ในถ้ำน้ำแข็งในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ทัวร์นี้มีเฉพาะหน้าหนาว

10 ทัวร์ยอดนิยมที่ไอซ์แลนด์ - กิจกรรม & สถานที่เที่ยว

ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรอง

ไอซ์แลนด์มีแพ็คเกจทัวร์พาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นมากมาย อย่างที่ไกเซอร์สโทรคูร์

ทัวร์แบบไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ ส่วนไหนของประเทศที่คุณห้ามพลาดไปเยือน และกิจกรรมอะไรที่ไม่ควรพลาด อ่านบทความนี้ต่อไปเพื่อศึกษาว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องทำในไอซ์แลนด์ หรือ คลิกที่นี่เพื่อเข้าไปดูข้อเสนอแพ็คเกจทัวร์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดในไอซ์แลนด์ 

ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่ไอซ์แลนด์หลายแสนคน เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้เห็นภาพและวิดีโอที่เผยให้เห็นถึงทัศนียภาพที่งดงาม ลักษณะทางธรรมชาติที่แปลกตา และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่สนุกตื่นเต้นเร้าใจที่ไอซ์แลนด์ เมื่อเดินทางมาถึงนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็สงสัยว่าพวกเขาจะเที่ยวไอซ์แลนด์อย่างไรดี และมีทัวร์แบบไหนบ้างที่จะทำให้พวกเขาใช้เวลาในดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟนี้ได้อย่างคุ้มค่าทุกนาที

ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่แล้วเปิดให้เข้าไปได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน

เมื่อนักท่องเที่ยวแต่ละท่านมีรสนิยมไม่เหมือนกันจึงไม่มีแบบแผนตายตัวที่จะตอบสนองความต้องการของทุกคนได้เหมือนกันไปทั้งหมด ทัวร์จำนวนมากจำกัดอายุผู้ร่วมเดินทางจึงไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กมาด้วย บางแพ็คเกจก็เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงเท่านั้นเพราะต้องแอคทีฟและเคลื่อนที่บ่อย และบางแพ็คเกจก็อาจจะเรื่อยเปื่อยเกินไปไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบความตื่นเต้น หรือบางแพ็คเกจก็ต้องใช้ความกล้าบ้าบิ่นไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการมาเที่ยวแบบเน้นพักผ่อน

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศแตกต่างกันแบบสุดขั้ว ทำให้แต่ละฤดูนั้นเที่ยวได้ไม่เหมือนกัน เช่น การมาล่าแสงเหนือทำได้เฉพาะผู้ที่มาเที่ยวในหน้าหนาวเท่านั้น ในขณะที่ทัวร์ล่องแก่งนั้นสามารถเที่ยวได้เฉพาะในหน้าร้อน

นอกจากนี้ทัวร์ที่คุณจะไปก็ยังแตกต่างกันตามพื้นที่ที่คุณจะไปเที่ยวและวิธีเดินทางของคุณด้วย เช่น คุณขับรถเที่ยวเองหรือคุณเที่ยวแบบนั่งรถไปกับคนอื่น คุณอาจจะเลือกไปทริปเดย์ทัวร์แบบเช้าไปเย็นกลับจากเรคยาวิก (Reykjavík) กับแพ็คเกจนำเที่ยว หรือเลือกแพ็คเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง 



 

แม้ว่าทัวร์ยอดนิยมทั้ง 10 แบบที่รวบรวมมานี้จะไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป แต่ละแห่งที่คัดมาก็ทำให้คุณได้เห็นด้านที่แตกต่างกันของไอซ์แลนด์และทัวร์พวกนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาที่นี่ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการมาเที่ยวพักผ่อน มาผจญภัย หรือมาชมทัศนียภาพสวยงามของไอซ์แลนด์ ดังนั้นอ่านและตัดสินใจวางแผนให้ดีก่อนที่จะออกเดินทางมาที่ไอซ์แลนด์

10. เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ รอบวงกลมทองคำ        

ไกเซอร์ต้นแบบไม่แอคทีฟแล้วแต่สโทคูร์ยังพ่นน้ำอยู่สม่ำเสมอ

วงกลมทองคำเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในไอซ์แลนด์อย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยจากเรคยาวิกคุณจะจองแบบมากับกรุ๊ปทัวร์โดยใช้เวลาแค่ครึ่งวัน หรือจะขับรถมาเองก็ได้ และตลอดเส้นทางนั้นมีสถานที่เที่ยวที่มหัศจรรย์มากมาย

ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกกุลล์ฟอสส์ที่มีรุ้งกินน้ำออกมาโชว์ตัวอยู่ท่ามกลางละอองน้ำตก ทุ่งน้ำพุร้อนไกเซอร์ซึ่งคุณสามารถไปดูสโทรคูร์พ่นน้ำขึ้นฟ้าทุกๆ 2-3 นาที หรืออุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์ แหล่งมรดกโลกของยูเนสโกที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ระหว่างสองทวีป บางแพ็คแกจยังมีโบนัสพาไปเที่ยวที่พิเศษอย่างปากปล่องภูเขาไฟเคริด (Kerið) อันสวยงามด้วย

น้ำตกกุลล์ฟอสส์ในหน้าร้อน น้ำตกที่ดังที่สุดและมีคนไปเที่ยวมากที่สุดซึ่งมักรวมอยู่ในทริปวงกลมทองคำ

สถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางวงกลมทองคำนี้ไม่ได้มีแค่ความงดงามทางธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาตามแบบฉบับของไอซ์แลนด์เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจด้วย เช่น น้ำตกกุลล์ฟอสส์เกือบกลายเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าในทศวรรษที่ 19 ถ้าไม่ได้ฮีโร่ที่อุทิศตนช่วยรักษาที่เที่ยวแห่งนี้เอาไว้ ส่วนไกเซอร์ก็โด่งดังมากในสมัยก่อนจนกลายเป็นที่มาของคำเรียกน้ำพุร้อนลักษณะเดียวกันนี้ทั่วโลก และธิงเวลลีร์ก็เป็นสถานที่ตั้งของสภาที่มีการดำเนินงานมายาวนานที่สุดในโลกตั้งแต่ปีค.ศ. 930

วงกลมทองคำได้รับความนิยมมากและมีแพ็คเกจทัวร์ที่หลากหลายให้เลือก บางแพ็คเกจดีและถูกมากๆ เช่น ทัวร์รถบัสนำเที่ยวพร้อมระบบเสียงบรรยายถึง 10 ภาษา ในขณะที่แพ็คเกจอื่นที่แพงกว่าจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เช่น แพ็คเกจทัวร์แบบส่วนตัวสำหรับกรุ๊ปจำนวนไม่เกิน 7 ท่าน ในฤดูร้อนก็จะมีแพ็คเกจทัวร์วงกลมทองคำใต้แสงเหนือ และทริปที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่เดินทางมาไอซ์แลนด์ด้วยเรือสำราญ



อุทยานฯ ธิงเวลลีร์ในฤดูใบไม้ร่วงสวยงามมาก

ในขณะที่คุณจะใช้เวลาเที่ยววงกลมทองคำแค่ครึ่งวันก็ได้ แต่ผู้ประกอบการทัวร์ส่วนใหญ่จะจัดทริปที่รวมเอากิจกรรมแอดเวนเจอร์สนุกเข้าไปผสมด้วย และแพ็คเกจเหล่านี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ทัวร์เที่ยววงกลมทองคำพร้อมทัวร์ขี่สโนว์โมบิล เป็นแพ็คเกจที่ขายดีมาก หรือคุณจะเลือกทัวร์เที่ยววงกลมทองคำที่มาพร้อมกับทัวร์ขี่ม้าไอซ์แลนด์ หรือทัวร์ดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลก็ได้ แต่ถ้าคุณอยากเห็นไอซ์แลนด์ทั้งบนดินและใต้ดินให้เลือกเป็นทัวร์เที่ยววงกลมทองคำที่รวมกับทัวร์เที่ยวถ้ำลาวา

สำหรับผู้ที่อยากมาพักผ่อน คุณสามารถเพิ่มทริปเที่ยวบลูลากูนในวันเดียวกับทัวร์วงกลมทองคำก็ได้ หรือจะไปทัวร์ดูวาฬที่ออกเดินทางจากท่าเรือเรคยาวิก ความจริงแล้วที่ไอซ์แลนด์จะมีผู้ประกอบการหลากหลายเจ้าที่จัดทัวร์นับร้อยๆ แพ็คเกจ ซึ่งทัวร์เหล่านี้ออกเดินทางกันได้ทุกวันตลอดทั้งปีเลย แต่ละแพ็คเกจก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณมีตัวเลือกสำหรับเที่ยววงกลมทองคำเยอะมากและวงกลมทองคำก็เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ห้ามพลาดในการจัดอันดับของเรา



9. เที่ยวชมธรรมชาติรอบทะเลสาบมิวาทน์และตอนเหนือของไอซ์แลนด์         

 

ถ้าคุณมีเวลาที่ไอซ์แลนด์นานหน่อย หรืออาจจะไม่นานมากแต่คุณอยากทำอะไรที่แตกต่างออกไปให้คุณไปเที่ยวที่ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ ซึ่งไม่ใช่แค่เงียบสงบกว่าทางใต้และทางตะวันตก แต่แถวนี้ยังมีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและหลากหลายให้คุณได้เห็น

การออกไปเที่ยวนอกเมืองไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องขาดสิ่งอำนวยความสะดวกเสมอไป อย่างที่อาคูเรย์ริ (Akureyr) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือนั้นเป็นแหล่งวัฒนธรรมและมีความสะดวกสบายทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ เมืองนี้อยู่ในฟยอร์ดเอยาฟยอร์ดู (Eyjafjörður) อันสวยงามและแวดล้อมด้วยภูเขา หนึ่งในนั้นคือเขาฮีดาร์ฟยาล (Hlíðarfjall) ที่มีเนินสำหรับเล่นสกีที่ดีที่สุดในไอซ์แลนด์

จากเรคยาวิกคุณสามารถเดินทางไปอาคูเรย์ริโดยขับไปตามถนนหมายเลข 1 หรือจะนั่งเครื่องบินไปจากท่าอากาศยานในประเทศก็ได้ ซึ่งมีผู้ประกอบการจำนวนมากจัดทริปแบบรวมเที่ยวบินให้เสร็จสรรพเพื่อความสะดวก



ทะเลสาบมิวาทน์ในทางเหนือมีความหลากหลายและมีสิ่งแวดล้อมที่เป็นเอกลักษณ์

ในขณะที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายในทางเหนือของไอซ์แลนด์ แต่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดคือแถวมิวาทน์ (Lake Mývatn) บริเวณนี้มีทุกอย่าง ทั้งวิวริมน้ำสวยๆ ดอกไม้งามไม่เหมือนที่ไหน นกน้อยที่มาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ลักษณะทางธรณีวิทยาที่ไม่เหมือนใคร มีภูเขาล้อมรอบ มีทุ่งลาวาและปล่องภูเขาไฟ และมีกิจกรรมความร้อนใต้พิภพให้เที่ยวชมหลายแห่ง สำหรับผู้ที่ตั้งใจมาพักผ่อนที่ไอซ์แลนด์ทริปนี้แค่ได้ไปแช่น้ำร้อนจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อ่างน้ำธรรมชาติมิวาทน์ (Mývatn Nature Baths) ก็ถือว่าคุ้มแล้ว

สำหรับแฟนซีรีส์เรื่องเกมออฟโธรนห้ามพลาดไปเที่ยวป้อมลาวาดิมมูร์บอร์กิร์ (Dimmuborgir) ซึ่งใช้เป็นสถานที่ที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ด้วย โดยมีทั้งฉากกำแพงในทางเหนือและถ้ำที่จอห์น สโนว์ใช้พลอดรักในซีนโรแมนติกในซีซั่น 3

บริเวณรอบทะเลสาบนั้นเต็มไปด้วยหินแต่ก็ยังเขียวขจี แต่ถ้าขับรถออกไปอีกไม่ไกลก็จะเห็นสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเพราะที่เนามาส์การ์ด (Námaskarð) เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเต็มไปด้วยพลังงานความร้อนจากใต้พิภพและทั้งบริเวณนั้นคุกรุ่นไปด้วยกำมะถันและไอร้อนและไม่มีหญ้ากล้าโผล่ขึ้นมาให้เห็นแม้แต่ต้นเดียว ซึ่งจะทำให้คุณได้เห็นว่าไอซ์แลนด์ช่างเต็มไปด้วยความแตกต่างและภูมิประเทศของไอซ์แลนด์นั้นเต็มไปด้วยไฟที่แผดเผาอยู่ใต้พื้นผิวโลก



น้ำตกแห่งพระเจ้าในทางเหนือ ภาพนี้ถ่ายช่วงหน้าร้อน

ระหว่างอาคูเรย์ริและทะเลสาบมิวาทน์นั้นยังมีสถานที่สวยงามห้ามพลาดอีกหนึ่งแห่งคือน้ำตกโกดาฟอสส์ (Goðafoss) น้ำตกแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ผู้รักษากฎหมายชาวไอซ์แลนด์โยนรูปปั้นเทพเจ้านอร์สโบราณทิ้งน้ำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศนี้เปลี่ยนมานับถือคริสต์ศาสนาแล้วซึ่งการกระทำดังกล่าวกลับกลายเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทางศาสนาที่ยืดเยื้อไปอีกหลายศตวรรษ

ถัดออกไปทางตะวันออกอีกเล็กน้อยเป็นสถานที่ที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน น้ำตกเดตติฟอสส์ (Dettifoss) เป็นน้ำตกที่ทรงพลังที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งน้ำตกไหลลงสู่เหวโบราณด้วยพละกำลังมหาศาลแบบที่ถ้าไม่เห็นด้วยตาก็คงไม่เชื่อว่าแรงขนาดไหน ใกล้ๆ กันมีหุบเขาเกือกม้าเอาส์บิร์กิ (Ásbyrgi) ที่ธรรมชาติสร้างได้สวยสมบูรณ์แบบจนผู้ตั้งถิ่นฐานชาวไวกิงยุคแรกต้องยกความดีความชอบให้กับเทพเจ้าผู้เสกสรรค์ปั้นแต่ง

สำหรับผู้ที่อยากเห็นอะไรที่แตกต่างออกไปมากกว่าเดิมอีกให้ไปที่เมืองฮูสาวิก (Húsavík) ที่ว่ากันว่าเป็นชุมชนเก่าแก่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และนอกจากจะเป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์แล้วที่นี่ยังเป็นจุดที่เหมาะที่สุดในการมาดูปลาวาฬด้วย ในหน้าร้อนจะมีทัวร์ดูวาฬจากฮูสาวิกที่พาคุณไปรู้จักกับสัตว์โลกแสนสวยแห่งทะเลลึกอย่างวาฬหลังค่อมและโลมาปากขาว (ตระกูลโลมามหาสมุทร) และแพ็คเกจหน้าร้อนบางอันก็รวมทริปดูนกพัฟฟินด้วย



น้ำตกเดดติฟอสส์ มีพลังรุนแรงมากที่สุดในซีกโลกเหนือ อยู่ทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์

ถ้าคุณอยากไปทั้งหมดทุกที่ที่กล่าวมานี้ให้จองเป็นทัวร์เที่ยววงกลมไดมอนด์ (วงกลมเพชร) เพราะแพ็คเกจนี้จะมาคุณไปดูทุกแห่ง (หรือเกือบจะทุกแห่ง) ที่กล่าวมาด้านบน ทัวร์นี้คล้ายกับทัวร์วงกลมทองคำตรงที่มีแพ็คเกจหลายแบบ เช่น แพ็คเกจพาชมสถานที่ต่างๆ โดยเดินทางด้วยรถจี๊ปขับเคลื่อนสี่ล้อ และแพ็คเกจราคาแพงหน่อยแต่คุณจะประทับใจกับทริปครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ชมสถานที่ต่างๆ จากบนท้องฟ้า

หรือแพ็คเกจนี้ที่แม้จะไม่ได้พาไปสถานที่ข้างต้นทั้งหมดแต่ก็สะดวกสะบายและรวมตั๋วเครื่องบินจากเมืองหลวงของไอซ์แลนด์ให้เสร็จสรรพ ทำให้การเที่ยวทางเหนือนั้นง่ายดายมากขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่พักค้างคืนในเรคยาวิก



8. เข้าไปเที่ยวภายในภูเขาไฟ         

ทรีฮนูคาร์กีกูร์เป็นโถงแมกมากว้างใหญ่เหลือเชื่ออยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์เป็นดินแดนแห่งน้ำแข็งและไฟ และไฟในที่นี่หมายถึงภูเขาไฟ แม้ว่าตอนนี้ภูเขาไฟเหล่านี้จะยังไม่มีวี่แววว่าจะระเบิด (ครั้งสุดท้ายระเบิดไปที่บาร์ดาร์บุนกา (Bárðarbunga) เมื่อปี 2015) แต่พวกมันก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ไอซ์แลนด์เป็นไอซ์แลนด์ที่เต็มไปด้วยภูเขาขนาดมหึมา ทุ่งลาวา และปล่องภูเขาไฟจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างทุกวันนี้

ถ้าอยากเที่ยวภูเขาไฟในแบบที่ไม่มีที่ไหนในโลกอีกแล้วให้จองทัวร์ภูเขาไฟทรีฮนูคาร์กีกูร์ (Thrihnukagigur) และครั้งหนึ่งในชีวิตคุณจะได้เข้าไปในโถงแมกมาขนาดใหญ่ภายในภูเขาไฟที่หลับใหลมานาน 4,000 ปี

ทริปนี้คุณจะลงลิฟต์ในเหมืองเก่าเพื่อเข้าไปในถ้ำที่ใหญ่ขนาดที่ว่าถ้านำเทพีเสรีภาพมาใส่เข้าไปก็ยังเหลือที่ สีสันที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อบนกำแพง พื้น และผนังถ้ำนั้นเกิดจากแร่ธาตุที่อยู่ในลาวา เช่น เหล็ก กำมะถัน และนิกเกิล ทั้งหมดมีความประณีตละเอียดอ่อนราวกับมีใครตั้งใจมาแต่งแต้มเอาไว้ เมื่อลงไปถึงที่ด้านล่างนั้น คุณจะเพลิดเพลินกับการเดินเล่นที่ตัวฐานและส่องไฟฉายไปรอบๆ พื้นที่ว่างเปล่าสุดตระการตารอบตัว

 

ทัวร์นี้ไม่เหมือนใครจริงๆ เพราะเมื่อภูเขาไฟสงบลง แมกมาก็จะเย็นและกลายเป็นหินแข็งๆ หรือไม่ก็หายไปหมดทำให้ยอดของภูเขาทรุดตัวลงมา และอย่างที่บอกคือถ้ำนี้อยู่ตรงนี้มาเป็นพันปีแล้วและก็มีโครงสร้างที่มั่นคงทำให้สามารถลงไปเที่ยวได้อย่างปลอดภัย

แพ็คเกจทัวร์ภายในภูเขาไฟ (อินทูเดอะโวลเคโน) นี้จัดได้เฉพาะช่วงหน้าร้อนเท่านั้น และความงดงามที่ธรรมชาติสร้างก็ทำให้ทัวร์นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นถ้าคิดจะไปต้องจองล่วงหน้านานพอตัวทีเดียว ผู้ที่จะเข้าร่วมกับทัวร์นี้ต้องมีอายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป และต้องแข็งแรงพอที่จะปีนเขาข้ามพื้นที่เต็มไปด้วยหินเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อไปขึ้นลิฟต์ไหวด้วย 

แต่ถ้าหากคุณไม่ได้แพลนจะมาที่ไอซ์แลนด์ในช่วงหน้าร้อน หรืออาจจะไม่อยากจ่ายเงินแพงขนาดนี้ คุณสามารถไปดูสีสันอันงดงามที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ผืนลาวาของไอซ์แลนด์กับแพ็คเกจทัวร์ถ้ำลาวาแพ็คเกจอื่นๆ แทนได้



7.ดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลระหว่างสองทวีป         

น้ำในรอยแยกซิลฟราใสมากจนมองเห็นได้ไกลกว่า 100 เมตรดำน้ำลึกหรือดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลที่ไอซ์แลนด์ อาจจะไม่เคยอยู่ในความคิดของคุณมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจุดดำน้ำนั้นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีพลังงานความร้อนใต้พิภพด้วย แต่น้ำที่รอยแยกซิลฟรา (Silfra) ในอุทยานแห่งชาติธิงเวลลีร์นั้นงดงามเหลือเชื่อมาก จนแต่ละปีมีคนลงนับพันตัดสินใจลงไปชื่นชมและแหวกว่ายทั้งที่อากาศหนาวเย็นขนาดนั้น และมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้สึกว่าพวกเขาตัดสินใจผิดพลาด ซึ่งซิลฟรานั้นสวยขนาดที่สามารถเข้าไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของสถานที่ดำน้ำยอดนิยมจากทั่วโลกเลย

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือน้ำที่ซิลฟราใสมากจนสามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ชัดไปไกลกว่า 100 เมตร ทำให้คุณเห็นเฉดสีฟ้าได้อย่างแจ่มชัดเหลือเกินเมื่อมองไปทางทะเลสาบธิงเวลลาวาทน์ (Þingvellavatn) ที่อยู่ด้านหน้า เหตุผลข้อที่สองคือสถานที่ตั้ง อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าแล้วว่าอุทยานฯ แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ระหว่างแผ่นเปลือกทวีปอเมริกาเหนือและทวีปยุโรป และการเกิดแผ่นดินไหวทำให้ผืนดินสองทวีปแยกตัวออกจากกันและกลายเป็นหุบเขาลึก ทำให้การลงไปดำน้ำที่ซิลฟราหมายถึงคุณดำน้ำอยู่ระหว่างสองทวีป

สาเหตุที่ทำให้น้ำที่ซิลฟราใสแจ๋วก็เพราะเป็นน้ำที่มาจากธารน้ำแข็งลางโจกุล (Langjökull) ซึ่งการที่น้ำจากธารน้ำแข็งเดินทางใต้ดินมาเป็นระยะเวลา 30 ไมล์โดยประมาณในระยะเวลาหลายปี พวกมันต้องไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนซึ่งทำหน้าที่กรองน้ำไปในตัว เมื่อมาถึงที่หุบเขารอยแยกแห่งนี้น้ำจึงสะอาดใสถึงขนาดที่ดื่มได้เลย



ดำน้ำตื้นด้วยสน็อกเกิลที่ซิลฟราในวงกลมทองคำ หนาวและตื่นเต้นสุดๆแต่แน่นอนว่าน้ำนั้นเย็นจัด โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ 2 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี แต่ถ้าคุณสวมดรายสูทที่มีชุดหมีเก็บความร้อนอยู่ข้างใต้อีกชั้น คุณก็จะไม่รู้สึกหนาวในบริเวณที่มีชุดปกปิดเลย และชุดพวกนี้ก็มีน้ำหนักเบาและลอยน้ำได้ คุณจึงแทบไม่ต้องออกแรงพยุงตัวให้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำเลย ส่วนถุงมือเว็ทสูทและหมวกอาจจะไม่ได้กันน้ำเข้า แต่วัสดุที่เป็นยางก็มีคุณสมบัติทำให้น้ำที่ซึมผ่านมีอุณหภูมิอุ่นขึ้นจึงช่วยปกป้องคุณได้อีกทางหนึ่ง

ผู้ประกอบการบางรายมีแพ็คเกจทัวร์ที่ให้แค่เว็ทสูท ซึ่งการสวมแค่เว็ทสูททำให้คุณเคลื่อนไหวได้คล่องตัวมากกว่าและสามารถดำน้ำตัวเปล่าแบบไม่มีอุปกรณ์ได้อย่างอิสระ แต่แพ็คเกจแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงมากเท่านั้นและต้องพร้อมรับมือกับความหนาวจากการลงไปอยู่ในน้ำเป็นเวลาประมาณ 40 ได้ด้วย

สำหรับผู้ที่ผ่านการฝึกดำน้ำลึกแบบสกูบามาแล้วสามารถเลือกเป็นแพ็คเกจทัวร์ดำน้ำลึกที่ซิลฟราก็ได้ แต่เนื่องจากความซับซ้อนยุ่งยากของอุปกรณ์บวกกับอากาศที่หนาวเย็นของที่นี่ คุณจะต้องมีใบประกาศหลักสูตรดำน้ำโอเพ่นวอเตอร์ของ PADI หรือใบประกาศอื่นที่เทียบเท่ามาแสดง พร้อมกับต้องมีหลักฐานไดฟ์ล็อกมาพิสูจน์ว่ามีความเชี่ยวชาญการใช้ดรายสูทหรือเคยผ่านการดำน้ำด้วยดรายสูทมาแล้ว 10 ครั้งภายในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา



6. ไฮกิ้งในไฮแลนด์         

ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์เป็นพื้นที่ห่างไกลที่มีความหลากหลายมากและเข้าไปได้เฉพาะหน้าร้อน

ไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ (Icelandic Highlands) เป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลมากที่สุดของประเทศและมีภูมิประเทศแบบดิบๆ ที่สุดแล้ว ด้วยความที่มีแต่ทุ่งลาวา ที่ราบทรายสีดำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ภูเขา แม่น้ำ ภูเขาไฟ ธารน้ำแข็ง และสีสันที่งดงามหลากหลาย ทำให้ไฮแลนด์ดึงดูดนักปีนเขาและช่างภาพจากทั่วโลกได้เป็นอย่างดี

สถานที่สำคัญสองแห่งที่พลาดไม่ได้ถ้าคุณไปเยือนไฮแลนด์ คือ โธร์เมิร์ค (Þórsmörk) และลานมันนาเลยการ์ (Landmannalaugar) เทรลที่เลยการแวกูร์ (Laugavegur) ซึ่งเชื่อมกับผืนดินด้านในประเทศนั้นเป็นเส้นทางเดินเขาระยะเวลาหลายวันที่เป็นที่รู้จักกันดีและเป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับการสำรวจภูมิภาคนี้ที่สุดแล้ว

ทัวร์ 5 วันแพ็คเกจนี้เป็นวิธีสุดคลาสสิกที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับเส้นทางเดินเขา ในแต่ละคืนคุณจะเข้าพักในเคบินที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน และกลางวันก็ได้เดินเทรกกิ้งชมทัศนียภาพที่งดงามจนคุณแทบจะไม่เชื่อสายตา คุณสามารถเลือกเดินทางด้วยจักรยานบนเส้นทางเดียวกันนี้ก็ได้ ส่วนแพ็คเกจทัวร์ 3 วันแพ็คเกจนี้จะพาคุณไปเดินบนเทรลที่เลยการแวกูร์และรวมไปไฮกิ้งที่ช่องเขาฟิมเวอร์ดูร์เฮลาส์ (Fimmvörðuháls) ด้วย โดยเป็นการเดินผ่านลาวาและปล่องภูเขาไฟที่เกิดขึ้นเมื่อเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) ระเบิดในปี 2010



ห้ามพลาดไปที่ลานมันนาเลยการ์ในไฮแลนด์ของไอซ์แลนด์ในหน้าร้อน

หากคุณมีประสบการณ์ในการไฮกิ้งและทำการศึกษาเส้นทางและเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว วิธีเที่ยวที่ราคาถูกที่สุดคือการทำพาสปอร์ตนักเดินเขาในไฮแลนด์ ซึ่งเป็นใบผ่านทางให้คุณนั่งรถบัสจากเมืองหลวงไปยังสโกการ์ (Skógar) ลานมันนาเลยการ์ หรือโธร์เมิร์ค ทั้งหมดอยู่บนเส้นทางเลยการแวกูร์และฟิมเวอร์ดูร์เฮลาส์ จากนั้นคุณสามารถเริ่มทริปไฮกิ้งของคุณและเดินจนกว่าคุณจะพอใจจึงค่อยนั่งรถบัสกลับจากจุดใดจุดหนึ่งในสามจุดนี้

โธร์เมิร์ค แปลว่าหุบเขาแห่งธอร์ ซึ่งตั้งตามชื่อเทพเจ้าสายฟ้าของนอร์สโบราณ และบริเวณนี้แตกต่างจากส่วนอื่นของภูมิภาคตรงที่มีต้นเบิร์ชขึ้นทึบไปหมด ทำให้แลดูสวยงามตัดกับลาวาและธารน้ำแข็งวิบวับที่อยู่รอบๆ ส่วนลานมันนาเลยการ์เป็นเขตภูเขาหินไรโอไลต์ที่มีพลังงานความร้อนใต้พื้นดิน คุณสามารถไปแช่น้ำร้อนที่นี่ได้ สำหรับสโกการ์เป็นบริเวณที่อยู่รอบๆ น้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss)

หากคุณมากับเด็กหรือไม่ได้อยากจะไปเดินที่เทรลเลยการแวกูร์ คุณก็ยังสามารถไปชมสถานที่สวยๆ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ได้กับแพ็คเกจทัวร์ที่ออกเดินทางจากเรคยาวิก เช่น แพ็คเกจนี้ที่พาคุณนั่งรถซุปเปอร์จี๊ปไปที่ลานมันนาเลยการ์ และรวมพาไปแช่น้ำพุร้อนด้วย แต่ถ้าอยากได้กิจกรรมแอดเวนเจอร์ด้วยให้จองทัวร์รถบักกี้ แต่คุณต้องขับรถไปที่ไฮแลนด์เองก่อน ส่วนทัวร์ซุปเปอร์จี๊ปวันเดียวแพ็คเกจนี้จะพาคุณไปทั้งที่โธร์เมิร์คและน้ำตกในทางใต้ด้วย



แม้ในหน้าร้อนภูเขาก็ยังปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งในไฮแลนด์

ถ้าคุณวางแผนจะไปทั้งที่โธร์เมิร์คและลานมันนาเลยการ์ และยังอยากไปดูสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของไอซ์แลนด์ เช่น วงกลมทองคำ ชายฝั่งทางใต้ และเรคยาวิกด้วย แพ็คเกจขับรถแคมป์ปิ้งไฮแลนด์ 6 วันเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ถ้ามาในช่วงหน้าหนาวก็จะมีตัวเลือกในการไปเที่ยวลานมันนาเลยการ์น้อยหน่อย แพ็คเกจทัวร์ 3 วันนี้จะพาคุณไปดูไฮแลนด์ในหน้าหนาวซึ่งคุณมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือด้วย ถ้าคุณอยากไปทัวร์แบบนี้แต่ก็ต้องการให้จัดทัวร์ให้ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงไอซ์แลนด์เลย แพ็คเกจ 10 วันนี้น่าสนใจมาก เพราะจะพาคุณไปที่ชายฝั่งทางใต้ ถ้ำน้ำแข็ง วงกลมทองคำ บลูลากูน และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสด้วย

แน่นอนว่าเทรลที่สโกการ์ ลานมันนาเลยการ์ และโธร์เมิร์คนั้นครอบคลุมแค่ส่วนเล็กๆ ของไฮแลนด์เท่านั้น ยังมีทัวร์อื่นๆ ที่สามารถพาคุณเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลส่วนอื่นอีก ถ้าคุณอยู่ในทางตอนเหนือของไอซ์แลนด์ แพ็คเกจเดย์ทัวร์นี้จะพาคุณไปที่อาสค์ยา คาลเดลา (Askja Caldera) ซึ่งตั้งอยู่บนทุ่งลาวาที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟครั้งรุนแรงที่สุดในไอซ์แลนด์ ที่นั่นคุณจะได้ว่ายน้ำอุ่นในปล่องภูเขาไฟที่วิติ (Víti) ท่ามกลางวิวอันมหัศจรรย์พันลึกด้วย



การเดินเทรลที่เลยการแวกูร์ในทางใต้ของไอซ์แลนด์ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะเที่ยวไฮแลนด์

อีกวิธีหนึ่งคือคุณจองแพ็คเกจเดย์ทัวร์และเดินทางจากถนนเจียร์ลูร์ไฮแลนด์ (Kjölur Highland Road) ซึ่งวิ่งทะลุพื้นที่ไฮแลนด์ไปยังอ่างน้ำร้อนธรรมชาติที่คแวราแวลีร์ (Hveravellir) และเขาหินไรโอไลต์ที่แคร์ลิงการ์ฟยอลล์ (Kerlingarfjöll) 

นักเดินเขาที่ต้องการเทรกแบบหลายวันในพื้นที่ห่างไกลมากๆ ที่ไฮแลนด์สามารถเดินทางไปยังเมืองเอกิลสตาดีร์ (Egilsstaðir) ทางทิศตะวันออก และจากนั้นให้ซื้อแพ็คเกจ 4 วันที่จะพาเที่ยวใต้เงาธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลอันยิ่งใหญ่ (Vatnajökul) และเช่นเดียวกับเทรลที่เลยการแวกูร์ คุณจะได้พักค้างคืนในเคบินที่ไม่ได้หรูหราแต่สะดวกสบายใต้แสงพระอาทิตย์เที่ยงคืน

สำหรับช่างภาพที่ต้องการสร้างพอร์ตสวยๆ หรืออยากพัฒนาฝีมือในการถ่ายภาพแลนด์สเคป ให้ไปผจญภัยกับทริปแอดเวนเจอร์ 10 วันครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งจะพาไปยังสถานที่สวยงามเหลือเชื่อในไฮแลนด์พร้อมกับช่างภาพมืออาชีพเจ้าของรางวัลและไกด์มากประสบการณ์



5. ปีนกลาเซียร์          

ปีนกลาเซียร์เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตที่ตอนใต้ของไอซ์แลนด์

เมื่อภูเขาไฟเป็นตัวแทนของไฟ ดังนั้นกลาเซียร์ก็เป็นตัวแทนแห่งน้ำแข็ง พื้นที่ 11% ของไอซ์แลนด์นั้นถูกปกคลุมด้วยผืนน้ำแข็งสีขาวเป็นประกายและวัทนาโจกุลเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป การได้ไปเห็นความยิ่งใหญ่ด้วยตาเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของน้ำแข็ง วิวทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ หรือเฉดสีต่างๆ ที่มีมากกว่าสีขาววาววับเป็นประกายของหิมะ คุณจะเห็นเส้นสายสีฟ้าสดในน้ำแข็งและเห็นเถ้าสีดำสนิทที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายร้อยปีก่อนด้วย

แม้ว่าการปีนขึ้นไปโดยขาดอุปกรณ์และการฝึกฝนที่เหมาะสมจะเป็นเรื่องอันตรายมากเพราะธารน้ำแข็งลื่น มีรอยแยกซ่อนอยู่มากมาย และมีสันที่แหลมคม แต่ที่ไอซ์แลนด์มีจัดทัวร์ปีนกลาเซียร์หลากหลายรูปแบบ ซึ่งทริปพวกนี้มีความปลอดภัยและทำให้การปีนกลาเซียร์กลายเป็นเรื่องง่าย เพราะคุณจะมีอุปกรณ์พร้อมสรรพทั้งขวานน้ำแข็ง หมวกกันน็อก รองเท้าตะปู และมีไกด์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้ช่วยทำให้ทริปครั้งนี้กลายเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่ไอซ์แลนด์ไปเลย 

ผืนน้ำแข็งที่นิยมไปเที่ยวกันมากที่สุดคือธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุล (Sólheimajökull) ซึ่งเป็นปลายส่วนหนึ่งของธารน้ำแข็งมิร์ดาลส์โจกุล (Mýrdalsjökull) ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของไอซ์แลนด์ เนื่องจากบริเวณนี้อยู่ไม่ไกลจากเรคยาวิกและปีนขึ้นไปได้ไม่ยากนัก แถมยังมีวิวสวยๆ ของพื้นที่ตอนใต้ของไอซ์แลนด์ด้วย ทริปสำรวจธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุลแพ็คเกจนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก (อายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป) มาด้วย เช่นเดียวกับแพ็คเกจนี้ที่รวมทริปเที่ยวชายฝั่งทางใต้เอาไว้ด้วย 



ธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์สวยงามและสามารถขึ้นไปชมได้แม้ในหน้าหนาว

จุดปีนกลาเซียร์ยอดนิยมอันดับสองคือที่ธารน้ำแข็งสวีนาเฟลลส์โจกุล (vínafellsjökull) ที่มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นสกัฟตาเฟลล์โจกุล (Skaftafellsjökull) เนื่องจากตำแหน่งของมันอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ (Skaftafell Nature Reserve) ทัวร์กลาเซียร์ที่จะพาไปดูปลายแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุลเหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ และมักจัดควบคู่กับการพาไปทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน (Jökulsárlón) หรือถ้ำน้ำแข็งคริสตัล (ที่เรากำลังจะพูดถึงในอีกไม่ช้า)

ไม่มีที่ไหนจะมีทำเลดีไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะว่าเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามมากที่สุดในไอซ์แลนด์ โดยมีทั้งแม่น้ำ ทะเลสาบ ผืนป่า ทุ่งลาวา และน้ำตกสวาร์ติฟอสส์ (Svartifoss) อันโด่งดังซึ่งมีเสาหินทรงหกเหลี่ยมตั้งเรียงรายอยู่รอบบริเวณ

นักท่องเที่ยวอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไปสามารถเข้าร่วมกับแพ็คเกจทัวร์เที่ยวสวีนาเฟลลส์โจกุลได้ โดยเด็กๆ จะได้สัมผัสประสบการณ์แอดเวนเจอร์สนุกๆ และทริปนี้ไม่ต้องออกแรงเยอะเหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายไม่ค่อยฟิตด้วยเหมือนกัน หากคุณอยากไปปีนกลาเซียร์ที่เป็นกำแพงน้ำแข็งและต้องใช้ขวานกับรองเท้าตะปู แพ็คเกจนี้เหมาะกับคุณมากกว่า (แต่ผู้เข้าร่วมต้องมีอายุอย่างน้อย 12 ปีขึ้นไป)



 

แม้ว่าจะไม่ได้พาไปสัมผัสประสบการณ์ปีนกลาเซียร์เหมือนอย่างที่กล่าวมาข้างบน แต่แพ็คเกจนี้ก็ทำให้เด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบขึ้นไปสามารถไปเที่ยวเล่นสนุกบนผืนน้ำแข็งได้เหมือนกัน ซึ่งแพ็คเกจนี้จะพาไปชมอุโมงค์น้ำแข็งที่มนุษย์ตั้งใจไปสร้างไว้ในธารนำ้แข็งลางโจกุล อุโมงค์นี้ทำให้ได้เห็นโลกใต้น้ำแข็งจริงๆ โดยมีทางเดินยาวและมีห้องโถงหลายห้อง และแม้ทริปอุโมงค์น้ำแข็งนี้ก็เป็นการผจญภัยเล็กๆ แต่ทัวร์นี้จะพาคุณเดินทางด้วยรถซุปเปอร์จี๊ปขนาดใหญ่

ข้อดีของการมาเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ในช่วงหน้าร้อนก็คือคุณสามารถซื้อทัวร์สุดตื่นเต้นขึ้นไปบนยอดแฝดของธารน้ำแข็งสไนเฟลล์โจกุล (Snæfellsjökull) ซึ่งอยู่บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส (Snæfellsnes Peninsula) ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ได้ บริเวณนี้มีชื่อเสียงมาจากนิยายของจูลส์ เวิร์น (Jules Verne) เรื่อง 'A Journey to the Centre of the Earth' ที่เขียนไว้ว่าบนนั้นมีถ้ำที่เป็นเส้นทางทะลุไปยังโลกมหัศจรรย์ใต้พิภพ

คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสมีสถานที่งดงามเหลือเชื่อให้ไปเที่ยวชมมากมายจนกระทั่งเราต้องจัดให้อยู่ในลิสต์ท็อป 10 ครั้งนี้ด้วย



4. เที่ยวชมธรรมชาติบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส          

คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสในทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ ภาพนี้ถ่ายหน้าร้อน

พื้นที่ที่มีครบทุกอย่างตั้งแต่น้ำตก ภูเขา ทุ่งลาวา หิน ชายฝั่งเว้าแหว่ง ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และธารน้ำแข็ง ทำให้คาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสได้รับฉายาว่าเป็นไอซ์แลนด์ฉบับย่อส่วน แต่ที่ทำให้คนรู้จักบริเวณนี้ดีที่สุดก็คือธารน้ำแข็งสไนเฟลล์โจกุลและก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับสถานที่ต่างๆ ด้วยกัน เราอยากพูดถึงเรื่องอื่นที่น่าสนใจนอกจากการปีนกลาเซียร์ด้วย

ยอดแฝดของภูเขาไฟใต้กลาเซียร์แห่งนี้มอบแรงบันดาลใจให้กับศิลปินมาหลายร้อยปีแล้ว และมันก็ยังคงความงดงามและเป็นส่วนสำคัญของอุทยานแห่งชาติชื่อเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามอุทยานแห่งชาติที่มีอยู่ในไอซ์แลนด์ และในวันที่อากาศดี คุณจะสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บริเวณปลายคาบสมุทรนี้ได้จากในเรคยาวิกเลยทีเดียว และแต่ละปีจะมีคนมาเที่ยวที่นี่จำนวนหลายพันคน

แต่ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจะเคยมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นที่นี่ เนื่องจากมีตำนานลึกลับบอกว่าจะมีมนุษย์ต่างดาวมาที่ตรงนี้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 1993 และข่าวลือนี้แพร่สะพัดไปเร็วและไปไกลมากจนมีคนนับพันแห่มารวมตัวกันตรงนี้ในวันที่คาดว่าจะเป็นวันสิ้นโลก และก็มีนักข่าวทีวีจากทั่วโลกหลายสำนัก รวมถึง CNN มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่เมื่อไหร่ที่มองไปที่ตรงนั้นก็ทำให้ไม่นึกสงสัยเลยว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวเลือกใช้บริเวณนี้เป็นฐาน



ภูเขาเคิร์คจูแฟสและเคริ์คจูแฟสฟอสส์เป็นไฮไลต์บนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส

นอกจากสไนเฟลล์โจกุลแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวบนคาบสมุทรแห่งนี้มีอีกมากมายและหลากหลายทีเดียว แถมยังอยู่ติดๆ กันทำให้ผู้ที่พักอยู่ในเรคยาวิกสามารถเที่ยวได้หมดภายในหนึ่งหรือสองวันด้วย บนชายฝั่งทางใต้ ที่แกร์ดูเบิร์ก (Gerðuberg) นักท่องเที่ยวสามารถไปชมเสาหกเหลี่ยมเรียงรายได้สัดส่วนสวยงาม ไปดูฝูงแมวน้ำออกมาเล่นอยู่ที่ก้อนหินตามแนวชายฝั่งหาดอิทรี ทุงกา (Ytri Tunga) ไปดูหุบเหวสวยๆ ที่เริดเฟลด์ส์กเยา (Rauðfeldgjá) และไปเที่ยวหมู่บ้านร้างลมพัดแรงที่ปูดิร์ (Búðir)

ติดกับอุทยานแห่งชาติมีหมู่บ้านอยู่ 2 แห่ง คือ หมู่บ้านเฮลล์นาร์ (Hellnar) ซึ่งก็เกือบจะร้างผู้คนแล้วเหมือนกัน และหมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิ (Arnarstapi) ที่เมื่อก่อนเป็นหมู่บ้านประมงแต่ช่วงหลังๆ มานี้การท่องเที่ยวบูมมากเพราะแนวชายฝั่งมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงาม ภายในเขตอุทยานฯ เองก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นอีก 3 แห่งด้วยกัน

วาท์ทเฮลลิร์  (Vatnshellir) เป็นถ้ำลาวาที่อยู่ติดกับธารน้ำแข็ง คุณสามารถเข้าไปเที่ยวได้ในช่วงหน้าร้อน ส่วนตูปาโลนส์ซานดูร์ (Djúpalónssandur) เป็นหาดทรายดำที่มีก้อนหินโบราณอยู่ 4 ก้อนที่ชาวประมงสมัยโบราณใช้เป็นเครื่องทดสอบพละกำลังความแข็งแกร่ง (และความพร้อมในการออกสู่ทะเล) ติดกันเป็นโลนตรังการ์ (Lóndrangar) เสาหินบะซอลต์ขนาดมหึมาที่มีลักษณะเหมือนป้อมปราการและมีนกมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก



ชายฝั่งแถวหมู่บ้านอาร์นาร์สทาปิบนคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสมีความงดงามมาก

ชายฝั่งทางเหนือเป็นที่ตั้งของภูเขาเคิร์คจูแฟส (Kirkjufell) เขารูปทรงปิรามิดนี้นับว่าเป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับสองบนคาบสมุทรแห่งนี้ ใครที่เป็นแฟนเกมออฟโธรนอาจจะพอจำได้ว่าเขาลูกนี้เป็นฉากหนึ่งที่ปรากฎอยู่ในซีซั่น 7 ถัดไปอีกไม่ไกลเป็นสติกกิโฮลมูร์ (Stykkishólmur) ซึ่งมีตำนานพื้นบ้านและวัฒนธรรมการทำประมงที่น่าสนใจ จากตรงชายฝั่งทางเหนือ ถ้าเป็นวันที่อากาศแจ่มใสคุณจะสามารถมองเห็นวิวทิวเขาสวยๆ ของฟยอร์ดตะวันตก (Westfjords) ที่อยู่อีกฟากของทะเลได้เลย

ทัวร์รถบัสแพ็คเกจนี้น่าสนใจและมีราคาไม่แพงด้วย โดยจะพาคุณไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ บนคาบสมุทร แต่ถ้าคุณอยากเที่ยวแบบค่อนข้างส่วนตัวหน่อย ทัวร์มินิบัสแพ็คเกจนี้จะเดินทางกลุ่มเล็กกว่าและมีของว่างให้รับประทานระหว่างทางด้วย แต่ถ้าอยากใช้เวลาเที่ยวคาบสมุทรนี้นานขึ้นมาอีก ให้เลือกเป็นทัวร์ 2 วัน ซึ่งรวมทริปไปเที่ยวถ้ำลาวาที่วาท์ทเฮลลิร์ (Vatnshellir) และไปแช่น้ำร้อนธรรมชาติจากพลังงานความร้อนใต้พิภพที่สปาเครยมา (Krauma) ด้วย

หากคุณขับรถเที่ยวเองในช่วงหน้าร้อน คุณสามารถเลือกไปทำกิจกรรมอย่างดูวาฬ หรือพายคายักที่ภูเขาเคิร์คจูแฟส หรือไม่อย่างนั้นก็ไปทัวร์กินซูชิแบบไวกิงที่สติกกิโฮลมูร์ได้ด้วย ซึ่งคุณจะได้ลิ้มรสหอยเชลล์ที่จับกันสดๆ บนเรือ ในขณะที่เพลิดเพลินกับการดูนกและชมวิวเกาะเบรียดาฟยอดูร์  (Breiðafjörður) และฟยอร์ดตะวันตก



3. ดูแสงเหนือ          

แสงเหนือเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวไอซ์แลนด์ในหน้าหนาว

ถ้าคุณเดินทางมาที่ไอซ์แลนด์ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนและเดือนเมษายน คุณมีสิทธิ์ที่จะได้เห็นแสงเหนือกับเขาเหมือนกัน และในโลกนี้มีแค่เพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่มีปรากฏการณ์นี้ ดังนั้นการมาล่าแสงออโรร่าในหน้าหนาวถือว่าเป็นจุดขายหลักของการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์เลยก็ว่าได้

สาเหตุที่คนจำนวนมากอยากมาเห็นปรากฏการณ์นี้ด้วยตาตนเองสักครั้งในชีวิตก็เพราะว่าแสงสีเข้มที่เต้นระบำส่ายไปมาอยู่บนท้องฟ้าที่ไม่มีอย่างอื่นนอกจากดวงดาวจนดูเหมือนได้รับพลังลึกลับมาจากนอกโลกนั้นมีความสวยงามมากและเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจเอามากๆ โดยผู้ที่โชคดีได้เห็นแสงเหนือต่างก็รู้สึกฉงนใจกันทั้งสิ้น ไม่แปลกเลยที่คนโบราณจะคิดว่าแสงเหนือเป็นการส่งสารมาจากพระเจ้าและบรรพชนที่สิ้นชีพไปแล้ว

ทัวร์ดูแสงเหนือจึงไม่พลาดเข้ามาอยู่ในการจัดอันดับครั้งนี้ด้วย และอย่างที่บอกไปแล้วว่าแสงเหนือจะมาให้นักท่องเที่ยวเห็นเฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าในช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ท้องฟ้าที่ไอซ์แลนด์ไม่เคยมืดมิดเลยเพราะที่ไอซ์แลนด์มีพระอาทิตย์เที่ยงคืน และในเดือนพฤษาคมถึงสิงหาคมนั้นมีช่วงกลางคืนที่มืดมิดสั้นเกินไปที่จะจัดทัวร์พาเที่ยว แม้ว่าแสงออโรร่า บอเรลลิสนี้จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี แต่การที่จะมองเห็นแสงนี้ได้ต้องอยู่ในสภาวะที่ปราศจากมลพิษทางแสงมากที่สุด



แสงเหนืออยูเหนือภูเขาเวสตราฮอร์นในทางตะวันออกของไอซ์แลนด์

การไปดูแสงเหนือคุณไม่จำเป็นต้องไปกับทัวร์ที่มีไกด์เสมอไป คุณสามารถเช่ารถขับออกไปนอกเมืองเพื่อไปตามล่าหาแสงเหนือเองก็ได้ หรือถ้าไม่ขับรถคุณก็สามารถไปหาพื้นที่ที่มืดๆ หน่อยตามในเมืองและรอดูก็ยังได้ แต่การที่ไปกับทัวร์ล่าแสงเหนือโดยเฉพาะนั้นคุณจะมีไกด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการล่าแสงเหนือคอยดูแล ไกด์จะรู้ว่าจุดไหนเหมาะและตรงไหนเข้าถึงอย่างไร ตรงไหนจะมีเมฆน้อย และพวกเขารู้วิธีการถ่ายภาพแสงเหนือให้สวย และสามารถอธิบายเกี่ยวกับแสงออโรร่าให้คุณฟังได้ด้วย

ทัวร์ดูแสงเหนือที่เป็นที่นิยมและราคาไม่แพงคือทัวร์ที่เดินทางด้วยรถบัส ซึ่งจะพาคุณไปตามพื้นที่ธรรมชาติรอบเรคยาวิกเพื่อตามล่าแสงออโรร่า ถ้าอยากไปแบบคนน้อยลงหน่อยก็ยังมีทริปคล้ายกันแต่เดินทางด้วยรถมินิบัส หรือแบบมีคนขับรถส่วนตัว คุณสามารถล่าแสงเหนือบนรถซุปเปอร์จี๊ปก็ได้ถ้าอยากเข้าไปในพื้นที่ห่างไกลไร้ผู้คน อย่างทริปนี้นำทีมโดยช่างภาพมืออาชีพที่จะช่วยให้คุณถ่ายภาพแสงเหนือออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ตัวเลือกที่แตกต่างและได้รับความนิยมมากอีกอันหนึ่งคือการล่องเรือล่าแสงเหนือ คุณจะได้ออกไปในทะเลรอบเรคยาวิกและดูแสงเหนือจากบนดาดฟ้าเรือ หรือคุณจะไปทัวร์ล่องเรือล่าแสงเหนือจากที่อาคูเรย์ริก็ได้



มีทัวร์พาไปล่าแสงเหนืออยู่ทั่วไอซ์แลนด์

ทัวร์ล่าแสงเหนืออาจจะไม่ได้ออกถ้าในสัปดาห์นั้นมีการพยากรณ์ว่ามีโอกาสเกิดแสงเหนือน้อย หรือมีเมฆมาบดบังมากเกินไป และถึงแม้คุณจะได้ออกไปก็มีโอกาสที่จะได้เห็นน้อยมาก ในทั้งสองกรณีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะให้สิทธิ์คุณได้ออกไปดูอีกคืนแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย

ถ้าอยากเพิ่มโอกาสในการได้เห็นแสงออโรร่า คุณอาจจะเลือกจองแพ็คเกจขับรถเที่ยวเองหรือแพ็คเกจแบบมีไกด์ที่จะพาคุณออกไปล่าแสงเหนือก็ได้ ในทริปขับรถเที่ยวเองหน้าหนาว 7 วันนี้คุณมีโอกาสที่จะได้เห็นแสงเหนือเยอะมาก และถ้าคุณไม่อยากขับรถเองแพ็คเกจทัวร์ 7 วันนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย และทั้งสองแพ็คเกจนี้จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับปรากฏการณ์อื่นที่มีเฉพาะในฤดูหนาวด้วย เช่น ทริปเที่ยวถ้ำน้ำแข็ง

แน่นอนว่ายิ่งคุณอยู่ที่ไอซ์แลนด์นานขึ้นเท่าไหร่คุณก็ยิ่งมีโอกาสเห็นแสงเหนือมากขึ้นเท่านั้น และแพ็คเกจ 14 วันแพ็คเกจนี้จะพาคุณเที่ยวรอบประเทศไอซ์แลนด์ รวมถึงไปทัวร์ถ้ำน้ำแข็งด้วย ซึ่งคุณมีโอกาสในการเห็นแสงออโรร่าถึง 13 คืน ในสถานที่แตกต่างกันไป หากคุณเลือกทัวร์นี้และเดินทางมาในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนและเดือนมีนาคม คุณก็จะได้ไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็งด้วย



2. เที่ยวชมธรรมชาติบนชายฝั่งทางตอนใต้     

 

ชายฝั่งทางตอนใต้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งจะเป็นรองก็แค่วงกลมทองคำเพียงแห่งเดียวเท่านั้น และเช่นเดียวกันกับคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสคือที่นี่ก็เป็นเสมือนศูนย์รวมของทุกอย่างที่ไอซ์แลนด์มี เช่น น้ำตกอันสวยงาม ชายฝั่งที่งดงาม ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง หาดทรายสีดำ ลักษณะโดดเด่นทางธรณีวิทยาและเกาะแก่งต่างๆ และทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน ซึ่งเป็นที่สุดของความตระการตาในทางตะวันออกไกล

หากเดินทางจากเมืองหลวงคุณจะผ่านเส้นทางชนบทสวยๆ และทุ่งพลังงานความร้อนใต้พิภพก่อนที่จะไปถึงแนวชายฝั่ง ในวันที่อากาศแจ่มใสนั้น ก่อนที่คุณจะไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งแรก คุณจะได้เห็นหมู่เกาะเวสท์แมน (Westman Islands) ที่ถือกำเนิดขึ้นหลังเหตุภูเขาไฟระเบิดยื่นโผล่ออกไปในทะเลที่ทางขวามือของคุณ และจะได้เห็นธารน้ำแข็งมิร์ดาลส์โจกุล (Mýrdalsjökull) และเอยาฟยาลลาโจกุลล์ (Eyjafjallajökull) อยู่ทางด้านซ้ายมือของคุณ

จากนั้นคุณจะเจอกับน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ (Seljalandsfoss) นำ้ตกสูง 60 เมตรที่มีสายน้ำแคบๆ ไหลตกลงสู่ถ้ำด้านล่าง น้ำตกแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่นและโด่งดังมากเพราะมีทางเดินเข้าไปชมน้ำตกจากด้านหลัง ซึ่งในช่วงหน้าร้อนนักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิวน้ำตกและชายฝั่งทางใต้จากมุมที่สวยงามไม่เหมือนกับที่ใด และถ้าเดินเลยจากน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์ไปอีกเล็กน้อยก็จะเห็นว่ามีน้ำตกกลูยฟราบูอิ (Gljúfrabúi) น้ำตกที่มีความสวยงามแปลกตาซุกซ่อนตัวอยู่ตรงรอยแยกของภูเขาอีกหนึ่งแห่ง



 

เมื่อมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกบนถนนหมายเลข 1 คุณจะผ่านธารน้ำแข็งโซลเฮมาร์โจกุลก่อนที่จะไปถึงน้ำตกสโกกาฟอสส์ (Skógafoss) แม้ว่าน้ำตกแห่งนี้จะมีความสูงพอๆ กับน้ำตกเซลยาแลนศ์ฟอสส์แต่น้ำที่นี่มีพลังแรงกว่ามาก โดยน้ำตกสโกกาฟอสส์มีสายน้ำไหลตกกระแทกลงที่ผืนดินด้านล่างอย่างแรงจนทำให้เกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ และที่ด้านข้างของน้ำตกจะมีบันไดให้เดินลงไปชมน้ำตกจากมุมที่แตกต่างออกไปด้วย

จุดหมายปลายทางต่อไปก็มีความสำคัญมากเช่นกัน ดิร์โอลาเอย์ (Dyrhólaey) หินรูปทรงโค้งสวยงามที่ตั้งตระหง่านอยู่ในมหาสมุทร หินโค้งนี้มีขนาดใหญ่มากเสียจนเรือ (และเครื่องบินเล็กด้วย มีนักบินใจกล้าหลายท่านลองมาแล้ว) สามารถลอดผ่านไปได้สบายๆ และหากมาที่นี่ในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ห้ามพลาดไปดูนกพัฟฟินซึ่งมาอาศัยทำรังอยู่บนผาหินนับพันๆ ตัว ซึ่งนกน้อยน่ารักพวกนี้ไม่ค่อยกลัวคนเสียด้วย

ลักษณะทางธรณีวิทยาตามแนวชายฝั่งบริเวณนี้ก็สวยงามจับใจไม่แพ้กันโดยมีหาดเรย์นิสฟยารา  (Reynisdrangar) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเนื่องจากมีเม็ดทรายสีดำสนิท มีคลื่นแรงสาดกระทบฝั่งเสียงดัง และมีโขดหินทะเลเรนิสแดรงเกอร์ (Reynisdrangar) อยู่นอกชายฝั่ง ตามตำนานพื้นบ้านของชาวไอซ์แลนด์ มีเรื่องเล่าว่าเสาหินบะซอลต์พวกนี้คือยักษ์โทรลล์ที่ออกมาลากเรือเข้าฝั่งแล้วโดนแสงอาทิตย์เข้าจึงแข็งเป็นหิน



เรนิสแดรงเกอร์เป็นตัวอย่างของลักษณะทางธรณีวิทยาที่สวยงามบนชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์

หมู่บ้านวิก (Vík) ตั้งอยู่บนแผ่นดินไม่ไกลจากหาดเรย์นิสฟยาราและมักจะเป็นจุดแวะสุดท้ายของวัน แต่สำหรับผู้ที่ยังเดินทางต่อไปนั้น ก่อนที่จะไปถึงวัทนาโจกุล ก็จะได้เห็นทิวทัศน์ชนบทที่มีความหลากหลาย มีทั้งทุ่งลาวา ปากแม่น้ำ และทะเลทรายสีดำ และเมื่อมาถึงแถววัทนาโจกุลทัศนียภาพทางด้านซ้ายมือของคุณก็จะเปลี่ยนเป็นภูเขา ธารน้ำแข็ง และน้ำตกซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน

ในที่สุดคุณก็จะมาถึงทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดแห่งความงดงามของธรรมชาติในไอซ์แลนด์ คุณจะได้เห็นภูเขาน้ำแข็งจำนวนมาก พวกมันส่งเสียง หมุนไปมา และแตกตัวออกมาในระหว่างที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวจากแท่งน้ำแข็งกลาเซียร์อย่างช้าๆ เพื่อเดินทางออกสู่มหาสมุทร คุณสามารถชื่นชมความงามของธรรมชาติและวิวสวยแบบนี้ได้นานหลายชั่วโมง และแถวนี้มีแมวน้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากด้วย

เมื่อภูเขาน้ำแข็งเดินทางไปถึงมหาสมุทร บางส่วนจะถูกพัดขึ้นไปบนชายฝั่งของหาดไดมอนด์ ซึ่งเป็นหาดทรายดำที่งดงาม



ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอนงดงามทั้งในหน้าร้อนและหน้าหนาว

เท่าที่ทราบคือเดย์ทัวร์บนชายฝั่งทางใต้ส่วนใหญ่จะพาไปที่หมู่บ้านวิกก่อน และค่อยพาแวะเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ที่อยู่บนเส้นทางนี้ อย่างแพ็คเกจทัวร์รถบัส และแพ็คเกจทัวร์มินิบัสที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นมาหน่อย ทั้งสองอันนี้มีออดิโอไกด์ให้ถึง 10 ภาษา แต่ถ้าจะไปเที่ยวโจกุลซาลอนแบบวันเดียวกลับจากเรคยาวิกก็สามารถทำได้ เช่นในแพ็คเกจนี้ แต่คุณจะมีเวลาเที่ยวที่อื่นๆ น้อยมาก

ทริป 2 วันนี้ก็มีข้อเสนอที่ดีมาก และถ้าหากเดินทางมาในช่วงหน้าหนาว ทัวร์ 3 วันแพ็คเกจนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน เพราะรวมเอาวงกลมทองคำและทริปเที่ยวถ้ำน้ำแข็งไว้ด้วย ซึ่งคุณสามารถอ่านเรื่องราวความมหัศจรรย์ของถ้ำน้ำแข็งได้ที่เนื้อหาส่วนต่อไป

หากมาเที่ยวที่โจกุลซาลอนในช่วงหน้าร้อน คุณจะมีโอกาสได้เข้าไปสำรวจทะเลสาบธารน้ำแข็งแบบใกล้ชิด ตัวเลือกที่มีราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์มากที่สุดคือจองทัวร์เรือสะเทินน้ำสะเทินบกที่จะพาคุณเข้าไปอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง หรือถ้าอยากล่องเรือเข้าไปใกล้ๆ แบบที่มีราคาแพงขึ้นมาอีกให้จองเป็นทัวร์เรือโซดิแอก สำหรับผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมออกแรงนิดๆ หน่อยๆ คงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าทริปพายคายักอีกแล้ว กิจกรรมทั้ง 3 อย่างนี้จะทำให้คุณได้ใกล้ชิดภูเขาน้ำแข็งมากขึ้น และได้เห็นแมวน้ำใกล้ขึ้นอีกด้วย



1. สำรวจถ้ำน้ำแข็ง         

 

เมื่อมาถึงอันดับสูงสุดเราคงต้องยกให้กับการสำรวจถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าใสแจ๋วราวกับแก้วเจียระไนที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งวัทนาโจกุล แม้ว่าจะเข้าไปชมได้ตั้งแต่แค่ช่วงกลางเดือนตุลาคม (หรือบางทีก็ต้นเดือนพฤศจิกายน) จนถีงเดือนมีนาคม แต่ความเป็นเอกลักษณ์ ความงดงามอย่างเหลือที่จะบรรยาย และความนิยมที่มากขึ้นทุกวันทำให้ถ้ำแห่งนี้ไม่สามารถอยู่ในอันดับที่ต่ำกว่านี้ได้อีกแล้ว

ตามหลักการแล้วมันน่าจะเรียกว่าถ้ำกลาเซียร์มากกว่า (เพราะว่าถ้ำน้ำแข็งเป็นคำนิยามสำหรับถ้ำที่เป็นน้ำแข็งอย่างถาวร) ถ้ำแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่แห่งในโลกเท่านั้น และถ้ำที่จะสามารถเข้าไปชมภายในได้อย่างปลอดภัยยิ่งมีน้อยเข้าไปใหญ่ ถ้ำน้ำแข็งแต่ละแห่งมีขนาด รูปร่าง และการก่อตัวข้างในแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดก็มีสีฟ้ากระจ่างสวยแต่งแต้มสลับกับสีขาวเป็นประกายวับวาว รวมทั้งให้ความรู้สึกที่วิจิตรพิสดารพอๆ กัน

แต่ตำแหน่งของถ้ำน้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์ทำให้พวกมันมีความน่าประทับใจมากกว่าที่อื่น ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่อยู่สองแห่งดังที่กล่าวไปแล้ว คือ ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาลอน และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติสกัฟตาเฟลล์ และนี่ทำให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหลือเชื่อที่คุณจะไม่มีวันลืมทั้ง 3 แห่งภายในเวลาหนึ่งวันเท่านั้น แต่ถ้ำน้ำแข็งต่างจากโจกุลซาลอนและสกัฟตาเฟลล์ตรงที่ถ้ำน้ำแข็งสามารถเข้าไปชมได้ก็ต่อเมื่อคุณซื้อทัวร์ที่มีไกด์พาเข้าไปเท่านั้น



ในถ้ำน้ำแข็งในทางตะวันออกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ ทัวร์นี้มีเฉพาะหน้าหนาว

หากคุณอยากไปเห็นถ้ำน้ำแข็งสีฟ้ากระจ่างใสราวกับคริสตัล คุณจำเป็นต้องจองล่วงหน้า เพราะถ้ำพวกนี้เปิดให้เข้าชมแค่เพียงปีละไม่กี่เดือนเท่านั้นและมีคนจำนวนมากที่ต้องการเข้าไป ดังนั้นถ้าไปจองเอานาทีสุดท้ายอาจจะไม่มีที่ว่างสำหรับคุณ แพ็คเกจทัวร์นี้เหมาะมากถ้าคุณขับรถมาเที่ยวเอง คุณจะไปพบกับไกด์ของคุณที่ลานจอดรถของทะเลสาบธารน้ำแข็ง แล้วไกด์จะพาคุณเข้าไปชมด้านในถ้ำอย่างรวดเร็วเพื่อให้คุณมีเวลาดื่มด่ำกับปรากฎการณ์นี้ รวมถึงถ่ายภาพบันทึกความอัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า

นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจขับรถเที่ยวเองในช่วงหน้าหนาวอีกหลายแพ็คเกจที่ออกแบบมาให้สามารถไปสำรวจถ้ำน้ำแข็งได้พร้อมๆ กับการไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์อื่นๆ ด้วย แพ็คเกจขับรถเที่ยวเอง 3 วันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย แต่ถ้าคุณมีเวลาทั้งสัปดาห์ แพ็คเกจ 7 วันนี้จะพาคุณไปเที่ยวทั้งที่ถ้ำน้ำแข็ง วงกลมทองคำ และคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนส สำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์สักครั้งหนึ่งในชีวิต ให้เลือกแพ็คเกจ 2 สัปดาห์ที่จะพาคุณไปเที่ยวรอบประเทศไอซ์แลนด์และสัมผัสกับประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืม 

แพ็คเกจขับรถเที่ยวด้วยตัวเองเหมาะมากๆ เพราะว่าการซื้อแพ็คเกจเหล่านี้จะแบ่งเบาภาระและความเครียดจากการวางแผนทริปให้กับคุณ เพราะว่าทั้งที่พัก ทัวร์ และรถเช่าทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้ให้คุณล่วงหน้าก่อนที่จะมาถึงที่ไอซ์แลนด์ ทั้งนี้โปรดทราบว่าการที่คุณจะขับรถเที่ยวเองในช่วงหน้าหนาวนั้น คุณจำเป็นต้องเช่ารถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และต้องมีความมั่นใจในการขับรถบนสภาพถนนที่เป็นน้ำแข็งและบรรยากาศอันมืดมิด ในเดือนธันวาคมและเดือนมกราคม อุณหภูมิแทบจะไม่สูงไปกว่าจุดเยือกแข็ง และทั่วทั้งไอซ์แลนด์มีช่วงเวลาที่มีแสงสว่างประมาณแค่วันละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น



 

หากคุณไม่สามารถขับรถเที่ยวได้เองคุณก็ยังไปเที่ยวถ้ำน้ำแข็งได้อยู่ดีด้วยแพ็คเกจ 2 วันและแพ็คเกจแอดเวนเจอร์ 3 วันแพ็คเกจนี้ ซึ่งรวมทัวร์ปีนกลาเซียร์และทริปเที่ยววงกลมทองคำไว้ด้วย เช่นเดียวกับแพ็คเกจขับรถเที่ยวเอง แพ็คเกจทัวร์หน้าหนาวมากมายก็ถูกออกแบบมาเพื่อพาคุณไปชมถ้ำน้ำแข็งคริสตัล เช่น แพ็คเกจฮอลิเดย์ 1 สัปดาห์ และทริปเที่ยวรอบไอซ์แลนด์ 15 วัน

แม้ว่าถ้ำน้ำแข็งคริสตัลที่เป็นสีฟ้าสดใสนี้จะเปิดให้เข้าชมได้แค่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมเท่านั้น แต่ที่ไอซ์แลนด์ก็ยังมีถ้ำน้ำแข็งแบบอื่นๆ ที่คุณสามารถไปเที่ยวชมได้นอกฤดูซึ่งถ้ำพวกนี้ก็มีความสวยงามมากเช่นเดียวกัน เช่น ถ้ำน้ำแข็งที่ธารน้ำแข็งมิร์ดาลส์โจกุล ซึ่งเป็นถ้ำที่มีเส้นสายสีดำที่เกิดจากเถ้าภูเขาไฟฝังอยู่ภายใต้หิมะสีขาวซึ่งเป็นผลมาจากการที่ภูเขาไฟคัทลา (Katla) อันยิ่งใหญ่ระเบิด โดยถ้ำที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ตลอดทั้งปี

คุณสามารถขับรถไปที่หมู่บ้านวิกและออกเดินทางไปทัวร์ถ้ำน้ำแข็งที่คัทลาจากตรงนั้นก็ได้ หรือไม่ก็เลือกแพ็คเกจสำรวจชายฝั่งทางใต้ที่ออกเดินทางจากเมืองหลวงเลย


คุณเคยมาเที่ยวไอซ์แลนด์แล้วหรือยัง ที่ไหนใน 10 อันดับนี้ที่เป็นที่โปรดของคุณ ถ้าคุณมีสถานที่อื่นจะแนะนำก็สามารถบอกเราได้ด้วยการทิ้งข้อความไว้ที่ในคอมเม้นต์ด้านล่าง

 

 

 

 

 

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความอื่นที่น่าสนใจ