แหล่งน้ำพุร้อนและสระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ดีที่สุด 30 แห่งในไอซ์แลนด์
- ทำไมไอซ์แลนด์จึงมีแหล่งน้ำพุร้อนมากมาย
- ประโยชน์ของการแช่น้ำพุร้อน
- มีรีสอร์ทน้ำพุร้อนในไอซ์แลนด์หรือไม่
- อะไรคือทะเลสาบลากูนในไอซ์แลนด์
- 1. The Blue Lagoon
- 2. Sky Lagoon
- 3. Hvammsvik Hot Springs
- 4. Myvatn Nature Baths
- 5. Vok Baths
- 6. Forest Lagoon
- 7. GeoSea Sea Baths
- 8. Fontana Geothermal Baths
- 9. Krauma Spa
- 10. Bjorbodin Beer Spa
- 5 อันดับสระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ได้รับความนิยมมากในไอซ์แลนด์
- 1. Secret Lagoon
- 2. Seljavallalaug
- 3. Krossneslaug
- 4. Hreppslaug
- 5. Hljomskalagardur Wading Pool
- 5 อันดับอ่างน้ำร้อนยอดนิยมในไอซ์แลนด์
- 1. Drangsnes Hot Tubs
- 2. Gudrunarlaug
- 3. Nautholsvik
- 4. Hoffell Hot Tubs
- 5. Kvika Foot Bath
- 5 อันดับแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เข้าได้ฟรีในไอซ์แลนด์
- 1. Reykjadalur (แม่น้ำร้อนในแหล่งน้ำพุร้อนของไอซ์แลนด์)
- 2. Hellulaug
- 3. Landmannalaugar
- 4. Laugavallalaug
- 5. Viti in Askja
- 5 แหล่งน้ำพุร้อนและสระน้ำร้อนในประเทศไอซ์แลนด์ที่ "ห้ามลงแช่น้ำ"
- 1. Geysir
- 2. Grjotagja
- 3. Snorralaug
- 4. Blahver
- 5. Brimketill
ดูลิสต์รายชื่อแหล่งน้ำพุร้อนและสระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ดีที่สุดทั้งหมดในประเทศไอซ์แลนด์ ค้นหาแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ทั้งหมด รวมถึงสปาและสระน้ำร้อนพลังงานความร้อนใต้พิภพทั้งหมดในไอซ์แลนด์
ดูทัวร์แหล่งน้ำพุร้อนที่มีให้เลือกมากที่สุดในไอซ์แลนด์ หรือถ้าหากคุณต้องการขับรถไปเองคุณก็สามารถหาเช่ารถจากตลาดรถเช่าที่ราคาถูกที่สุดและใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ได้ ในขณะที่เดินทางไปยังแหล่งน้ำพุร้อนจากภูมิภาคหนึ่งไปยังอีกภูมิภาคหนึ่ง คุณก็สามารถค้นหาที่พักสำหรับแต่ละคืนได้จากตัวเลือกที่พักที่เรารวบรวมมาให้เลือกมากที่สุดในไอซ์แลนด์
อ่านบทความนี้เพื่อศึกษาเกี่ยวกับลากูนยอดนิยม 10 แห่งในไอซ์แลนด์ สระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ดีที่สุด 5 แห่ง สุดยอดอ่างน้ำร้อน 5 แห่ง และแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ดีที่สุด 5 แห่ง และไปทำความรู้จักกับแหล่งน้ำพุร้อนที่คุณไม่สามารถลงไปแช่ตัวได้ รวมถึงเหตุผลที่ไม่ควรลงไป
ทำไมไอซ์แลนด์จึงมีแหล่งน้ำพุร้อนมากมาย
ภูมิประเทศของไอซ์แลนด์มีความขัดแย้งกันอยู่ในตัว เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่บนหนึ่งใน "จุดร้อน" ของโลก จึงทำให้มีกิจกรรมความร้อนใต้ดินมากมาย นอกจากนี้ ตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับอาร์กติกยังทำให้ไอซ์แลนด์มีธารน้ำแข็งมากมายอยู่ทั่วประเทศด้วย และด้วยเหตุนี้บางครั้งไอซ์แลนด์จึงถูกเรียกว่าดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ
การผสมผสานระหว่างกิจกรรมความร้อนใต้ดินยังทำให้เกิดเป็นน้ำตก ทะเลสาบ และแหล่งน้ำพุร้อนมากมายทั่วทุกพื้นที่ของเกาะ ซึ่งคุณสามารถชมสิ่งเหล่านี้ได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นเช่นไร!
เกือบครึ่งหนึ่งของน้ำร้อนที่ใช้ในเขตเมืองหลวงเป็นน้ำที่ได้จากพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเดือดพล่านอยู่ใต้พื้นดินอยู่แล้วก่อนที่จะถูกส่งตรงไปยังบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ดังนั้นแทนที่จะต้องนำไปทำให้อุ่น น้ำเหล่านี้ต้องผ่านการทำให้เย็นลงก่อนที่จะใช้อาบ
น้ำร้อนจากใต้ดินนี้เองที่ทำให้ไอซ์แลนด์มีสระว่ายน้ำระบบน้ำอุ่นอยู่ทั่วประเทศ โดยแค่ในเขตเมืองเรคยาวิกอย่างเดียวก็มีสระถึง 18 แห่งแล้ว และสระน้ำเหล่านี้มีน้ำที่อุ่นกำลังพอเหมาะสำหรับการแช่เพื่อผ่อนคลายด้วย ทำให้การไปใช้บริการสระน้ำร้อนในเรคยาวิกเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีราคาไม่แพง
แหล่งน้ำพุร้อนในไอซ์แลนด์นั้นเป็นแหล่งน้ำที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติไม่เหมือนกับสระว่ายน้ำ บางแห่งจึงอยู่ในพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงและคุณอาจจะต้องไฮกิ้งเดินป่าเข้าไป แต่หลายแห่งก็เดินทางสะดวกมีรถเข้าถึง
แหล่งน้ำพุร้อนบางแห่งของไอซ์แลนด์เป็นบ่อไอเดือด (Fumaroles) บ่อโคลนเดือด หรือเป็นน้ำพุร้อนไกเซอร์ที่พ่นน้ำออกมา แต่หลายแห่งก็อาจจะเป็นแอ่งน้ำนิ่งที่มีอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการลงไปแช่
แหล่งน้ำร้อนธรรมชาติเหล่านี้จึงได้รับความนิยมในการลงแช่น้ำมาก สำหรับบางแห่งที่มีน้ำร้อนธรรมชาติผุดขึ้นมาจากพื้นดินแต่ไม่เหมาะสมกับการแช่ตัว ชาวบ้านก็จะสร้างสระขึ้นมาเพื่อเก็บกักน้ำเอาไว้ บางครั้งน้ำธรรมชาติอาจจะร้อนเกินกว่าการลงไปแช่แต่หลังจากที่นำไปผสมกับน้ำเย็นแล้วก็จะมีอุณหภูมิที่เหมาะสม
มีแหล่งน้ำพุร้อนทุกขนาดและทุกรูปทรงในประเทศไอซ์แลนด์ ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติล้วนๆ หรือบางแห่งอาจจะมีการดัดแปลงเสริมแต่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อปรับให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม
คำว่า "แหล่งน้ำพุร้อน" บางครั้งก็กำกวมสื่อสารได้ไม่ชัดเจน และคนก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเมื่อพวกเขานึกถึงแหล่งน้ำพุร้อนในไอซ์แลนด์ โดยคุณอาจจะบอกว่า "แหล่งน้ำพุร้อน" ก็คือสระน้ำอุ่น สปา ทะเลสาบพลังงานความร้อนใต้พิภพ หรือแม้แต่ไกเซอร์ก็ไม่ผิด
แต่ไม่ว่าจะเรียกแบบไหน การแช่น้ำในแหล่งน้ำร้อนของไอซ์แลนด์ก็เป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและชาวไอซ์แลนด์เอง และเนื่องจากแหล่งน้ำพุร้อนเหล่านี้มีความหลากหลายมาก กิจกรรมนี้จึงถูกใจนักเดินทางทุกประเภท
ประโยชน์ของการแช่น้ำพุร้อน
คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมแหล่งน้ำพุร้อนในประเทศไอซ์แลนด์จึงได้รับความนิยมมาก ซึ่งหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้คนมาแช่น้ำคือพวกเขาต้องการผ่อนคลาย! ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่หลายคนชอบไปจากุซซี่หรือซาวน่านั่นแหละ
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากสรรพคุณของสระน้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพของไอซ์แลนด์ ที่ว่ากันว่าดีต่อสุขภาพ เช่น ช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต รักษาโรคผิวหนัง และบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามข้อ
ซิลิกาที่อยู่ในน้ำมีคุณสมบัติที่ช่วยบรรเทาปัญหาผิว อาทิ โรคสะเก็ดเงิน หรือกลากเกลื้อน และยังทำให้ผิวที่หยาบกร้านนุ่มขึ้น และลดอาการคันด้วย แต่แน่นอนว่าคุณควรปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนที่จะลงแช่น้ำร้อนในไอซ์แลนด์หากคุณเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
การใช้ความร้อนช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ดังนั้นการลงแช่ตัวในสระน้ำร้อนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าจะช่วยบรรเทาอาการได้ดี แต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย อย่างน้อยคุณก็ยังได้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้แช่น้ำร้อนท่ามกลางสถานที่สวยงามกลางแจ้ง
มีรีสอร์ทน้ำพุร้อนในไอซ์แลนด์หรือไม่
มี แม้ว่าทั่วไอซ์แลนด์จะมีแหล่งน้ำพุร้อนสำหรับทำสปาและมีสระระบบน้ำร้อนสำหรับลงแช่ตัวอยู่มากมาย แต่นักท่องเที่ยวบางท่านอาจจะอยากสบายขึ้นไปอีกระดับ แต่การค้นหารีสอร์ทที่มีน้ำพุร้อนอาจจะยากกว่าการค้นหาสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพในไอซ์แลนด์นิดหน่อย
Krauma Geothermal Bath Resort เป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่คุณสามารถไปแช่น้ำพุร้อนเพื่อผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศที่หรูหรา ส่วนอีกตัวเลือกหนึ่งคือ Kerlingarfjöll Mountain Resort ที่นี่คุณสามารถจองเข้าพักค้างคืนได้ และมีกิจกรรมให้คุณทำมากมาย รวมถึงมีอ่างน้ำร้อนภายในบริเวณรีสอร์ทด้วย และคุณยังมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือระหว่างที่แช่น้ำร้อนอีกต่างหาก
อะไรคือทะเลสาบลากูนในไอซ์แลนด์
คุณน่าจะต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับบลูลากูน (Blue Lagoon) มาบ้างแล้ว แต่อาจจะสงสัยว่าจริงๆ แล้วทะเลสาบแบบลากูนคืออะไรกันแน่ และจะค้นหาทะเลสาบลากูนที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ได้อย่างไร ทะเลสาบลากูน คือ แหล่งน้ำที่แยกตัวออกมาจากแหล่งน้ำขนาดใหญ่โดยมีผืนดินแคบๆ เช่นอาจจะเป็นแนวปะการังหรือคาบสมุทรคั่นอยู่
