สถานที่เที่ยวที่ดีที่สุดตามเส้นทางวงแหวน
- สถานที่เที่ยวที่ดีที่สุดตามเส้นทางวงแหวนทองคำ
- สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางใต้ของไอซ์แลนด์
- สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
- สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
- สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางตะวันออกของไอซ์แลนด์
- สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันออกของไอซ์แลนด์
- สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางเหนือของไอซ์แลนด์
- สถานที่เที่ยวหลักทางทิศเหนือของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
- สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์
- สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันตกของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
- วิธีไหนดีที่สุดในการเดินทางท่องเที่ยวบนเส้นทางวงแหวนทองคำของไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์มีถนนวงแหวนหลักอยู่หนึ่งเส้นคือทางหลวงหมายเลข 1 หากขับรถรอบวงแหวนนี้หนึ่งรอบต้องใช้เวลาเท่าไหร่ และมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอะไรอยู่บนเส้นทางหลักนี้บ้าง
- วงแหวนทองคำของไอซ์แลนด์มีความยาว 1332 กม. (828 ไมล์)
- เส้นทางส่วนใหญ่บนวงแหวนทองคำจำกัดความเร็วที่ 90 กม./ชม. (55 ไมล์/ชม.)
- 98% ของเส้นทางวงแหวนทองคำเป็นถนนราดยาง ส่วนใหญ่มี 2 ช่องทางจราจร แต่สะพานบางแห่งมีเพียงช่องทางเดียว
- สภาพของถนนของไอซ์แลนด์ในฤดูร้อนและฤดูหนาวมีความแตกต่างกัน ไม่แนะนำให้ขับรถในช่วงฤดูหนาว
- หากอยากขับรถเที่ยวในไอซ์แลนด์อย่างทั่วถึงมากที่สุดควรใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ในช่วงฤดูร้อน หรือไม่เกิน 2 สัปดาห์ในช่วงฤดูหนาว
ตามหลักแล้วสามารถขับรถรอบไอซ์แลนด์ได้ภายในเวลา 15-16 ชั่วโมงหากสภาพถนนดีและคุณไม่ได้ไปขับต่อท้ายรถแทรกเตอร์ที่คลานเป็นเต่า แต่ระยะเวลาที่แนะนำคืออย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์สำหรับในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง เพราะตลอดทางจะมีอะไรให้แวะเที่ยวมากมาย และคุณยังสามารถไปเดินชมธรรมชาติในชนบท ขี่จักรยาน หรือขี่ม้าได้ด้วย ดังนั้นจัดทริปสัก 10-14 วันกำลังดี
- ดูแพ็กเกจขับรถเที่ยวที่มีตัวเลือกมากที่สุดในไอซ์แลนด์ได้ที่นี่
หากคุณมีเวลามากกว่านั้นคุณจะเพิ่มกิจกรรมเดินขึ้นเขาหรือออกไปสำรวจไอซ์แลนด์นอกเส้นทางวงแหวนทองคำด้วยก็ได้ เช่น ชมคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสอันสวยงาม (Snæfellsnes Peninsula) ออกไปดูชนบทแถบฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) หรือเที่ยวบริเวณที่ราบสูง (Icelandic Highlands) แต่การเที่ยวในบริเวณไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์นั้นต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อและบริเวณนี้สามารถเข้าถึงได้ระหว่างช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายนเท่านั้น
ถ้าคุณมีแผนจะขับรถรอบไอซ์แลนด์ในช่วงฤดูหนาว (ตุลาคม-มีนาคม) คุณต้องเผื่อเวลาไว้หลวมๆ หน่อยและน่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10-14 วันจึงจะเที่ยวได้รอบ
ในช่วงฤดูหนาวหากสภาพดินฟ้าอากาศและสภาพท้องถนนเป็นใจ คุณอาจจะไม่เจอปัญหาใดๆ แต่ให้เผื่อใจเอาไว้ว่าคุณอาจจะต้องขับรถฝ่าพายุหิมะ และถนนหนทางก็อาจจะปิดทำให้คุณต้องติดแหงกอยู่ในที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลา 1-2 วัน หรือรถที่คุณขับอาจไปติดอยู่ในหิมะเข้าและต้องใช้เวลาขุดหิมะอยู่หลายชั่วโมง ไหนจะช่วงเวลากลางวันที่มีแสงสว่างยังจะสั้นกว่าด้วยสำหรับในฤดูหนาวและคุณก็คงไม่อยากขับรถบนถนนลื่นๆ ในความมืดหรอกใช่ไหม
จำไว้เลยว่าต้องไม่ลืมตรวจเช็คสภาพถนนและสภาพอากาศของไอซ์แลนด์ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง (แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตาม)
- อ่านเรื่องนี้ด้วย: คู่มือขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์แบบครบครัน
- อ่านเรื่องนี้ด้วย: ขับรถเที่ยววงแหวนทองคำในฤดูหนาวของไอซ์แลนด์ 12 วัน
แม้ว่าบนเส้นทางวงแหวนทองคำจะมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายแต่สถานที่เที่ยวดังๆ ของไอซ์แลนด์อีกหลายแห่งก็อยู่นอกเส้นทางนี้ เช่น วงกลมทองคำ (Golden Circle) และบลูลากูน (Blue Lagoon)
ฟยอร์ดในฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) ฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) หรือที่ราบสูง (Highlands) ก็ไม่ได้อยู่ในเส้นทางวงแหวนทองคำเหมือนกัน แต่คุณก็จะผ่านเมือง หมู่บ้าน และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่อยู่ทางเหนือของไอซ์แลนด์ เช่น ฮูสาวิค (Húsavík) เอาส์บิร์กิ (Ásbyrgi) น้ำตกเดตติฟอส (Dettifoss) ซิกลูฟยอร์ดูร์ (Siglufjörður) และฮอฟซอส (Hofsós) ต่อไปนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เราแนะนำซึ่งคุณอาจต้องเบี่ยงออกนอกเส้นทางวงแหวนไปเล็กน้อยและต้องมีการเผื่อเวลาไว้บ้างถ้าคุณอยากจะไปเที่ยวในที่เหล่านี้
- ค้นหารถเช่าที่ถูกที่สุดในไอซ์แลนด์: การเช่ารถในไอซ์แลนด์
- ค้นหาแพ็กเกจขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ 10 วันด้วยตนเอง: ขับรถเที่ยววงแหวนทองคำ
- ค้นหาแพ็กเกจทัวร์รอบไอซ์แลนด์ 6 วันแบบมีไกด์: แพ็กเกจทัวร์วงแหวนทองคำแบบมีไกด์พาเที่ยว
- ค้นหาที่พักสวยราคาไม่แพง: ที่พักให้เช่าในไอซ์แลนด์
สถานที่เที่ยวที่ดีที่สุดตามเส้นทางวงแหวนทองคำ
ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่มีถนนสายหลักเป็นไฮเวย์หลายช่องทางการจราจร ถนนวงแหวนทองคำของไอซ์แลนด์มีแค่ 2 ช่องทางเท่านั้นและมีวิวสวยงามตลอดทาง คุณแค่ขับให้ถูกช่องทางและอย่าลืมระมัดระวังฝูงแกะ วัว นก และม้าด้วย!
เพียงขับไปตามถนนวงแหวนทองคำเส้นหลักไม่ต้องเข้าเส้นทางเล็กอื่น ๆ ก็จะได้เห็นวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจเยอะแยะมากมายแล้ว!
ไอซ์แลนด์ไม่ค่อยมีต้นไม้มาบดบังทัศนียภาพ ดังนั้นในวันที่อากาศแจ่มใสคุณสามารถชมวิวจากกระจกหน้ารถได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ของท้องทุ่ง ฟาร์มสวยๆ น้ำตก ภูเขา ชายหาด ทะเลแอตแลนติกเหนือ ทะเลสาบ ธารน้ำแข็งกลาเซีย บ่อน้ำร้อน หมู่บ้านเล็ก ฟยอร์ด หรือเกาะแก่งต่างๆ และในสถานที่เหล่านี้ก็จะมีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ทั้งนก แกะ วัว ม้า และเรนเดียร์
สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางใต้ของไอซ์แลนด์
แถบตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบและพื้นที่เพาะปลูกสีเขียว โดยมีแม่น้ำและภูเขา เช่น แม่น้ำฮวิทเอา (Hvítá River) ที่มีกิจกรรมล่องแก่งอันโด่งดัง และภูเขาไฟเฮกลา (Hekla Volcano) ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนจากบนถนนวงแหวนทองคำ และคุณสามารถขับรถออกจากเส้นทางวงแหวนทองคำไปครึ่งวันเพื่อไปขับรถเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำ (Golden Circle) และค่อยวกกลับมาเข้าเส้นทางวงแหวนทองคำอีกครั้งที่เมืองฮเวอร์ราเกอร์ดิ (Hveragerði)
ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์มีผืนทรายเป็นบริเวณกว้างและมีแม่น้ำจากกลาเซียไหลผ่านหลายสาย ใครจะขับรถเข้าไปบริเวณนี้เราแนะนำให้ซื้อประกันที่มีความคุ้มครองในส่วนของขี้เถ้า ทราย และกรวดเพิ่มด้วยเพราะว่าหากเจอวันที่มีลมแรงสิ่งเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายให้กับรถได้ จากบนผืนทรายคุณสามารถมองเห็นซากสะพานที่ถูกน้ำจากธารน้ำแข็งพัดเข้าท่วมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยมีฉากหลังเป็นวัทนาโจกุล (Vatnajökull) ธารน้ำแข็งกลาเซียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ (และของยุโรป!) ซึ่งอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) นั้นมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาอุทยานแห่งชาติในไอซ์แลนด์และกินพื้นที่เกือบทั้งหมดในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
1. ฮเวอร์ราเกอร์ดิ (Hveragerði): เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่เต็มไปด้วยกิจกรรมของพลังงานความร้อนใต้พิภพและเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินขึ้นเขาไปเรคยาดาลูร์ (Reykjadalur) ซึ่งที่นั่นมีธารน้ำร้อนให้ลงไปเล่นน้ำได้ คุณสามารถซื้อแพ็กเกจทัวร์เดินขึ้นเขาหรือแพ็กเกจทัวร์ขี่ม้าไปที่เรคยาดาลูร์ หรือคุณจะเดินขึ้นไปด้วยตัวเองก็ได้! การขับรถจากเรคยาวิกไปที่ฮเวอร์ราเกอร์ดิใช้เวลาแค่ 40 นาที
2. ทัศนียภาพ: คุณจะได้เห็นทัศนียภาพอันตระการตาของมิร์ดาลสโจกุล (Mýrdalsjökull) และธารน้ำแข็งเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull Glaciers) ซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตกนับสิบแห่งที่มองเห็นจากบนถนน ในวันที่อากาศแจ่มใสนั้นจากบริเวณถนนวงแหวนทองคำทางใต้คุณจะมองเห็นไปได้ไกลถึงเกาะเวสท์แมน (Westman Islands) เลยทีเดียว แต่ถ้าคุณจะเดินทางไปที่เกาะนั้นต้องขับรถไปที่ลันเดย์ยาเฮิฟน์ (Landeyjahöfn) แล้วนั่งเฟอร์รี่ข้ามไป
3. เซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss): เป็นน้ำตกสวยที่มองเห็นได้จากถนนวงแหวนทองคำ น้ำตกแห่งนี้อยู่ห่างจากถนน 100 เมตร และสามารถเดินดูรอบน้ำตกได้เพราะว่ามีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในไอซ์แลนด์ ถ้าขับรถจากเรคยาวิกมาถึงน้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ (แบบไม่แวะที่ไหนเลย) จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
จากน้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ถ้าคุณเดินต่ออีก 10 นาทีก็จะถึงน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljúfrabúi) แม้ว่าจะต้องเดินกระย่องกระแย่งข้ามก้อนหินในแม่น้ำเพื่อเข้าไปในหุบเขาแต่วิวที่คุณจะได้เห็นนั้นสวยงามคุ้มค่าเหนื่อยมากๆ
4. เซลยาวาทล่าเลยก์ (Seljavallalaug): ระหว่างทางจากน้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ไปยังน้ำตกสโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss) คุณสามารถแวบออกนอกถนนวงแหวนทองคำไปแช่สระน้ำอุ่นบนไหล่เขาที่เซลยาดาลูร์ (Seljadalur) แต่จะเสียเวลานิดหน่อยเพราะคุณต้องออกจากถนนวงแหวนไปและต้องเดินจากที่จอดรถไปยังสระอีกประมาณ 15 นาที
5. สโกการ์ฟอสส์ (Skógafoss): เป็นน้ำตกยิ่งใหญ่อลังการที่อยู่ห่างจากน้ำตกเซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ไปเล็กน้อย ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้น (หรือปลายทาง) ของเส้นทางเดินขึ้นเขาในระยะเวลา 1 วันที่เรียกกันว่าฟิมม์วอร์ดูฮอลส์ (Fimmvörðuháls) ด้วย ซึ่งถ้าคุณจะไปดูภูเขาไฟเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull Volcano) ก็จะใช้เส้นทางนี้ หากขับรถจากเซลยาลันส์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) ไปที่สโกการ์ฟอสส์จะใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที หรือถ้าขับมาจากเรคยาวิกก็ประมาณ 2.5 ชั่วโมง
6. ซากเครื่องบิน DC: ซากเครื่องบินลำนี้อยู่บนหาดทรายสีดำทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ แต่คุณต้องจอดรถไว้ริมถนนวงแหวนทองคำและเดินไปอีก 45-60 นาที (ยังไม่รวมเดินกลับ) ดังนั้นถ้าคุณจะไปดูเครื่องบินก็ควรเผื่อเวลาอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง และปกติแล้วบริเวณหาดนี้จะมีลมพัดค่อนข้างแรงและหนาวเย็นยังไงก็อย่าลืมสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นและใส่รองเท้าสำหรับเดินขึ้นเขาด้วย
7. ดีร์โฮเลย์ (Dyrhólaey): เป็นที่เที่ยวอีกหนึ่งแห่งซึ่งมองเห็นได้จากถนนวงแหวนทองคำแต่ถ้าจะไปที่นั่นต้องขับรถออกจากถนนวงแหวนไปอีกเล็กน้อยแล้วคุณจะได้เจอกับหน้าผาริมทะเลซึ่งมีประภาคารอยู่ด้านบนและวิวสวยๆ ของเกลียวคลื่นที่กระทบกับหาดทรายสีดำ แถมมองออกไปเห็นทุ่งสีเขียวขจีทอดตัวยาวไปจนถึงธารน้ำแข็งกลาเซียที่อยู่ไกลลิบ ที่นี่มีนกชนิดต่างๆ มากมาย รวมทั้งนกพัฟฟินอีกนับพันๆ ตัว!
8. เรย์นิสฟยารา (Reynisfjara): หาดทรายดำเรย์นิสฟยาราอันลือชื่อเองก็อยู่ห่างออกจากถนนวงแหวนทองคำไปไม่ไกล ที่หาดอันตรายแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวต้องสังเวยชีวิตไปหลายคนแล้วเพราะจะมีคลื่นมหาภัยที่แอบพัดเข้ามาโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว เราขอร้องให้ทุกคนอยู่ห่างจากคลื่นประมาณ 30-50 เมตรและให้ชื่นชมพละกำลังอันแข็งแกร่งของธรรมชาติจากในระยะที่ปลอดภัยจะดีกว่า
9. หมู่บ้านวิก (Vík): หมู่บ้านเล็กๆ แต่มหัศจรรย์แห่งนี้มีคนอาศัยอยู่ 300 คน และมีวิวที่สวยงามของเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) ซึ่งเป็นแท่งหินที่โผล่ขึ้นจากในทะเล และมีชายหาดสีดำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านสุดท้ายแล้วสำหรับทางตอนใต้ก่อนที่คุณจะไปถึงเคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์ (Kirkjubæjarklaustur) ซึ่งต้องขับรถไปอีกหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นอย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถัง!
สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
1. เคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์ (Kirkjubæjarklaustur): เมืองขนาดเล็กมากๆ แห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 120 คน และถูกตั้งชื่อตามคอนแวนต์ที่มีอยู่ในเมืองตั้งแต่สมัยที่พวกคาทอลิกเข้ามา เมืองนี้มีสถานที่ตั้งแคมป์และมีเส้นทางเดินขึ้นเขาที่สวยงามโรแมนติก และเหมาะสำหรับใช้เป็นที่พักก่อนออกไปสำรวจความมหัศจรรย์ของธรรมชาติโดยรอบ เช่น ไปเดินเล่นที่เคิร์กยูกอล์ฟ (Kirkjugólf) หรือไปน้ำตกซิสตราฟอสส์ (Systrafoss) หากคุณขับรถจากเรคยาวิกมุ่งหน้าตรงมาที่เคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์จะใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง (หรืออาจจะนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสภาพถนน สภาพอากาศ และขึ้นอยู่กับว่าคุณจอดแวะถ่ายรูปบ่อยขนาดไหนด้วย)
2. ฟยาดราวกยูเฟอร์ (Fjaðrárgljúfur): หุบเขาสวยงามที่เหมาะกับการเดินเที่ยว แต่การจะขับรถไปถึงบริเวณนี้ได้คุณต้องขับอ้อมไปจากเคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์ (Kirkjubæjarklaustur) อีกเล็กน้อย
3. สกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell): เมื่อก่อนสกัฟตาเฟลล์ซึ่งอยู่ที่ส่วนปลายของวัทนาโจกุลนั้นเคยเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) น่าแปลกที่พื้นที่บริเวณนี้มีความเขียวชอุ่มมากแม้ว่าจะอยู่ติดกับธารน้ำแข็งเลยก็ตาม
จากตรงนี้จะมีทางเดินขึ้นเขาระยะสั้นๆ ให้ขึ้นไปชมน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) หรือน้ำตกดำที่มีเสาหินบะซอลต์สีดำอยู่รอบบริเวณ ซึ่งชื่อของน้ำตกก็มีที่มาจากหินสีดำเหล่านี้นี่เอง หากขับรถจากเคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์ (Kirkjubæjarklaustur) มาที่สกัฟตาเฟลล์จะใช้เวลา 1 ชั่วโมง หรือถ้าขับมาจากเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 4.5 ชั่วโมง (ยังไม่นับรวมเวลาที่คุณแวะพักตามรายทาง!)
4. ฮอฟสเกียยา (Hofskirkja): โบสถ์สวยงามดั่งภาพวาดแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยหญ้าเทิร์ฟและตั้งอยู่ริมถนนวงแหวนทองคำเลยโดยอยู่ระหว่างสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) และทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) โครงสร้างของโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1884 และที่นี่เป็นโบสถ์แห่งสุดท้ายในไอซ์แลนด์ที่สร้างเป็นแบบเทิร์ฟเฮาส์
5. โจกุลซาลอน (Jökulsárlón): เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แตกตัวมาจากธารน้ำแข็งกลาเซียจะลอยอยู่รอบทะเลสาบแห่งนี้จนกว่าพวกมันจะหาทางออกสู่ทะเลไปได้ การขับรถจากสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell) ไปยังโจกุลซาลอนนั้นใช้เวลา 45 นาที หรือประมาณ 5 ชั่วโมงถ้าขับมาจากเรคยาวิก
ถ้าคุณเดินทางในช่วงฤดูหนาวก็อาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น เพราะถนนจะมีน้ำแข็งเกาะทำให้ลื่นและทัศนวิสัยก็ไม่ค่อยดีนัก แต่หากคุณอยากจะซื้อทัวร์เข้าชมถ้ำคริสตัลจากบริเวณโจกุลซาลอนคุณก็ต้องมาเฉพาะช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
6. หาดไดมอนด์บีช (Diamond Beach): ชายฝั่งทะเลที่ติดกับทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของถนนนั้นเต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่และบางทีคุณก็อาจจะได้เห็นแมวน้ำมาเล่นน้ำแถวนี้ด้วย และถ้าคุณเดินลงมาที่ชายฝั่งคุณจะได้เห็นภาพเกลียวคลื่นหยอกล้อกับก้อนน้ำแข็งบนหาดทรายสีดำทำให้ก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นเกิดประกายวิบวับดูสวยงามราวกับประกายจากเพชร
สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางตะวันออกของไอซ์แลนด์
ฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ประกอบไปด้วยภูเขาที่ขรุขระและฟยอร์ดอันสวยงาม ซึ่งจะมีเมืองอยู่ใกล้กับฟยอร์ดเกือบทุกแห่งและทุกคนต่างก็มีฟยอร์ดหรือภูเขาในดวงใจที่เชื่อว่าสวยกว่าที่อื่น บางพื้นที่ในฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์สามารถเข้าถึงได้ยากในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากช่องเขาบางแห่งถูกปิดเพราะมีหิมะตกหนัก ดังนั้นถ้าจะเที่ยวฝั่งตะวันตกให้คุ้มค่ามากที่สุดต้องมาในช่วงฤดูร้อน
แต่ทว่าฟยอร์ดส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ติดถนนวงแหวนทองคำและสถานที่ไฮไลต์ของฝั่งตะวันออกบางแห่งก็ไม่ได้อยู่บนเส้นทางสายนี้ด้วย การจะเดินทางไปฟยอร์ดส่วนใหญ่นั้นต้องขับรถไกลออกไปอีก ดังนั้นหากคุณต้องการเที่ยวทางฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ให้ครบและอยากขับรถซิกแซกไปมาตามฟยอร์ดต่างๆ คุณต้องเพิ่มจำนวนวันเข้าไปในโปรแกรมอีกสัก 2-3 วัน แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงก็ไม่เป็นไร! เพราะว่าแถวนี้ก็มีอะไรให้เที่ยวมากมายเต็มไปหมด
สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันออกของไอซ์แลนด์
1. เมืองเฮิฟน์ (Höfn): เฮิฟน์เป็นเมืองประมงขนาดเล็กที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มากที่สุด และอยู่ห่างจากโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) ไปอีกโดยใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องกุ้งแลงกูสทิน (Langoustine) และในช่วงฤดูร้อนที่นี่จะมีเทศกาลล็อบสเตอร์เฟสติวัล (Humarhátíð á Höfn) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม คุณสามารถแวะไปชิมกุ้งแลงกูสทินหรือไอซ์แลนดิกล็อบสเตอร์ได้
2. ภูเขาเวสตราฮอร์น (Vestrahorn mountain): แม้ว่าแถบนี้จะมีภูเขา ฟยอร์ด และชายหาดมากมายหลายแห่ง แต่ที่นี่อาจจะเป็นโลเคชั่นสำหรับถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ ใกล้ๆ กันมีอัฟตาฟยอร์ดูร์ (Álftafjörður) หรือฟยอร์ดหงส์ ซึ่งมักมีฝูงหงส์มารวมตัวกัน และข้างๆ ภูเขาเวสตราฮอร์นจะมีภูเขายอดแหลมอื่นๆ อีก เช่น อีสทราฮอร์น (Eystrahorn) และบรุนน์ฮอร์น (Brunnhorn) ซึ่งก็แข่งกันสวยแบบไม่ยอมกันเลย
3. เรนเดียร์: ฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์เป็นพื้นที่เดียวของประเทศที่คุณสามารถพบเห็นกวางเรนเดียร์ได้ ซึ่งเดิมทีนั้นพวกเรนเดียร์ถูกนำเข้ามาเลี้ยงในประเทศก่อนแต่ต่อมาดันมีบางตัวที่ซุกซนหลุดลอดหรือหนีออกมาได้ และปัจจุบันพวกมันก็ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างอิสระเต็มที่
อย่างฝูงที่เห็นนี้ก็กำลังโพสต์ท่าให้ถ่ายภาพอยู่หน้าบรุนน์ฮอร์น (Brunnhorn) หรือภูเขาแบทแมน
4. เอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir): เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันออกของไอซ์แลนด์ เมืองนี้อยู่ติดกับป่า (ขับรถ 20 นาที) และแม่น้ำลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljót River) ที่มีตำนานเล่าขานว่ามีไอซ์แลนดิกล็อกเนสส์ (Loch Ness) หรือหนอนแห่งลาการ์ฟโลย์ทอาศัยอยู่
หากคุณขับรถไกลออกไปอีก (จากถนนสายหลัก) ก็จะมาถึงอัตลาวิก (Atlavík) ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งแคมป์ริมทะเลสาบที่ได้รับความนิยมมาก
5. ฮาลอร์มสตาเดาสโกกูร์ (Hallormsstaðaskógur): ขับออกนอกเส้นทางวงแหวนทองคำมาเล็กน้อยคุณจะพบกับผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ ที่ไอซ์แลนด์ไม่ค่อยมีต้นไม้ให้เห็นดังนั้นการได้เจอป่าจึงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหม! และเมื่อมาถึงป่าฮาลอร์มสตาเดาสโกกูร์นั่นแปลว่าคุณได้เดินทางมาครึ่งประเทศแล้ว ถ้านับระยะเวลาที่ขับรถจากเรคยาวิกมาถึงนี่ก็ราวๆ 8 ชั่วโมง (ไม่รวมแวะเที่ยว) หรือประมาณ 3 ชั่วโมงจากเมืองเฮิฟน์ (Höfn)
6. เฮนกีฟอสส์ (Hengifoss): เป็นน้ำตกที่น่าทึ่งอีกหนึ่งแห่ง ที่นี่ต้องใช้เวลาเดินขึ้นเขา 2 ชั่วโมงจึงจะมาถึงริมฝั่งทะเลสาบลาการ์ฟโลย์ท (Lagarfljót Lake) ที่มองเห็นวิวของฮาลอร์มสตาเดาสโกกูร์ (Hallormsstaðaskógur) เฮนกีฟอสส์เป็นน้ำตกที่มีความสูงเป็นอันดับสามของไอซ์แลนด์โดยมีความสูง 128 เมตร รองจากน้ำตกกลีมูร์ (Glymur) และน้ำตกฮาลีฟอสส์ (Háifoss) บริเวณรอบๆ น้ำตกเป็นชั้นของหินบะซอลต์ที่เรียงตัวสลับกับดินเหนียวสีแดงทำให้น้ำตกแห่งนี้ยิ่งดูโดดเด่น
7. เซย์ดิสฟยอร์ดูร์ (Seyðisfjörður): หมู่บ้านเซย์ดิสฟยอร์ดูร์เป็นอีกหนึ่งแห่งที่คุ้มค่ากับการขับออกนอกเส้นทาง หมู่บ้านที่มีสีสันสดใสราวกับผลงานศิลปะแห่งนี้ตั้งอยู่ในฟยอร์ดที่หลายคนบอกว่าเป็นหนึ่งในฟยอร์ดที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีร้านซูชิระดับเวิลด์คลาสอยู่หนึ่งร้านด้วย และที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งเรือเฟอร์รี่สมีริลไลน์ (Smyril Line) จอดเทียบท่า โดยเป็นช่วงรอยต่อระหว่างไอซ์แลนด์กับหมู่เกาะแฟโรและเดนมาร์ก เซย์ดิสฟยอร์ดูร์อยู่ห่างจากเอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir) ออกไปบนถนนหมายเลข 93 อีก 25 นาที
สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางเหนือของไอซ์แลนด์
ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์เต็มไปด้วยภูเขาและมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์อยู่ในภูมิภาคนี้มากมาย แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่ก็ต้องขับรถไกลจากถนนวงแหวนทองคำออกไปอีกอย่างเช่น น้ำตกเดตติฟอส (Dettifoss) เอาส์บิร์กิ (Ásbyrgi) และฮูสาวิค (Húsavík)
จากเอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir) ขับรถมุ่งหน้าไปมิวาทน์ (Mývatn) ประมาณ 1.5 ชั่วโมงคุณจะเจอกับถนนโรยกรวดอยู่ทางด้านขวามือซึ่งเป็นทางไปเดตติฟอส (Dettifoss) ขับต่อไปอีก 30 กิโลเมตรบนถนนหมายเลข 864 ก็จะถึงเดตติฟอส (แต่อาจทำความเร็วไม่ได้มากนักเพราะสภาพถนน) ส่วนเอาส์บิร์กิ (Ásbyrgi) อยู่ถัดไปอีก 30 กิโลเมตรบนถนนเส้นเดียวกัน
ส่วนคนที่อยากไปดูปลาวาฬแนะนำว่าไม่ควรพลาดเมืองฮูสาวิค (Húsavík) ซึ่งเปรียบเสมือนเมืองหลวงของการดูปลาวาฬในไอซ์แลนด์เลย เมืองนี้อยู่ห่างออกไปอีก 40 นาทีโดยใช้ถนนหมายเลข 87 และ 85 จากทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn)
สถานที่เที่ยวหลักทางทิศเหนือของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
1. มิวาทน์ (Mývatn): เป็นทะเลสาบที่สวยงามทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ สภาพแวดล้อมในบริเวณนี้น่าทึ่งมากโดยมีพืชพรรณและนกนานาชนิด รวมทั้งน้ำพุร้อนและถ้ำ ถ้าขับจากเอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir) มาที่มิวาทน์จะใช้เวลา 2 ชั่วโมง หรือถ้าคุณขับมาขึ้นเหนือมาจากเรคยาวิกจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
2. ดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir): ถัดจากมิวาทน์ไปจะเป็นดิมมูบอร์กิร์ซึ่งในบริเวณนี้มีกลุ่มหินรูปทรงแปลกๆ และถ้ำต่าง สถานที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นประตูสู่นรกและยังมีวงเมทัลจากนอร์เวย์นำชื่อดิมมูบอร์กิร์ไปใช้ตั้งเป็นชื่อวงด้วย (ดิมมูบอร์กิร์แปลว่าเมืองแห่งความมืดมิด)
3. กระยอทาก์ยา (Grjótagjá): บ่อน้ำร้อนในถ้ำที่ใช้เป็นฉากในเกมออฟโธรนส์ (สถานที่พลอดรักระหว่างตัวละครจอน สโนว กับ อีกริด) แม้จะมีการห้ามไม่ให้ลงเล่นน้ำในนี้แล้ว แต่กระยอทาก์ยาก็ยังมีความสวยงามน่าไปยลให้เห็นกับตาอยู่ดี
4. ฮเวอร์แฟลล์/ฮเวอร์ฟยาล (Hverfell/Hverfjall): เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn) บริเวณนี้นิยมใช้เป็นเส้นทางเดินขึ้นเขา
5. อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Mývatn Nature Baths): เปรียบเสมือนบลูลากูนแห่งทางเหนือ อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์เป็นทะเลสาบธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้
6. เดตติฟอสส์ (Dettifoss): น้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในยุโรปแห่งนี้อยู่นอกเส้นทางวงแหวนทองคำ คุณสามารถขับไปยังลานจอดรถทางทิศตะวันออกของน้ำตกโดยใช้ถนนหมายเลข 864 หรือขับไปทางทิศตะวันตกบนถนนหมายเลข 862 ก็ได้ และจากน้ำตกเดตติฟอสส์คุณสามารถเดินไปยังน้ำตกเซลฟอสส์ (Selfoss Waterfall) ได้ สำหรับที่นี่นั้นให้คุณเผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงสำหรับการขับรถและการเดินไปน้ำตก
7. เอาส์บิร์กิ (Ásbyrgi): เอาส์บิร์กิเป็นหุบเขาเขียวขจีที่มีรูปร่างเหมือนเกือกม้า คุณสามารถแวบออกนอกเส้นทางวงแหวนทองคำและแวะมาที่เอาส์บิร์กิได้โดยใช้ถนนเส้นเดียวกับที่จะไปน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss Waterfall)
ภาพจาก ต้นตำรับทัวร์ดูปลาวาฬรักษ์โลกที่ฮูสาวิค - ปราศจากคาร์บอน!
8. ฮูสาวิค (Húsavík): เป็นเมืองที่งดงามมีเสน่ห์บนชายฝั่งทางเหนือของไอซ์แลนด์และได้รับการยกย่องให้ไปสถานที่ดูปลาวาฬที่ดีที่สุดด้วย จากทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn) ขับรถไปยังฮูสาวิคจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที และหากคุณจะเพิ่มทัวร์ดูปลาวาฬเข้าไปในทริปด้วยก็จะใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 ชั่วโมง
9. โกดาฟอสส์ (Goðafoss): เป็นน้ำตกสวยงามตระการตาที่อยู่ริมถนนวงแหวนทองคำเลย โดยจะอยู่ระหว่างอาคูเรยรี่ (Akureyri) และทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Mývatn) ไม่มีทางขับเลยแน่นอน ชื่อโกดาฟอสส์แปลว่า “น้ำตกของพระเจ้า” และได้ชื่อนี้มาจากเหตุการณ์ในอดีตเมื่อมีการโยนรูปปั้นเทพเจ้านอร์สลงไปในน้ำตกหลังจากที่ไอซ์แลนด์ตัดสินใจหันมานับถือคริสต์ศาสนา
10. อาคูเรยรี่ (Akureyri): เมืองหลวงของทางภาคเหนือแห่งนี้ตั้งอยู่ในฟยอร์ดที่สวยงามและในเมืองนี้มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีโบสถ์อันงดงาม มีไนต์ไลฟ์ และยังมีฮลีดดาร์ฟยาล (Hlíðarfjall) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสกีรีสอร์ตที่ดีที่สุดในประเทศด้วย อาคูเรยรี่อยู่ห่างจากมิวาทน์ (Mývatn) ออกไปอีกโดยขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง หรือถ้าขับมาจากเรคยาวิกก็ประมาณ 5 ชั่วโมง
สถานที่เที่ยวตามถนนหมายเลข 1 ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์
บนถนนวงแหวนทองคำในฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์นี้ไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวมากเท่าไหร่เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคตะวันตกนั้นอยู่นอกวงแหวนทองคำ เช่น ฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีสถานที่น่าแวะอยู่สองสามแห่งบนเส้นทางวงแหวนทองคำทางตะวันตกนี้
เส้นทางท่องเที่ยวสั้นๆ จากวงแหวนทองคำทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ที่น่าสนใจ ได้แก่ หมู่บ้านเรย์คอลท์ (Reykholt) และน้ำตกเฮินฟอซซ่า (Hraunfossar Waterfalls)
สถานที่เที่ยวหลักทางทิศตะวันตกของไอซ์แลนด์ มีดังนี้:
1. สไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes): คาบสมุทรแห่งนี้ถือเป็นตัวแทนฉบับมินิของไอซ์แลนด์เพราะว่ามันรวมจุดเด่นของไอซ์แลนด์ครบทุกอย่างไว้ในที่เดียว โดยมีสไนล์แฟลซโจกุล (Snæfellsjökull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งกลาเซียที่มีภูเขาไฟอยู่ด้วย มีทุ่งลาวา น้ำตก ภูเขาสวยๆ เช่น ภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell Mountain) ชายฝั่งอันกว้างใหญ่ไพศาลที่มีทั้งหาดทรายสีดำและหาดทรายสีขาว ถ้ำ และหมู่บ้านน่ารักๆ
คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) ไม่ได้อยู่บนถนนวงแหวนทองคำแต่ก็คุ้มค่าที่คุณจะให้เวลากับที่นี่เพิ่มสักวันหรือสองวัน
2. ฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords): ฟยอร์ดทางตะวันตกของไอซ์แลนด์มีความสวยงามน่าประทับใจมากและเป็นสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดในไอซ์แลนด์ด้วย ที่นี่มีฟยอร์ดสวยๆ นับสิบแห่ง มีน้ำตกดินยานดิ (Dynjandi Waterfall) อันน่าตื่นตา มีหาดทรายสีแดงแห่งเรยดูว์ซานตูร์ (Rauðasandur) และมีส่วนปลายสุดทางด้านตะวันตกของยุโรปอย่างผานกทะเลลาทราบียอร์ก (Látrabjarg Bird Cliff) มีบ่อน้ำร้อนที่สามารถลงไปแช่ได้จำนวนนับไม่ถ้วน และมีหมู่บ้านในชนบทให้เที่ยวอีกหลายแห่ง
เมื่อมีถนนวงแหวนทองคำฟยอร์ดทางตะวันตกยิ่งกลายเป็นสถานที่ห่างไกลมากกว่าส่วนอื่นๆ ของประเทศ หากคุณมีแผนที่จะไปฟยอร์ดทางตะวันตกเราแนะนำว่าให้เพิ่มเวลาเข้าไปในทริปครั้งนี้อีกสัก 3-5 วัน ทั้งนี้คุณอาจไม่สามารถเข้าไปในฟยอร์ดทางตะวันตกได้ในช่วงเดือนที่เป็นฤดูหนาวอันมืดมิดเพราะว่าบริเวณนี้มีหิมะตกหนักเกินไป
3. เดลดาร์ตุงกูเวอร์ (Deildartunguhver): เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ได้ชื่อว่าทรงพลังมากที่สุดในยุโรป แต่ไม่เหมาะสำหรับเข้าไปดูใกล้ๆ ! ถ้าจะไปที่เดลดาร์ตุงกูเวอร์ก็ขับรถจากถนนวงแหวนออกไปเพียง 15 นาทีเท่านั้น
4. หมู่บ้านเรย์คอลท์ (Reykholt): คนที่สนใจประวัติศาสตร์ห้ามพลาดหมู่บ้านเรย์คอลท์เป็นอันขาดเพราะที่นี่เป็นบ้านของสนอร์รี สเทอร์ลิวซัน (Snorri Sturluson) หนึ่งในนักเขียนและกวีชื่อดังในยุคไวกิงของไอซ์แลนด์ เรย์คอลท์อยู่ห่างออกจากถนนวงแหวนไปเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น และห่างจากเดลดาร์ตุงกูเวอร์ (Deildartunguhver) เพียงแค่ 5 นาที
5. น้ำตกเฮินฟอซซ่า & บาร์นาฟอสส์ (Hraunfossar & Barnafoss): หนึ่งในน้ำตกที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์คือน้ำตกลาวาเฮินฟอซซ่า ซึ่งน้ำตกที่นี่ไหลออกจากใต้ทุ่งลาวาโดยตรง น้ำตกเฮินฟอซซ่าอยู่ห่างจากถนนวงแหวนทองคำ 35 นาที โดยใช้เส้นทางเดียวกับทางที่จะไปเดลดาร์ตุงกูเวอร์ (Deildartunguhver) และหมู่บ้านเรย์คอลท์ (Reykholt)
6. บอร์การ์เนส (Borgarnes): เมืองแสนสวยที่อยู่ใกล้กับเรคยาวิกมาก ปกติแล้วจะเป็นจุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดบนเส้นทางขึ้นเหนือเพราะมีฮอตด็อกและไอศครีมอร่อย
7. เอสยัน (Esjan): ภูเขาที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวเมืองเรคยาวิกได้ โดยระยะเวลาที่ใช้เดินขึ้นไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง
8. เรคยาวิก (Reykjavík): เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ที่มีครบทั้งร้านอาหาร อาร์ตแกลเลอรี่ ไนต์ไลฟ์ พิพิธภัณฑ์ และทั้งหมดทั้งมวลที่คุณคิดว่าเมืองหลวงควรจะต้องมี
และนี่ก็ครบรอบวงแล้ว!
วิธีไหนดีที่สุดในการเดินทางท่องเที่ยวบนเส้นทางวงแหวนทองคำของไอซ์แลนด์
คุณสามารถขับรถเที่ยวด้วยตัวเองหรือซื้อแพ็กเกจทัวร์ก็ได้ แต่ไม่แนะนำให้นั่งรถประจำทางเพราะว่ารถเมล์ที่นี่วิ่งแค่วันละเที่ยวหรือสองเที่ยวเท่านั้นซึ่งคุณเองก็จะอยากแวะดูนู่นนี่ทุกๆ 30 นาทีหรือทุกชั่วโมง
การขับรถเองบนเส้นทางนี้คุณอยากจะไปไหนก็ได้ซึ่งมีความยืดหยุ่นและความเป็นส่วนตัวมากๆ และคุณสามารถเลือกได้ว่าจะแวะจุดไหนนานเท่าไหร่ ในช่วงฤดูร้อนคุณสามารถเที่ยวได้จนกระทั่งเที่ยงคืนเลยด้วย (เพราะว่ากลางคืนก็สว่าง) ส่วนสภาพอากาศในช่วงฤดูหนาวนั้นอาจทำให้คุณอยากกลับเข้าที่พักก่อนที่ฟ้าจะมืดแต่ว่าข้อดีของช่วงนี้คือเมื่อคุณแหงนหน้าขึ้นฟ้าในคืนที่ไร้เมฆบดบังคุณอาจจะได้เห็นแสงออโรราที่ตามหาก็ได้
ในช่วงฤดูหนาวเราไม่แนะนำให้ขับรถเที่ยวเองถ้าคุณไม่คุ้นชินกับการขับรถบนน้ำแข็งและหิมะเพราะในฤดูนี้คุณอาจจะได้เจอกับพายุหิมะหนึ่งหรือสองลูก ดังนั้นการซื้อแพ็กเกจทัวร์วงแหวนทองคำฤดูหนาวด้วยรสบัส 8 วันแบบมีไกด์พาเที่ยวจะเป็นการดีกว่ามาก
หากคุณไม่แน่ใจฝีมือการขับรถของตัวเองแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนหรือคุณอยากจะเที่ยวแบบมีไกด์ท้องถิ่นคอยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คุณจะเลือกซื้อเป็นแพ็กเกจทัวร์วงแหวนทองคำฤดูร้อน 7 วันแบบมีไกด์พาเที่ยวก็ได้
โปรแกรมทัวร์วงแหวนทองคำในช่วงฤดูร้อน 10 วัน ก็เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจเหมือนกันเพราะมีวันที่ปล่อยว่างให้เที่ยวเรคยาวิกด้วยตัวเองด้วย ส่วนเวลาเที่ยววงแหวนทองคำจะมีไกด์คอยดูแล
ในกรณีที่คุณอยากจะขับรถเที่ยววงแหวนทองคำด้วยตัวเอง ให้เข้าไปดูแพ็กเกจขับรถเที่ยวในฤดูร้อนและแพ็กเกจขับรถเที่ยวในฤดูหนาว ซึ่งคุณจะเจอโปรแกรมเที่ยววงแหวนทองคำหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีตั้งแต่โปรแกรม 7-14 วันในฤดูร้อนไปจนถึง 10-12 วันในฤดูหนาว
หากคุณต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายอย่าพลาดดูแพ็กเกจขับรถเที่ยวราคาประหยัดด้วย
หรือถ้าคุณมีเวลาจำกัดในช่วงฤดูร้อนแต่อยากเที่ยวให้ได้มากที่สุด คุณอาจจะสนใจอยากจองแพ็กเกจขับรถเที่ยววงแหวนทองคำ 7 วันหรือแพ็กเกจขับรถเที่ยววงแหวนทองคำ 8 วัน แต่ถ้าคุณมีเวลาเหลือเฟือเราขอแนะนำแพ็กเกจขับรถเที่ยววงแหวนทองคำ 14 วันซึ่งรวมฟยอร์ดทางตะวันตก (Westfjords) และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) ด้วย
สำหรับช่วงฤดูหนาวคุณอาจต้องเผื่อเวลาให้มากขึ้นหน่อยและควรวางแผนแบบยืดหยุ่นเข้าไว้เพราะว่าสภาพอากาศที่นี่นั้นคาดเดาได้ยาก เราแนะนำให้ลองเลือกดูระหว่างแพ็กเกจขับรถเที่ยวในฤดูหนาว 10 วันและแพ็กเกจขับรถเที่ยวในฤดูหนาว 12 วันซึ่งรวมคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส
บทความอื่นที่น่าสนใจ
10 อันดับทัวร์ที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์: ทัวร์ยอดนิยมและไม่เหมือนใคร
ค้นพบ 10 อันดับทัวร์ที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ธรรมชาติอันเงียบสงบไปจนถึงการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น เรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ รวมถึงทัวร์และทริปเที่ยวที่...อ่านเพิ่มไอซ์แลนด์ในฤดูใบไม้ผลิ - สุดยอดคู่มือการเดินทาง
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีความงามทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง และฤดูใบไม้ผลิถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในการสัมผัสประสบการณ์นี้ ตั้งแต่แสงเหนือไปจนถึงการอพยพของนก ฤดูใบไม้ผลิในไอซ์แลนด์เป็นฤดูแห่งการ...อ่านเพิ่มไอซ์แลนด์ในฤดูหนาว - สุดยอดคู่มือท่องเที่ยว
ไอซ์แลนด์มีชื่อเสียงในด้านภูมิประเทศที่น่าทึ่ง และในช่วงฤดูหนาว เป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการเพลิดเพลินไปกับแสงเหนือ เที่ยวถ้ำน้ำแข็ง หรือออกผจญภัยท่ามกลางหิมะ สัมผัสประสบการณ์ทุกสิ่งที่ประเทศมีให้ในช่ว...อ่านเพิ่ม
ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว
สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด