คู่มือเที่ยวบลูลากูนแบบครบครัน

คู่มือเที่ยวบลูลากูนแบบครบครัน

ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง
ไปที่เรื่อง

บลูลากูนคืออะไร บลูลากูนตั้งอยู่ที่ไหน อะไรทำให้สปาหรูแห่งนี้พิเศษกว่าที่อื่นและบลูลากูนเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติหรือว่ามีใครสร้างขึ้น คุณควรใช้เวลาที่บลูลากูนนานเท่าไหร่และน้ำในบลูลากูนร้อนขนาดไหน เรามีทุกคำตอบเกี่ยวกับบลูลากูนสปาของไอซ์แลนด์ให้คุณที่นี่



บลูลากูนคืออะไร

  • บลูลากูนเป็นสปาแห่งหนึ่งในประเทศไอซ์แลนด์ที่เปิดให้เข้าได้ตลอดทั้งปี
  • สำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 14 ปีขึ้นไป) มีค่าธรรมเนียมในการเข้าใช้บริการ 6,990 โครนาไอซ์แลนด์
  • มีแพ็กเกจให้เลือกได้หลายระดับทั้งแบบคอมฟอร์ต พรีเมียม และรีทรีตสปา
  • ผู้เข้าใช้บริการต้องมีอายุตั้งแต่ 2 ปี เด็กอายุ 2-13 ปีไม่เสียค่าบริการ
  • ต้องทำการจองล่วงหน้าเป็นเวลาหลายวันหรือแม้กระทั่งหลายสัปดาห์
  • เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใช้บริการคือช่วงดึกๆ เพื่อที่จะได้ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนในช่วงฤดูร้อน และชมแสงเหนือในช่วงฤดูหนาว
  • อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของน้ำอยู่ที่ 39°C หรือ 102°F ตลอดทั้งปี
  • บลูลากูนไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถูกสร้างขึ้นในปี 1976
  • น้ำทะเลอุ่นๆ ที่นี่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น ซิลิกา ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิว
  • บลูลากูนมีบริการรักษาโรคสะเก็ดเงิน
  • บลูลากูนมีระบบเปลี่ยนน้ำในสระเองทุก 48 ชั่วโมง

บลูลากูนคืออะไร?

บลูลากูนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในไอซ์แลนด์และก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม! บลูลากูนมีน้ำในสระที่มีสีฟ้าขุ่นราวกับน้ำนมซึ่งตัดกันกับสีดำของทุ่งหินลาวาที่อยู่บริเวณโดยรอบและสีเขียวเข้มของหญ้ามอสที่ปกคลุมหินลาวาอยู่

บลูลากูนเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการลงไปแช่ โดยเฉลี่ยแล้วน้ำที่นี่จะมีอุณหภูมิ 39°C หรือ 102°F บลูลากูนตั้งอยู่บนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes Peninsula) ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ซึ่งใช้เวลาขับรถเพียง 15 นาทีจากสนามบินนานาชาติเคฟลาวิก หรือประมาณ 30 นาทีจากเรคยาวิก (Reykjavík) เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ ทำให้ที่นี่เหมาะกับการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกหลังจากเดินทางมาถึงไอซ์แลนด์และเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่คุณจะเดินทางออกจากประเทศไอซ์แลนด์

การมีทำเลที่สะดวกสบายง่ายต่อการเดินทางและมีน้ำที่มีสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณทำให้บลูลากูนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์อย่างรวดเร็ว จะมีคู่แข่งก็แค่ทัวร์เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ บนเส้นทางวงกลมทองคำเท่านั้น



มอนน์สีเขียวที่สะท้อนบนบลูลากูนในช่วงซัมเมอร์

แถมบลูลากูนยังได้สื่อระดับโลกช่วยโปรโมทให้ด้วย อย่างเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกก็ยกย่องให้บลูลากูนเป็นหนึ่งใน 25 สถานที่มหัศจรรย์ของโลก นิตยสารคอนเด นาสท์ ทราเวลเลอร์ก็มอบรางวัลให้กับบลูลากูนในฐานะที่เป็นหนึ่งใน 10 สปายอดนิยมของโลก ดังนั้นตอนนี้บลูลากูนจึงโด่งดังในระดับสากลและอยู่ในอันดับต้นๆ ของรายการสถานที่ที่ต้องไปเยือนของผู้คนมากมายจากทั่วโลก

บลูลากูนนั้นดังถึงขนาดที่คุณต้องจองล่วงหน้าเป็นเวลาหลายวันหรือกระทั่งหลายสัปดาห์

บียอร์ก และลูกชายของเธอที่บลูลากูน รูปจาก  Jürgen Tellerภาพจาก  Juergen Teller

ไม่แน่ว่าถ้าคุณมาที่บลูลากูนคุณอาจมีโอกาสได้กระทบไหล่เซเลบระดับโลกด้วย อย่างปีเยิร์ก (Björk) บียอนเซ่ (Beyoncé) เจย์-ซี (Jay-Z) คิม คาร์เดเชียน (Kim Kardashian) และคานเย เวสต์ (Kanye West) ต่างก็ล้วนเคยมาปรากฎตัวในบลูลากูนและสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ กันมาแล้ว

ว่าแต่ทะเลสาบแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ทำไมน้ำในนั้นจึงเป็นสีฟ้าและอะไรทำให้มันพิเศษ ค้นหาทุกคำตอบที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับบลูลากูนได้จากบทความนี้

ประวัติความเป็นมาของบลูลากูน

บลูลากูน และแหล่งผลิตพลังงาน สวาร์์ทเสนกิ

บลูลากูนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือไม่

ประวัติความเป็นมาของบลูลากูนเริ่มตั้งแต่ปี 1976 เมื่อทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นเคียงข้างกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพสวาร์เซนกิ (Svartsengi) หลายคนอาจไม่อยากจะเชื่อว่าบลูลากูนนั้นเป็นทะเลสาบที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น อันที่จริงแล้วที่นี่เป็นแหล่งเก็บกักน้ำส่วนที่เหลือจากโรงไฟฟ้าที่มีการขุดเจาะเพื่อนำไอน้ำและน้ำร้อนมาใช้

มีบางคนสงสัยว่าทะเลสาบแห่งนี้เป็นภัยพิบัติต่อสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า แต่บลูลากูนนั้นเป็นเหตุบังเอิญทางธรรมชาติที่นับว่าเป็นเรื่องโชคดีมากกว่า เพราะน้ำในทะเลสาบแห่งนี้สะอาดมากและไม่มีสารเคมีเจือปน ในน้ำมีเพียงแร่ธรรมชาติที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์อย่างสูงต่อผิวของมนุษย์

เนื่องจากมีน้ำไหลเข้าสู่บลูลากูนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นในทุกๆ 48 ชั่วโมง น้ำทั้งหมดในทะเลสาบแห่งนี้จึงเป็นน้ำที่เวียนเข้ามาใหม่ คุณจึงมั่นใจในเรื่องความสะอาดได้

บลูลากูนเกิดขึ้นได้อย่างไร

บลูลากูนในปี 1898 ไม่นานหลังจากที่สถานที่เปิดครั้งแรกเครดิตภาพ: Einar Falur Ingólfsson

โรงพลังงานความร้อนใต้พิภพสวาร์เซนกิ (Svartsengi) ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1971 แต่เริ่มปฏิบัติงานจริงในปี 1976 ทั้งนี้ประเทศไอซ์แลนด์มีการนำพลังงานความร้อนใต้พิภพขึ้นมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่อดีตกาลแล้วโดยนำมาใช้กับระบบทำความร้อนภายในอาคารและใช้ในการประกอบอาหาร เช่น การอบขนมปังไปด้วยการฝังไว้ใต้ดิน

ส่วนการทำความร้อนในอาคารนั้น บ้านเรือนในไอซ์แลนด์มีเครื่องกระจายความร้อนที่ทำงานด้วยน้ำร้อนเดือดที่ส่งตรงมาจากใต้ดิน โรงพลังงานความร้อนใต้พิภพสวาร์เซนกิเจาะน้ำร้อนเพื่อการนี้โดยเฉพาะและน้ำที่ได้มานั้นมีอุณหภูมิประมาณ 200°C หรือ 392°F แต่น้ำเหล่านี้เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่ละลายผสมอยู่กับน้ำทะเลจึงไม่เหมาะแก่การส่งไปใช้ทำความร้อนตามบ้าน (แร่ธาตุสามารถทำให้ท่อเสียหายได้) ดังนั้นมันจึงถูกนำมาใช้ให้ความร้อนกับน้ำจืดที่สูบขึ้นมาจากบริเวณใกล้เคียงแทน

หลังจากใช้ประโยชน์จากน้ำพวกนี้เสร็จสิ้นแล้วพวกมันจะถูกปล่อยทิ้งลงในทุ่งลาวาที่อยู่รอบโรงพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทุ่งนี้เรียกว่าอิทลาเฮิน (Illahraun) หรือลาวาปีศาจ ซึ่งตามทฤษฎีเกี่ยวกับภูเขาไฟแล้วถือว่ายังเป็นลาวาที่มีอายุน้อยโดยลาวาเหล่านี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อปี 1226

เนื่องจากลาวายังมีอายุไม่มากจึงทำให้มีรอยแตกและรูมากมาย ในตอนแรกน้ำก็ไหลซึมลงดินด้วยดี แต่เมื่อน้ำที่เต็มไปด้วยซิลิกาเหล่านี้เย็นลง ซิลิกาก็จะแยกตัวออกมากลายเป็นโคลนพอกสะสมเป็นชั้นหนาๆ อยู่ที่ลาวา ทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านลาวาไปได้อีกต่อไปก็เลยเกิดเป็นทะเลสาบขึ้น

ทำไมคนเริ่มไปแช่น้ำในบลูลากูน

บลูกลากูนเก่า และ สถานที่ผลิตน้ำร้อนสวาร์์ทเสนกิเครดิตภาพ: Qishimai

เมื่อปี 1981 ชายหนุ่มชื่อว่าวาลูร์ มาร์เกร์สซอน (Valur Margeirsson) เป็นคนแรกที่ตัดสินใจลงไปแช่น้ำในบลูลากูน ซึ่งหลายคนก็ไม่เห็นด้วย  แต่วาลูร์เป็นโรคสะเก็ดเงินและเขายินดีทำทุกอย่างที่จะช่วยบรรเทาอาการบนผิวหนังของเขาได้

ในที่สุดวาลูร์ก็ได้รับอนุญาตจากประธานของโรงพลังงานความร้อนใต้พิภพให้ลงไปแช่น้ำในบลูลากูนได้ และเขาก็ค้นพบว่าน้ำและสาหร่ายที่อยู่ในน้ำได้มอบสิ่งมหัศจรรย์ให้กับผิวของเขา วาลูร์เป็นคนแรกที่เรียกสถานที่แห่งนี้ว่าบลูลากูนหรือเบลาอา โลนิด (Bláa Lónið) ในภาษาไอซ์แลนดิก และชื่อนี้ก็ยังคงใช้เรียกขานกันมาจนถึงทุกวันนี้

หลังจากนั้นอีก 6 ปีซึ่งตรงกับปี 1987 บลูลากูนก็เปิดให้สาธารณชนเข้าไปแช่น้ำเป็นครั้งแรกโดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง ในยุคแรกๆ นั้นมีห้องอาบน้ำแค่ไม่กี่ห้องและหาดทรายสีขาวอีกนิดหน่อยและบลูลากูนก็ตั้งอยู่ติดกับโรงพลังงานความร้อนใต้พิภพเลย แต่สิ่งเหล่านี้กลายเป็นอดีตของบลูลากูนไปแล้วเพราะบลูลากูนมีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดในปี 1999

ชาวไอซ์แลนด์นั้นรักการแช่น้ำมากจึงมีสระว่ายน้ำในไอซ์แลนด์มากมายเหลือเกินทั้งในเรคยาวิกเองและที่อื่นๆ ของประเทศ บ่อน้ำร้อนธรรมชาติในไอซ์แลนด์ก็มีจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้นบลูลากูนซึ่งเป็นทะเลสาบแห่งใหม่ในย่านชานเมืองที่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนักจึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับชาวไอซ์แลนด์ภายในระยะเวลาไม่นาน 

เพียงชั่วพริบตาเดียวบลูลากูนก็กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดในไอซ์แลนด์แล้ว ทั้งชาวไอซ์แลนด์เองและนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างก็ชื่นชอบที่นี่เหมือนๆ กัน ตั้งแต่นั้นก็มีน้ำจำนวนมากไหลผ่านใต้สะพานตลอดและบลูลากูนก็มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จนกระทั่งปัจจุบันกลายเป็นสปาระดับเวิลด์คลาสที่ในแต่ละปีมีผู้มาใช้บริการนับแสนคน

วิวบนฟ้าของบลูลากูน

หลังการปรับปรุงในปี 1999 ทะเลสาบถูกกระเถิบออกไปให้ห่างจากโรงพลังงานความร้อนใต้พิภพและมีการสร้างห้องอาบน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทันสมัย รวมทั้งมีคาเฟ่ โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากทะเลสาบ นอกจากนี้ยังมีเพิ่มบริการนวดในขณะที่คุณแช่น้ำ ห้องซาวน่า และสร้างเส้นทางสำหรับเดินเล่นและสะพานเล็กๆ ขึ้นอีกหลายแห่งด้วย

อันที่จริงแล้วบลูลากูนมีการขยายตัวอยู่ตลอดเวลา จากเดิมที่เคยมีพื้นที่ 5,000 ตารางเมตรตอนนี้ขยายเพิ่มเป็น 8,700 ตารางเมตรแล้ว และล่าสุดเมื่อต้นปี 2018 ก็เพิ่งมีการปรับปรุงบลูลากูนอีกครั้งโดยครั้งนี้มีร้านอาหารใหม่ มีโรงแรมใหม่ และมีโซนพิเศษสำหรับ VIP ด้วย

ทำไมน้ำในบลูลากูนจึงดีสำหรับคนเป็นโรคสะเก็ดเงิน

บลูลากูนเป็นสีเขียว รูปภาพจาก Tumblr.

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเพราะอะไรน้ำที่นี่จึงมีประโยชน์ต่อผิว แต่เชื่อกันว่าเป็นเพราะสารละลายแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่เจริญเติบโตอยู่ในน้ำ และแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พบได้เฉพาะที่บลูลากูนเท่านั้น ซึ่งต้นเหตุที่ทำให้น้ำในบลูลากูนมีสีฟ้าขุ่นราวกับน้ำนมก็คือสาหร่ายที่ว่านี้ แต่ในวันที่แดดแรงหน่อยสาหร่ายจะงอกงามเป็นพิเศษและทำให้ทะเลสาบมีสีออกเขียวมากขึ้น

นอกจากซิลิกาแล้วยังมีสารละลายแร่ธาตุอื่นที่อยู่ในน้ำในทะเลสาบอีก ได้แก่ คลอไรด์และเนทรอน (ซึ่งเมื่อรวมกันจะเกิดเกลือทะเล) และแคลเซียม และยังพบซัลเฟอร์ คาร์บอเนต และแมกนีเซียมในปริมาณเล็กน้อยด้วย

ทรีตเมนต์ผิวที่บลูลากูน

มาร์กโคลนของบลูลากูนเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาผิว

ตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา บลูลากูนมีบริการทรีตเมนต์ผิวสำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่วิธีธรรมชาติในการรักษาโรคนี้และลูกค้ายังสามารถกลับไปทำต่อที่บ้านเองได้ด้วย

ในปี 2015 บลูลากูนคลินิกเปิดให้บริการทรีตเมนต์ในทะเลสาบส่วนตัวโดยมีการใช้รังสียูวีและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดพิเศษในการบำบัดด้วย

สถาปัตยกรรมของบลูลากูน 

ทางเดินไปบลูลากูน

สถาปัตยกรรมของบลูลากูนนั้นเรียบง่ายและน่ายกย่อง ที่นี่มีลานจอดรถซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าทะเลสาบออกไปหลายร้อยเมตรซึ่งคุณจะต้องเดินมาตามทางเดินลาวาเพื่อที่จะเข้าไปทะเลสาบที่อยู่ข้างใน ซึ่งข้อดีก็คือมันทำให้คุณมองไม่เห็นทั้งรถยนต์และรถทัวร์เมื่ออยู่ด้านใน รวมทั้งไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์จากรถเหล่านั้นด้วย และทางเดินก็สวยงามถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนพบกับประสบการณ์ที่รออยู่ข้างหน้า

สถาปัตยกรรมของตึกบลูลากูนนั้นเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ

อาคารที่นี่สร้างเป็นอาคารทรงเตี้ยทั้งหมดเพื่อให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ และส่วนใหญ่ใช้วัสดุจากธรรมชาติเช่น ไม้ และลาวาในการก่อสร้าง ลาวาเรสเทอรองท์ ซึ่งเป็นร้านอาหารของที่นี่ก็สร้างขึ้นรอบหน้าผาลาวา  ดังนั้นจึงมีผนังด้านหนึ่งเป็นหินที่แข็งแกร่งและเค้าโครงของห้องก็ถูกออกแบบให้มีความสอดคล้องกับส่วนโค้งตามธรรมชาติของเขาลาวาด้วย

ภายในอาคารจะมีหน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อให้มองเห็นวิวทะเลสาบได้ชัดเจนในทันทีที่คุณเดินผ่านส่วนต้อนรับเข้ามา

อยากไปแช่น้ำที่บลูลากูนต้องทำอย่างไร

 

อย่างแรกที่คุณต้องทำคือทำการจองผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของบลูลากูน ซึ่งคุณต้องจองแต่เนิ่นๆ ด้วยเพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์และมีคนเข้าใช้บริการจนเต็มเกือบทุกวัน

ราคาค่าเข้าบลูลากูนนั้นไม่ตายตัวโดยขึ้นอยู่กับจำนวนที่ว่างและหากคุณจองแบบกระชั้นชิดราคาก็จะแพงกว่า ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้คุณกระตือรืนร้นลุกขึ้นมาทำการจองแน่ๆ ถ้าคุณจองล่วงหน้าเพียงแค่หนึ่งหรือสองวันบางทีคุณอาจต้องผิดหวังเมื่อพบว่าที่เต็มหมดแล้ว หรืออาจมีเหลือว่างอยู่แค่เพียงหนึ่งหรือสองที่เท่านั้นและราคาก็จะแพงมาก

ต่อจากนั้นคุณต้องหาวิธีเดินทางไปบลูลากูน หากคุณจองเข้าใช้บริการหลังจากลงเครื่องบินเลยคุณสามารถจองรถบัสที่ให้บริการระหว่างสนามบิน บลูลากูน และเรคยาวิกได้ หรือในกรณีที่คุณจะไปบลูลากูนก่อนขึ้นเครื่องออกจากไอซ์แลนด์ก็มีรสบัสที่วิ่งจากเรคยาวิกไปบลูลากูน และสนามบินเช่นเดียวกัน

หรือบางทีคุณอาจจะเช่ารถขับระหว่างที่อยู่ในไอซ์แลนด์ ถ้าเช่นนั้นคุณก็ขับรถไปที่บลูลากูนได้เลย ใช้เวลาเพียง 35 นาทีจากใจกลางเมืองเรคยาวิก

อีกวิธีหนึ่งคือซื้อแพ็กเกจทัวร์ที่พาไปบลูลากูน ซึ่งแพ็กเกจส่วนใหญ่จะรวมทริปบลูลากูนไว้กับกิจกรรมอื่นด้วย อย่างเช่น ดูปลาวาฬ ขี่ม้า และการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ บนเส้นทางวงกลมทองคำ แต่สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมคือถึงแม้คุณจะซื้อแพ็กเกจทัวร์เหล่านี้ คุณก็ยังต้องทำการจองเพื่อเข้าใช้บริการบลูลากูนด้วยตัวเองอยู่ดี

นอกจากนี้คุณยังสามารถจองแพ็กเกจสำหรับทริปขับรถเที่ยวด้วยตัวเองตามระยะเวลาที่คุณอยู่ในไอซ์แลนด์ผ่านทาง Guide to Iceland ได้ด้วย หรือไม่อย่างนั้นคุณอาจอยากจองเป็นแพ็กเกจสำหรับฤดูร้อนที่มีไกด์พาเที่ยว หรือแพ็กเกจสำหรับฤดูหนาวที่รวมที่เที่ยว ที่พัก และบลูลากูนไว้ให้เรียบร้อยแล้วก็ได้

สถานที่เก็บกระเป๋าของบลูลากูน และทางเดินเข้า

เมื่อคุณมาถึงลานจอดรถของบลูลากูน คุณจะต้องเดินไปตามเส้นทางเดินลาวาที่มีความยาวหลายร้อยเมตรไปจนถึงทางเข้าบลูลากูน หากคุณมีสัมภาระขนาดใหญ่ที่ต้องการจัดเก็บให้เรียบร้อยในระหว่างที่ใช้บริการบลูลากูนให้ใช้บริการพื้นที่เก็บกระเป๋าที่อยู่บริเวณปากทางเดินลาวาข้างลานจอดรถได้เลย

เส้นทางเดินนี้อำนวยความสะดวกสำหรับเก้าอี้รถเข็นด้วย แต่หากคุณมาในช่วงฤดูหนาวก็อย่าลืมสวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นหน่อยในระหว่างที่เดิน และตอนกลางคืนจะเปิดไฟสวยงามตลอดทางสมกับเป็นทางเดินเข้าไปสู่สถานที่เหนือจริงด้านใน

ทางเข้าบลูลากูน

เมื่อเข้ามาในอาคารต้อนรับคุณอาจจะต้องเข้าคิวยาวหน่อยเพื่อรอรับสายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์จากเจ้าหน้าที่ และถ้าคุณจองแพ็กเกจคอมฟอร์ต พรีเมียม หรือลักซ์ชัวรี่คุณจะได้รับผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอาบน้ำ และรองเท้าแตะด้วย 

พอผ่านส่วนต้อนรับมาแล้วคุณก็ต้องถอดรองเท้าและเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งมีห้องสำหรับหญิงและชายอย่างละหนึ่งห้อง จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออกและเก็บไว้ในล็อกเกอร์โดยใช้สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับ ห้องอาบน้ำก่อนลงสระเป็นห้องอาบน้ำรวมแบบที่ต้องถอดทุกอย่างออกให้หมดเหลือแต่ตัวเปล่าๆ และเมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเสร็จแล้วคุณสามารถสวมชุดว่ายน้ำลงไปในทะเลสาบได้

บางคนอาจไม่คุ้นชินกับการแก้ผ้าอาบน้ำร่วมกับผู้อื่นแต่อันนี้เป็นข้อบังคับสำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะในไอซ์แลนด์ทั้งหมด เนื่องจากน้ำในทะเลสาบไม่มีคลอรีนเลยดังนั้นทุกคนที่ลงไปจำเป็นต้องอาบน้ำให้สะอาดเกลี้ยงเกลาก่อน แต่ในห้องอาบน้ำก็มีส่วนที่มีผ้าม่านและตู้อาบน้ำให้สำหรับคนที่เขินอายจริงๆ แต่เราสัญญาว่าเมื่ออยู่ในนั้นแล้วจะไม่มีใครมองใครอย่างแน่นอน!



ไม่เคยมีคนเยอะในบลูลากูนประเทศไอซ์แลนด์ภาพจาก National Geographic

สำหรับผ้าเช็ดตัวให้วางไว้ด้านในที่ห้องอาบน้ำไม่ต้องนำติดตัวออกไปที่ทะเลสาบด้วย (เนื่องจากอาจมีฝนหรือหิมะตกข้างนอกและจะทำให้ผ้าเปียก) และถ้าลงไปในทะเลสาบแล้วคุณเกิดหิวน้ำคุณก็สามารถใช้สายรัดข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ซื้อเครื่องดื่มที่บาร์กลางน้ำได้

นอกจากนี้ยังมีบาร์โคลนด้วย ที่นี่คุณสามารถนำมาส์กโคลนซิลิกามาใช้พอกหน้าได้เลย อันนี้เป็นบริการฟรีสำหรับลูกค้าของบลูลากูนทุกคน แต่ถ้าคุณอยากใช้มาส์กสาหร่ายก็สามารถใช้สายข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ซื้อได้เช่นกัน สำหรับคนที่จองแบบพรีเมียมจะมีมาส์กสาหร่ายรวมอยู่ในแพ็กเกจให้ด้วย

ดื่มด่ำกับทะเลสาบให้เต็มที่แล้วไปที่น้ำตกข้างซาวน่าให้สายน้ำตกไหลลงกระทบนวดที่บ่าเบาๆ และเข้าไปทำความสะอาดผิวในห้องซาวน่าและห้องไอน้ำที่แตกต่างกันทั้ง 3 ห้อง สำหรับผู้ที่จองบริการนวดในน้ำเอาไว้บริเวณสำหรับนวดจะอยู่ที่ข้างๆ ซาวน่าเช่นกัน

และเมื่อท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทแล้วคุณก็อย่าลืมแหงนหน้ามองหาแสงออโรราด้วยนะ!



วิธีเพลิดเพลินกับบลูลากูนให้คุ้มค่ามากที่สุด

ผ่อนคลายในน้ำอุ่นประเทศไอซ์แลนด์

เวลาทำการของบลูลากูน & ช่วงที่เหมาะแก่การไปบลูลากูนมากที่สุด 

หลายท่านคงสงสัยแล้วว่าช่วงเวลาไหนเหมาะสมที่สุดในการไปบลูลากูน ช่วงฤดูไหนและช่วงเวลาไหนของวัน

เวลาทำการของบลูลากูน:

*สำหรับเวลาทำการในช่วงวันหยุดคริสต์มาสกรุณาดูที่ด้านล่าง

บลูกลากูน แบบ วินเทอร์ วันเดอร์แลนด์

ช่วงเวลาที่มีคนจองเข้าใช้บริการบลูลากูนน้อยที่สุดคือช่วงเช้าและช่วงดึก อย่างช่วง 7-8 โมงเช้าจะมีคนค่อนข้างบางตาและคุณอาจจะไม่ต้องทำการจองล่วงหน้านานมาก ส่วนช่วงดึกๆ นั้นแม้จะไม่ค่อยมีคนจองเวลานี้มากนักแต่ก็อาจจะยังมีคนที่มาตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ยังคงแช่น้ำอยู่เต็มสระเนื่องจากไม่มีการจำกัดเวลาในการใช้บริการและคนส่วนใหญ่ก็มักจะแช่กัน 2-3 ชั่วโมง

แม้ในวันที่คุณจอง บลูลากูนจะถูกจองจนเต็มทั้งหมด แต่คุณก็จะยังมีพื้นที่ให้แช่แบบสบายๆ ได้อยู่เพราะว่าที่นี่จำกัดปริมาณผู้เข้าใช้บริการในแต่ละวัน

บลูลากูนในประเทศไอซ์แลนด์ เป็นสถานที่ที่โรแมนติก

วิธีเพลิดเพลินกับบลูลากูนให้คุ้มค่ามากที่สุดคืออย่าจองในช่วงเวลาที่เหลืออีกแค่หนึ่งชั่วโมงก็จะปิดทำการ และแม้ว่าคุณจะได้รับอนุญาตให้ใช้บริการต่อได้อีกครึ่งชั่วโมงหลังเวลาปิด แต่คุณจะต้องรอคิวรับสายรัดข้อมืออยู่นานทีเดียว ไหนจะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำก่อนลงไปในทะเลสาบอีก และหลังจากแช่น้ำจนสบายตัวแล้วคุณอาจจะไม่อยากรีบร้อนแต่งตัวให้เสร็จก่อนที่ทุกอย่างจะปิด

ช่วงเย็นน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการไปบลูลากูนที่สุด เพราะหลังจากที่คุณเมื่อยล้าจากเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ และทำกิจกรรมอย่างขี่ม้า ขี่รถเอทีวี ขี่สโนว์โมบิล หรือดูปลาวาฬกันมาตลอดทั้งวันนั้น รับรองว่าไม่มีอะไรจะผ่อนคลายได้ดีกว่าการแช่อยู่ในสปาสัก 2-3 ชั่วโมงอย่างแน่นอน

ในช่วงกลางฤดูร้อนบลูลากูนเปิดทำการถึงห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน คุณอาจเลือกจองตอนสองทุ่ม หรืออย่างช้าสุดสามทุ่มก็ได้ ซึ่งคุณจะมีเวลาไปเที่ยวในตอนกลางวันและรับประทานอาหารเย็นให้เรียบร้อยก่อนที่จะมาแช่น้ำและเพลิดเพลินไปกับการชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน

แสงเหนือเต้นรำอยู่บนบลูลากูน

ในฤดูหนาวนั้นบลูลากูนปิดทำการตั้งแต่สองทุ่มหรือสี่ทุ่ม และตอนเย็นก็เป็นเวลาที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกันเพราะว่าไม่มีสถานที่ชมแสงเหนือที่ไหนจะสบายไปกว่าในสระน้ำอุ่นหรอก

ดังนั้นคุณควรเช็คเวลาที่พระอาทิตย์จะตกดินให้ดี (ซึ่งแตกต่างกันขึ้นอยู่กับฤดูที่คุณมาเยือนไอซ์แลนด์) และพยายามจองเข้าใช้บริการในช่วงเวลาที่คุณจะได้แช่น้ำสัก 2-4 ชั่วโมง

 

คนนิยมมาเที่ยวไอซ์แลนด์ในช่วงวันหยุดคริสต์มาสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าในช่วงนั้นไอซ์แลนด์จะกลายเป็นดินแดนมหัศจรรย์แห่งฤดูหนาว เชื่อเถอะว่าการให้ของขวัญคริสต์มาสแก่เพื่อนร่วมทริปด้วยการพามาที่บลูลากูนนั้นจะเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่โดนใจทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่เอาใจยาก

ดังนั้นอย่าลืมวางแผนให้ดีและทำการจองล่วงหน้าไว้ก่อนเลย ช่วงเวลาระหว่างวันหยุดต่อไปนี้ได้รับความนิยมมากที่สุดและเวลาทำการในช่วงนี้ก็ค่อนข้างจำกัดมากกว่าในวันปกติด้วย



บริการสปาที่บลูลากูน

บลูลากูนประเทศไอซ์แลนด์ เป็นสถานที่ที่ดีแก่การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

บลูลากูนมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสปาให้บริการหลากหลายรูปแบบทั้งมาส์กโคลนซิลิกา ซาวน่าและห้องอบไอน้ำ น้ำตกเทียม ถ้ำสำหรับพักผ่อน บาร์กลางน้ำ บริการนวดตัวในน้ำและพื้นที่พักผ่อนภายในอาคารพร้อมกับวิวทะเลสาบ

ห้องผ่อนคลายภายในบลูลากูน

สำหรับมาส์กโคลนซิลิกาคุณสามารถไปหยิบใช้บริการได้ที่บาร์โคลนที่อยู่ด้านในของทะเลสาบ พอกหน้าของคุณด้วยมาส์กซิลิกาสีขาว (ระวังอย่าให้สัมผัสบริเวณรอบดวงตา) ทิ้งไว้สองสามนาทีให้โคลนแห้งแล้วค่อยล้างออก หลังจากนั้นผิวหน้าของคุณจะเรียบสวยอย่างไม่น่าเชื่อ

น้ำตกในบลูลากูนเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เหมาะแก่การนวดกล้ามเนื้อ

นอกจากนี้ยังมีซาวน่าไม้แบบดั้งเดิมของชาวฟินแลนด์และห้องอบไอน้ำที่มีหน้าต่างมองออกไปเห็นทะเลสาบด้วย เผื่อว่าคุณจะรู้สึกว่าแค่แช่น้ำร้อนอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ! และที่บริเวณข้างๆ กันก็มีน้ำตกเทียม ถ้าคุณรู้สึกเมื่อยก็ไปยืนให้สายน้ำร้อนๆ ตกกระทบไหล่นวดให้กล้ามเนื้อของคุณรู้สึกผ่อนคลายเสียหน่อย

ถ้ำที่น่าถ่ายรูปในบลูลากูนประเทศไอซ์แลนด์

คุณอาจเข้าไปในถ้ำเพื่อฟังเสียงออดิโอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบลูลากูนซึ่งมีบริการอยู่หลายภาษา แถมจุดนี้ยังเป็นจุดที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยมากด้วย

ปัจจุบันนี้ภายในบลูลากูนมีโรงแรมและร้านอาหารอย่างละสองแห่ง รวมทั้งมีคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและผิวพรรณจำหน่ายด้วย โดยโรงแรมและร้านอาหารใหม่อย่างละหนึ่งแห่ง รวมทั้งเดอะรีทรีตที่ได้ชื่อว่าเป็นสปาที่อยู่ในสปาอีกทีก็เพิ่งเปิดให้บริการในปี 2018 นี้เอง

บลูลากูนบาร์

บาร์ที่บลูลากูน

ที่บาร์ในทะเลสาบคุณสามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มทั่วไปได้ด้วยสายรัดข้อมือพลาสติกที่คุณได้รับเมื่อตอนเข้ามาในบลูลากูน จากนั้นค่อยไปชำระเงินก่อนที่คุณจะกลับออกไปจากบลูลากูน

เมนูเครื่องดื่มเติมความสดชื่นมีทั้งสมูธตี้และน้ำผลไม้ปั่น ไวน์แดง สปาร์คกลิ้งไวน์ เบียร์ ไซเดอร์และน้ำอัดลม สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นที่นี่ให้ซื้อได้จำกัดแค่ 3 แก้วต่อท่านเท่านั้น

บริการนวดในน้ำ

นวดตัวขณะที่ลอยตัวอยู่บนบลูลากูน

คุณสามารถทำการจองเพื่อเข้ารับบริการนวดในน้ำได้ตั้งแต่ 30 นาทีจนถึง 2 ชั่วโมง หรือจองเพื่อเข้าใช้เอ็กซ์คลูซีฟเลาน์จซึ่งสามารถเข้าใช้บริการได้สูงสุดถึง 12 ท่าน บริการนวดนี้ก็ต้องทำการจองล่วงหน้าเช่นเดียวกันเพราะว่าขายดีมากมีคนจองเต็มเกือบจะตลอดเวลา

โดยการนวดที่นี่จะเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายและคุณสามารถเลือกจองแบบ 30 นาทีได้ในราคา 10,200 โครนา หรือแบบ 60 นาทีในราคา 16,300 โครนา ทั้งนี้ราคาค่านวดไม่ได้รวมอยู่ในค่าเข้าใช้บริการบลูลากูน คุณต้องจองแยกต่างหาก และการนวดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป

นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มทรีตเมนต์พิเศษเข้าไปในระหว่างนวดได้ด้วยโดยมีราคา 12,900 โครนา ต่อ 30 นาที และมีให้เลือกระหว่างสครับตัวแบบฟูลบอดี้ด้วยเกลือซิลิกา แร็พซิลิกาพันที่เท้าและขา และสครับตัวท่อนบน

หรือคุณจะเลือกรับบริการซิกเนเจอร์ทรีตเมนต์ 2 ชั่วโมงแทนก็ได้โดยมีราคา 31,200 โครนา ซึ่งจะรวมทรีตเมนต์ทั้งสครับเกลือ แร็พซิลิกาหรือแร็พสาหร่าย และนวดผ่อนคลายในน้ำ คุณจะได้รับการขัดผิวด้วยแร่ธาตุและเกลือในขณะที่คุณนอนแช่น้ำอุ่นๆ อยู่ในทะเลสาบ

หลังจากขัดผิวให้มีชีวิตชีวาเป็นที่เรียบร้อย คุณสามารถเลือกได้ว่าจะพันแร็พซิลิการหรือแร็พสาหร่ายซึ่งจะทำไปพร้อมๆ กับการนวดหน้าและศีรษะเบาๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นจะเป็นการนวดตัวแบบฟูลบอดี้เป็นเวลา 50 นาที รับรองว่าไม่มีอะไรจะฟินได้เท่านี้อีกแล้วล่ะ!

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากบลูลากูน

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของบลูลากูน

บลูลากูนมีชื่อเสียงเกี่ยวกับสรรพคุณในการบำรุงผิวพรรณและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของที่นี่ก็มีส่วนสำคัญมาก ลูกค้าสามารถใช้มาส์กโคลนซิลิกาที่มีบริการอยู่ในทะเลสาบได้ ส่วนมาส์กสาหร่ายก็สามารถซื้อเพิ่มได้หากต้องการ นอกจากนี้บลูลากูนยังมีครีมนวดบำรุงผมเตรียมไว้ให้กับลูกค้าในห้องอาบน้ำด้วย

ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้งหมดนี้สามารถซื้อกลับไปใช้ที่บ้านหรือนำไปเป็นของฝากให้กับผู้อื่นได้ด้วย โดยมาส์กโคลนซิลิกาและมาส์กสาหร่ายเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด ตามมาด้วยเจลอาบน้ำและโฟมมิ่งเคล็นเซอร์ และนอกจากสิ่งเหล่านี้แล้วยังมีผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอื่นๆ จำหน่ายอีกมากมาย

โดยมีทั้งเกลืออาบน้ำ บอดี้โลชั่น บาล์มสำหรับเท้า สครับเท้า ครีมทามือ ชุดโฮมทรีตเมนต์ สครับลาวา มิเนรัลเฟซเอ็กซ์โฟลิเอเตอร์สำหรับผิวหน้า ครีมบำรุงผิวสำหรับกลางวันและกลางคืน มอยส์เจอร์ไรเซอร์ครีม อายครีม ลิปบาล์ม แชมพู บาธออยล์ บอดี้ออยล์ ไม่ว่าคุณอยากได้อะไรที่บลูลากูนก็มีขาย!

ผลิตภัณฑ์ 5 ตัวแรกของบลูลากูนเปิดตัวออกจำหน่ายในปี 1993 ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีแล้วพวกเขาตั้งใจเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้บำรุงเป็นหลัก แต่ในทศวรรษต่อๆ มานั้นไลน์ของสินค้าก็ขยายออกไปเรื่อยๆ โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว กระตุ้นผิว รักษาผิวและบำรุงผิวอย่างล้ำลึกด้วย สาหร่ายของที่นี่จะช่วยในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย ส่วนซิลิกาจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและแร่ธาตุจะช่วยฟื้นฟูผิวให้มีชีวิตชีวา

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ก่อให้เกิดของเสียในระหว่างที่มีกระบวนการผลิต

ลาวาเรสเทอรองท์ที่บลูลากูน 

ร้านอาหารลาวา ที่บลูลากูนประเทศไอซ์แลนด์

บลูลากูนมีร้านอาหารหรูหราอลังการพร้อมวิวทะเลสาบสวยงาม เหมาะสำหรับมื้ออาหารสุดพิเศษแสนโรแมนติกก่อนหรือหลังจากการผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการแช่น้ำในทะเลสาบ หรือคุณจะมาทานมื้อกลางวันสบายๆ หรือทานมื้อเย็นแบบพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัวก็ได้

แม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าลำลองอะไรเข้ามาทานก็ได้ แต่ลาวาเรสเทอรองท์นั้นเป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างจะหรูหราตามสไตล์สปารีสอร์ตและมีราคาตามมาตรฐานที่สูงเช่นเดียวกัน โดยราคาค่าอาหารจะไม่หนีห่างจากราคาค่าเข้าบลูลากูนมากนัก แต่อาหารของที่นี่ก็รสชาติอร่อยถูกปากสมกับราคาที่จ่าย

บรรยากาศรอบๆ ร้านอาหารลาวาแห่งนี้ก็สวยงามโดยตกแต่งในธีมหินลาวาธรรมชาติ ซึ่งที่นี่ก็สร้างขึ้นบนผาหินลาวาจริงๆ เลย และมีหน้าต่างสูงจรดเพดานที่มองออกไปเห็นทะเลสาบสีฟ้าอันกว้างใหญได้อย่างชัดเจน

ร้านอาหารลาวา ที่บลูลากูนประเทศไอซ์แลนด์

สำหรับเมนูอาหารส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบดั้งเดิมตามแบบฉบับของชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งเน้นใช้ของที่มีความเป็นธรรมชาติ สำหรับมื้อเย็นทุกเมนูจะมีราคาเหมือนกันหมด โดยสตาร์ทเตอร์จะมีราคา 2,900 โครนา อาหารจานหลักราคา 5,900 โครนา และของหวานราคา 2,400 โครนา แนะนำให้สั่งเป็นแบบคอร์สเทสติ้งเมนู 4 อย่างสำหรับทั้งโต๊ะในราคา 10,300 โครนา เมนูอาหารสำหรับคุณหนูๆ และอาหารมังสวิรัติทางร้านก็มีให้บริการ

และแน่นอนว่าร้านระดับนี้ต้องมีเมนูไวน์ให้เลือกทานพร้อมกับอาหารอยู่แล้วหรือคุณจะสั่งแบบเป็นแก้วเอาก็ได้

สำหรับอาหารกลางวันจะมีราคาถูกกว่าเล็กน้อย โดยสตาร์ทเตอร์ราคาอยู่ที่ 2,700 โครนา อาหารจานหลักจะมีราคาตั้งแต่ 4,500-4,900 โครนา และของหวานราคา 1,900 โครนา สำหรับมื้อกลางวันแบบคอร์ส 2 อย่างราคา 6,600 โครนาและแบบคอร์ส 3 อย่างราคา 7,600 โครนา

เมนูของทางร้านนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอแต่จานที่ขายดีก็จะมีอยู่เหมือนเดิมตลอด อาหารส่วนใหญ่จะใช้วัตถุดิบคลาสสิกของไอซ์แลนดิกอย่างเช่น แกะ ปลาชาร์อาร์กติก ผักหัว กุ้งแลงกูสทิน ปลาคอด และเนื้อวัว รวมทั้งสมุนไพรไอซ์แลนดิก เบอร์รี่ และแน่นอนว่าต้องมีไอซ์แลนดิกสกิร์โยเกิร์ต (Skyr) ด้วย



ซิลิกาโฮเทลบลูลากูน

ห้องพัก ที่โรงแรม  Silica Hotel

เดินจากทะเลสาบไปยังซิลิกาโฮเทลใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น และหากคุณอยากได้ทะเลสาบแบบส่วนตัวก็ให้จองเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้เพราะว่าทางโรงแรมมีพื้นที่ทะเลสาบเป็นของตัวเองซึ่งจะอนุญาตให้ใช้เฉพาะแขกที่มาพักในโรงแรมเท่านั้น ซิลิกาโฮเทลจะเปิดให้เข้าออกได้ระหว่างเวลา 9.00 น.-22.00 น. 

นอกจากนี้ซิลิกาโฮเทลยังเป็นสถานที่พักผ่อนสุดโรแมนติกด้วยเพราะว่าเป็นโรงแรมสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น โดยผู้เข้าพักต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป (เริ่มตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2018) และแขกที่เคยมาพักล้วนแต่ชื่นชมที่นี่กันทั้งนั้น



ซลิกาลากูน ลากูนส่วนตัวของโรงแรม ซลิกา

โดยค่าห้องพักจะรวมอาหารเช้า อินเทอร์เน็ต Wi-Fi และสิทธิ์ในการใช้ซิลิกาลากูน ห้องออกกำลังกาย และสิทธิ์ในการเข้าใช้บลูลากูนแบบพรีเมียมตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก

ตรวจสอบจำนวนห้องว่างและจองโรงแรมได้ที่นี่

เดอะรีทรีตโฮเทลบลูลากูน 

The Retreat's stylish design marries the contrasting nature it inhabits.

ในปี 2018 บลูลากูนได้เปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ซึ่งที่นี่ก็มีบริการสปาของตัวเองด้วย โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมหรูหราระดับห้าดาวที่มีห้องไพรเวทสวีทจำนวน 62 ห้อง โดยมีห้องขนาด 40 ตารางเมตร (431 ตารางฟุต) และ 60 ตารางเมตร (646 ตารางฟุต)

นอกจากผู้มาพักจะมีสิทธิ์เข้าใช้บลูลากูนแล้ว แพ็กเกจห้องพักทุกห้องนั้นรวมสิทธิ์ในการใช้บริการเอ็กซ์คลูซีฟรีทรีตสปา ไพรเวทรีทรีตลากูน และบลูลากูนริชวลซึ่งเป็นบริการทรีตเมนต์ในแบบฉบับของบลูลากูนไว้ให้เสร็จสรรพ

คุณไม่สามารถหา สมาธิที่ดีได้กว่าที่นี่แล้ว

ลูกค้าจะได้รับการดูแลต้อนรับแบบส่วนตัวจากเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมและมีบริการกิจกรรมอย่างโยคะและการเดินขึ้นเขาเป็นกลุ่มด้วย ค่าห้องพักของที่นี่รวมอาหารเช้าแบบอลาคาร์ท และกาแฟไอซ์แลนดิกและขนมอบในช่วงบ่ายที่เลาน์จของทางโรงแรม 

แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ อินเทอร์เน็ต Wi-Fi บริการรูมเซอร์วิส 24 ชั่วโมง สิทธิ์ในการเข้าใช้บลูลากูนแบบไม่จำกัด รวมทั้งบริการเทิร์นดาวน์หรือเตรียมเตียงในช่วงค่ำ บริการช่วยเหลือให้บริการต่างๆ และบริการนำรถไปจอด ห้องสวีทเหล่านี้ทำไว้สำหรับรองรับลูกค้าเอ็กซ์คลูซีฟและก็มีราคาแพงมาก โดยมีราคาคืนละตั้งแต่ 144,000 - 230,000 โครนา สำหรับห้องสวีทที่มีขนาดใหญ่อย่างลากูนสวีทและมอสส์สวีทนั้นจะมีไพรเวทลากูนให้ด้วยแต่ต้องจองเพื่อเข้าพักอย่างน้อย 2 คืนขึ้นไป

เดอะรีทรีตสปาบลูลากูน 

ที่ Retreat คุณสามารถเข้าสฟาและ ลากูนกี่ครั้งก็ได้

พื้นที่ทั้งหมดของรีทรีตสปานั้นซ่อนอยู่ใต้ดินและมีความเป็นส่วนตัวมาก แพ็กเกจแบบ 4 ชั่วโมงของที่นี่จะรวมสิทธิ์ในการเข้าใช้บริการที่รีทรีตสปา รีทรีตลากูน บลูลากูน บลูลากูนริชวลทรีตเมนต์ รวมทั้งเครื่องประทินผิวต่างๆ และห้องแต่งตัวแบบไพรเวท

นอกจากนี้ในรีทรีตสปายังมีถ้ำไอน้ำ ระเบียง น้ำพุธรรมชาติลาวาสปริง และเลาน์จสำหรับผ่อนคลายโดยห้องหนึ่งมีเตาผิงและอีกห้องหนึ่งมีเก้าอี้แขวนไว้ให้นั่งชมวิวทุ่งลาวาด้านนอก

รีทรีตลากูนเป็นทะเลสาบส่วนตัวที่อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะลูกค้าของทางโรงแรมเท่านั้น สำหรับบลูลากูนริชวลเป็นการทำทรีตเมนต์ในแบบฉบับของบลูลากูนด้วยการใช้ซิลิกา สาหร่ายและแร่ธาตุต่างๆ โดยให้บริการในห้องกว้างขวางบรรยากาศสงบเงียบและผ่อนคลาย และถ้าคุณรู้สึกหิวขึ้นมาทางสปาก็มีร้านอาหารให้บริการ ซึ่งมีทั้งอาหารเช้าและออลเดย์เมนู

ลูกค้าสามารถเรียกใช้บริการบัตเลอร์หรือผู้ช่วยส่วนตัว พนักงานนวด เชฟ และครูสอนโยคะได้เมื่อต้องการ แต่แพ็กเกจ 4 ชั่วโมงนี้มีราคาแพงไม่ใช่เล่นเหมือนกัน โดยตกประมาณ  59,000 โครนา ต่อหนึ่งท่าน

มอสส์เรสเทอรองท์ที่บลูลากูนรีทรีต  

รูปจากร้านอาหารมอสส์

มอสส์เรสเทอรองท์เป็นร้านอาหารแห่งใหม่ในบลูลากูน โดยมีเมนูที่เปลี่ยนไปเรื่อยตามฤดูกาลและใช้วัตถุดิบสดใหม่จากในไอซ์แลนด์เป็นหลัก และร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้นบนของบลูลากูนรีทรีตเลย โดยออกแบบให้มีผนังเป็นกระจกแบบเต็มบานจึงทำให้ลูกค้าดื่มด่ำกับวิวลาวาที่อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจนไม่มีอะไรมาบดบัง

เมนูอาหารก็ล้วนรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่คัดสรรมาจากเกษตรกรทั่วไอซ์แลนด์และคิดค้นสูตรโดยทีมเชฟกิตติมศักดิ์ที่ทุ่มเทใส่ใจทำความรู้จักกับผู้ผลิตและมีความคุ้นเคยกับผลิตผลที่นำมาใช้ประกอบอาหารอย่างแท้จริง อาหารทุกจานจึงเกิดขึ้นจากการวางแผนอย่างพิถีพิถันและมีความตั้งใจที่จะนำเสนอความเป็นธรรมชาติและกิจกรรมของภูเขาไฟในไอซ์แลนด์เอาไว้ในจานอย่างมีเอกลักษณ์

มอสส์เรสเทอรองท์เปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นโดยรับลูกค้าตั้งแต่เวลา 18.30-21.30 น. หากจะไปทานที่นี่แนะนำว่าให้จองล่วงหน้าไปก่อน

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจ

บลูลากูนเป็นเหมือนโอเอศิสท่างกลาง ลาวา ที่คาบมหาสมุทรเรคยาเนส

บลูลากูนตั้งอยู่บนคาบสมุทรเรคยาเนส (Reykjanes Peninsula) นอกจากทะเลสาบแล้วนักท่องเที่ยวที่มาเยือนบริเวณนี้ก็ไม่ค่อยได้ไปที่อื่นอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเพราะว่าบนคาบสมุทรแห่งนี้มีสถานที่สวยๆ ให้เที่ยวชมมากมายและนักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะด้วย

โดยสถานที่เที่ยวน่าสนใจมีทั้งปล่องภูเขาไฟซึ่งมีอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน อย่างที่แหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพน้ำพุร้อนครีซูวิค (Krýsuvík) และกุนนูห์แวร์ (Gunnuhver) ซึ่งมีสีสันสวยงาม หรือทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์ (Kleifarvatn) ที่ล้อมรอบด้วยหินลาวาสีดำ สะพานที่เชื่อมระหว่างสองทวีปเข้าด้วยกัน สระน้ำธรรมชาติบริมเกตติล (Brimketill) ที่อยู่บนหาดทรายดำอันงดงาม และเมืองเคฟลาวิก (Keflavík)

น้ำร้อนเสลล์ทูน ที่คริิสุวิก บนคาบมหาสมุทรเรคยาเนสส์ภาพจาก Visit Reykjavík

บนคาบสมุทรเรคยาเนสเองก็มีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพอยู่หลายแห่ง แต่จุดที่รู้จักกันดีว่ามีกิจกรรมพลังงานความร้อนใต้พิภพอยู่ ได้แก่ ที่เซลตุง (Seltún) ในครีซูวิค (Krýsuvík) ที่บริเวณข้างทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์ (Kleifarvatn) และที่กุนนูห์แวร์ (Gunnuhver) ซึ่งอยู่ใกล้กับบลูลากูนมากกว่า รวมทั้งที่เมืองกรินดาวิค (Grindavík) 

กุนนูห์แวร์ (Gunnuhver) เป็นน้ำพุร้อนที่กินบริเวณกว้างใหญ่อยู่ใกล้กับเมืองกรินดาวิค (Grindavík) แถวนี้จะมีพุแก๊สและบ่อโคลนที่ร้อนเกินกว่าจะไปสัมผัสได้ น้ำร้อนเดือดแถวนี้มีลักษณะคล้ายกับไกเซอร์เล็กๆ แต่ว่ามันจะไม่ได้พุ่งสูงเหมือนกับไกเซอร์สโทรคูร์ (Strokkur) ที่อยู่บนเส้นทางวงกลมทองคำ



ทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์ ที่ประเทศไอซ์แลนด์ภาพจาก Grindavík.net

ทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์ (Kleifarvatn) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรเรคยาเนสและใหญ่เป็นอันดับที่ 26 ในไอซ์แลนด์โดยมีพื้นที่ประมาณ 9 ตร.ม. บริเวณที่ลึกที่สุดมีความลึกประมาณ 90 เมตร ดังนั้นทะเลสาบเคลฟาร์วาทน์จึงถือว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบของไอซ์แลนด์ที่มีน้ำลึกมาก แต่หลังจากที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นหลายครั้งในปี 2000 ทำให้เกิดรอยแยกขึ้นแห่งหนึ่งซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำในทะเลสาบลดลงไปบ้าง บริเวณริมทะเลสาบแห่งนี้ก็มีความน่าสนใจมากเหมือนกันเพราะมีไอน้ำจากน้ำพุร้อนพวยพุ่งอยู่รอบๆ และมีแนวหินลาวาสวยๆ ให้ดู

เรคยาเนสต์เอา (Reykjanestá) มีหินยอดแหลมที่โผล่ยื่นออกมาจากในทะเลและที่นี่ก็เป็นจุดหมายปลายทางโปรดในหมู่ช่างภาพเลยทีเดียว



หน้าผาจากคบมหาสมุทรเรคยาเนสในประเทศไอซ์แลนด์

บริมเคตติลล์ (Brimketill) หรือหม้อที่มีน้ำเชี่ยว เป็นสระน้ำธรรมชาติริมทะเล แต่น้ำที่นี่เป็นน้ำทะเลที่เย็นจัดและไม่สามารถลงไปเล่นได้โดยเฉพาะในฤดูที่น้ำขึ้นหรือมีลมแรงเพราะว่าจะมีคลื่นขนาดใหญ่ถาโถมเข้าใส่สระอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นบริมเกตติลจึงเป็นเพียงสถานที่เอาไว้ให้ชมวิวสวยๆ ของผาหินดำและเกลียวคลื่นที่บ้าคลั่งกระหน่ำซัดใส่อย่างไม่หยุดยั้ง บริเวณใกล้ๆ กันกับบริมเกตติลก็มีจุดชมวิวอยู่และสามารถเข้าไปได้ตลอดเวลา



กีตาร์ที่เป็นของร็อคสตาร์ คุณ Björgvin Halldórsson

ภาพจากไอซ์แลนดิกมิวเซียมออฟร็อกแอนด์โรล จาก Ljósanótt

เคฟลาวิก (Keflavík) หรือเรคยาเนสไบร์ (Reykjanesbær) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรเรคยาเนสแต่ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเมืองหลวงอย่างเรคยาวิก เมืองนี้มีคาเฟ่และร้านค้าน่ารักๆ อยู่หลายแห่งและมีการจัดงานเทศกาลไนต์ออฟไลต์เป็นประจำทุกปีในช่วงปลายฤดูร้อน (สิงหาคมหรือกันยายน) ไอซ์แลนดิกมิวเซียมออฟร็อกแอนด์โรลก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าไปเที่ยวชม

ใกล้กับเมืองนี้จะมีฐานทัพเก่าของสหรัฐอเมริกาอยู่ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นย่านที่พักอาศัยของมหาวิทยาลัยและมีอพาร์ตเมนต์ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วไป แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในบริเวณนี้ป้ายชื่อถนนต่างๆ จะเขียนด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นที่เดียวในไอซ์แลนด์เลยที่คุณจะได้เห็น



ภูเขาเคลิร์ ที่มีรูปร่างเป็นกรวยที่เรคยาเนสส์ ในประเทศไอซ์แลนด์

คุณสามารถไปเดินเล่นที่สะพานซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสองทวีป ปีนภูเขาไฟเคอิลิร์ (Keilir) ซึ่งเป็นภูเขาไฟแบบกรวย หรือไปเที่ยวถ้ำลาวาลีอาเรนดิ (Leiðarendi) ที่อยู่ข้างบลูเมาเทนส์หรือเบลาฟยอล์ล (Bláfjöll) และที่ใกล้ๆ กับเรคยาวิกก็มีเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเฮดเมิร์ก (Heiðmörk) ซึ่งเหมาะแก่การไปปิกนิกกับครอบครัว

คลิกเข้าไปอ่านเรื่อง คาบสมุทรเรคยาเนส | ทัวร์บลูลากูนและภูมิทัศน์ลาวา โปรแกรมเดย์ทัวร์โปรแกรมนี้จะพาคุณไปเที่ยวบริเวณรอบๆ บลูลากูนทั้งหมด

ประสบการณ์ที่คล้ายกันในไอซ์แลนด์

แม้ว่าบลูลากูนจะเป็นสระน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์ แต่ก็ไม่ได้เป็นสระแห่งเดียวของที่นี่ ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นไอน้ำ เป็นน้ำแข็ง ส่งเสียงฟู่ น้ำจืด น้ำเย็น น้ำร้อน น้ำเดือดปุดๆ หรือเป็นโคลน น้ำร้อนที่ไหลอยู่ใต้พื้นดินในประเทศนี้จะถูกส่งไปตามบ้านเรือนและใช้กับเครื่องกระจายความร้อนเพื่อให้ความอบอุ่นในบ้านด้วย โดยจะกลายเป็นน้ำที่ไหลออกจากก๊อกที่ซิงค์ จากฝักบัวอาบน้ำ และเป็นน้ำที่ถูกนำไปใช้ในสระว่ายน้ำกลางแจ้งและอ่างน้ำร้อนต่างๆ 

นอกจากสระว่ายน้ำที่อยู่ในเรคยาวิกและตามชนบทในไอซ์แลนด์แล้วยังมีสระน้ำร้อนธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นอีกหลายแห่งทั้งแบบที่เป็นสระ เป็นบ่อ และเป็นสปาหรูหรา

อ่างอาบน้ำ มิวาท์นที่ทางเหนือของประเทซไอซ์แลนด์

อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Mývatn Nature Baths) ที่อยู่ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์นั้นมีความใกล้เคียงกับบลูลากูนอยู่บ้างโดยน้ำที่นี่ก็มีสีฟ้าขุ่นเหมือนกัน และยังมีห้องอาบน้ำและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ทันสมัย และมีซาวน่า และร้านอาหาร (คาเฟ่) อยู่ในบริเวณด้วย อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์มีขนาดเล็กกว่าบลูลากูนมากและมีคนนิยมไปน้อยกว่า ที่นี่มีราคาไม่แพงด้วย แต่ก็ไม่ได้มีความหรูหราอลังการเหมือนกับที่บลูลากูน

แต่ร้านอาหารกวิกา (Kvika) ของที่นี่จะออกแนวคาเฟ่มากกว่า ไม่ถือว่าเป็นร้านอาหารเสียทีเดียว เพราะว่ามีขายแต่พวกซุปและสลัดแต่ว่าก็มีราคาที่จับต้องได้มากกว่าลาวาเรสเทอรองท์ และที่นี่ก็ไม่ได้มีกิจกรรมสปามากมายเหมือนกับที่บลูลากูน ไม่มีบริการนวดในน้ำ ไม่มีเลาน์จให้นั่งพัก และไม่มีโรงแรมหรูที่มีลากูนส่วนตัวให้ 



ซีเครทลากูนที่ประเทศไอซ์แลนด์ภาพจาก ทัวร์ไฮแลนด์ด้วยซุปเปอร์จี๊ป | ลางโจกุล & ซีเครทลากูน

ซีเครทลากูนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์โดยอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางวงกลมทองคำมากนัก น้ำที่นี่สวยและอุ่นกำลังดีแต่ก็ไม่ได้เป็นสีฟ้าขุ่นราวกับน้ำนมเหมือนที่บลูลากูนและอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์

ซีเครทลากูนเป็นสระคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้น้ำจากใต้ดินโดยตรง และข้างๆ สระจะมีน้ำพุร้อนเดือดๆ ที่ร้อนพอที่จะต้มไข่ให้สุกได้



คุณชอบบทความเกี่ยวกับบลูลากูนนี้หรือเปล่า คุณเคยไปสปาที่ไหนในไอซ์แลนด์บ้างไหม ถ้าเคยไปมาแล้ว คุณคิดว่าพวกมันเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่เราพลาดไม่ได้เอ่ยถึงหรือไม่ คุณสามารถทิ้งข้อความไว้ที่คอมเม้นต์ด้านล่างได้เลย

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความอื่นที่น่าสนใจ

Link to appstore phone
ติดตั้งแอปท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์

ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว

สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ เพิ่มหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด