ในเดือนเมษายนคุณสามารถขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองและไปชมน้ำตกโกดาฟอสส์

ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน: สิ่งที่ต้องทำ อากาศ และแสงเหนือ

ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง
ไปที่เรื่อง

ค้นหาทุกสิ่งที่คุณต้องการทราบเกี่ยวกับไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน สภาพอากาศในเดือนเมษายนเป็นอย่างไร? จะมีหิมะตกไหม? กิจกรรมอะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้ในเดือนเมษายน? มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นแสงเหนือหรือไม่? เดือนเมษายนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกันการมาเที่ยวไอซ์แลนด์หรือไม่?

การมาเที่ยวไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนนั้นมีความคุ้มค่าอย่างแน่นอน คุณจะได้เห็นประเทศนี้ค่อยๆ เปลี่ยนจากการจำศีลในช่วงฤดูหนาวมาสู่แสงสว่างของฤดูใบไม้ผลิ การค่อยๆ เข้าสู่ฤดูกาลใหม่นี้เป็นโอกาสแห่งความสนุกสนานมากมาย เช่น การขับรถเที่ยวรอบไอซ์แลนด์ หรือการล่องเรือเที่ยวทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน เพื่อใช้ประโยชน์จากแสงสว่างให้ได้มากที่สุด คุณสามารถจองที่พักแบบคอตเทจในชนบทของไอซ์แลนด์ หรือเช่ารถจากสนามบินเคฟลาวิกเลยเพื่อเริ่มต้นการเดินทางบนดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟนี้

โบสถ์ฮัลล์กริมสคิร์กยาในฤดูใบไม้ผลิในเดือนเมษายน น้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์เริ่มละลาย นกเริ่มส่งเสียงร้อง และทิวทัศน์เริ่มมีสีเขียวมากขึ้น กลางวันก็ยาวนานขึ้นกว่าเดิม อุณหภูมิเริ่มเพิ่มสูงขึ้น และฝนเริ่มตกน้อยลง อย่างไรก็ตาม อากาศในเดือนเมษายนก็ยังมีความเหวี่ยงอยู่มาก แม้ว่าดอกไม้จะเริ่มผลิบานแล้วแต่หิมะก็อาจจะตกเมื่อไหร่ก็ได้

ดังนั้นคุณต้องเตรียมพร้อมสำหรับทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นกฎที่ควรระลึกไว้เสมอเมื่อมาเที่ยวไอซ์แลนด์ไม่ว่าจะในเดือนใดก็ตาม กิจกรรมของฤดูหนาวบางส่วนนั้นยังคงมีอยู่ในเดือนเมษายน แต่การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่างวงกลมทองคำ ชายฝั่งทางตอนใต้ และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส นั้นไม่ลำบากแล้ว

ในฤดูหนาวของแต่ละปี ชาวไอซ์แลนด์จะตั้งตารอให้หิมะละลายและรอเวลาที่ดวงอาทิตย์จะส่องแสงยาวนานขึ้น ดังนั้นฤดูใบไม้ผลิของไอซ์แลนด์จึงเป็นเหมือนฤดูแห่งความหวังและการรอคอย

ตามธรรมเนียมแล้วเมษายนจึงเป็นเดือนแห่งเทศกาลและกิจกรรมมากมายที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิและส่งท้ายฤดูหนาวอันมืดมิดยาวนาน 



กิจกรรมในไอซ์แลนด์ในช่วงเดือนเมษายน 

วิวจากด้านหลังม่านน้ำตกน้ำตกเซลยาแลนส์ฟอสส์มีกิจกรรมอะไรให้ทำในไอซ์แลนด์บ้างในช่วงเดือนเมษายน? ไอซ์แลนด์กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ นักท่องเที่ยวจึงสารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมของฤดูร้อนได้เกือบจะทั้งหมด เช่น ขี่ม้า เที่ยวถ้ำ และดำน้ำตื้น แถมยังจะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมตื่นเต้นสำหรับฤดูหนาวเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย เช่น การล่าแสงเหนือ



แสงเหนือในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

ในเดือนเมษายน คุณยังสามารถมองเห็นแสงเหนือได้

คุณสามารถมองเห็นแสงเหนือในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนได้ไหม?

ในเดือนเมษายนไอซ์แลนด์จะมีแสงสว่างวันละ 13-16 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากช่วงฤดูหนาวที่ตกอยู่ในความมืดถึงวันละ 20 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงนี้กลางคืนก็ยังไม่สว่างเท่ากับไอซ์แลนด์ในเดือนพฤษภาคมและในช่วงฤดูร้อน ดังนั้นจึงหมายความว่ายังมีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือออกมาเต้นระบำ

วิธีที่ดีที่สุดในการดูแสงเหนือในเดือนเมษายนคือในคืนที่ฟ้าโปร่งคุณต้องออกไปอยู่บริเวณนอกเมืองที่มืดมิดและห่างไกลจากมลภาวะทางแสงในเมือง หากเป้าหมายของคุณคือการมาชมแสงออโรร่า ให้คุณพยายามมาในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนเมษายนก่อนที่จะสว่างไสวมากเกินไป เราแนะนำให้คุณเข้าร่วมกับทัวร์ดูแสงเหนือหากคุณอยากชมแสงเหนือบนท้องฟ้าอย่างสะดวกสบายและมีสไตล์หน่อย

มีหลายวิธีในการชมแสงออโรร่าในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน คุณสามารถล่องเรือออกจากเรคยาวิกไปกับทัวร์ล่องเรือสำราญเพื่อดูแสงเหนือ เพื่อสูดอากาศสดชื่นของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในขณะที่คุณดื่มด่ำกับวิวตรงหน้า และคุณยังสามารถไปกับทัวร์ชมแสงเหนือแบบดั้งเดิมด้วยรถบัสได้อีกด้วย


ข้อมูลเพิ่มเติม: แสงเหนือในไอซ์แลนด์ - ดูแสงออโรร่าได้เมื่อไหร่และที่ไหน
อ่านเรื่องนี้ด้วย: สถานที่ที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือในเมืองเรคยาวิก


เที่ยวธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

ธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์เมื่อมองจากด้านบน

ไอซ์แลนด์เป็นสถานที่ซึ่งคุณจะได้เห็นทั้งทิวทัศน์ธรรมชาติอันเหลือเชื่อและได้ตื่นเต้นกับกิจกรรมผจญภัยไปพร้อมๆ กัน และวิธีที่เหมาะที่สุดในการที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งสองอย่างนี้คือการไปเที่ยวธารน้ำแข็ง เนื่องจากกว่า 11% ของประเทศนี้ปกคลุมด้วยแผ่นน้ำแข็งคุณจึงมีตัวเลือกมากมาย

หนึ่งในธารน้ำแข็งที่โด่งดังที่สุดคือธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล (Solheimajokull) ธารน้ำแข็งขนาดมหึมาแห่งนี้ขรุขระและเต็มไปด้วยรอยแยกสีน้ำเงินที่เหมาะสำหรับการปีนกลาเซียร์และปีนน้ำแข็ง ซึ่งอยู่ระหว่างทางที่จะไปหาดทรายดำเรย์นิสฟยารา (Reynisfjara) อันงดงามด้วย

สกัฟตาเฟลล์มีธารน้ำแข็งที่สวยงามไกลออกไปตามแนวชายฝั่งทางใต้จะเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell Nature Reserve) ซึ่งอยู่ในเขตของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล (Vatnajokull) ธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป

บริเวณนี้มีเส้นทางเดินขึ้นเขาหรือไฮกิ้งเทรลที่ได้รับความนิยมในหมู่นักปีนกลาเซียร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์อันสวยงามของธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลและสภาพแวดล้อมอันเวิ้งว้างที่มีแต่น้ำแข็ง

ถ้ำน้ำแข็งได้ชื่อว่าเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากและมีความงดงามอย่างเหลือเชื่อ แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นถ้ำน้ำแข็งส่วนใหญ่จะปิดไม่ให้เข้าชมเนื่องจากน้ำแข็งจะละลายเมื่อแสงแดดกลับมาสาดส่องอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องพลาด! เพราะมีน้ำแข็งที่ธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุล (Myrdalsjokull) ใกล้กับหมู่บ้านวิก (Vik) ที่ยังเปิดให้เข้าชมได้ในเดือนเมษายน ธารน้ำแข็งมิร์ดาลสโจกุลตั้งอยู่บนภูเขาไฟคัทลา (Katla) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในไอซ์แลนด์ใต้ด้วย

คุณสามารถเข้าร่วมทัวร์ถ้ำน้ำแข็งที่ภูเขาไฟคัทลาและปีนธารน้ำแข็งจากเมืองวิก และไปชมความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของลาวาสีดำและเถ้าที่แข็งตัวในธารน้ำแข็งสีน้ำเงินและสีขาว

สำรวจถ้ำน้ำแข็งในช่วงเดือนเมษายนในประเทศไอซ์แลนด์

ภาพจากทัวร์เที่ยวถ้ำน้ำแข็งคัทลาและปีนธารน้ำแข็ง พร้อมบริการรับส่งจากวิก

ธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในไอซ์แลนด์คือธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) ธารน้ำแข็งขนาดมหึมาแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำฮวิทเอา (Hvita) ที่ไหลเชี่ยวกรากลงไปทางทิศใต้ก่อนที่มวลน้ำมหาศาลจะตกลงสู่หุบเหวกลายเป็นน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ที่มีความสวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก

ผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยสามารถเข้าร่วมทัวร์ขี่สโนว์โมบิลบนผืนน้ำแข็งที่ลางโจกุลได้ด้วย นักท่องเที่ยวจะได้เร่งความเร็วของเครื่องยนต์ให้แล่นไปบนกลาเซียร์เพื่อดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของผืนน้ำแข็งสีขาวไกลสุดลูกหูลูกตา

หากคุณต้องการใช้เวลาในวันนี้อย่างจุใจมากขึ้น คุณสามารถรวมทัวร์ขี่สโนว์โมบิลเข้ากับทัวร์เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อของไอซ์แลนด์ได้ด้วย โดยให้เลือกเป็นแพ็คเกจทัวร์วงกลมทองคำและสโนว์โมบิลซึ่งเริ่มต้นจากเมืองเรคยาวิก

อุโมงค์น้ำแข็งภายในธารน้ำแข็งลางโจกุลในไอซ์แลนด์

ภาพจาก ทัวร์ถ้ำน้ำแข็งอินทูเดอะกลาเซียร์ 10 ชั่วโมงในลางโจกุล ออกเดินทางจากเรคยาวิก

ในลางโจกุลจะมีอุโมงค์อยู่แห่งหนึ่งที่สวยงามและซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมด้านในอุโมงค์และเรียนรู้เกี่ยวกับการก่อตัวของธารน้ำแข็งในขณะที่เดินชมห้องหับต่างๆ ที่เกิดจากน้ำแข็งได้ ซึ่งนับว่าเป็นประสบการณ์ที่เหนือจริงมาก

โดยทัวร์อุโมงค์น้ำแข็งอินทูดิกลาเซียร์ในธารน้ำแข็งลางโจกุลนี้แตกต่างจากถ้ำน้ำแข็งที่อื่นๆ เพราะเปิดให้เข้าชมได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นก็ต่อเมื่อมีสภาพอากาศที่รุนแรงถึงขีดสุดจริงๆ



ดูวาฬในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

คุณสามารถพบวาฬและโลมาประมาณ 20 สายพันธุ์ในมหาสมุทรรอบไอซ์แลนด์

 ภาพจาก ทัวร์ล่องเรือชมวาฬและนกพัฟฟินอย่างใกล้ชิด 2 ชั่วโมงจากเรคยาวิก

ปกติแล้วในเดือนเมษายนนั้นคุณสามารถเดินทางเข้าไปยังทางภาคเหนือของไอซ์แลนด์ได้ แต่ถึงกระนั้นคุณก็ควรตรวจสอบสภาพถนนและพยากรณ์อากาศก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

คุณสามารถขับรถไปยังเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) และไปร่วมกับทัวร์ดูวาฬนี้ได้ ซึ่งในไอซ์แลนด์มีวาฬและปลาโลมามากกว่า 20 สายพันธุ์ ถ้าคุณออกทริปไปดูวาฬคุณก็จะได้เห็นพวกมันอย่างแน่นอน คุณยังสามารถไปที่เมืองฮูสาวิก ซึ่งใช้เวลาขับรถหนึ่งชั่วโมงจากอาคูเรย์ริ และเข้าร่วมทัวร์ชมปลาวาฬฮูสาวิกแบบคลาสสิกใน "เมืองหลวงแห่งการชมปลาวาฬของไอซ์แลนด์"

สำหรับในทางเหนือนั้นวาฬที่พบได้บ่อยมากที่สุดในฤดูนี้คือวาฬหลังค่อม วาฬมิงก์ และฮาร์เบอร์พอร์พอยส์ หรือแม้กระทั้งวาฬออร์กาหรือวาฬเพชฌฆาตและวาฬสีน้ำเงินก็อาจจะมาปรากฏตัวแถวนี้ในช่วงเดือนเมษายนได้เหมือนกัน

และแน่นอนว่าถึงแม้คุณอยากจะอยู่แต่ในเขตเมืองหลวง คุณก็ยังสามารถล่องเรือออกไปดูวาฬจากท่าเรือเก่าในเรคยาวิกได้ คุณสามารถเลือกใช้บริการทัวร์ที่พาไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ พร้อมกับพาไปทำกิจกรรมตื่นเต้นอย่างแพ็คเกจทัวร์ขี่ม้าและดูวาฬ 8 ชั่วโมงบนเส้นทางที่สวยงามอันนี้ได้ด้วย

ดูนกพัฟฟินในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน: สิ่งที่ต้องทำ อากาศ และแสงเหนือ

ในช่วงต้นเดือนเมษายนนกแอตแลนติกพัฟฟินแสนน่ารักจะมาทำรังบนชายฝั่งของไอซ์แลนด์และคุณสามารถไปชื่นชมพวกมันได้หลายวิธี

หน้าผาลาทราบียอร์ก (Latrabjarg) ในฟยอร์ดตะวันตกเป็นจุดที่อยู่ทางตะวันตกสุดของไอซ์แลนด์และที่นี่มีประชากรนกพัฟฟินอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และที่หน้าผาแห่งนี้คุณจะได้เห็นพวกมันบินออกไปหาอาหารหรือไม่ก็อยู่นิ่งๆ บนพื้นหญ้าเป็นองค์ประกอบที่สวยงามให้ถ่ายรูป

ถนนที่ใช้เดินทางไปยังลาทราบียอร์กนั้นขรุขระและต้องข้ามภูเขาสูงหลายลูก แต่สภาพอากาศที่อบอุ่นในเดือนเมษายนทำให้สามารถเดินทางเข้าถึงได้ง่าย เมื่ออยู่ที่บริเวณหน้าผาให้คุณระมัดระวังด้วยอย่าไปใกล้กับริมผามากเกินไปเพราะโพรงของนกพัฟฟินมักจะอยู่ในหน้าผาทำให้พื้นดินบริเวณนั้นไม่ค่อยมั่นคงนัก

การดูนกพัฟฟินก็เช่นเดียวกับทัวร์ดูวาฬ มีผู้ประกอบการทัวร์มากมายรอบไอซ์แลนด์ที่นำเสนอทริปล่องเรือพาออกไปยังจุดที่นกพัฟฟินชอบไปอาศัยอยู่ อย่างเช่นทัวร์ดูนกพัฟฟินแพ็กเกจนี้ที่ออกเดินทางจากเรคยาวิกและพาไปที่เกาะลุนเดย์ (Lundey) และอาคูเรย์ (Akurey) เพื่อให้คุณได้เข้าไปใกล้กับจุดที่นกทำรังมากที่สุดโดยที่ไม่รบกวนพวกมัน  

คุณยังสามารถจองทัวร์ชมนกพัฟฟินจากสติกกิชโฮลมูร์บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเพื่อชมนกอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้ได้ด้วย



เดินป่าในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

เพลิดเพลินกับความสงบในพื้นที่ไฮแลนด์ในช่วงเดือนเมษายนที่ไอซ์แลนด์เส้นทางเดินป่าหรือไฮกิ้งเทรลยอดนิยมส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์เปิดให้บริการในช่วงเดือนเมษายนและสภาพอากาศก็อุ่นพอสำหรับการใช้ชีวิตกลางแจ้งแล้ว ในขณะที่บางสถานที่อย่างลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar) ในพื้นที่ไฮแลนด์นั้นยังไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่คุณก็อาจจะสนุกกับเดย์ทริปไปไฮกิ้งแถวรอบเมืองเรคยาวิกแทนได้

ภูเขาเอสยาเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมสำหรับการเดินป่าในหมู่ชาวไอซ์แลนด์ และใช้เวลาขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองเรคยาวิกและรถเช่าขนาดเล็กก็ไปได้

หากคุณต้องการอะไรที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น คุณสามารถเดินขึ้นน้ำตกกลีมูร์ในฟยอร์ดฮวาลฟยอร์ดูร์ได้ กลีมูร์เป็นน้ำตกที่สูงเป็นอันดับสองในประเทศไอซ์แลนด์ และใช้เวลาขับรถเพียงหนึ่งชั่วโมงจากเมืองเรคยาวิก นี่เป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบในการใช้เวลายามบ่าย และหลังจากนั้น คุณสามารถไปผ่อนคลายที่บ่อน้ำพุร้อนฮวามม์สวิก (Hvammsvik Hot Springs) ที่อยู่ใกล้เคียงได้!



งานเทศกาลในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

คุณจะพบเทศกาลในเดือนเมษายนที่เหมาะกับความสนใจของคุณอย่างแน่นอน

ภาพจาก ค็อกเทลที่ดีที่สุดในเรคยาวิก

ทุกเดือนจะมีเทศกาลที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นทั่วไอซ์แลนด์ แต่เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีเทศกาลหลากหลายมากที่สุด ตั้งแต่เทศกาลที่เกี่ยวกับการเล่นสโนว์บอร์ดไปจนถึงเทศกาลดนตรีและเทศกาลเกี่ยวกับเกมคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้ที่เดินทางมาที่ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนนั้นรับรองว่าคุณจะหาเทศกาลที่คุณสนใจได้ไม่ยากเลย



เอพริลฟูลส์เดย์ (April Fools’ Day)

เอพิลฟูลส์เดย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาวยุโรปที่ฝังรากลึกในไอซ์แลนด์ ชาวไอซ์แลนด์ยึดถือประเพณีการแกล้งอำกันในวันนี้อย่างจริงจัง ในวันที่ 1 เมษายนนี้คุณจะได้เห็นเรื่องตลกมากมายจากคนในท้องถิ่น สื่อ หรือแม้กระทั่งในโรงแรมและผู้ให้บริการทัวร์ ดังนั้นเวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือเล่นโซเชียลมีเดียในวันนี้ก็ต้องคอยระวังว่าจะโดนอำ!

เทศกาลดนตรี Aldrei For Eg Sudur

เช่นเดียวกับคริสต์มาส อีสเตอร์เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองในไอซ์แลนด์ แต่จะต่างกันตรงที่อีสเตอร์ไม่ได้มีธรรมเนียมแปลกๆ ของชาวไอซ์แลนด์เหมือนในช่วงคริสต์มาส

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่เป็นเทศกาลอีสเตอร์นั้นครอบครัวจะมารับประทานอาหารกันอย่างพร้อมหน้า ทุกคนจะได้กินช็อกโกแลตจนอิ่มหนำสำราญและชาวไอซ์แลนด์จำนวนมากจะออกจากเมืองไปท่องเที่ยวทริปสั้นๆ ในชนบท

"ฉันไม่เคยลงใต้" หรือ Aldrei For Eg Sudur หรือ I Never Went South เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์อีสเตอร์ในเมืองอีสาฟยอร์ดูร์ในฟยอร์ดตะวันตก

โดยเทศกาลนี้มีนักดนตรีชื่อ Mugison เป็นผู้ริเริ่มจัดขึ้นเป็นคนแรกและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นหนึ่งในงานเทศกาลดนตรีที่พิเศษที่สุดในไอซ์แลนด์

Mugison เป็นศิลปินชาวไอซ์แลนด์ที่มีชื่อเสียง

ภาพโดย  Hreinn Gudlaugsson จาก Wiki Creative Commons ไม่มีการแก้ไข

ในปี 2003 Mugison และ PapaMug พ่อของเขาตัดสินใจจัดงานเทศกาลดนตรีขึ้นในอีสาฟยอร์ดูร์ บ้านเกิดของพวกเขา ในช่วงสุดสัปดาห์อีสเตอร์ถนนหนทางที่เป็นเส้นทางไปยังฟยอร์ดตะวันตกนั้นมักมีหิมะปกคลุม ดังนั้นคนที่จะเดินทางออกมาร่วมงานครั้งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีใจรักในเสียงดนตรีอย่างแท้จริงเท่านั้น และไอซ์แลนด์มีคนที่รักเสียงดนตรีอยู่มากมายจริงๆ เพราะมีคนมาร่วมงานเทศกาลที่ฟยอร์ดทางตะวันตกราว 2,000-3,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าของประชากรที่อาศัยอยู่ในอีสาฟยอร์ดูร์และเมืองใกล้เคียงรวมกันเกือบจะหนึ่งเท่าตัวเลยทีเดียว

ผู้ที่มางานเทศกาล I Never Went South จะต้องเจอกับสิ่งที่ตนชื่นชอบอย่างแน่นอนเพราะนักดนตรีที่มาขึ้นเวทีมีตั้งแต่วงแตรวงและนักเล่นหีบเพลงไปจนถึงวงเฮฟวี่เมทัลและแรปเปอร์

คุณจะได้พบกับศิลปินท้องถิ่นมากมาย รวมทั้งศิลปินชั้นแนวหน้าในวงการเพลงไอซ์แลนด์ เช่น Paul Oskar, HAM, Retro Stefson, Glowie, Emiliana Torrini และ Solstafir

Retro Steffson เป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงในประเทศไอซ์แลนด์ภาพจาก Piotr Drabik จาก Wiki Creative Commons ไม่มีการแก้ไข

เทศกาลนี้เป็นงานสำหรับผู้ที่รักในเสียงดนตรี ดังนั้นทางผู้จัดงานจึงเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาชมได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเงิน

"I Never Went South" นั้นไม่เก็บค่าบัตรและเปิดให้ทุกคนเข้าชมได้ และศิลปินที่มาแสดงในครั้งนี้ก็มาเล่นแบบไม่คิดค่าตัว 

ทำให้งานนี้ได้ชื่อว่าเป็นงานร็อกเฟสติวัลสำหรับประชาชน หรือ "The People's Rockfest"

หากคุณวางแผนที่จะไป เราขอแนะนำให้จองที่พักในอีสาฟยอร์ดูร์ เพื่อที่คุณจะได้มีที่พักในช่วงเทศกาล



งาน AK Extreme

ภูเขาฮลิดาร์ฟยาลล์ (Hlidarfjall) ที่อยู่ติดกับอาคูเรย์ริ (Akureyri) เป็นพรีเมียร์สกีรีสอร์ตของไอซ์แลนด์

ที่นี่มีการจัดงานเทศกาลเกี่ยวกับสกีและสโนว์บอร์ดตลอดทั้งปี โดยงานที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดน่าจะเป็นงาน AK Extreme

ในแต่ละปีเทศกาลสโนว์บอร์ดและมิวสิคเฟสติวัลที่จัดขึ้นในระยะเวลา 4 วันนี้ดึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 7,000 คนให้เดินทางไปยังเมืองทางเหนือ

อีกทั้งยังมีนักเล่นสโนว์บอร์ดจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมงานเทศกาลครั้งนี้และเข้าร่วมการแข่งขันกันอย่างสนุกสนานด้วย