ทะเลสาบลากูนที่ดีที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยก็คือ บลูลากูน ซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes peninsula) แต่ถ้านับรวมทั่วประเทศจะมีทะเลสาบลากูนอยู่ 5 แห่ง และแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกัน สกายลากูน (Sky Lagoon) เป็นทะเลสาบลากูนที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ที่นอกเมืองเรคยาวิกนั้น กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากชาวไอซ์แลนด์และนักท่องเที่ยว
ซึ่งเสน่ห์ของทะเลสาบลากูน คือ มีขนาดของผืนน้ำที่เล็กลงมา และมีบรรยากาศที่อบอุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาสัมผัสกับประสบการณ์ในการแช่น้ำพุร้อนที่ไอซ์แลนด์ในแบบที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้น
แหล่งน้ำพุร้อนในไอซ์แลนด์จำนวนมากเปิดให้เข้าฟรี แต่มักจะตั้งอยู่กลางพื้นที่โล่งแจ้งในชนบท และไม่มีห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ หรือห้องน้ำให้บริการ
ดังนั้นถ้าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนและสระน้ำร้อนที่คิดค่าเข้าใช้บริการ สถานที่เหล่านั้นก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีเยี่ยมให้บริการด้วย สถานที่เหล่านี้จึงเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์ และบางคนจะเรียกสถานที่เหล่านี้ว่าสปา แม้ว่าจริงๆ แล้วจะเป็นเพียงแค่แหล่งน้ำพุร้อนก็ตาม
มาทำความรู้จักกับสถานที่แช่น้ำร้อนแบบสปาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์ด้วยกันในบทความนี้ เพื่อศึกษาว่าแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างไร
1. The Blue Lagoon
จนถึงปัจจุบันนี้ บลูลากูนยังคงเป็นสปาแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในไอซ์แลนด์ และเนชั่นแนล จีโอกราฟิกเคยจัดให้ที่นี่เป็นหนึ่งใน "25 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก" ด้วย
น้ำที่มีลักษณะเหมือนน้ำนมสีฟ้าอ่อนๆ ของที่นี่มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 38-39°C ซึ่งเหมาะแก่การลงไปแช่ตัวเป็นอย่างมาก แม้ว่าน้ำที่นี่จะเป็นน้ำธรรมชาติทั้งหมดและมีแร่ธาตุมากมายจากซิลิกาและสาหร่าย แต่ทะเลสาบลากูนแห่งนี้ไม่ได้ก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี 1976 เพื่อเก็บน้ำที่เป็นน้ำส่วนเกินจากโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อยู่ใกล้เคียง
แต่ก็ไม่มีใครเคยลงไปอาบหรือแช่มาก่อนเลยจนกระทั่งปี 1981 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อเสียงเกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสามารถบำบัดอาการต่างๆ ได้ก็เริ่มแพร่กระจายออกไปจนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยทุกวันนี้ทะเลสาบบลูลากูนมีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นสปารีสอร์ทที่น่าประทับใจมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ภายในบริเวณมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ในน้ำ โรงแรม ร้านขายของที่ระลึก และพื้นที่สำหรับผ่อนคลายพร้อมบริการนวดด้วย
ทะเลสาบลากูนนี้มีการขยายขนาดออกไปเรื่อยๆ แต่มีการจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ ดังนั้นจึงไม่แออัดมาก แม้ว่าจะขายบัตรหมดเกลี้ยงก็ตาม
ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องจองเพื่อเข้าใช้บริการล่วงหน้า และที่นี่มีราคาค่าเข้าแพงที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมดในไอซ์แลนด์
บลูลากูนตั้งอยู่บนคาบสมุทรเรคยาเนส ห่างจากสนามบินนานาชาติเคฟลาวิกเพียง 23 กิโลเมตร และห่างจากเรคยาวิก 49 กิโลเมตร ดังนั้นที่นี่จึงเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้กับเรคยาวิกมากที่สุด และเป็นทั้งจุดแวะเที่ยวแห่งแรกและแห่งสุดท้ายเมื่อเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์และก่อนออกจากไอซ์แลนด์
แม้ว่าคุณจะมีเวลาเที่ยวระยะสั้นๆ ในไอซ์แลนด์ คุณก็ไม่ควรพลาดไปแช่น้ำที่ทะเลสาบลากูนแห่งนี้
2. Sky Lagoon
ตรงกันข้ามกับบลูลากูนที่อยู่คู่กับไอซ์แลนด์มานานหลายทศวรรษ สกายลากูน (Sky Lagoon) เป็นน้องใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมากทั้งสำหรับชาวไอซ์แลนด์เองและนักท่องเที่ยว
สปาความร้อนใต้พิภพแห่งนี้เปิดให้บริการในปี 2021 และตั้งอยู่ริมคาบสมุทรโคปาโวกูร์ (Kopavogur) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่รอบนอกของมหานครเรคยาวิก จึงสะดวกต่อการเดินทางสำหรับผู้ที่พักอยู่ในเรคยาวิก โดยใช้เวลาขับรถเพียง 15 นาทีจากย่านใจกลางเมือง
ลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นของสกายลากูนคือสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ไร้ขอบที่สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของอ่าวสแกร์ยาฟยอร์ดูร์ (Skerjafjordur) ซึ่งบริเวณนี้สามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างสวยงามในช่วงหน้าร้อน และในหน้าหนาวก็สามารถชมแสงเหนือได้อย่างสวยงามเช่นกัน
นอกจากนี้ ทะเลสาบลากูนแห่งนี้ยังมีหน้าผาหินลาวาขนาดใหญ่ที่มีมอสส์ขึ้นปกคลุมล้อมรอบอีกด้วย ทำให้มีบรรยากาศของการแช่น้ำท่ามกลางธรรมชาติที่ห่างไกลจากความวุ่นวายของเมือง
ที่สกายลากูนยังมีบ้านสไตล์เทิร์ฟพร้อมสระน้ำเย็นจากธารน้ำแข็ง มีซาวน่าที่มองเห็นทะเล ห้องละอองน้ำเย็น และห้องอบไอน้ำด้วย นอกจากนี้ยังมีบาร์ในสระว่ายน้ำที่ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มทั่วไปแก่ผู้มาใช้บริการ
และหลังจากที่แช่ตัวในน้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพสักสองสามชั่วโมงแล้ว คุณอาจจะต้องการหาอะไรอร่อยๆ รับประทาน ซึ่งที่นี่มีร้าน Sky Café ให้บริการอาหารว่างสไตล์คาเฟ่และร้าน Smakk Bar ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในแบบฉบับของชาวไอซ์แลนด์
3. Hvammsvik Hot Springs
ที่นอกเมืองเรคยาวิกใกล้กับฟยอร์ดฮวาลฟยอร์ดูร์ (Hvalfjordur) นั้น มีสปาสำหรับแช่น้ำพุร้อนแห่งใหม่ล่าสุดของไอซ์แลนด์ แหล่งน้ำพุร้อนฮวามม์สวิก (Hvammsvik Hot Springs) เปิดให้บริการในปี 2022 ด้วยแนวคิดที่ต้องการนำลักษณะการไหลของกระแสน้ำและประสบการณ์จากการแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพมาผสมผสานเข้าด้วยกัน สปาแห่งนี้ประกอบด้วยสระน้ำพุร้อนธรรมชาติจำนวน 8 สระ แต่ละสระมีขนาดและอุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างกัน และบางสระจะอยู่ใกล้กับชายหาดมาก ทำให้ในช่วงที่มีน้ำขึ้นสูง น้ำจากมหาสมุทรก็จะไหลเข้าสู่สระน้ำพุร้อนได้ด้วย
การผสมผสานประสบการณ์สปากับการแช่น้ำท่ามกลางธรรมชาติเป็นสิ่งที่ทำให้ฮวามม์สวิกเป็นสถานที่สุดพิเศษ และที่นี่ยังสามารถขับรถมาจากเมืองเรคยาวิกได้ในระยะทางไม่ไกล จึงค่อนข้างสะดวกในการมาใช้บริการ และยังเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบห่างไกลจากความวุ่นวายด้วย สถานที่ตั้งของสปาแห่งนี้ รวมถึงบริเวณห้องอาบน้ำและห้องแต่งตัวนั้นปรับปรุงมาจากของเก่าที่เคยใช้งานในค่ายทหารพันธมิตรในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และถ้าหากคุณต้องการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางแจ้ง ที่นี่ก็มีห้องแต่งตัวแบบเอาท์ดอร์ ซึ่งคุณสามารถไปใช้บริการอาบน้ำกลางแจ้งได้
ในขณะที่ใช้เวลาในฮวามม์สวิก คุณสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่างหากคุณสนใจ ที่นี่มีบริการพายแพดเดิ้ลบอร์ดด้วยโดยคุณจะได้ลงไปยืนพายอยู่ในฟยอร์ด และมีการจัดเซสชั่นสำหรับฝึกโยคะอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้คุณยังสามารถกระโดดลงไปเล่นน้ำในสระกลางทะเลบ้างก็ยังได้หากคุณต้องการสัมผัสน้ำเย็นๆ ดูสักหน่อย สำหรับในช่วงหน้าหนาว ที่ฮวามม์สวิกมีมลภาวะทางแสงน้อยและหากท้องฟ้าเปิด ที่นี่ก็จะเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการมองแสงเหนือในขณะที่คุณแช่ตัวอย่างอบอุ่นอยู่ในสระน้ำจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ
ผู้ที่มาใช้บริการยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่มได้ที่ร้าน Stormur Bistro and Bar นอกจากนี้ยังมีสวิมอัพบาร์อยู่กลางสระด้วย คุณจึงสามารถจิบเครื่องดื่มไปพลางๆ ในขณะที่ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของฟยอร์ดได้ด้วย และสำหรับการเข้าใช้บริการที่นี่ก็ต้องจองล่วงหน้าเช่นกัน ดังนั้นอย่าลืมกดจองบัตรเข้าใช้บริการฮวามม์สวิกกันก่อนเพื่อความชัวร์!
4. Myvatn Nature Baths
ทะเลสาบลากูนอีกหนึ่งแห่งที่มีน้ำสีฟ้าคล้ายคลึงกับบลูลากูนก็คืออ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ ซึ่งเป็นสปาที่มีชื่อเสียงมากในทางตอนเหนือของประเทศและมีความน่าสนใจพอๆ กับแหล่งน้ำร้อนในทางใต้
อ่างน้ำธรรมชาติมิวาท์เป็นตัวเลือกที่มีราคาถูกกว่า และได้รับความนิยมมากในกลุ่มผู้ใช้บริการที่ต้องการแช่น้ำสีฟ้าขุ่นราวกับน้ำนม แต่ไม่อยากไปเบียดเสียดที่บลูลากูน
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้นักท่องเที่ยวย่อท้อในการไปเยือนมิวาทน์คือระยะทางที่อยู่ไกลจากเรคยาวิกมาก ซึ่งมิวาทน์อยู่ห่างจากเมืองหลวง 465 กิโลเมตร ดังนั้นที่นี่จึงเหมาะกับผู้ที่มีแผนจะเดินทางไปเที่ยวทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์อยู่แล้วเท่านั้น
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกนั้น อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์มีทั้งห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซาวน่า และคาเฟ่ที่ให้บริการอาหารเครื่องดื่มทั้งก่อนและหลังแช่น้ำ
แถมที่นี่ยังโอบล้อมด้วยวิวธรรมชาติสวยๆ ด้วย ทริปไปเที่ยวทะเลสาบมิวาทน์จึงถือว่ามีความคุ้มค่ากับการเดินทางและสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
5. Vok Baths
ภาพจาก บัตรเข้าใช้บริการอ่างน้ำโวคอันเงียบสงบในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ใกล้กับเอกิลสตาดิร์
อ่างน้ำโวคมีความโดดเด่นท่ามกลางสปาน้ำพุร้อนหลายแห่งในไอซ์แลนด์ เนื่องจากมีสระน้ำอุ่นจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาบน้ำจืด อ่างน้ำโวค ตั้งอยู่ในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ และมีการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสภาพแวดล้อมที่สวยงามและผลงานดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสปาที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังแช่น้ำอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ
เมื่อชาวบ้านในแถบนี้สังเกตเห็นว่าบางส่วนของทะเลสาบไม่ได้กลายเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว จึงมีการค้นพบความร้อนจากใต้ดินที่ทะเลสาบเออร์ริดาวาทน์ (Urridavatn) ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ ในอดีตเมื่อถึงช่วงฤดูหนาว ซึ่งกินระยะเวลายาวนานที่สุดของปีที่ไอซ์แลนด์ และน้ำหายากมาก ชาวบ้านแถวนี้ก็ได้อาศัยใช้น้ำในทะเลสาบแห่งนี้สำหรับซักเสื้อผ้ามาโดยตลอด
ต่อมาในปี 2019 อ่างน้ำโวคได้เปิดให้บริการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการเป็นสถานที่แช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่มีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ด้วยการออกแบบให้มีดีไซน์ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพื้นที่
สปาแห่งนี้มีสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ไร้ขอบลอยน้ำจำนวน 2 สระ มีสระว่ายน้ำด้านในอีก 1 สระ และมีห้องอบไอน้ำ บาร์กลางน้ำ และห้องอาหารสไตล์บิสโทรที่ให้บริการอาหารมื้อเบาๆ สำหรับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบเออร์ริดาวาทน์ (Urridavtan) ที่ผู้มาใช้บริการสปาสามารถลงไปเล่นน้ำได้ฟรี ทะเลสาบแห่งนี้มีน้ำที่สะอาดมากและการได้ลงไปว่ายน้ำในทะเลสาบที่น้ำเย็นเฉียบสลับกับการแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพก็เป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่หาอะไรเทียบได้ยาก
น้ำจากพลังงานความร้อนใต้พิภพในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะเป็นน้ำอุ่นจากธรรมชาติเพียงแห่งเดียวในประเทศไอซ์แลนด์ที่สามารถดื่มได้ โดยน้ำนี้จะไหลออกมาจากก๊อกน้ำที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียสและถูกนำมาใช้ชงชาและน้ำสมุนไพรออร์แกนิกหลายชนิดในท้องถิ่น ซึ่งผู้มาใช้บริการสามารถเลือกดื่มได้เมื่อมาใช้บริการที่นี่
6. Forest Lagoon
ฟอเรสต์ ลากูน (Forest Lagoon) เปิดให้บริการในปี 2022 เป็นสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งใหม่ล่าสุดในไอซ์แลนด์ อ่างอาบน้ำกลางแจ้งแห่งนี้ตั้งอยู่ในป่าวากลาสโกกูร์ (Vaglaskogur) โดยเป็นทะเลสาบลากูนที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และพืชพรรณนานาชนิดในทางเหนือของไอซ์แลนด์
นอกจากสภาพแวดล้อมแล้ว สปาแห่งนี้ยังใช้ไม้เป็นส่วนประกอบในทุกพื้นที่ด้วย บริษัทสถาปนิกที่อยู่เบื้องหลังฟอเรสต์ ลากูนนั้นเป็นบริษัทเดียวกับบริษัทที่ออกแบบบลูลากูน ดังนั้นจึงมีความใส่ใจในรายละเอียดที่ประณีตเช่นเดียวกันกับสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์
สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้จำนวน 2 สระที่นี่หันหน้าไปทางฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดูร์ (Eyjafjordur) จึงมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอาคูเรย์ริ (Akureyri) และบริเวณโดยรอบ และในบริเวณมีบาร์กลางน้ำ 2 แห่ง มีห้องซาวน่า ห้องเงียบ อ่างน้ำเย็น และร้านอาหารที่ให้บริการอาหารอร่อยๆ หลังจากที่ขึ้นจากการแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ
ข้อดีของฟอเรสต์ ลากูนอีกอย่างคือที่นี่มีเวลาให้บริการยาวนาน โดยเปิดตั้งแต่สิบโมงเช้าไปจนถึงเที่ยงคืน ดังนั้นผู้มาใช้บริการจึงสามารถไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแถวนั้นก่อนได้ เช่น ไปเดินป่าและเล่นสกี หลังจากนั้นจึงค่อยมาผ่อนคลายในทะเลสาบลากูนให้สบายตัว
7. GeoSea Sea Baths
ภาพจาก บัตรเข้าใช้บริการอ่างน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพจีโอซีในฮูสาวิก
อ่างอาบน้ำจีโอซี เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่ล่าสุดในทางเหนือของไอซ์แลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองฮูสาวิก (Husavik) ที่มักได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการดูวาฬของยุโรป
จากชื่อสถานที่ก็คงพอจะเดาได้ว่าน้ำที่นี่ต้องมีเอกลักษณ์พิเศษแน่ๆ ซึ่งน้ำของที่นี่เป็นน้ำทะเลที่ได้รับความร้อนมาจากพลังงานความร้อนใต้พิภพแทนที่จะเป็นน้ำพุธรรมชาติ จึงเป็นน้ำเกลือที่เหมาะกับการแช่ตัวเพื่อขัดผิว และนอกจากเกลือแล้ว น้ำที่นี่ยังอุดมด้วยแร่ธาตุที่ช่วยในการบำบัดรักษาอาการต่างๆ ในแบบที่แตกต่างไปจากอ่างน้ำร้อนแห่งอื่นๆ ทั่วประเทศ
น้ำเหล่านี้ถูกสูบขึ้นมาจากบ่อน้ำบนพื้นดินจำนวน 2 แห่งที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ทำให้น้ำในสระหมุนเวียนตลอดเวลาจึงไม่จำเป็นต้องใช้เคมีมาช่วยบำบัดเพื่อให้ถูกหลักสุขอนามัย
อ่างน้ำจีโอซียังมีทัศนียภาพที่งดงามด้วย โดยสามารถมองเห็นอ่าวสกัลฟันดิ (Skjalfandi) ที่มีน้ำเป็นประกายระยิบระยับและมีภูเขาที่สวยงามล้อมรอบ
นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีร้านอาหารเล็กๆ ที่มีโซนเทอร์เรสด้านนอกให้นั่งชมวิวทะเลในขณะที่รับประทานของว่าง และมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทันสมัยไว้ให้บริการด้วย
8. Fontana Geothermal Baths
อ่างน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพฟอนทาน่า ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาบเลยการ์วาทน์ (Laugarvatn Lake) ห่างจากเรคยาวิก 78 กิโลเมตร
ที่นี่อยู่ใกล้กับวงกลมทองคำ (Golden Circle) ทำให้เหมาะสำหรับการแวะมาแช่น้ำระหว่างที่คุณเดินทางอยู่บนเส้นทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งนี้
ทะเลสาบเลยการ์วาท์นตั้งอยู่ในเขตที่มีการไหลหรือแผ่กระจายของพลังความร้อนจากใต้พิภพขึ้นสู่ผิวดินมากกว่าปกติ (Hot Zone) และชาวบ้านในหมู่บ้านชื่อเดียวกันนี้ได้นำน้ำร้อนจากใต้พื้นดินมาใช้ให้ความร้อนในบ้านเรือน ใช้ประกอบอาหาร และอาบน้ำมาตั้งแต่ปี 1929
ที่อ่างน้ำฟอนทาน่านี้มีห้องซาวน่าเก่าแก่อยู่ห้องหนึ่งที่ใช้งานมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงใหม่แล้ว โดยห้องซาวน่าห้องนี้ถูกสร้างคร่อมอยู่บนแหล่งน้ำพุร้อนที่ปล่อยไอน้ำร้อนเลย และหากผู้ใช้บริการรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องร้อนมากเกินไปก็สามารถเปิดประตูเพื่อระบายความร้อนออกได้
ส่วนนักท่องเที่ยวที่ชอบกิจกรรมท้าทายหน่อยก็สามารถออกไปเดินเล่นแถวทะเลสาบเลยการ์วาท์นเพื่อคลายร้อนได้แม้จะมาในช่วงฤดูหนาวเพราะทะเลสาบแห่งนี้ก็มีพลังงานความร้อนใต้พิภพ
และผืนทรายที่อยู่ระหว่างอ่างน้ำกับทะเลสาบนี้จะอุ่นตลอดเพราะมีพลังงานความร้อนใต้พิภพ และทรายบริเวณนี้อุ่นขนาดที่สามารถทำขนมปังไรย์แบบดั้งเดิมที่นำขนมปังไปฝังกลบไว้ในทรายได้
หากใครอยากลองชิมขนมปังอบใหม่ๆ จากใต้ผืนทรายก็สามารถเข้าไปหาซื้อได้จากคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าฟอนทาน่าสปา
9. Krauma Spa
ภาพจาก ทัวร์ไอซ์แลนด์ตะวันตก 9 ชั่วโมง & เครยมาสปา เดินทางด้วยมินิบัส พร้อมบริการรับส่งจากเรคยาวิก
เครยมาสปา เปิดตัวเมื่อปลายปี 2017 และกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์อย่างรวดเร็ว
สปาสไตล์โมเดิร์นแห่งนี้ตั้งอยู่ถัดจากแหล่งน้ำพุร้อนเดลดาร์ตุงกูฮแวร์ (Deildartunguhver) ซึ่งได้ชื่อว่าทรงพลังมากที่สุดในยุโรป ส่วนน้ำที่นำมาใช้ในสปาก็มาจากนำ้พุร้อนแห่งนี้เช่นเดียวกัน แต่น้ำที่มาจากเดลดาร์ตุงกูเวอร์นั้นมีอุณหภูมิเกือบถึงจุดเดือด จึงต้องนำมาผสมกับน้ำเย็นจากธารน้ำแข็งเพื่อให้มีอุณหภูมิพอเหมาะเสียก่อน
ที่นี่คุณสามารถผ่อนคลายด้วยการลงไปแช่ตัวในอ่างน้ำร้อนหินอ่อนสีดำอันสวยงามได้ถึง 6 อ่างพร้อมกับดื่มด่ำวิวของเดลดาร์ตุงกูฮแวร์ที่เดือดดาล หรือจะเพลิดเพลินกับซาวน่าที่มีอยู่ในสปาก็ได้เช่นกัน
อ่างน้ำร้อน 5 อ่างของที่นี่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ส่วนอ่างน้ำเย็นนั้นมีอุณหภูมิ 5-8°C ซึ่งเหมาะสำหรับใช้กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และยังมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ด้วย ทั้งห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและร้านอาหาร เผื่อว่าคุณจะรู้สึกอยากรับประทานอาหารหลังจากที่ขึ้นจากน้ำ
การไปใช้บริการเครยมาสปาจึงเป็นวิธีผ่อนคลายที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในไอซ์แลนด์ตะวันตก
10. Bjorbodin Beer Spa
ภาพจาก ทัวร์แช่สปาเบียร์บียอร์บอดิน 1 ชั่วโมงในไอซ์แลนด์เหนือ
หากคุณต้องการความแปลกใหม่ในการแช่อ่างน้ำร้อนเราขอแนะนำให้ไปที่สปาเบียร์บียอร์บอดินที่อยู่ในโรงเบียร์คาล์ดิ (Kaldi) ในเอาร์สโกสซานดูร์ (Arskogssandur) ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์
ที่นี่คุณจะได้ดื่มด่ำกับวิวของฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดู (Eyjafjordur) และเกาะฮรีเซย์ (Hrisey) พร้อมกับจิบเบียร์เย็นๆ ในมือในขณะที่แช่ตัวอยู่ในอ่างเบียร์อุ่นๆ ว้าว! โดยมีความเชื่อว่าเบียร์อุ่นๆ นั้นดีต่อผิวพรรณมาก และหลังจากแช่เบียร์เสร็จแล้วคุณจะได้ไปพักในห้องรับรองเพื่อผ่อนคลายกันต่ออีก
แม้ว่าสปาแห่งนี้อาจจะผิดแปลกไปจากตัวเลือกอื่นๆ อยู่บ้าง ตรงที่ไม่ได้ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่เปิดโล่งกลางแจ้ง แต่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพิเศษที่น่าจะชดเชยได้เป็นอย่างดี
เบียร์ที่ใช้อาบแช่นั้นเป็นเบียร์ที่อยู่ในช่วงต้นของการหมักจึงมีค่า pH ต่ำ ซึ่งว่ากันว่ามีสรรพคุณที่ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวนุ่ม และช่วยทำความสะอาดผิวได้เป็นอย่างดี หลังจากแช่เบียร์แล้ว คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากๆ และแนะนำให้งดอาบน้ำไปก่อน 3-5 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายดูดซับการบำรุงอย่างเต็มที่
คุณสามารถจองเพื่อเข้าใช้บริการสปาเบียร์แห่งนี้ และวางแผนทริปไปแช่ตัวในแบบที่คุณจะสบายจนแทบไม่อยากลืมความรู้สึกนั้นเลย!
5 อันดับสระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ได้รับความนิยมมากในไอซ์แลนด์
ภาพโดย Regína Hrönn Ragnarsdóttir
นอกจากสระว่ายน้ำคอนกรีตที่มนุษย์สร้างขึ้นพร้อมด้วยห้องอาบน้ำและห้องน้ำที่มีอยู่ทั่วไอซ์แลนด์แล้ว [ซึ่งบางแห่งนั้นสวยงามมากจริงๆ อย่างเช่นสระแบบอินฟินิตี้ที่ฮอฟซอส (Hofsos)] ที่ไอซ์แลนด์ยังมีสระลูกผสมอีกจำนวนมากที่ใช้ประโยชน์จากทั้งฝีมือการสร้างของมนุษย์และแหล่งน้ำพุร้อนจากใต้พิภพ
น้ำที่ใช้อาบแช่นั้นอาจจะมาจากแหล่งธรรมชาติล้วนๆ แต่ยังไงก็ต้องอาศัยแรงงานมนุษย์นำหินและคอนกรีตมาก่อเป็นโครงสร้างเพื่อให้เกิดเป็นสระสำหรับให้คนลงไปใช้ประโยชน์ได้
และหากต้องการเข้าถึงสระเหล่านี้ คุณจำเป็นต้องเช่ารถขับในไอซ์แลนด์ เนื่องจากสถานที่เหล่านี้มักจะอยู่ในชนบท และเข้าถึงได้ยากหน่อยและยังอาจจะไม่มีสถานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใช้ด้วย
1. Secret Lagoon
ซีเครทลากูน ที่ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านฟลูดิร์ (Fludir) เป็นสระว่ายน้ำที่เก่าแก่มากที่สุดที่เรายกมาในบทความนี้อย่างแน่นอน เพราะนับประวัติย้อนไปได้ถึงปี 1891 ที่นี่ถูกใช้เพื่อว่ายน้ำเป็นแห่งแรกและชาวไอซ์แลนด์รู้จักสถานที่แห่งนี่มานานมากแล้ว โดยเรียกว่า "Gamla laugin" หรือ "สระเก่า"
ซีเครทลากูนถูกละทิ้งมาหลายทศวรรษ ก่อนที่จะมีการปรับปรุงใหม่ และเปิดใช้งานอีกครั้งในปี 2014 โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเข้ามา ทั้งห้องอาบน้ำและร้านอาหารที่ให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม
น้ำที่นี่มีอุณหภูมิ 38-40°C ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นบ่อน้ำร้อนที่มีขนาดใหญ่มาก และอยู่ไม่ไกลจากวงกลมทองคำ (Golden Circle) มากนัก จึงเหมาะสำหรับแวะมาแช่น้ำร้อนก่อนหรือหลังจากเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ บนเส้นทางวงกลมทองคำอันโด่งดัง
นอกจากเป็นสถานที่สำหรับแช่น้ำร้อนแล้ว ทิวทัศน์รอบซีเครทลากูนก็มีความสวยงามคุ้มค่าแก่การมาชมด้วยเช่นกัน โดยบริเวณติดกันนั้นมีแหล่งน้ำพุร้อนที่กำลังเดือดพล่าน บ่อไอเดือด และไกเซอร์ขนาดย่อมๆ ที่พ่นน้ำออกมาทุกๆ ไม่กี่นาที
2. Seljavallalaug
ภาพโดย Tim Wright จาก Wikimedia, Creative Commons ไม่มีการแก้ไขรูปภาพ
เซลยาวาลลาเลยก์ (Seljavallalaug) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ระหว่างน้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) และน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)
สระว่ายน้ำขนาดความยาว 25 เมตร และกว้าง 10 เมตรแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1923 และมีทิวทัศน์ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้แหวกว่ายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง
น้ำที่ใช้เป็นน้ำร้อนธรรมชาติจากใต้ดิน และตัวสระน้ำถูกสร้างอยู่ติดกับภูเขาเลยโดยใช้ไหล่เขาเป็นผนังด้านหนึ่งของสระ และน้ำในสระก็มีอุณหภูมิไม่ร้อนจนเกินไป แม้ในฤดูหนาวก็ยังอุ่นๆ อยู่ ส่วนในฤดูร้อนนั้นจะมีอุณหภูมิที่เพอร์เฟคที่สุด
เซลยาวาลลาเลยก์มีห้องขนาดเล็กจำนวนสองห้องเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวใช้เก็บเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัว ผู้มาใช้บริการจะต้องช่วยกันรักษาความสะอาดทุกครั้งที่ใช้เพราะว่าที่นี่มีอาสาสมัครเข้ามาทำความสะอาดไม่ค่อยบ่อยนัก
และมีการทำความสะอาดสระเพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้นในทุกๆ ฤดูร้อน ดังนั้นเมื่อมองด้วยตาคุณอาจจะรู้สึกว่าน้ำในสระแห่งนี้ดูไม่ค่อยสะอาด แต่รับรองว่าธรรมชาติอันสงบสวยงามรอบสระนั้นกินขาดจนคุณลืมเรื่องที่ว่าสระนี้เป็นสระโคลนธรรมชาติของไอซ์แลนด์ไปได้เลย
ในปี 2010 สระน้ำเซลยาวาลลาเลยก์ถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้าจำนวนมากจากการระเบิดของภูเขาไฟธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajokull) ทำให้อาสาสมัครกลุ่มใหญ่ต้องใช้เวลาหลายวันช่วยกันทำความสะอาดและฟื้นฟูสระให้กลับมามีสภาพดังเดิม
สระนี้อยู่ห่างจากเรคยาวิก 150 กิโลเมตร หากต้องการเดินทางไปที่เซลยาวาทลาเลยก์ให้ขับลงใต้ไปตามถนนวงแหวน (Ring Road) เส้นหลัก ผ่านเซลฟอสส์ (Selfoss) และควอลส์เวิลลูร์ (Hvolsvollur) และเมื่อถึงน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skogafoss) ให้ชะลอรถและเลี้ยวซ้ายเข้าถนนดินลูกรังมุ่งหน้าไปทางเซลยาเวลลีร์ (Seljavellir) จากนั้นเดินเท้าบนถนนโรยกรวดอีกประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงสระน้ำแล้ว
3. Krossneslaug
ภาพโดย Alda Sigmundsdóttir
สุดถนนหมายเลข 643 บนชายฝั่งทางทิศตะวันออกของฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) คุณจะได้พบกับสระครอสสเนสเลยก์ที่มีความงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
สระแห่งนี้ได้น้ำอุ่นมาจากแหล่งน้ำพุร้อนบนภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ และยังมีอ่างน้ำอุ่นที่มีน้ำอุณหภูมิอุ่นกว่าหน่อยตั้งอยู่ข้างๆ ด้วย
ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอย่างห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องอาบน้ำให้ และจะมีตระกร้าวางไว้ให้หยอดเงินค่าเข้าและค่าบำรุงรักษาสระในราคา 500 โครนาไอซ์แลนด์
แม้จะต้องขับรถบนถนนโรยกรวดเป็นระยะทางไกล แต่สระน้ำแห่งนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเพราะว่ามีวิวที่สวยงามและให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ที่สุดขอบโลก
4. Hreppslaug
สระน้ำพลังงานความร้อนใต้พิภพฮเรพพ์สเลยก์สร้างเมื่อปี 1928 และดำเนินการโดย Islendingur ซึ่งเป็นองค์กรเยาวชนที่ไม่แสวงหาผลกำไร สระแห่งนี้อยู่ในหุบเขาสโกร์ราดาลูร์ (Skorradalur) ใกล้กับหมู่บ้านฮวานเนย์รี (Hvanneyri) ในไอซ์แลนด์ตะวันตก
สระน้ำเก่าแก่แห่งนี้ดูแลโดยองค์กรอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของไอซ์แลนด์ โดยที่พวกเขาพยายามรักษาดีไซน์การออกแบบและการใช้งานในแบบดั้งเดิมเอาไว้
ในฤดูร้อนปี 2022 ประธานาธิบดีของไอซ์แลนด์ กุดนี ทีเอช. โยฮันเนสสัน (Gudni Th. Jóhannesson) ได้เดินทางมาเยือนฮเรพพ์สเลยก์ เพื่อทำพิธีเปิดสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างขึ้นมาใหม่ รวมถึงพื้นที่ต้อนรับ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และห้องอาบน้ำด้วย นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีอ่างน้ำร้อนอีกสองแห่งและบาร์ขายอาหารว่าง ซึ่งก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เช่นกัน
ทำให้ที่นี่เป็นตัวอย่างของสระว่ายน้ำในชนบทที่ดำเนินการโดยอาสาสมัครล้วนๆ และยังมีเสน่ห์ในเรื่องความสะดวกในแบบฉบับของสปาหรูอีกด้วย
5. Hljomskalagardur Wading Pool
ภาพโดย Jan Ainali จาก Wikimedia Creative Commons ไม่มีการแก้ไขรูปภาพ
สระน้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่นๆ ในลิสต์ที่รวบรวมมาทั้งหมดตรงที่สระนี้ไม่ได้อยู่ในชนบทอันห่างไกล แต่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเรคยาวิกเลย
โดยตั้งอยู่ในสวนสาธารณะฮยอมสกาลาการ์ดูร์ (Hljomskalagardur Public Park) ที่อยู่ข้างๆ ทะเลสาบทยอร์นิน (Lake Tjornin) และสระนี้มีน้ำลึกประมาณหนึ่งฟุต (30 ซม.) เท่านั้น สามารถเดินลุยได้สบาย ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ใหญ่มาจุ่มเท้าแช่น้ำเล่นในขณะที่รอเด็กๆ เล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนานในวันที่อากาศอบอุ่น
ที่มาของสระนี้ก็มีความน่าสนใจเช่นกันเพราะเกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยสระนี้สร้างขึ้นหลังจากที่มีการลงประชามติกันบนเว็บไซต์ของศาลาว่าการเมืองเรคยาวิกเมื่อปี 2016 ซึ่งประชาชนร่วมกันโหวตโครงการประจำเมืองที่พวกเขาต้องการเห็นมากที่สุด และสร้างน้ำตื้นๆ แห่งนี้ได้รับคะแนนโหวตมากที่สุด ดังนั้นจึงมีการสร้างสระขึ้นมาในปีถัดไป
ในช่วงหน้าร้อน ที่นี่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆ เพราะว่าเดินทางสะดวกและเข้าถึงง่าย และเมื่อถึงหน้าหนาวน้ำในสระจะถูกระบายออก
5 อันดับอ่างน้ำร้อนยอดนิยมในไอซ์แลนด์
ภาพโดย Regína Hrönn Ragnarsdóttir
คุณเพิ่งอ่านเกี่ยวกับสระน้ำร้อนในไอซ์แลนด์จบไป แต่ทว่านั่นยังไม่หมด เพราะเรายังมีอ่างน้ำร้อนที่สวยงามอีกเป็นร้อยแห่งในไอซ์แลนด์
สระว่ายน้ำสาธารณะแต่ละแห่งในไอซ์แลนด์มักจะมีอ่างน้ำร้อนอย่างน้อยหนึ่งอ่างด้วย หรือบางกรณีอาจจะมากถึงหกหรือเจ็ดอ่างเลยก็ได้ และอ่างน้ำร้อนก็ยังสามารถพบได้ทั่วไปในบ้านพักส่วนตัวและโรงแรม
หากคุณต้องการอ่างน้ำร้อนส่วนตัว ให้คุณมองหาเช่าที่พักประเภทเคบินตากอากาศฤดูร้อนที่อยู่ตามพื้นที่ห่างไกล ซึ่งเคบินที่เป็นบ้านพักในช่วงฤดูร้อนในไอซ์แลนด์ส่วนมากจะมาพร้อมกับอ่างน้ำร้อน
ตัวอย่างต่อไปนี้คืออ่างน้ำร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีบรรยากาศสวยงามเหมาะกับการไปแช่ตัวมากที่สุด และโดยมากมักจะมีวิวภูเขาหรือวิวทะเลให้ชมด้วย
1. Drangsnes Hot Tubs
ภาพโดย Regína Hrönn Ragnarsdóttir
อ่างน้ำร้อน 3 อ่างนี้อยู่ริมทะเลเลย โดยตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อว่าแดรงสเนส (Drangsnes) ในฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) ทั้ง 3 อ่างนี้ไม่เสียค่าเข้าและคุณสามารถเข้าไปใช้บริการได้ตลอดไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
แต่ละอ่างจะมีอุณหภูมิแตกต่างกันไปซึ่งอยู่ระหว่าง 38-42°C
ส่วนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขนาดเล็กนั้นอยู่อีกฟากของถนน และคุณจะได้เจอชาวบ้านอัธยาศัยน่ารักๆ มาแช่น้ำอุ่นเป็นเพื่อนคุณอย่างแน่นอน
และเมื่อแช่อ่างน้ำร้อนจนรู้สึกว่าร้อนเกินไปแล้ว คุณสามารถลงไปคลายร้อนในทะเลที่อยู่ติดกันได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ต้องระวังหินหน่อย
2. Gudrunarlaug
ภาพโดย Regína Hrönn Ragnarsdóttir
กูดรูนาร์เลยก์เป็นสระน้ำร้อนเก่าแก่ที่มีการปรับปรุงใหม่ สระนี้ตั้งชื่อตามกูดรูน์ นอฟวิเฟอร์สดอตติร์ (Guðrún Ósvífursdóttir) หนึ่งในสตรีที่เป็นที่รู้จักกันดีในนิยายซากาของชาวไอซ์แลนด์ และนี่คือตัวอย่างลักษณะรูปแบบของอ่างน้ำร้อนที่ใช้กันในยุคที่มีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ๆ จึงคู่ควรที่จะนำมาพูดถึงในที่นี่ด้วย
สระน้ำร้อนธรรมชาติในไอซ์แลนด์เหล่านี้ดูเหมือนว่าจะตั้งอยู่ในบริเวณนี้มานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว แต่พวกมันถูกดินถล่มลงมาปิดอยู่นาน 140 ปี จนกระทั่งมีการเข้ามาปรับปรุงใหม่โดยสร้างให้เหมือนของเดิม และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการเมื่อปี 2009
กูดรูนาร์เลยก์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ ระหว่างทางไปฟยอร์ดทางตะวันตก ซึ่งใกล้ๆ กันมี Hotel Laugar Saelingsdal และจุดกางเต๊นท์เลยการ์ (Laugar Campsite) นอกจากนี้คุณยังสามารถไปเที่ยวชมโบสถ์เอลฟ์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสระน้ำได้ด้วย และอาจจะใช้เวลาทั้งวันดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์และนิทานพื้นบ้านของภาคตะวันตก!
แต่ถ้าจะไปที่นี่คุณต้องเช่ารถขับเองอย่างเดียว เพราะว่าไม่มีรถบัสหรือแพ็กเกจทัวร์ไหนพาไปที่นั่นเลย
โดยถ้ามาจากเรคยาวิกให้มุ่งหน้าขึ้นเหนือตามถนนวงแหวน (Ring Road) แล้วเลี้ยวเข้าถนนหมายเลข 60 มุ่งหน้าไปทางฟยอร์ดทางตะวันตก และเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 589 จนถึงแหล่งน้ำพุร้อน
ที่นี่ไม่เสียค่าบริการและมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเล็กๆ ให้ด้วย และเพื่อช่วยกันรักษาสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ของไอซ์แลนด์ โปรดช่วยกันรักษาความสะอาดหลังจากที่เข้าใช้บริการและขอให้มีความเคารพสถานที่ด้วย
3. Nautholsvik
ภาพจาก Wikimedia, Creative Commons โดย Helgi Halldórsson ไม่มีการแก้ไขรูปภาพ
นอกจากในเขตเมืองเรคยาวิกจะมีสระว่ายน้ำและอ่างน้ำร้อนอยู่หลายแห่งแล้ว เมืองนี้ยังมีชายหาดพลังงานความร้อนใต้พิภพเนยโทลส์วิค (Nautholsvik) ด้วย โดยเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในเรคยาวิกที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี
ชายหาดที่นี่มีทั้งอ่างน้ำร้อนริมทะเลและสระน้ำอุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่าหน่อยแต่ว่าน้ำค่อนข้างตื้น ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
และถัดจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จะมีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ซาวน่า และคาเฟ่เล็กๆ ไว้อำนวยความสะดวกด้วย
น้ำในอ่างน้ำร้อนริมทะเลที่นี่มีอุณหภูมิไม่แน่นอน โดยอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 30-39°C แต่สระน้ำตื้นจะมีอุณหภูมิค่อนข้างนิ่งโดยอยู่ที่ประมาณ 38°C
ในช่วงหน้าร้อนนั้น แม้แต่ทะเลที่ติดกับหาดตรงนี้ก็ยังได้รับความร้อนไปด้วย และน้ำที่อยู่ในบริเวณแนวหินจะมีอุณหภูมิประมาณ 15-19°C
ในช่วงฤดูร้อนสามารถเข้าใช้บริการที่นี่ได้ฟรี ส่วนในฤดูหนาวจะมีเวลาเปิดทำการที่สั้นลง และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อยสำหรับการใช้บริการห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
4. Hoffell Hot Tubs
มีฮอตสปริงหรือแหล่งน้ำพุร้อนอยู่ไม่มากนักในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ แต่อ่างน้ำร้อนฮอฟเฟลล์ (Hoffell) ก็พอจะเป็นที่เชิดหน้าชูตาได้
อ่างน้ำร้อนที่นี่ทั้งหมดจะฝังตัวอยู่ท่ามกลางหินและมีวิวภูเขาที่มีหิมะปกคลุมสวยงาม
ที่นี่มีอ่างน้ำร้อนเรียงติดกันอยู่ 4 อ่าง ผู้มาใช้บริการทั่วไปจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ส่วนลูกค้าที่เข้าพักใน Glacier World ที่อยู่ใกล้ๆ กันนั้นสามารถลงแช่ได้ฟรี
อ่างน้ำร้อนนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเฮิฟน์ (Hofn) ซึ่งอยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันออกไปทางทิศตะวันตกราว 20 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางให้เลี้ยวจากถนนวงแหวนเข้าสู่ถนนหมายเลข 984 และมุ่งหน้าไปยัง Glacier World Guesthouse
5. Kvika Foot Bath
บ่อแช้เท้าควิกา ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับประภาคารโกรททา (Lighthouse Grotta) ในเขตเมืองเรคยาวิก ที่นี่อาจจะเรียกว่าเป็นอ่างน้ำร้อนประเภทหนึ่งก็ได้ แต่เป็นอ่างที่มีไว้สำหรับแช่เท้า!
บ่อน้ำร้อนนี้เป็นบ่อที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเป็นผลงานของศิลปินออลอฟ นอร์ดาล (Olof Nordal) และบ่อนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองด้วยโดยจะมองเห็นภูเขาเอสยา (Esja) และธารน้ำแข็งสไนเฟลส์โจกุล (Snaefellsjokull) อันยิ่งใหญ่
ออลอฟแกะสลักก้อนหินขนาดใหญ่ให้กลายเป็นสระขนาดเล็กที่มีความกว้าง 80-90 เซนติเมตร และลึก 25-30 เซนติเมตร
ส่วนน้ำร้อนในบ่อนั้นซึมมาจากหลุมลึกที่อยู่ติดกัน และค่อยๆ เย็นตัวลงจนมีอุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 39°C
ทั้งบ่อควิกาและประภาคารโกรททานั้น เป็นสถานที่ยอดนิยมของชาวเมืองในการมาดูพระอาทิตย์ตก หรือมาดูแสงเหนือ และด้วยความที่มีวิวสวยมาก ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่น่าแวะไปชมอีกแห่งในเรคยาวิก
แต่ในบริเวณนี้ไม่มีสถานที่สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เพราะว่าบ่อควิกามีไว้สำหรับแช่เท้าเท่านั้น และไม่เสียค่าเข้าด้วย
5 อันดับแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เข้าได้ฟรีในไอซ์แลนด์
หากคุณอยากรู้ว่ามีฮอตสปริงหรือแหล่งน้ำพุร้อนดีๆ ในไอซ์แลนด์ที่ไม่เสียค่าเข้าหรือไม่ คำตอบอยู่ที่นี่แล้ว
ลองอ่านเนื้อหาต่อไปนี้ดูเพื่อศึกษาความแตกต่างของแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติทั้งห้าแห่ง ซึ่งนอกจากสถานที่เหล่านี้แล้ว ในไอซ์แลนด์ก็ยังมีแหล่งน้ำพุร้อนอื่นๆ อีกหลายแห่งที่เข้าได้ฟรี แต่ก็อาจจะเข้าถึงได้ยากกว่า
คุณสามารถเลือกเดินทางไปแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติเหล่านี้กับแพ็กเกจทัวร์บ่อน้ำพุร้อนหรือจะเช่ารถขับไปเองก็ได้
1. Reykjadalur (แม่น้ำร้อนในแหล่งน้ำพุร้อนของไอซ์แลนด์)
ภาพจาก ไฮกิ้ง 4 ชั่วโมงที่เรคยาดาลูร์และทัวร์แหล่งน้ำพุร้อน พร้อมบริการไปรับในเรคยาวิก
เรคยาดาลูร์ (ที่มีความหมายว่าหุบเขาแห่งไอน้ำ) เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เข้าถึงได้ง่ายมากที่สุดจากเรคยาวิก
เมืองแคว์ราแกดิร์ (Hveragerdi) อยู่ห่างออกไป 45 กิโลเมตร และจากที่นั่นคุณสามารถเดินขึ้นเขาไปยังแม่น้ำที่มีน้ำอุ่นซึ่งไหลลงมาจากหุบเขาเรคยาดาลูร์ (Reykjadalur Valley) ได้
เส้นทางเดินขึ้นเขาก็ไม่ได้ยากลำบากมากนักแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินขึ้นเนินก็ตาม แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปที่นี่ถ้าคุณเป็นคนกลัวความสูง เพราะว่าระหว่างทางคุณจะต้องผ่านหน้าผาที่ด้านล่างเป็นเหวลึก
ภาพจาก ไฮกิ้ง 4 ชั่วโมงไปยังหุบเขาเรคยาดาลูร์ พร้อมทัวร์เที่ยวแหล่งน้ำพุร้อนจากแควร์ราแกร์ดิ
ถ้าคุณแข็งแรงและไม่ได้แวะพักระหว่างทางบ่อยนักคุณควรจะไปถึงแม่น้ำร้อนได้ใน 45-60 นาที แต่การเดินขึ้นไปตามเส้นทางนี้ขาเดียวอาจใช้เวลานานถึง 90 นาทีก็ได้
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณเดินเร็วแค่ไหน และคุณหยุดแวะถ่ายรูปน้ำตกในเหวและบ่อโคลนเดือดต่างๆ ที่อยู่ระหว่างทางบ่อยขนาดไหน
ที่ด้านบนนั้นไม่มีห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บริการ และคุณจะได้เล่นน้ำอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดและมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุดในไอซ์แลนด์
คุณสามารถเดินทางไปยังแม่น้ำสายนี้ได้ด้วยทัวร์เดินป่าขึ้นไปยังแหล่งน้ำพุร้อนเรคยาดาลูร์แพ็คเกจนี้
2. Hellulaug
ภาพโดย Regína Hrönn Ragnarsdóttir
เฮลลูเลยก์อยู่ในฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) ห่างจาก Hotel Flokalundur ไปทางทิศตะวันออกเพียง 500 เมตร
หากคุณข้ามฟยอร์ดเบรดาฟยอร์ดูร์ (Breidafjordur) ด้วยเฟอร์รี่บัลดูร์ (Baldur) [ซึ่งบางทีคุณอาจจะเลือกไปแวะเที่ยวที่เกาะแฟลทเทย์ (Flatey island) ก่อนก็ได้] สระน้ำร้อนแห่งนี้จะอยู่ห่างจากบรยานสไลคูร์ (Brjanslaekur) ซึ่งเป็นท่าจอดเรือเฟอร์รี่ไปอีกเพียง 5 กิโลเมตร
คุณจะมองไม่เห็นสระน้ำร้อนจากบนถนน ทั้งที่มันตั้งอยู่ริมถนนเลย และน้ำที่นี่มีอุณหภูมิ 38°C ซึ่งกำลังสบายและสระมีความลึก 60 เซนติเมตร และถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าร้อนเกินไปก็สามารถไปแช่ตัวในทะเลที่อยู่ใกล้ๆ ได้! แต่โปรดทราบว่าบริเวณนี้ไม่มีที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องน้ำ หรือห้องอาบน้ำให้บริการ
3. Landmannalaugar
ภาพโดย Julien Carnot จาก Wikimedia Commons ไม่มีการแก้ไขรูปภาพ
ลานมันนาเลยการ์อยู่ในพื้นที่ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ และเป็นที่รู้จักดีในเรื่องความงดงามของภูมิทัศน์หลากสี และเป็นจุดหมายปลายทางสุดโปรดของนักปีนเขาและเดินป่า
ในบริเวณนี้ไม่ว่าคุณจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ภูเขาทรายทั้งสีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง สีม่วง และสีดำ และหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินขึ้นเขามาทั้งวัน สิ่งที่วิเศษที่สุดก็คือการได้ลงไปผ่อนคลายในสระน้ำร้อนจากแหล่งพลังงานใต้พิภพที่บริเวณด้านข้างของสถานที่ตั้งแคมป์
สระน้ำร้อนที่นี่มีอุณหภูมิสม่ำเสมอและอุ่นสบายตลอดฤดูร้อน และมักจะมีนักเดินป่าลงมาแช่ตัวเพื่อผ่อนคลายตลอดเวลา ซึ่งเราจะเรียกว่าเป็นโอเอซิสในไฮแลนด์ก็ได้
เมื่อก่อนนี้เคยพบว่าในสระแห่งนี้มีปรสิตรบกวนอยู่บ้าง แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นอันตราย
แต่หากคุณเป็นผู้ที่มีอาการแพ้เมื่อถูกยุงกัดอยู่แล้ว คุณอาจจะไม่เหมาะกับการลงสระน้ำในบริเวณนี้
ลานมันนาเลยการ์สามารถเข้าถึงได้เฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น และต้องใช้เฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อด้วย
ซึ่งคุณจะต้องขับรถลุยข้ามแม่น้ำหลายแห่ง ดังนั้นถ้าคุณไม่ชำนาญการขับรถในพื้นที่ไฮแลนด์ คุณอาจจะอยากใช้บริการรถบัส หรือเดินทางไปกับทัวร์ซูเปอร์จี๊ปแทน
ในกรณีที่คุณขับรถเข้าไปเอง โปรดขับอย่างระมัดระวังและให้ไปข้ามแม่น้ำตรงส่วนที่กว้างที่สุด (เพราะว่าส่วนของแม่น้ำที่แคบจะมีน้ำลึกและไหลแรงกว่า) ลองสอบถามจากคนขับรถคันอื่นๆ ที่คุณเจอระหว่างทางดูก็ได้ว่าควรไปข้ามแม้น้ำตรงไหนจึงเหมาะที่สุด เพราะว่าแม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
หากคุณมีเวลาน้อย คุณก็ยังสามารถเที่ยวลานมันนาเลยการ์ได้โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งวัน และที่นี่ยังคงเป็นหนึ่งในจุดที่สวยงามที่สุดเสมอในพื้นที่ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์
4. Laugavallalaug
เลยกาวัลลาเลยก์ไม่ได้แค่มีบ่อน้ำร้อนให้ลงไปแช่ตัวเท่านั้น แต่ยังมีน้ำตกน้ำร้อนธรรมชาติด้วย! และเนื่องจากเลยกาวัลลาเลยก์ตั้งอยู่บนที่สูงในพื้นที่ไฮแลนด์ทางตะวันออก สระน้ำธรรมชาติแห่งนี้จึงเข้าถึงได้ยากกว่าสถานที่อื่นๆ
คุณต้องใช้รถที่สภาพดีหน่อยเพราะจะต้องขับบนถนน F-Road เป็นระยะทาง 7 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนี้มีเฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นที่ผ่านไปได้ แล้วจากนั้นคุณก็ต้องเดินอีก 200 เมตรเพื่อเข้าไปยังสระน้ำ
หรืออีกวิธีหนึ่งคือคุณสามารถเลือกขับรถขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อปกติไปยังเขื่อนเคาราห์นยูการ์ (Karahnjukar Dam) แล้วเดินขึ้นเขาไปทางหุบเขาแฮฟราฮแวมมากยูฟูร์ (Hafrahvammagljúfur) เพื่อไปยังน้ำตกร้อน เส้นทางเดินขึ้นเขานี้เบ็ดเสร็จแล้วจะใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง (รวมแช่น้ำ)
นอกจากนี้ยังมีสระน้ำธรรมชาติที่สวยงามมากอีก 2 สระซึ่งมีขอบเป็นหินล้อมรอบ สระเหล่านี้อยู่ที่เคบินบนเขาที่เลยการ์เฟลล์ (Laugarfell) ในไฮแลนด์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักและสามารถเดินทางไปได้ง่ายกว่า และเหมาะสำหรับการพักค้างคืนในระหว่างที่ท่องเที่ยวอยู่ในแถบนี้ด้วย
มีทัวร์ซูเปอร์จี๊ปและทัวร์เดินป่าให้บริการ ซึ่งทัวร์จะเริ่มจากบริเวณนี้ และเมืองเอกิลสตาดิร์ (Egilsstadir) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน
5. Viti in Askja
ภาพจาก ทัวร์ซูเปอร์จี๊ป 12 ชั่วโมงไปแอ่งภูเขาไฟอาสยาและทุ่งลาวาโฮลูเฮริน พร้อมบริการรับส่งจากมิวาทน์
นอกจากนี้ในทางฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ใกล้ๆ กับเลยกาวาลลาเลยก์ก็ยังมีปล่องภูเขาไฟวิติในอาสยาให้ไปเยี่ยมชมได้อีกแห่งหนึ่ง แต่อย่าเพิ่งจำสลับกับวิติที่คราฟลา (Viti in Krafla) ซึ่งเป็นคนละที่กัน คำว่า "วิติ" นี้หมายความว่า "นรก" และที่ได้ชื่อนี้มาเพราะที่นี่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ในปี 1875 ซึ่งทำลายล้างภูมิภาคนี้อย่างรุนแรงราบคาบ
อุณหภูมิของน้ำที่วิติจะอยู่ที่ประมาณ 30°C แต่ทางตะวันออกของปากปล่องภูเขาไฟอาจจะมีน้ำร้อนจัดได้ ดังนั้นนักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังให้มากหากจะลงไปในน้ำ
ภาพจาก ทัวร์ซูเปอร์จี๊ป 12 ชั่วโมงไปยังแอ่งภูเขาไฟอาสยาและทุ่งลาวาโฮลูเฮริน พร้อมบริการรับส่งจากมิวาทน์
บริเวณก้นแอ่งนี้เป็นดินโคลน นอกจากนี้ยังมีซัลเฟอร์ในน้ำสูงมาก ทำให้เกิดไอกำมะถันที่สามารถทำให้คนเป็นลมหมดสติได้
แต่ที่นี่ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่สุดวิเศษแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ ซึ่งใครที่ได้ขึ้นไปยืนตรงปากปล่องภูเขาไฟตรงนี้จะไม่มีวันลืมประสบการณ์นั้นได้เลย!
5 แหล่งน้ำพุร้อนและสระน้ำร้อนในประเทศไอซ์แลนด์ที่ "ห้ามลงแช่น้ำ"
หากคุณไม่คุ้นเคยกับแหล่งน้ำพุร้อนก็คงยากที่จะบอกความแตกต่างระหว่างอันที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัยสำหรับการลงไปแช่น้ำหากไม่มีป้ายบอกไว้
มีแหล่งน้ำพุร้อน สระน้ำร้อน อ่างน้ำร้อน และไกเซอร์ในไอซ์แลนด์อยู่มากมายที่ไม่เหมาะกับการลงไปเล่นน้ำทั้งแบบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น
ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเพราะว่ามันมีอันตรายมากเกินไป เนื่องจากน้ำมีอุณหภูมิสูงเกินไป เย็นเกินไป หรือไม่ก็มีอุณหภูมิที่ไม่คงที่
ซึ่งอันนี้ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่าถ้าหากน้ำนั้นเดือดปุดๆ ก็แปลว่ามันร้อนเกินกว่าที่จะลงไปเล่นอย่างแน่นอน
แหล่งน้ำพุร้อนในพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพเหล่านี้จะมีการล้อมรั้วกั้นเอาไว้ และมีป้ายเตือนบอกให้คุณระมัดระวัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแบบนี้ทุกที่เสมอไปในประเทศไอซ์แลนด์
1. Geysir
แม้ว่าจะสงบและไม่ได้ปะทุฉีดน้ำขึ้นฟ้ามาหลายปีแล้ว แต่ไกเซอร์หรือน้ำพุร้อนที่ชื่อว่าไกเซอร์ (Geysir) แห่งนี้ก็ยังมีน้ำที่ร้อนมากเกินกว่าที่จะลงไปสัมผัสได้
พื้นที่พลังงานความร้อนไกเซอร์ (Geysir's Geothermal Area) มีไกเซอร์หรือน้ำพุร้อนที่มีขนาดเล็กลงมาอีกหลายอัน รวมถึงไกเซอร์สโทรคูร์ (Strokkur) ที่โด่งดัง ซึ่งจะฉีดพ่นน้ำออกมาทุกๆ ไม่กี่นาทีด้วย
และยังมีสระน้ำไอน้ำหรือน้ำพุร้อนที่เย้ายวนใจให้ลงไปอีกหลายแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่มีอากาศหนาวเหน็บในช่วงฤดูหนาว
เนื่องจากที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งมีคนมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางวงกลมทองคำที่ได้รับความนิยมมาก น้ำพุร้อนเหล่านี้จึงถูกล้อมรั้วกั้นไว้ทั้งหมด และมีป้ายเตือนบอกให้ทราบว่าน้ำในนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 100°C
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2000 จู่ๆ น้ำพุร้อนไกเซอร์ก็ปะทุขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ทำให้ฝูงชนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันวุ่นวาย และหลายคนได้รับบาดเจ็บถูกน้ำร้อนลวกเท้าและขา
นอกจากนี้ พื้นดินรอบๆ ไกเซอร์เหล่านี้อาจจะมีความร้อนสูงได้ นักท่องเที่ยวจึงต้องเดินอยู่บนเส้นทางเดินที่ทำไว้ให้เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เท้าจมลงไปในโคลนร้อน
แนะนำให้ทุกท่านใช้ความระมัดระวังในขณะที่เข้าชมพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพทุกแห่งในประเทศไอซ์แลนด์
2. Grjotagja
ภาพจาก Wikimedia, Creative Commons โดย Chmee2 ไม่มีการแก้ไขภาพ
โด่งดังไปทั่วโลกหลังจากถูกใช้เป็นฉากหวือหวาในการพลอดรักระหว่างจอน สโนว กับ อีกริดในเกมออฟโธรนส์ เกรียวท์ฮาก์ยา (Grjotagja) อาจจะดูเหมือนเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะกับการลงไปอาบน้ำอุ่น แต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
อุณหภูมิของน้ำในเกรียวท์ฮาก์ยามีการเปลี่ยนแปลงตลอด และเริ่มร้อนเกินกว่าที่จะลงไปว่ายน้ำเล่นได้ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 70 แล้ว (อุณหภูมิประมาณ 50°C) แม้ว่าตอนนี้น้ำจะเริ่มเย็นลงหน่อย แต่ก็ยังร้อนเกินกว่าที่จะลงไปอยู่ดี โดยอุณหภูมิของน้ำในแต่ละวันจะไม่เท่ากัน และการเปลี่ยนแปลงยังขึ้นอยู่กับการเกิดแผ่นดินไหวด้วย
เนื่องจากความร้อนของน้ำไม่คงที่ หินในถ้ำไม่มั่นคงมากพอ และน้ำมีการไหลเวียนช้ามากๆ ทำให้ปัจจุบันมีการประกาศห้ามไม่ให้ลงเล่นน้ำที่นี่
แม้ว่าคุณจะไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่แค่ได้ไปชื่นชมความสวยงามก็คุ้มค่าแล้ว และถ้าคุณอยากแช่น้ำจริงๆ ก็สามารถเดินทางไปยังอ่างอาบน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้
เกรียวท์ฮาก์ยาตั้งอยู่ทางเหนือของไอซ์แลนด์ ถ้าคุณพักอยู่ในอาคูเรย์ริ (Akureyri) และต้องการไปชมธรรมชาติอันสวยงามรอบทะเลสาบมิวาทน์อยู่แล้ว เกรียวท์ฮาก์ยาก็ถือว่าอยู่ไม่ไกล
สำหรับการเดินทาง จากหมู่บ้านเรคยาฮลิด (Reykjahlid) ซึ่งอยู่บนถนนวงแหวน ให้ขับรถไปทางทิศตะวันออกอีกเป็นระยะทางไม่กี่ไมล์ จากนั้นให้เลี้ยวขวาก่อนถึงถนนที่เป็นทางไปอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์
3. Snorralaug
หมู่บ้านเรย์คอลท์ (Reykholt) ในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ
ที่นี่เคยเป็นบ้านของสนอร์รี สตูร์ลูสัน (Snorri Sturluson) บุคคลสำคัญแห่งยุคกลางที่เป็นทั้งนักประวัติศาสตร์ กวี และนักกฎหมาย โดยสนอร์รีเป็นผู้ประพันธ์บทร้อยแก้ว "Prose Edda" ซึ่งเป็นหนึ่งในวรรณกรรมยุโรปที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รวมถึงเป็นแหล่งความรู้อันล้ำค่าเกี่ยวกับตำนานเทพปกรณัมนอร์สด้วย
สนอร์รีได้สร้างสระน้ำร้อนจากน้ำร้อนใต้ดินเป็นของตัวเองขึ้นที่บริเวณนอกบ้านสไตล์เทิร์ฟของเขา สระนี้เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดของไอซ์แลนด์ และเนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงห้ามมิให้ลงไปแช่น้ำ ว่ากันว่าอุณหภูมิในสระมีความไม่แน่นอนด้วย บางทีก็ร้อนมากและอาจทำให้ได้รับอันตรายจากการลงแช่น้ำได้
สระน้ำแห่งนี้มีขนาดเล็กมากโดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางแค่ประมาณ 4 เมตรเท่านั้นและลึก 0.7-1 เมตร ดังนั้นถ้าคนจำนวนมากลงไปก็คงจะสกปรกและหมดความสวยงามอย่างรวดเร็ว
แต่ว่านักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแช่น้ำอยู่แล้ว เพราะพวกเขาตั้งใจมาชมพิพิธภัณฑ์สนอร์ราส์ทอฟา (Snorrastofa Museum) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ ตำนานเทพปกรณัมนอร์ส และประวัติของสนอร์รี สตูร์ลูสัน ชายที่มีชื่อเดียวกับสระต่างหาก
4. Blahver
เนื่องจากน้ำมีสีฟ้าสวยงาม บลาฮแวร์ (Blahver) จึงเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มองแล้วน่าลงไปแช่ยิ่งนัก แถมน้ำยังนิ่งไม่ไหวติงไม่มีท่าทีว่าจะมีกิจกรรมจากพลังงานความร้อนใต้พิภพใดๆ ทำให้คุณอาจคิดว่าถ้าลงไปแหวกว่ายท่ามกลางน้ำสีฟ้านั้น ต้องได้ภาพถ่ายที่สวยแน่ แต่แหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตทีเดียว
น้ำที่บลาฮแวร์นี้ไม่ได้แค่ร้อนจัดจนลวกคุณให้สุกได้เท่านั้น แต่บริเวณขอบบ่อยังมีความเปราะบางมากและแตกได้ทุกเมื่อหากมีคนไปเหยียบโดนมันเข้า และถ้าเหยียบเข้าไปแล้วก็คงจะออกมาได้ยากด้วย
โชคยังดีที่แหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้และแห่งอื่นที่อยู่ใกล้ๆ กันภายในพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพฮแวราเวดลีร์ (Hveravellir) ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบมิวาทน์นั้นมีการล้อมรั้วเอาไว้ เพื่อกันให้นักท่องเที่ยวชื่นชมความงดงาม (และสูดกลิ่น) จากในระยะไกลเท่านั้น
แต่ถ้าคุณอยากเล่นน้ำก็มีสระสำหรับแช่ตัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ซึ่งมีการนำน้ำร้อนธรรมชาติจากพื้นที่นี้ไปทำให้เย็นลงจนมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการอาบแช่แล้ว
5. Brimketill
สภาพธรรมชาติของที่นี่ดูจะเหมาะสมกับการลงไปเล่นน้ำมาก และก็เคยมีผู้กล้าลงไปแหวกว่ายมาแล้วจริงๆ ดังที่เห็นอยู่ในวิดีโอด้านบน
แต่คลิปนี้ถ่ายเมื่อหลายปีมาแล้ว (และถ่ายในวันที่อากาศดีและมีแดด) ก่อนที่จะมีการประกาศห้ามไม่ให้ลงไปเล่นน้ำในสระธรรมชาติแห่งนี้อีก เนื่องจากมันอันตรายมากเกินไป
บริมเกตทิลล์ (Brimketill) ไม่ใช่แหล่งน้ำพุร้อน และน้ำในนี้ก็ห่างไกลจากคำว่าอุ่นด้วยซ้ำ และออกจะเย็นยะเยือกเพราะเป็นน้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งเย็นขนาดที่ทำให้เกิดภาวะไฮโปเธอร์เมียหรืออุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติได้เลยถ้าอยู่ในน้ำนั้นนานเกินไป
น้ำทะเลที่กระเซ็นใส่อย่างต่อเนื่องยังทำให้หินรอบๆ บริมเกตทิลล์ลื่นด้วย เชื่อว่าคุณคงไม่อยากไปลื่นล้มบนหินพวกนั้นแล้วหล่นลงน้ำแน่ๆ
ในวันที่มีแดดและอากาศแจ่มใส น้ำในสระนี้จะน่าเล่นเป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่แล้วบริเวณนี้จะมีลมแรงมากและมีคลื่นสูงกระแทกเข้ากับหินตลอดเวลาเพราะวันแดดจัดในไอซ์แลนด์ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก
ชื่อบริมเกตทิลล์นั้นมีความหมายว่า “หม้อที่มีน้ำเชี่ยว” ซึ่งก็มีที่มาจากเกลียวคลื่นสีขาวที่แตกกระจายยามกระทบกับหินรอบๆ อยู่ตลอดเวลานั่นเอง วิวแบบนี้งดงามมากเมื่อชื่นชมจากระยะไกลที่มีความปลอดภัย
คุณสามารถเดินทางไปที่บริมเกตทิลล์ได้โดยการขับรถไปตามคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes Peninsula) หรือจะเลือกไปเที่ยวกับทัวร์ก็ได้
คุณชอบแหล่งน้ำพุร้อนแห่งไหนมากที่สุด มีสถานที่แช่น้ำร้อนแห่งอื่นที่คุณโปรดปรานในไอซ์แลนด์ที่เรายังไม่ได้พูดถึงอีกหรือไม่ หรือสปาพลังงานความร้อนใต้พิภพอันไหนที่คุณอยากไปแช่น้ำมากที่สุด คุณสามารถบอกให้เราทราบได้ด้วยการทิ้งข้อความไว้ในคอมเม้นต์ด้านล่างนี้!
บทความอื่นที่น่าสนใจ
คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับการปะทุของภูเขาไฟลิทลิ-ฮรูตูร์ในปี 2023
เรียนรู้ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการปะทุของภูเขาไฟลิทลิ-ฮรูตูร์ (Litli-Hrutur) ในไอซ์แลนด์ในปี 2023! พื้นที่ที่เกิดการปะทุใหญ่แค่ไหน? การเยี่ยมชมภูเขาไฟตอนนี้ปลอดภัยหรือไม่? วิธีที่ดีที่สุดใ...อ่านเพิ่มการแต่งกายในไอซ์แลนด์ในแต่ละฤดูกาล
ไอซ์แลนด์มีชื่อเสียงในด้านสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยมีฤดูหนาวที่ไม่รุนแรงและมักมีฤดูร้อนที่เย็นสบายและมีลมแรง การจัดกระเป๋าไปประเทศที่เทพเจ้าแห่งสภาพอากาศมีแนวโน้มที่จะอารมณ์แปรปรวนอาจดูน่ากั...อ่านเพิ่มไอซ์แลนด์ในฤดูร้อน - สุดยอดคู่มือการเดินทาง
ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่ดีในการค้นพบไอซ์แลนด์และความมหัศจรรย์ของประเทศโดยไม่มีข้อจำกัด ใช้เวลาที่มีแสงสว่างยาวนานมากขึ้นให้เป็นประโยชน์เพื่อสำรวจภูมิประเทศที่สวยงามของพื้นที่ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ พบปะและท...อ่านเพิ่ม
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด