กิจกรรมยอดนิยมในไอซ์แลนด์
จองทริปของคุณกับบริษัทที่ดีที่สุดเท่านั้น
ที่ไอซ์แลนด์มีพระอาทิตย์เที่ยงคืนเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ระยะเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกในช่วงนั้นเป็นอย่างไร คุณจะเห็นปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ไอซ์แลนด์ได้ยาวนานแค่ไหน คุณจะนอนหลับอย่างไรในช่วงที่มีพระอาทิตย์เที่ยงคืน อ่านบทความนี้เพื่อค้นหาทุกคำตอบที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ไอซ์แลนด์
ช่วงฤดูร้อนของไอซ์แลนด์มีกลางวันที่ยาวนาน แม้ว่าพระอาทิตย์เที่ยงคืนจะพีคที่สุดในเดือนมิถุนายน แต่ช่วงเวลากลางคืนของไอซ์แลนด์ก็จะสว่างตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมไปจนถึงปลายเดือนสิงหาคม เพราะไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ใกล้วงกลมอาร์กติก ซึ่งอันที่จริงแล้ววงกลมอาร์กติกนั้นครอบคลุมไอซ์แลนด์ตั้งแต่เกาะกรีมซีย์ (Grímsey island) ทางตอนเหนือสุดของประเทศลงไปเลย
ไอซ์แลนด์ไม่ใช่ประเทศเดียวที่ได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์เช่นนี้ ทุกประเทศทางตอนเหนือและใต้ของวงกลมอาร์กติกก็จะเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนในช่วงหน้าร้อนได้เช่นเดียวกัน เช่นที่กรีนแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ รัสเซีย และอลาสก้าของสหรัฐอเมริกา
พระอาทิตย์เที่ยงคืนเกิดจากแกนโลกเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ในช่วงหน้าร้อน และการที่แกนโลกเอียงบวกกับโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้นทำให้เกิดเป็นฤดูต่างๆ ขึ้น
ทุกปีทางแถบเหนือของโลกจะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ในระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน (ส่วนแถบทางใต้ก็จะหันหนีดวงอาทิตย์) และเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามในระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดเป็นฤดูร้อนในซีกโลกเหนือในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม และฤดูร้อนในซีกโลกใต้ในระหว่างเดือนธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์
บริเวณขั้วโลกทั้งสองฝั่งมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดที่สุด โดยทั้งสองขั้วจะอยู่ในด้านที่มีแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน และจากนั้นก็จะพบกับความมืดสนิท หรือคืนโพลาร์ไนท์ ในเวลา 6 เดือนที่เหลือของปี
ผลก็คือทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ต่างก็มีพระอาทิตย์เที่ยงคืน ซึ่งมีแสงส่องสว่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนกันยายนขั้วโลกเหนือจะสว่าง และขั้วโลกใต้จะมืดมิด ในขณะที่ช่วงเวลาอีกครึ่งหนึ่งของปีจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม
ยิ่งคุณอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือหรือขั้วโลกใต้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ในโลกจะอาศัยอยู่ห่างไกลจากดินแดนขั้วโลกทั้งสองมาก ดังนั้นชั่วโมงที่มีแสงในตอนกลางวันกับชั่วโมงไร้แสงในตอนกลางคืนจึงเหมือนกันตลอดทั้งปี ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์ ไม่ได้เป็นเหมือนที่อื่นๆ เพราะที่นี่ถ้าจะมีแสงสว่างก็มีตลอด หรือไม่ก็เกือบจะไม่มีแสงสว่างให้เห็นเลย
แต่ไอซ์แลนด์ก็ตั้งอยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือมากพอที่จะทำให้ไม่ต้องเจอกับความแปลกแตกต่างไปจากที่อื่นมากนัก เดือนมีนาคมและเมษายน (ฤดูใบไม้ผลิ) และเดือนกันยายน และเดือนตุลาคม (ใบไม้ร่วง) จะเป็นเดือนที่ไอซ์แลนด์มีชั่วโมงที่มีแสงตามปกติเหมือนกับที่อื่นๆ ทั่วโลก โดยมีพระอาทิตย์ขึ้นระหว่างเวลา 06:00 - 08:00 น. และตกเวลา 18:00 - 20:00 น.