งานนี้จัดขึ้นทั้งที่ภูเขาฮลิดาร์ฟยาลล์และในเมืองอาคูเรย์ริ

คุณจะได้ชมคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ในเมือง และได้สนุกสนานกับสโนว์ปาร์คที่สร้างขึ้นในย่านใจกลางเมืองที่มีการจัดการแข่งขัน Burn Jib

ซึ่ง ‘Jibbing’ คือการเล่นสโนว์บอร์ดที่ผู้เล่นใช้เครื่องกีดขวางอย่างราวมือจับ บันได ม้านั่ง และอุปกรณ์อื่นๆ มาประกอบการเล่น

ฤดูเล่นสกีในไอซ์แลนด์สิ้นสุดในเดือนเมษายน

ภาพโดย Sergiff จาก Wiki Creative Commons ไม่มีการแก้ไข

ที่บริเวณเชิงเขาฮลิดาร์ฟยาลล์ นักเล่นสโนว์บอร์ดจะแข่งขัน AK-Downhill ซึ่งเป็นการแข่งลงเนินแบบสแตนดาร์ดที่มีการเลี้ยวเพียงเล็กน้อย

ตลอดเส้นทางจะมีเสาปักไว้ให้ผู้เล่นจับ เพื่อร่วมสนุกในการจับรางวัลผู้โชคดี 

และในขณะที่แข่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องถือกระป๋องเครื่องดื่มชูกำลังเอาไว้ในมือ และจะมีการวัดปริมาณของเครื่องดื่มที่กระฉอกออกไปและนำไปคำนวณเป็นเวลาเพิ่มให้ด้วย 

กิจกรรมหลักของงานนี้คือ Eimskip Big Jump ที่ในดาวน์ทาวน์อาคูเรย์ริ ซึ่งจะมีคอนเทนเนอร์ 15 ตู้มาต่อเรียงกันสูง 5 ชั้นเพื่อทำเป็นทางลาดหิมะ ผู้เล่นจะต้องแข่งกันลื่นลงมาท่ามกลางการจุดดอกไม้ไฟประกอบฉากอย่างสวยงาม



เทศกาลวัฒนธรรมสำหรับเด็ก (Children’s Culture Festival)

ในช่วงปลายเดือนเมษายนมีกิจกรรมมากมายในเรคยาวิกที่จัดขึ้นเพื่อเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ 

The Children’s Culture Festival หรืองานวัฒนธรรมสำหรับเด็กนั้นจัดขึ้นโดยมุ่งหวังให้เยาวชนได้รู้จักกับศิลปะหลากหลายแขนงผ่านการทำเวิร์กช็อปและการแสดง

งานนี้เน้นที่เด็กเป็นสำคัญโดยตั้งใจให้เด็กได้แสดงออกถึงความเป็นศิลปิน และมีหลากหลายกิจกรรมที่จัดขึ้นทั้งที่โรงเรียน พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด โรงละคร และสถาบันทางวัฒนธรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั่วเมือง

เด็กและเยาวชนสามารถเข้าร่วมเวิร์กช็อปต่างๆ เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อาทิ การร้องเพลงแร็ป การเป็นดีเจ ไปจนถึงการเล่นฮูลาฮูปและเล่นว่าว

และยังมีการแสดงผลงานศิลปะของพวกเด็กๆ และนิทรรศการสำหรับครอบครัวตามสถานที่ต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไอซ์แลนด์และเรคยาวิกซิตี้ฮอลล์

ปิดท้ายด้วยการเต้นรำของเด็กๆ โดยมีศิลปินท้องถิ่นมาร่วมตีกลองตามจังหวะที่เหมาะกับการเต้นให้ด้วย

เทศกาลนี้ผู้ใหญ่ที่มากับเด็กสามารถเข้างานได้ฟรี



วันแรกของฤดูร้อน (The First Day of Summer)

ดอกไม้บานในฤดูร้อนของไอซ์แลนด์

หลังจากช่วงฤดูหนาวอันแสนยาวนานที่เกาะแห่งนี้ถูกความมืดเข้าปกคลุมและผืนดินก็กลายเป็นน้ำแข็ง ไม่แปลกเลยที่ชาวไอซ์แลนด์จะรอคอยการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิอย่างมีความหวัง

ประเพณีในเดือนเมษายนในไอซ์แลนด์มีหลายอย่าง ทั้งที่เป็นสากลเช่นเอพริลฟูลส์เดย์ และประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไอซ์แลนด์เอง อย่างเช่นวันแรกของฤดูร้อน



ไอซ์แลนด์ในฤดูใบไม้ผลิ

นกจำนวนมากเริ่มทำรังในประเทศไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

ตามหลักการแล้วฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกเหนือจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมและไปสิ้นสุดในวันที่ 21 มิถุนายน แต่ชาวไอซ์แลนด์มีวิธีกำหนดวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนในแบบฉบับของตัวเอง

ฤดูใบไม้ผลิในไอซ์แลนด์จะยังไม่เริ่มต้นจนกว่าจะถึงเวลาที่เห็นนกหัวโตสีทอง (Golden Plover หรือ Lóa) ตัวแรก ชาวไอซ์แลนด์รู้จักนกขนสีทองที่มีเสียงร้องไพเราะชนิดนี้เป็นอย่างดี

เพราะนกอพยพชนิดนี้จะมาใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่ไอซ์แลนด์ และเมื่อมีการพบเห็นเจ้านกชนิดนี้เป็นตัวแรกก็จะถือว่าฤดูใบไม้ผลิในปีนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

สื่อในไอซ์แลนด์มักจะเริ่มประโคมข่าวทันทีเมื่อมีการพบเห็นนกชนิดนี้เป็นตัวแรก ซึ่งโดยมากจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม

วันแรกของฤดูร้อน

เมื่อฤดูร้อนมาถึงที่ฟยอร์ดทางตะวันออกของไอซ์แลนด์ฤดูใบไม้ผลิในไอซ์แลนด์ไม่ได้กินเวลายาวนานนัก เพราะว่าชาวไอซ์แลนด์จะเฉลิมฉลองวันแรกของฤดูร้อน (The First Day of Summer) ในวันพฤหัสบดีแรกหลังจากวันที่ 18 เมษายน ซึ่งถ้าคุณมองออกไปนอกหน้าต่างในวันนี้ บางทีบรรยากาศอาจจะไม่ได้ดูเหมือนเป็นฤดูร้อนมากนัก

เพราะโดยมากแล้ววันนี้จะเป็นวันที่มีลม ฝน หรือแม้กระทั่งมีหิมะด้วยซ้ำ แต่ชาวไอซ์แลนด์ทั่วประเทศก็ใช้วันนี้เป็นวันจัดงานเทศกาลและจัดขบวนพาเหรดที่มีลูกเสือมาถือธงนำขบวน

วันแรกของฤดูร้อนหรือ Sumardagurinn fyrsti เป็นวันแรกของเดือนจันทรคติฮาร์ปา (Harpa) ในปฏิทินเก่าของชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งในปีหนึ่งจะแบ่งเป็นสองฤดู คือ ฤดูหนาวและฤดูร้อน

ในปี 1000 เมื่อไอซ์แลนด์เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์การใช้ปฏิทินแบบเก่าของไอซ์แลนด์ก็เป็นอันต้องยุติไปแล้วแทนที่ด้วยปฏิทินจูเลียนตามคำสั่งของสำนักวาติกัน

แต่ประเพณีบางอย่างตามความเชื่อในปฏิทินเก่า เช่น วันแรกของฤดูร้อนก็ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้

ธรรมชาติรอบอาคารเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้งเมื่อฤดูร้อนเริ่มขึ้นในไอซ์แลนด์

ตามประเพณี ถือเป็นลางดีหากฤดูร้อนและฤดูหนาว "กลายเป็นน้ำแข็งพร้อมกัน" ซึ่งหมายความว่าหากมีน้ำค้างแข็งในตอนกลางคืนก่อนวันแรกของฤดูร้อน ฤดูกาลที่จะมาถึงก็จะมีแดดจัดและอบอุ่น

ชาวไอซ์แลนด์ฉลองเทศกาลนี้ด้วยพิธีมิสซามาจนกระทั่งปี 1744 ในตอนนั้นไอซ์แลนด์เป็นดินแดนที่ปกครองโดยเดนมาร์กและอยู่ภายใต้กฏหมายของเดนมาร์กด้วย

เมื่อผู้แทนซึ่งมาจากโบสถ์ของชาวเดนมาร์กเดินทางมาที่ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนในปีหนึ่งและบังเอิญได้ยินเกี่ยวกับเรื่องการเฉลิมฉลองนี้จึงทำให้เกิดเป็นเรื่องขึ้นมา

เนื่องจากประเพณีวันแรกของฤดูร้อนเป็นเทศกาลเฉพาะของไอซ์แลนด์เท่านั้น ทางผู้แทนจึงสั่งห้ามไม่ให้มีการทำพิธีมิสซาในวันนี้อีกตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา 

อย่างไรก็ตามการสั่งห้ามไม่ได้ส่งผลต่อวันนี้มากนัก เพราะพิธิมิสซาถูกยกเลิกไปแค่เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น และคนในครอบครัวก็ยังมารวมตัวกันอยู่ดี และในที่สุดเทศกาลนี้ก็วกกลับไปที่โบสถ์อีกครั้ง

ชมรมเยาวชนเข้ามารับช่วงในการเฉลิมฉลองนี้ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ผ่านมา และในปัจจุบันมีการเฉลิมฉลองวันแรกของฤดูร้อนกันทั่วทั้งประเทศ และยังกลายเป็นเป็นวันหยุดราชการด้วย



ประเพณีการให้ของขวัญในฤดูร้อน

ช่วงหน้าร้อนในเรคยาวิกจะมีเทศกาลการให้ของขวัญ

ฤดูหนาวในไอซ์แลนด์นั้นโหดร้ายมาก ก่อนที่จะมีถนนดีๆ และการขนส่งสมัยใหม่ ฤดูหนาวของไอซ์แลนด์ดูเหมือนว่าจะยิ่งยาวนานและรุนแรงมากกว่านี้อีก และชาวนาก็ถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยเกือบจะขาดการติดต่อกับโลกภายนอก

การมาถึงของฤดูร้อนจึงหมายถึงอิสรภาพ ซึ่งบางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมวันหยุดนี้จึงยังคงยึดถือปฏิบัติต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

วันแรกของฤดูร้อนมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงปลายทศวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20

ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองจะหยุดงานหนึ่งวันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูร้อนและชาวนาก็พยายามจะลดปริมาณงานในวันนั้นลงให้เหลือน้อยที่สุด ครอบครัวจะมาพบหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงเพื่อกินเลี้ยงและแลกเปลี่ยนของขวัญซึ่งกันและกัน

อาจจะฟังดูเหมือนว่าเป็นเวอร์ชันเลียนแบบคริสต์มาสแต่ความจริงแล้วธรรมเนียมการให้ของขวัญในฤดูร้อนของไอซ์แลนด์มีความเก่าแก่มากกว่าประเพณีของขวัญในวันคริสต์มาสเสียอีก ซึ่งจากหลักฐานพบว่าเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 1545

ส่วนประเพณีของขวัญวันคริสต์มาสในไอซ์แลนด์นั้นเพิ่งมีในช่วงศตวรรษที่ 19 

ทุกคนจะได้รับของขวัญหนึ่งอย่างในสมัยนั้น และของขวัญที่ได้รับความนิยมมากคือขนมปัง เพราะว่าธัญพืชนั้นเป็นของหายากในยุคนั้น

แต่ทุกวันนี้คนที่ได้รับของขวัญส่วนใหญ่จะมีแค่เด็กๆ เท่านั้น ซึ่งของขวัญที่ได้รับก็จะมีความเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในฤดูร้อน อย่างเช่น จักรยาน ลูกบอล อุปกรณ์กีฬากลางแจ้ง และของเล่นอื่นๆ

ดังนั้นหากคุณเดินทางเที่ยวในไอซ์แลนด์ในช่วงกลางเดือนเมษายนก็อย่าลืมแต่งตัวให้พร้อม สวมหมวก แล้วไปร่วมขบวนพาเหรดให้สนุก หรือจะมอบของขวัญให้กับคนที่คุณรักเพื่อร่วมฉลองประเพณีเก่าแก่นี้ไปพร้อมๆ กับชาวไอซ์แลนด์ก็ได้

สภาพอากาศในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนมีแสงแดดระหว่าง 13 ถึง 16 ชั่วโมง

อากาศในไอซ์แลนด์เป็นอย่างไรในช่วงเดือนเมษายน

เดือนเมษายนเป็นช่วงที่กลางคืนอันยาวนานของฤดูหนาวในไอซ์แลนด์สิ้นสุดลงแล้ว ในเดือนนี้จะเริ่มมีแสงสว่างยาวนานถึงวันละ 13 ชั่วโมง คุณจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอน 06.46 น. และตกประมาณ 20.18 น.

ก่อนถึงช่วงปลายเดือนไอซ์แลนด์จะมีแสงสว่างยาวนานเพิ่มขึ้นอีกวันละ 3 ชั่วโมง โดยพระอาทิตย์จะขึ้นตั้งแต่ 05.04 น. และตกในเวลา 21.47 น.

แต่ในเดือนเมษายนก็ยังมีช่วงที่ความมืดปกคลุมอยู่บ้างทำให้คุณยังสามารถเห็นปรากฏการณ์แสงเหนือได้อยู่

ระหว่างทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน หากพยากรณ์อากาศเป็นใจและท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ คุณต้องไม่ลืมที่จะคอยแหงนมองหาแสงออโรรา บอเรลลิสบนฟ้ากันด้วย 

ในเดือนเมษายนยังมีความมืดเพียงพอที่จะเห็นแสงเหนือ

อุณหภูมิที่ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

อุณหภูมิที่ไอซ์แลนด์ในช่วงเดือนเมษายนนั้นไม่โหดร้ายมากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดคือ 6.8 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 3 องศาเซลเซียส ทั้งนี้โดยมากแล้วจะมีอุณหภูมิสูงกว่าจุดเยือกแข็ง แต่ก็อาจจะลดต่ำกว่านี้ได้เหมือนกัน

ในเดือนเมษายนในเรคยาวิกจะมีอากาศอุ่นกว่าที่อื่นๆ หน่อย ดังนั้นตามชนบทก็อาจจะเย็นกว่านี้ได้อีก

จากสถิติแล้วในเดือนเมษายนจะมีฝนและหิมะอยู่ประมาณครึ่งเดือน ซึ่งมักจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายนและจะค่อยๆ ลดน้อยลง

ซึ่งโดยมากแล้วจะเป็นฝนเสียมากกว่าแต่ก็มีโอกาสที่จะเจอหิมะตกในช่วงนี้ได้เหมือนกัน

เราขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวทุกคนใช้ Safe Travel เพื่อรายงานรายละเอียดแผนการเดินทางของคุณก่อนที่จะออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ และควรมีแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์และเบอร์ติดต่อในกรณีฉุกเฉินเก็บไว้ใช้ในยามที่จำเป็นด้วย



ไอซ์แลนด์มีสีเขียวบ้างไหมในเดือนเมษายน

อากาศในเดือนเมษายนนั้นมีความไม่แน่นอน

และในทุกๆ ปีจะต้องมีสักหนึ่งวันที่ชาวไอซ์แลนด์มองออกไปที่นอกหน้าต่างเห็นแสงแดดส่องไปยังผืนหญ้าสีเขียว แล้วก็คิดว่าในที่สุดหน้าร้อนก็มาถึงแล้ว แต่ดีใจได้ไม่นานก็ต้องฝันสลายเพราะว่าเดี๋ยวหิมะก็จะเริ่มตกลงมา

ดังนั้นหากคุณเดินทางมาที่ไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนก็อย่าลืมเตรียมตัวมาให้พร้อม โดยให้เตรียมเสื้อกันหนาวมาสวมหลายๆ ชั้นและนำรองเท้ากันน้ำมาด้วย คุณจะได้พร้อมรับมือทั้งกับอากาศหน้าร้อนและพายุที่มักจะตามมาติดๆ



เที่ยวไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

หากยังไม่ได้เห็นไกเซอร์ปะทุก็ถือว่ายังมาไม่ถึงไอซ์แลนด์เมื่อมาเที่ยวไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนคุณมีสิ่งที่ห้ามพลาดหลายอย่าง เช่น ต้องไปเที่ยววงกลมทองคำ ไปแช่น้ำสีฟ้าที่บลูลากูน และไปเที่ยวเมืองเรคยาวิก

การทำกิจกรรมเหล่านี้ในเดือนเมษายนนั้นมีข้อดีมากมายเพราะว่าอยู่นอกฤดูท่องเที่ยว

ปริมาณนักท่องเที่ยวในเดือนเมษายน

ไอซ์แลนด์มีนักท่องเที่ยวน้อยลงในช่วงเดือนเมษายนเมษายนเป็นเดือนที่เหมาะกับการท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์หรือไม่

เดือนเมษายนของไอซ์แลนด์ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว และทั้งเที่ยวบินและที่พักก็มีราคาถูกลงกว่าในช่วงหน้าร้อนมาก

แต่แค่นั้นยังไม่พอ เพราะการที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวทำให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศนี้ อย่างเช่น วงกลมทองคำ และทะเลสาบมิวาทน์มีนักท่องเที่ยวน้อยกว่ามากๆ เรคยาวิกในเดือนเมษายนก็เงียบกว่าเช่นกัน ในช่วงเวลาที่มีคนน้อยแบบนี้จะทำให้คุณได้ชื่นชมพื้นที่ธรรมชาติของประเทศไอซ์แลนด์ได้อย่างเต็มที่

การขับรถในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายน

การขับรถบนถนนในไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนน่าจะเป็นเรื่องง่าย แต่ขอแนะนำให้ใช้รถ 4X4

ถนนหลายสายยังคงปิดการจราจรหลังจากฤดูหนาว แต่เส้นวงแหวนทองคำซึ่งเป็นถนนสายหลักในไอซ์แลนด์นั้นสามารถใช้งานได้เป็นปกติในเดือนเมษายน

ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถขับรถไปดูนกตามสถานที่ดูนกพัฟฟินยอดนิยม อย่างเช่น คาบสมุทรดิร์โอลาเอย์ (Dyrholaey) บนชายฝั่งทางใต้ได้ และหากต้องการสำรวจภูมิภาคนี้ให้ดีขึ้น เราแนะนำทัวร์ขับรถเที่ยวเอง 5 วันพร้อมแวะชมบลูลากูนและทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน

ไฮเวย์ที่เป็นเส้นทางไปยังชายฝั่งทางตอนใต้ คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) และวงกลมทองคำนั้นโดยปกติแล้วสามารถใช้เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ในเดือนเมษายนคุณจะสามารถเดินทางขึ้นเหนือไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น อาคูเรย์ริ (Akureyri) ฮูสาวิก (Husavik) และมิวาทน์ (Myvatn) ได้อย่างสะดวกเช่นกัน

แต่เนื่องจากในเดือนเมษายนยังมีโอกาสเจอกับหิมะอยู่เราจึงขอแนะนำว่าให้คุณเลือกเช่ารถแบบ 4x4 เพื่อเดินทางในไอซ์แลนด์จะดีกว่า

วิธีที่ดีที่สุดในการเช่ารถขับเที่ยวรอบประเทศคือการเข้าไปเลือกจากศูนย์รวมรถเช่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งคุณสามารถค้นหารถที่คุณต้องการได้ในราคาที่ดีที่สุด


เรียนรู้เพิ่มเติม: การขับรถในไอซ์แลนด์: สุดยอดคู่มือสำหรับโรดทริป


รายละเอียดโปรแกรมการเดินทางในเดือนเมษายนที่แนะนำ

ภูเขาเคิร์กจูเฟลล์และน้ำตกเคิร์กจูเฟลล์ฟอสส์บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

ในเดือนเมษายน ข้อดีของการมาเที่ยวไอซ์แลนด์คือการมาดูแสงเหนือ เที่ยวธารน้ำแข็ง และชมสัตว์ในธรรมชาติ

หากคุณต้องการเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง คุณสามารถเลือกใช้บริการแพ็กเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง ซึ่งคุณจะได้เดินทางท่องเที่ยวไปรอบๆ ไอซ์แลนด์อย่างสนุกสนานด้วยตัวเอง โดยที่คุณไม่ต้องกังวลกับการจองที่พักและโปรแกรมทัวร์ เพราะทุกอย่างจะถูกจองไว้ล่วงหน้าให้คุณแล้ว ที่คุณต้องทำมีเพียงขับรถไปยังสถานที่ต่างๆ และดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงาม

คุณสามารถขับรถเที่ยวส่งท้ายฤดูหนาวด้วยทัวร์ขับรถเที่ยวเองในหน้าหนาว 7 วัน ในแพ็คเกจนี้คุณจะได้ไปชมสถานที่สวยงามแปลกตาอย่างทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Myvatn) น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss) และน้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) และเมืองอาคูเรย์ริ (Akureyri) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากวงกลมอาร์กติกเพียง 100 กิโลเมตร

หากคุณต้องการเที่ยวให้มากกว่านี้ คุณสามารถเพิ่มทัวร์พิเศษเข้าไปในโปรแกรมได้อีก เช่น การไปขี่สโนว์โมบิลแข่งกันบนผืนน้ำแข็งที่ธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjokull) หรือไปดำน้ำสน็อกเกิ้ลที่รอยแยกซิลฟรา (Silfra) ซึ่งมีน้ำใสแจ๋วราวกับคริสตัล

ในเดือนเมษายนคุณสามารถขับรถเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองและไปชมน้ำตกโกดาฟอสส์

หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือคุณสามารถไปเที่ยวไอซ์แลนด์ตะวันตกด้วยแพ็คเกจขับรถเที่ยวเอง 5 วัน คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในไอซ์แลนด์ซึ่งมีภูมิทัศน์ที่หลากหลาย คุณจะได้เห็นทุ่งลาวา หาดทรายสีดำยาวเหยียด หมู่บ้านเล็กๆ และภูเขาขนาดมหึมา

และในบริเวณคาบสมุทรแห่งนี้มีธารน้ำแข็งสไนเฟลล์โจกุล (Snæfellsjokull) ซึ่งเป็นธารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านให้เห็นเด่นชัด ผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมผจญภัยสามารถเลือกเพิ่มทัวร์เที่ยวอุโมงค์น้ำแข็งในธารน้ำแข็งลางโจกุล หรือทัวร์ที่พาลงไปชมถ้ำลาวาวาทน์เชลลิร์อันน่าทึ่งเข้าไปในโปรแกรมได้

หากคุณตั้งใจมาเที่ยวไอซ์แลนด์แค่ช่วงสั้นๆ แต่อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทุกรูปแบบในไอซ์แลนด์โดยไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องการขับรถ คุณสามารถเลือกเป็นแพ็คเกจหน้าร้อน 4 วันนี้แทนก็ได้

โดยแพ็คเกจนี้จะพาคุณไปที่บลูลากูน วงกลมทองคำ และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งบนชายฝั่งทางตอนใต้ รวมทั้งทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนด้วย และคุณยังสามารถเลือกเพิ่มกิจกรรมพิเศษเข้าไปในโปรแกรมได้ เช่น ไปปีนสำรวจธารน้ำแข็ง หรือขี่ม้าเที่ยวชมชนบทของไอซ์แลนด์

คุณมีแพลนจะมาเที่ยวไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนหรือไม่? ทัวร์ไหนที่ฟังดูน่าสนใจที่สุดสำหรับคุณ? บอกให้เราทราบในคอมเมนต์ด้านล่างว่าอะไรที่คุณคิดว่ามีประโยชน์และมีอะไรอย่างอื่นที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับไอซ์แลนด์ในเดือนเมษายนอีกบ้าง

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความอื่นที่น่าสนใจ

Link to appstore phone
ติดตั้งแอปท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์

ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว

สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด