12 สิ่งที่ต้องทำและต้องไปดูเมื่อมาไอซ์แลนด์

12 สิ่งที่ต้องทำและต้องไปดูเมื่อมาไอซ์แลนด์

Nanna Gunnarsdóttir
ผู้เขียน: Nanna Gunnarsdóttir
ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง

12 กิจกรรมยอดฮิตเมื่อมาเที่ยวไอซ์แลนด์มีอะไรบ้าง ทัวร์ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคืออะไร

ค้นหากิจกรรมยอดฮิต 12 อย่างที่คนไปเที่ยวไอซ์แลนด์ไม่ควรพลาด ศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมที่สนุกสนาน สถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปชมได้จากในลิสต์ 12 สิ่งที่ต้องทำและต้องไปดูเมื่อมาไอซ์แลนด์ 

ผู้ที่สงสัยว่าที่ไอซ์แลนด์มีอะไรให้ทำบ้างอาจจะต้องเปลี่ยนคำถามใหม่เป็นมีกิจกรรมอะไรที่ไอซ์แลนด์ไม่มีบ้าง! เพราะว่ามีกิจกรรมและตัวเลือกให้มากมายเหลือเกินในระหว่างที่คุณเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในไอซ์แลนด์ จนคุณจะพบว่าการหากิจกรรมที่อยากทำไม่ใช่ปัญหาเลย แต่เวลาและงบประมาณต่างหากที่จะเป็นข้อจำกัดในทริปนี้

วิธีเดินทางท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการเช่ารถขับหรือจองทัวร์แบบขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถขับรถไปยังสถานที่ทุกแห่งที่คุณต้องการไปดูและได้ไปทดลองทำกิจกรรมที่คุณชื่นชอบมากที่สุด นอกจากนี้การหาที่พักจากตัวเลือกที่พักที่มีให้เลือกมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ซึ่งมีตั้งแต่คอตเทจหรือกระท่อมในชนบทห่างไกลไปจนถึงโรงแรมหรูหรา ดังนั้น หากคุณกำลังคิดที่จะมาเยือนดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟอยู่ล่ะก็ คุณก็แค่หาตัวเครื่องบินมายังไอซ์แลนด์และทำฝันให้เป็นจริงได้เลย!



แม้ว่าคุณจะมีเวลาอยู่เที่ยวในไอซ์แลนด์มากแค่ไหน คุณก็ยังต้องตัดบางสิ่งที่อยากทำออกบ้างอยู่ดี ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกไปสถานที่ไหนบ้าง

และเนื่องจากเราร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดในประเทศ Guide to Iceland จึงสามารถช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสถานที่เที่ยวและกิจกรรมในประเทศไอซ์แลนด์ได้ไม่ยาก และต่อไปนี้คือ 12 สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณควรทำในไอซ์แลนด์

12. เพลิดเพลินกับทัวร์ดูวาฬ            

วาฬหลังค่อมกระโดดโชว์ตัว

การดูวาฬเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์ มีวาฬ โลมา และพอร์พอยซ์กว่า 20 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในน่านน้ำนอกชายฝั่งของไอซ์แลนด์ ตั้งแต่ชนิดที่มีขนาดเล็กอย่างฮาร์เบอร์พอร์พอยส์หรือโลมาท่าเรือไปจนถึงวาฬที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่างวาฬสีนำเงิน การดูวาฬนี้ยังเป็นกิจกรรมที่คุณสามารถแทรกเข้าไปในแผนการท่องเที่ยวได้ไม่ยาก และคุณสามารถออกไปดูวาฬได้โดยตรงจากในใจกลางเมืองเรคยาวิกเลย

สายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ วาฬมิงก์และวาฬหลังค่อม แต่ก็มีโอกาสที่จะได้เห็นพันธุ์หายากอย่างวาฬเพชฌฆาตและวาฬฟินกันด้วย และแม้ว่าวาฬจะเป็นดาวเด่นของทัวร์ดูวาฬ แต่คุณก็จะมีโอกาสได้เห็นนกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในไอซ์แลนด์ด้วยเช่นกัน เช่น นกสคัว นกนางนวลอาร์กติก นกกิลเลอมอต หรือกระทั่งนกพัฟฟินที่มีสีสันสดใส

มีสถานที่ออกเดินทางหลัก 3 แห่งสำหรับทัวร์ดูวาฬ คือ เรคยาวิก (Reykjavík) อาคูเรย์ริ (Akureyri) และฮูสาวิค (Husavík) ฮูสาวิคถือว่าเป็น "เมืองหลวงแห่งการดูปลาวาฬของยุโรป" เนื่องจากสัตว์น้ำเหล่านี้จะต้องเดินทางผ่านฟยอร์ดที่อยู่ในฮูสาวิค และทั้งหมดนี้คือผลพลอยได้ของการที่มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์อยู่นอกชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์

มีสัตว์จำพวกวาฬมากกว่า 20 ชนิดที่อาศัยอยู่รอบๆ ไอซ์แลนด์

ภาพจากทัวร์คอมโบดูวาฬและนกพัฟฟิน 4 ชั่วโมงที่สามารถยืดหยุ่นได้ พร้อมบริการรับส่งจากเรคยาวิก

คุณสามารถเลือกออกไปกับทัวร์ดูวาฬ ซึ่งมีทั้งทัวร์แบบที่ใช้เรือลำใหญ่และเรือเร็วที่มีขนาดเล็ก

ซึ่งเรือลำใหญ่จะมีเทคโนโลยีการติดตามที่เชื่อถือได้ทำให้ไม่ค่อยพลาดโอกาสในการเจอปลาวาฬ เรือแบบนี้มักใช้สำหรับกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่

ส่วนเรือที่มีขนาดเล็กลงมาจะใช้สำหรับกรุ๊ปขนาดเล็กที่ต้องการบรรยากาศแบบส่วนตัวมากขึ้น และเรือเร็วที่มีขนาดเล็กจะสามารถพาเข้าไปชมสัตว์ได้ใกล้มากขึ้นด้วย เนื่องจากมอเตอร์เรือมีเสียงดังน้อยกว่าเรือใหญ่

11. สนุกสนานกับการขี่ม้า        

ถึงแม้ว่าม้าไอซ์แลนด์จะถูกเรียกว่า "ม้า" แต่ขนาดของพวกมันเท่ากับม้าโพนี่ม้าไอซ์แลนด์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่สร้างชื่อให้กับประเทศไอซ์แลนด์มากที่สุด พวกมันมีลักษณะโดดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนด้วยความสูงอันน้อยนิด ช่วงขาที่สั้นและช่วงลำตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ สายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นม้าที่เชื่อง มีความทนทานต่อสภาพธรรมชาติที่รุนแรง และมีจังหวะการเคลื่อนไหวถึง 5 จังหวะด้วยกัน ซึ่งม้าทั่วไปจะมีแค่ 4 จังหวะ และแม้ว่าพวกมันจะตัวเล็กกว่าม้าทั่วไปและมีรูปร่างที่ล่ำสันไปหน่อย แต่มันก็ได้ชื่อว่าเป็นม้า และบางทีอาจจะฟังดูไม่ดีนักสำหรับชาวไอซ์แลนด์หากคุณไปเรียกพวกมันว่าม้าแคระหรือม้าโพนี่!

ม้าไอซ์แลนด์เป็นม้าสายพันธุ์ที่มีความพิเศษมากจนต้องมีการสั่งห้ามไม่ให้มีการผสมข้ามสายพันธุ์กับม้าสายพันธุ์อื่น ดังนั้นม้าไอซ์แลนด์ที่ถูกนำออกนอกประเทศไปแล้วจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาในประเทศได้อีก

เมื่อเข้าร่วมในทัวร์ขี่ม้าไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยวจะได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติของประเทศไอซ์แลนด์ด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมที่ผ่านการพิสูจน์มานานหลายศตวรรษ ตั้งแต่สมัยที่ม้ายังเป็นม้าสายพันธุ์สแกนดิเนเวียนดั้งเดิมและมีการพัฒนาเรื่อยมาจนกลายมาเป็นม้าไอซ์แลนด์ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ และการขี่ม้าในไอซ์แลนด์เป็นกิจกรรมที่สนุกสนานสำหรับนักท่องเที่ยวทุกช่วงวัย!

ม้าไอซ์แลนด์ มีชื่อเสียงในเรื่อง ความฉลาด และความอ่อนโยน



ผู้ควบคุมดูแลทัวร์ขี่ม้า ทั้งทัวร์สำหรับมือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์ในการขี่ม้ามาบ้างแล้ว เป็นครูฝึกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและมีใบรับรอง

แพ็กเกจขี่ม้าไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1-4 ชั่วโมง (แบบที่นานกว่านี้ก็มี) ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มั่นใจว่าขี่ได้คล่องแล้วอาจจะลองควบม้าไอซ์แลนด์วิ่งเหยาะๆ ดูสักรอบก็ได้

10. ท่องราตรีในเรคยาวิก                 

การเที่ยวกลางคืนในเรคยาวิกนั้นสนุกมาก

ภาพโดย Nanna Gunnarsdóttir 

ที่ไอซ์แลนด์มีอะไรให้ทำในช่วงกลางคืนบ้าง? การท่องราตรีเป็นกิจกรรมยอดนิยมของชาวไอซ์แลนด์ และชาวเมืองมักจะออกไปหาเบียร์เย็นๆ ดื่มกันในช่วงกลางคืน ซึ่งเราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเพิ่งจะมีการประกาศให้เบียร์กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายเมื่อปี 1989 นี้เองหรือเป็นเพราะความมืดมิดยาวนานที่ปกคลุมประเทศนี้ทุกปีกันแน่

ดาวน์ทาวน์ของเรคยาวิกนั้นเต็มไปด้วยบาร์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และสถานที่แฮงก์เอาท์พบปะสังสรรค์ ซึ่งสถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติทั้งชาวไอซ์แลนด์และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังนั้นจึงเป็นเหมาะสำหรับการมาหาเพื่อนใหม่เอามากๆ และก็มีหลายเหตุผลที่ทำให้การออกเที่ยวกลางคืนเป็นกิจกรรมยอดนิยมอย่างหนึ่งในเมืองเรคยาวิก

และเพื่อไม่ให้นักท่องราตรีต้องกระเป๋าฉีก สถานที่เที่ยวเหล่านี้จึงมักจะจัดโปรโมชั่นในช่วงแฮปปี้อาวร์เพื่อมอบส่วนลดค่าเครื่องดื่มให้ ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็น่าจะสามชั่วโมง นอกจากนี้ส่วนใหญ่ก็ยังมีโปรส่วนลดอื่นๆ มาเอาใจนักดื่มด้วย

บาร์จำนวนมากในเรคยาวิกมีค็อกเทลให้บริการภาพโดย Nanna Gunnarsdóttir 



ออกไปสนุกให้สุดเหวี่ยง! เรคยาวิกก็เช่นเดียวกันกับดาวน์ทาวน์ของเมืองอื่นๆ ทั่วโลกที่ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกคัก บาร์บางแห่งนั้นเปิดยันตีสามตีสี่เลยทีเดียว และในช่วงหน้าร้อนการก้าวออกจากบาร์ที่เปิดไฟเพียงสลัวๆ ในตอนที่ข้างนอกสว่างไสวเหมือนกลางวันถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงกลางดึกก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือสถานที่เหล่านี้มักจะตั้งอยู่ในละแวกเดียวกับโรงแรมและเกสต์เฮาส์ส่วนใหญ่ ดังนั้นแม้จะดื่มหนักไปหน่อยก็ไม่ต้องกังวลเพราะแค่เดินเป๋ไปเป๋มาไม่กี่ก้าวก็ถึงที่พักแล้ว

9. เที่ยวทะเลสาบมิวาทน์ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์

อ่างน้ำร้อน นามาส์การ์ด ในทางเหนือของประเทศ

ทะเลสาบมิวาทน์ (Lake Myvatn) เป็นทะเลสาบที่งดงามในทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ และตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีกิจกรรมพลังงานความร้อนใต้พิภพสูง ทะเลสาบแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของไอซ์แลนด์และมีเกาะแก่งมากมายกระจายอยู่รอบผืนน้ำ และในบริเวณนี้ยังมีอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) ซึ่งเป็นอ่างน้ำร้อนพลังงานความร้อนใต้พิภพให้คุณแช่เพื่อผ่อนคลายร่างกายหลังจากเที่ยวเหนื่อยมาทั้งวันด้วย

บริเวณนี้ยังมีชื่อเสียงด้านพืชพรรณและสิ่งมีชีวิตนานาชนิดด้วย เพราะว่าทะเลสาบเป็นทั้งแหล่งพลังงานและแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีการบันทึกเอาไว้ว่ามีนกอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ถึง 58 ชนิด ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับการดูนกด้วยเช่นกัน

ข้อเสียอย่างหนึ่งของการมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ชุกชุมในพื้นที่ทะเลสาบนั้นเห็นได้ชัดเจนจากชื่อของสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมิวาทน์ในภาษาไอซ์แลนด์หมายถึง "ทะเลสาบตัวริ้น" และในช่วงหน้าร้อนก็จะมีตัวริ้นบินวนอยู่รอบทะเลสาบเต็มไปหมด ดังนั้นแนะนำให้สวมเสื้อแขนยาวเมื่อมาที่นี่ และหากคุณต้องการหลบเลี่ยงแมลงเหล่านี้อย่างปลอดภัยจริงๆ ให้คุณนำหมวกตาข่ายสำหรับคลุมศีรษะติดมาด้วย

แต่ในทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากการไปเที่ยวทะเลสาบให้ทำ กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทำได้เมื่อมาเยือนพื้นที่แถบนี้ ได้แก่ ไปชมหลุมปล่องภูเขาไฟเทียมสกูตูสตาดากีการ์ (Skutustadagigar) ช่องเขาเนามาสการ์ดซึ่งเป็นพื้นที่พลังงานความร้อนใต้พิภพ และดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) หรือ "ป้อมปราการแห่งความมืดมิด" ซึ่งเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟรูปร่างสวยงามแปลกตาและมีบรรยากาศอึมครึม

สำหรับในฤดูหนาวแมลงเหล่านี้จะไม่มาให้เห็นเลย และในฤดูร้อนเองก็แทบจะไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความงดงามของบริเวณรอบๆ ทะเลสาบแห่งนี้แม้แต่น้อย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนบริเวณนี้ยังสามารถชื่นชมความสวยงามของปล่องภูเขาไฟเทียมสกูตูสตาดากีการ์ (Skutustadagigar) ทุ่งพลังงานความร้อนใต้พิภพนอมัสการ์ด (Námaskarð) และดิมมูบอร์กิร์ (Dimmuborgir) หรือปราสาทดำซึ่งมีหินภูเขาไฟรูปทรงสวยแปลกตาอยู่ทั่วบริเวณได้ตามปกติ

8. ผ่อนคลายที่บลูลากูนสปา       

บลูลากูนเป็นสปาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไอซ์แลนด์ด้วยเหตุผลหลายประการ โดยช่วงไม่กี่ปีมานี้ที่นี่ดังไปทั่วโลกเนื่องจากมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายไม่เหมือนที่ไหนและมีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม สปาพลังงานความร้อนใต้พิภพแห่งนี้ยังมีโคลนซิลิกาสำหรับมาส์กหน้าเพื่อบำบัดผิวที่โด่งดังมากด้วย

ทำเลที่ใกล้กับสนามบินยังทำให้การเดินทางมาบลูลากูนนั้นมีความสะดวกมาก และทำให้การมาใช้บริการที่นี่เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด แม้แต่นักท่องเที่ยวที่มีเวลาค่อนข้างจำกัดในไอซ์แลนด์ เช่น คนที่มาแวะพักต่อเครื่อง ก็สามารถเดินทางมาใช้บริการบลูลากูนได้อย่างสะดวกและรวดเร็วกับทัวร์บลูลากูน หรือจะใช้บริการรถบัสรับส่งเพื่อเดินทางไปใช้บริการบลูลากูนก็ได้

หากบลูลากูนมีราคาที่แพงเกินไปสำหรับคุณ ไอซ์แลนด์ก็ยังมีสปาที่ให้ประสบการณ์คล้ายกันอยู่อีกหลายแห่ง เช่น ซีเครทลากูน (Secret Lagoon) ซึ่งอยู่ใกล้กับเส้นทางวงกลมทองคำ และอ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Myvatn Nature Baths) ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์



7. แวะชมน้ำตกเดตติฟอสส์ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์     

น้ำตกเดตติฟอสส์ที่ไหลแรงที่สุดในยุโรป

น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) ในอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajokull National Park) ที่อยู่ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์นับว่าเป็นน้ำตกที่ทรงพลังมากที่สุดในยุโรป และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในไอซ์แลนด์ เมื่อคุณวางแผนสถานที่เที่ยวในไอซ์แลนด์ คุณอย่าลืมใส่น้ำตกแห่งนี้เข้าไปด้วย



น้ำตกเดตติฟอสส์เกิดจากการที่แม่น้ำโจกุลซา ฟยอ์ลลุม (Jokulsa a Fjollum) ตกลงไปยังหุบเขาโจกุลซาร์กยูฟูร์ (Jokulsargljufur Canyon) ด้านล่างที่ความสูง 44 เมตร ทำให้เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามน่าตื่นตามากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่นี่เคยถูกใช้เป็นฉากเปิดตัวของภาพยนตร์ไซไฟเรื่องดังอย่างโพรมีธีอุสด้วย

การเดินทางไปยังน้ำตกเดตติฟอสส์ให้ใช้เส้นทางหมายเลข 862 และที่นี่ถือเป็นจุดแวะเที่ยวหลักอีกแห่งหนึ่งบนเส้นทางวงกลมเพชร (Diamond Circle) ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศและวิ่งวนเป็นวงแหวนเหมือนกับวงกลมทองคำอันโด่งดัง นอกจากน้ำตกเดตติฟอสส์แล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถแวะชมสถานที่ต่างๆ ที่อยู่บนวงกลมเพชร ได้แก่ เมืองฮูสาวิค (Husavik) หุบเขาอาสบิร์กิ (Asbyrgi Canyon) และทะเลสาบมิวาทน์ 

หากคุณวางแผนจะไปเที่ยวภูมิภาคนี้ของไอซ์แลนด์อยู่แล้ว คุณควรตรวจสอบกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจในฮูสาวิคและกิจกรรมในอาคูเรย์ริด้วย ซึ่งทั้งสองเมืองนี้ตั้งอยู่ในทางเหนือของไอซ์แลนด์

6. ฟยอร์ดทางตะวันตก สถานที่ที่ต้องไปชมในไอซ์แลนด์

หมู่บ้านประมงที่โบลุงการ์วิก

นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาเที่ยวฟยอร์ดตะวันตก (Westfjords) กันน้อยกว่าทางใต้ ทางตะวันตกเฉียงใต้ และทางเหนือของประเทศที่มีถนนวงแหวนตัดผ่าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่จะไม่มีอะไรให้เที่ยว และการที่ไม่ค่อยมีคนมาเยือนนั้น ยิ่งทำให้สถานที่เหล่านี้มีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

สถานที่ท่องเที่ยวในภาคตะวันตกของไอซ์แลนด์มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ทั้งประเพณีพื้นบ้าน เรื่องลึกลับมหัศจรรย์และเวทมนตร์คาถา และนอกจากนี้ฟยอร์ดทางตะวันตกก็ยังมีทัศนียภาพที่สวยและน่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นเลย โดยมีสถานที่น่าสนใจมากมายสำหรับทุกคนตั้งแต่หน้าผาฮอร์นสตรานดิร์ (Hornstrandir) อันสูงตระหง่านไปจนถึงน้ำตกดินยานดิ (Dynjandi waterfalls) ที่มีน้ำไหลแรงตลอด

ฟยอร์ดทางตะวันตกยังมีดรังกาโจกุล (Drangajokull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของไอซ์แลนด์ มีอ่าวอาร์นาฟยอร์ดูร์ (Arnarfjordur) อันสวยงาม มีภูเขาโบลาฟยาลล์ (Bolafjall) ที่ตั้งเด่นเป็นสง่า และมีเกาะแฟลทเทย์ (Flatey) ที่เต็มไปด้วยนกพัฟฟิน ซึ่งสถานที่เหล่านี้และแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกหลายแห่งล้วนทำให้ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์มีภูมิประเทศที่สวยงามและหลากหลายไม่แพ้ภูมิภาคอื่นใด

อาร์นาร์ฟยอร์ดูร์  ฟยอร์ดที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสอง ตั้งอยู่ที่ฟยอร์ดทางตะวันตกของประเทศไอซ์แลนด์



สำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้ควรไปชมอาร์กติกฟอกซ์เซ็นเตอร์ (Arctic Fox Centre) พิพิธภัณฑ์เวทมนตร์และแม่มด (Museum of Witchcraft and Sorcery) เวสต์ฟยอร์ดเฮอริเทจมิวเซียม (Westfjords Heritage Museum) ไวท์เทลอีเกิลเซ็นเตอร์ (White-tailed Eagle Center) และไอซ์แลนดิกซีมอนสเตอร์มิวเซียม (Icelandic Sea Monster Museum)

5. ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน อัญมณีแห่งไอซ์แลนด์                

ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอนกับแสงเหนือที่อยู่ด้านบน

สำหรับประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามน่าประทับใจอยู่นับไม่ถ้วน ถ้าจะให้เลือกมาหนึ่งแห่งที่คิดว่ามีเสน่ห์น่าสนใจมากกว่าที่อื่นๆ นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แต่ถ้าหากต้องเลือกจริงๆ ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon Glacier Lagoon) ก็ต้องติดอันดับอยู่ทุกครั้งไป



ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งจากธารน้ำแข็งแห่งนี้มักจะอยู่ในอันดับต้นๆ ของลิสต์สถานที่ห้ามพลาดในไอซ์แลนด์เสมอ ภูเขาน้ำแข็งวับวาวที่ลอยเกลื่อนต่างค่อยๆ เคลื่อนขบวนเบียดเสียดกันเป็นแถวยาวจากเบรียดาแมร์คูร์โจกุลล์ (Breidamerkurjokull) เพื่อออกไปยังมหาสมุทรแอตแลนติก

ในขณะที่นักท่องเที่ยวบางคนเลือกที่จะใช้บริการทัวร์ล่องเรือโซดิแอก บางคนก็อาจจะอยากนั่งอยู่ที่ริมฝั่งเพื่อเฝ้ามองฝูงแมวน้ำขี้เล่นดำผุดดำว่ายไปรอบๆ ก้อนน้ำแข็งในสถานที่ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์

หาดไดมอนด์อยู่ห่างจากทะเลสาบเพียง 5 นาทีเดินจากทะเลสาบไปเพียงห้านาที นักท่องเที่ยวก็จะได้เจอกับหาดไดมอนด์ (Diamond Beach) ซึ่งมักจะมีภูเขาน้ำแข็งถูกน้ำพัดมาขึ้นฝั่งบนหาดทรายที่มีชื่อตรงกับลักษณะที่ปรากฏให้เห็นแห่งนี้ โดยภูเขาน้ำแข็งที่เป็นประกายระยิบระยับนั้นจะตัดกับผืนทรายสีดำสนิท ทำให้เกิดเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์

4. แช่ตัวในสระน้ำร้อนธรรมชาติ         

Relaxing in the hot river at Reykjadalur.ภาพจาก เดินป่าสบายๆ 4 ชั่วโมงสู่หุบเขาเรคยาดาลูร์ พร้อมทัวร์บ่อน้ำพุร้อนจากฮแวราแกร์ดิ

กิจกรรมในทางธรณีวิทยาของไอซ์แลนด์ไม่ได้มีแค่ภูเขาไฟที่มีจำนวนมากและแผ่นดินไหวเท่านั้น แต่ยังมีแหล่งน้ำพุร้อนด้วย!

ไอซ์แลนด์เป็นแผ่นดินที่ยังใหม่ โดยมีอายุแค่ไม่กี่ล้านปีเท่านั้น ดังนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่จึงยังคงมีกิจกรรมเกิดขึ้นอยู่ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไอซ์แลนด์ต่างก็เพลิดเพลินสนุกสนานไปกับบ่อโคลนเดือด ช่องปล่อยไอน้ำจากภูเขาไฟ และน้ำพุร้อนที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า อย่างสโทรคูร์ (Strokkur) ซึ่งอยู่ในแพ็กเกจทัวร์บนเส้นทางวงกลมทองคำ สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเหล่านี้ล้วนควรค่าแก่การเพิ่มเข้าไปในรายการสถานที่เที่ยวที่คุณห้ามพลาดชมเมื่อมาไอซ์แลนด์ทั้งสิ้น



แต่กิจกรรมทางธรณีวิทยาเหล่านี้ก็ยังไม่ได้ยั่วยวนใจมากนัก เพราะว่าสิ่งที่น่าอิจฉามากที่สุดของการอยู่อาศัยในประเทศที่ยังมีแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพคือการที่มีสระน้ำร้อนธรรมชาติกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

ทัวร์บ่อน้ำพุร้อนที่ออกแบบมาเพื่อวันพักผ่อนสุดพิเศษนั้นยังช่วยบำบัดอาการเจ็ตแล็กและอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี และการแช่น้ำร้อนพร้อมกับสนทนากับเพื่อนร่วมสระไปด้วยก็เป็นอะไรที่ผ่อนคลายมากทีเดียว และหากสภาพต่างๆ เหมาะสม คุณก็ยังอาจจะได้รับชมแสงเหนือในขณะที่แช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนได้ด้วย ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากจริงๆ

3. ท่องเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำ และขี่สโนว์โมบิลหรือดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิล

การขี่สโนว์โมบิลเป็นกิจกรรมมันส์ๆ ที่เหมาะกับการใช้คั่นโปรแกรมเที่ยวชมสถานที่ระหว่างวัน

ภาพจาก ทัวร์วงกลมทองคำและสโนว์โมบิลแบบส่วนตัว 9 ชั่วโมง พร้อมบริการรับส่งจากเรคยาวิก 

วงกลมทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ เส้นทางนี้ประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลัก 3 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ (Thingvellir National Park) ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หุบเขาน้ำพุร้อนเฮยคาดาลูร์ (Haukadalur Geothermal Valley) อันเป็นพื้นที่ที่มีกิจกรรมใต้พิภพสูง และน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss Waterfall) อันยิ่งใหญ่ สถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดชมเมื่อมาเยือนไอซ์แลนด์และสามารถเดินทางไปชมได้ง่ายเนื่องจากอยู่ใกล้กับเรคยาวิกเมืองหลวง



คุณสามารถขับรถรอบเส้นทางวงกลมทองคำได้โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และยังเหลือเวลาสำหรับกิจกรรมอื่นๆ อีก ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็เลือกที่จะเที่ยวชมเส้นทางวงกลมทองคำหนึ่งวันเต็มๆ เพื่อให้มีเวลาเหลือพอที่จะไปเข้าร่วมกิจกรรมกับทัวร์ดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลและทัวร์ขี่สโนว์โมบิลอันน่าตื่นเต้น

อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์มีความสำคัญกับชาวไอซ์แลนด์อยู่หลายอย่างด้วยกัน ที่นี่มีความงามที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหนและเป็นจุดที่แผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและยูเรเซียแยกตัวออกจากกัน ทำให้เกิดเป็นภูมิประเทศที่สวยงามอันประกอบไปด้วยทุ่งลาวาที่มีมอสส์ปกคลุม เหวลึก และน้ำตก

ที่นี่ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่ตั้งของอัลธิงกิ (Althingi) ที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งก่อสร้างขึ้นที่ธิงเวลลีร์เมื่อปีค.ศ 930 นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ลงนามประกาศเอกราชของไอซ์แลนด์อย่างเป็นทางการในปี 1944 ด้วย

ในธิงเวลลีร์คุณยังจะได้ไปเห็นรอยแยกซิลฟรา (Silfra Fissure) ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 10 จุดดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกด้วย

อุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์เป็นสถานที่เดียวในประเทศไอซ์แลนด์ที่เป็นมรดกโลกของยูเนสโก



เฮยคาดาลูร์เป็นที่ตั้งของแหล่งน้ำพุร้อนอันโด่งดังอย่างไกเซอร์ (Geysir) และสโทรคูร์ (Strokkur) ซึ่งอันหลังนี้จะมีน้ำพุ่งขึ้นสูงกว่า 20 เมตรในทุกๆ 5 นาทีโดยประมาณ  นอกจากนี้ภายในทุ่งน้ำพุร้อนแห่งนี้ยังมีบ่อไอเดือดและบ่อโคลนเดือดให้เห็นอีกมากมายนับไม่ถ้วน

ถัดไปทางเหนืออีก 10 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวจะได้พบกับน้ำตกกุลล์ฟอสส์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งที่สามและเป็นจุดสุดท้ายบนเส้นทางวงกลมทองคำ น้ำตกสูง 32 เมตรแห่งนี้มีชื่อที่แปลว่า "น้ำตกทองคำ" และไหลลดหลั่นผ่านชั้นหินสองชั้นก่อนไหลลงไปในหุบเขาด้านล่าง ในวันที่แดดดี คุณจะได้เห็นรุ้งกินน้ำพาดผ่านเหนือน้ำตกด้วย ซึ่งเป็นภาพที่พิเศษมาก

นักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำตกกุลล์ฟอสส์ยังสามารถเลือกทำกิจกรรมกับทัวร์ขี่สโนว์โมบิลบนธารน้ำแข็งลางโจกุลล์ (Langjokull) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ได้ด้วย การได้โลดแล่นอยู่บนผืนหิมะบนธารน้ำแข็งที่ทุกอย่างรอบตัวขาวโพลนไปหมดนั้นเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

2. ดูแสงเหนือ สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมในไอซ์แลนด์             

แสงออโรราจะทอแสงเป็นลวดลายงดงามบนท้องฟ้าเสมอ

สิ่งที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวไอซ์แลนด์มากที่สุดอย่างหนึ่งคือแสงเหนือ หรือที่เรียกกันว่าออโรรา บอเรลลีส ปรากฏการณ์แสงจากธรรมชาตินี้สามารถมองเห็นได้เฉพาะในฤดูหนาวและจะเกิดเฉพาะในแถบขั้วโลกเหนือเท่านั้น ปรากฏการณ์เหลือเชื่อนี้จะมีคลื่นแสงเป็นริ้วๆ สีม่วง สีเขียว และสีทองเต้นระบำส่ายไปมาอยู่บนท้องฟ้าซึ่งเป็นสิ่งที่ควรมาเห็นให้ได้สักครั้งในชีวิต 



แสงเหนือขึ้นชื่อมากในเรื่องการคาดเดาได้ยาก การที่จะได้พบเจอกับแสงเหนือนั้นต้องมีสภาวะที่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบจริงๆ คือต้องไม่มีเมฆมาบดบัง ต้องมีการเกิดกิจกรรมการปะทะในย่านแม่เหล็กแม็กนีโตสเฟียร์ และต้องปราศจากมลภาวะทางแสงด้วย 

แสงเหนือจะออกมาเมื่อไหร่ ออกมาตรงไหน หรือจะเต้นระบำอยู่นานแค่ไหนนั้นไม่สามารถรู้ได้แน่ชัด และสิ่งเหล่านี้นี่เองที่ทำให้แสงเหนือเป็นสิ่งที่ต้องมาชมให้ได้ในไอซ์แลนด์ แต่ก็ยังโชคดีที่พอจะมีวิธีที่เป็นประโยชน์ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการได้เห็นแสงเหนืออยู่บ้าง

แสงเหนือมักจะเป็นสีเขียว แต่บางครั้งก็เป็นสีแดง สีม่วง และสีทอง

วิธีที่ดีที่สุดคือการไปกับทัวร์แสงเหนือแบบมีไกด์ เพราะไกด์มักจะรู้ตำแหน่งที่ดีที่สุดและมืดที่สุดในการชมแสงเหนือ นอกจากนี้พวกเขายังมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาเล่าให้ฟังเพื่อเพิ่มสีสันให้กับการชมแสงเหนือของคุณด้วย

คุณสามารถอ่านคำแนะนำเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ดูแสงเหนือของเราก่อนก็ได้

หากคุณไม่อยากไปกับทัวร์ อีกวิธีคือการเช่ารถขับในไอซ์แลนด์แล้วขับไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากมลภาวะทางแสงในเมืองเรคยาวิก ซึ่งยิ่งออกไปในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลก็จะยิ่งมีทัศนวิสัยที่ดีกว่าในเมือง และที่สำคัญคือคุณต้องอดทนรอ! แม้ว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ แต่คุณก็สามารถเตรียมตัวให้ดีที่สุดเพื่อรอโอกาสที่สภาพอากาศเหมาะสมได้

1. ไฮกิ้งบนธารน้ำแข็ง (ปีนธารน้ำแข็ง) ​และเข้าชมถ้ำน้ำแข็ง                

การก่อตัวของน้ำแข็งระยิบระยับในถ้ำน้ำแข็งในประเทศไอซ์แลนด์

แต่ในช่วงหน้าหนาวไอซ์แลนด์ก็คือดินแดนแห่งน้ำแข็งสมชื่นนั่นแหละ โดยสภาพแวดล้อมต่างๆ ในประเทศนี้จะตกอยู่ท่ามกลางความมืดและหิมะสีขาวระยิบระยับ และมีกิจกรรมสุดพิเศษให้ทำได้มากมายในไอซ์แลนด์ในช่วงนี้ 

ไอซ์แลนด์มีความหมายตรงตัวว่าดินแดนที่มีภูมิประเทศเป็นน้ำแข็ง แม้ว่าบางคนอาจจะคิดว่าไอซ์แลนด์ไม่ได้มีน้ำแข็งมากพอที่จะใช้ชื่อนี้ (เมื่อเทียบกับกรีนแลนด์) แต่กระนั้นไอซ์แลนด์ก็ยังเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งลอยน้ำ ธารน้ำแข็งกว้างใหญ่ไพศษล และถ้ำน้ำแข็งที่เป็นสีฟ้าระยิบระยับ 

ประสบการณ์ท่ามกลางดินแดนแห่งน้ำแข็งที่พิเศษมากอย่างหนึ่งคือการเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าที่งดงามของไอซ์แลนด์ ซึ่งกิจกรรมนี้สามารถทำได้เฉพาะในช่วงหน้าหนาวเท่านั้น

ภาวะโลกร้อนทำให้ธารน้ำแข็งในประเทศไอซ์แลนด์อยู่ในความเสี่ยงมากกว่าเมื่อก่อน

อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ เช่น ธารน้ำแข็งต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ตลอดทั้งปีเมื่อเข้าร่วมกับกิจกรรมปีนธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากจะไปเห็นธารน้ำแข็งขนาดมหึมาแบบใกล้ชิด รวมถึงผู้ที่อยากจะไปสวมรองเท้าตะปูสำหรับย่ำหิมะเพื่อปีนป่ายขึ้นไปบนผืนน้ำแข็งด้วย

คุณเพลิดเพลินกับ 12 สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนไอซ์แลนด์ของเราหรือไม่ ลิสต์นี้ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่จะทำในไอซ์แลนด์ได้ง่ายขึ้นไหม คุณสามารถแสดงความคิดเห็นและถามคำถามได้ที่ช่องคอมเมนต์ด้านล่างนี้

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความอื่นที่น่าสนใจ

Link to appstore phone
ติดตั้งแอปท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์

ดาวน์โหลดตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ลงในโทรศัพท์ของคุณเพื่อจัดการการเดินทางทั้งหมดของคุณได้ในที่เดียว

สแกนรหัส QR นี้ด้วยกล้องในโทรศัพท์ของคุณแล้วกดลิงก์ที่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ไว้ในกระเป๋าของคุณ ป้อนหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อรับ SMS หรืออีเมลพร้อมลิงก์ดาวน์โหลด