากคานของโรงงานที่ถูกทำลาย ไม่นานมานี้ ในปี 1996 หิมะถล่มทับโรงงานท้องถิ่นอีกแห่งหนึ่ง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รอบพื้นที่แถบนี้จึงมีการสร้างเขื่อนกันหิมะถล่มด้วย ซึ่งบางแห่งสูงถึง 20 เมตร