และในหน้าหนาวก็ไม่ได้มืดสนิทเช่นกัน แม้ว่าเดือนธันวาคมและมกราคมจะมีแสงสว่างแค่วันละ 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น
คนทั่วไปมักจะไม่ค่อยเข้าใจคอนเซ็ปต์ของการเกิดพระอาทิตย์เที่ยงคืน และมักจะมีคำถามต่างๆ นานา คำถามที่พบได้บ่อยที่สุดคือ “แล้วจะนอนตอนไหน”
คำตอบของฉันก็คือปกติแล้วคนส่วนใหญ่ทั่วโลกก็สามารถนอนหลับได้เมื่อเปิดไฟทิ้งไว้ หรือบางทีก็นอนกลางวันกันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องนอนท่ามกลางความมืดสนิท ก็อย่าเพิ่งท้อใจไป! เพราะมีสิ่งประดิษฐ์ฉลาดล้ำที่เรียกว่า “ผ้าม่าน” ซึ่งเป็นประโยชน์กับบ้านในไอซ์แลนด์เป็นอย่างมาก คุณจะเลือกใช้ม่านแบบที่ไม่มีแสงลอดผ่านมาได้เลยสักนิดก็ยังได้ ซึ่งอันนี้เหมาะสำหรับแวมไพร์หรือพวกที่แพ้แสงโดยเฉพาะ
คำถามยอดฮิตอีกคำถามหนึ่งก็คือ “มันจะรู้สึกแปลกมั้ยที่มีแสงสว่างตลอดทั้งคืน” เรื่องนั้นคงตอบได้สั้นๆ เลยว่า แปลกแน่ และเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันด้วย เพราะหลังจากผ่านพ้นหน้าหนาวอันมืดมิดมาไม่ทันไรก็จะมีแสงอาทิตย์ส่องสว่างตลอดทั้งวัน ซึ่งกลางวันที่ยาวนานจะมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันแน่เพราะมันจะทำให้คุณมีพลังตลอดทั้งวันทั้งคืน
แต่ข้อดีก็คือมันเหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง! คุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา ไม่ต้องรีบไปไหนมาไหน หรือรีบกลับบ้านหรือเข้านอนก่อนที่จะมืดค่ำ การมีแสงสว่างไม่จำกัดก็ทำให้คุณมีโอกาสที่ไม่จำกัดเหมือนกัน
ทัวร์พระอาทิตย์เที่ยงคืน เช่น ทัวร์วงกลมทองคำ ทัวร์ดูวาฬ หรือ ทัวร์ไฮกิ้งบนภูเขา เป็นทัวร์ที่พาคุณไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการมีกลางวันอันยาวนาน การไปเที่ยวกับทัวร์พระอาทิตย์เที่ยงคืนจะทำให้คุณมีโอกาสเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในไอซ์แลนด์ได้ในแบบที่แตกต่างอย่างแท้จริงและมีเวลาออกเที่ยวมากขึ้นด้วย
การเที่ยวตอนกลางคืนที่มีพระอาทิตย์เที่ยงคืนนั้นเป็นประสบการณ์ที่สุดยอด ถ้าคุณเช่ารถและขับเที่ยวตอนดึกๆ คุณก็จะเจอคนน้อยกว่ากลางวัน และจะได้เห็นสถานที่ต่างๆ ใต้แสงสีทองเรืองรองของยามสนธยางดงามน่าประทับใจ และมีอิสระในการท่องเที่ยวแบบที่ใจต้องการ
ในช่วงหน้าร้อนการเดินทางในไอซ์แลนด์นั้นสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด ในขณะที่ในช่วงหน้าหนาวนั้นบางเขตจะปิดไม่ให้เข้าไป เช่น ที่บริเวณไฮแลนด์นั้นสามารถเข้าถึงได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนเท่านั้น และในช่วงพีคของหน้าหนาวการเดินทางไปฟยอร์ดตะวันตก และบางส่วนของทางเหนือและทางตะวันตกของประเทศก็ค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากมีหิมะตกหนักและสภาพอากาศเลวร้าย
สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาเลยในช่วงหน้าร้อน แม้ว่าบางทีอาจจะมีลมแรง มีฝน หรือมีหมอกบ้างก็ตาม แต่ที่แน่ๆ คือจะไม่มีพายุหิมะ (ยกเว้นบนยอดธารน้ำแข็ง) มาเป็นอุปสรรคในแผนการเดินทางเที่ยวรอบไอซ์แลนด์ของคุณ
เราแนะนำให้เช่ารถแล้วออกไปสำรวจไอซ์แลนด์กันเอง เรามีแพ็คเกจทัวร์สำหรับขับรถเที่ยวเองในหน้าร้อนให้เลือกมากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าจะเลือกไปที่ไหนตอนกลางวัน หรือไปที่ไหนตอนเที่ยงคืน
ในช่วงนี้ของปีก็มีกิจกรรมสนุกตื่นเต้นให้เลือกทำได้หลายอย่าง เช่น ดูวาฬ ปีนกลาเซียร์ นั่งเลื่อนสุนัข ดำน้ำตื้นสน็อกเกิล ขี่สโนว์โมบิล ขี่ม้า นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมทิวทัศน์ ล่องแก่งในแม่น้ำ ขี่เอทีวี เที่ยวถ้ำ หรือแม้แต่เล่นพาราไกลดิง
การมีกลางวันที่ยาวนานทำให้คุณมีเวลาเที่ยวชมสถานที่มากขึ้น มีเวลาขับรถ และทำกิจกรรมในวันหยุดพักผ่อนที่ไอซ์แลนด์ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ยิ่งคุณขึ้นไปทางเหนือหรือลงไปทางใต้ของดาวเคราะห์ดวงนี้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเห็นปรากฏการณ์ครีษมายันและเหมายันได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น วันที่มีกลางวันยาวนานที่สุดไอซ์แลนด์ (ครีษมายัน) ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายนโดยประมาณ ในวันนี้ในเรคยาวิก (Reykjavík) พระอาทิตย์จะตกหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว และขึ้นใหม่อีกครั้งก่อนเวลาตีสาม
แต่ถ้าขึ้นไปแถบทางเหนือของไอซ์แลนด์ เช่น อาคูเรย์ริ (Akureyri) หรืออีสาฟยอร์ดูร์ (Ísafjörður) คุณจะพบว่าแถวบริเวณนั้นมีกลางวันที่ยาวนานมากกว่าบริเวณอื่นๆ สิ่งนี้ทำให้ประสบการณ์ในการมาเที่ยวไอซ์แลนด์มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใดในโลก
วันที่มีกลางวันสั้นที่สุดของปี (เหมายัน) ตรงกับราววันที่ 21 ธันวาคม ในเรคยาวิกพระอาทิตย์ขึ้นตอนประมาณ 11:30 น. และตกประมาณ 15:30 น. และก็เช่นกันคือยิ่งคุณขึ้นไปทางเหนือมากเท่าไหร่ กลางวันก็จะยิ่งสั้นลงตามไปด้วย
ในระหว่างวันที่มีกลางวันสั้นที่สุดของปีและวันที่มีกลางวันยาวที่สุดของปีนั้น วันต่างๆ ก็จะค่อยๆ ยาวขึ้นและสั้นลง จากแค่เพียงวันละไม่กี่วินาทีไปจนถึงวันละหลายนาที วันที่มีกลางวันและกลางคืนเท่ากันพอดีจะเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ราวๆ วันที่ 21 มีนาคม และกันยายน ซึ่งวันแบบนี้จะมีปริมาณแสงสว่างและความมืดเท่าๆ กัน
ดังนั้นปริมาณแสงสว่างที่มีในเดือนหนึ่งๆ ก็แตกต่างกันไปตั้งแต่ต้นเดือนถึงปลายเดือน และทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งในไอซ์แลนด์ที่คุณวางแผนจะเดินทางไปด้วย
อย่างในเมืองอีสาฟยอร์ดูร์ที่อยู่ในฟยอร์ดตะวันตกของไอซ์แลนด์นั้นจะไม่เห็นพระอาทิตย์เลยเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน เนื่องจากเมืองนี้มีภูเขาสูงล้อมรอบและตั้งอยู่ห่างออกไปทางเหนือของประเทศ ทำให้ในช่วงหน้าหนาวพระอาทิตย์ขึ้นไม่สูงพอที่จะโผล่พ้นภูเขาสูงออกมาได้
ที่อีสาฟยอร์ดูร์เองก็มีธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อเฉลิมฉลองวันแรกที่ชาวเมืองจะได้เห็นพระอาทิตย์อีกครั้งหลังจากที่อยู่ในความมืดมิดมา 2 เดือน โดยจะมีการอบแพนเค้กและชงกาแฟแสงอาทิตย์
แต่การขาดแสงอาทิตย์ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเมืองเรคยาวิก เพราะในเมืองหลวงไม่ได้มีภูเขาล้อมรอบ และก็ตั้งอยู่ในทางตอนใต้ของประเทศด้วย
ตามหลักการแล้วพระอาทิตย์เที่ยงคืนเกิดขึ้นในเรคยาวิกแค่ช่วงระหว่างวันที่ 16-29 มิถุนายนเท่านั้น เนื่องจากเป็นวันที่พระอาทิตย์ตกหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว
แต่ถ้ามองว่าหลังจากพระอาทิตย์ตกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ก็จะเห็นว่าแม้ว่าจะไม่มีพระอาทิตย์แต่ก็ยังคงมีแสงสว่างให้เห็นอยู่ ซึ่งคืนที่สว่างไสวแบบนี้จะกินเวลาราวสามเดือน (หรือราวหนึ่งเดือนครึ่งก่อนหน้าและหลังจากวันที่ 21 มิถุนายน)
ดังนั้นช่วงพีคที่สุดของพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่ไอซ์แลนด์คือช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน แต่ถ้าคุณไปเที่ยวไอซ์แลนด์ในเดือนพฤษภาคม ต้นเดือนมิถุนายน กรกฎาคม หรือต้นเดือนสิงหาคม คุณก็ยังมีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนอยู่
การที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างช้าๆ ทำให้ได้เห็นภาพที่งดงามของแสงเรืองรองยามรุ่งอรุณและยามพลบค่ำอาบท้องฟ้าอยู่นานหลายชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะมีความมืดปกคลุมอยู่บ้างเป็นเวลาสองสามชั่วโมงต่อคืน แต่ก็ไม่ได้มืดมาก แค่พอสลัวๆ เท่านั้น
ส่วนช่วงใกล้ปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนนั้นจะมีความมืดสนิทปกคลุมอยู่นานสองสามชั่วโมง จึงมีโอกาสที่แสงเหนืออาจจะปรากฏให้เห็นบนฟ้าได้ ดังนั้นปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะในการท่องเที่ยวเพราะมีกลางวันที่ยาวนานและมีอากาศที่อุ่นขึ้น แต่ก็ยังมีความมืดมิดปกคลุมอยู่สองสามชั่วโมงในตอนกลางคืนเพื่อให้รอดูแสงออโรราออกมาเต้นระบำบนฟ้า
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในหน้าร้อนที่มีช่วงเวลากลางวันให้เที่ยวมากขึ้น (โดยไม่กระทบสีสันของการท่องราตรี) ไอซ์แลนด์เป็นสถานที่ที่เหมาะมาก!